bloggang.com mainmenu search






การฝึกฝนไท่เก๊ก ในประเทศจีน




วิชามวยไท่เก๊ก หรือ ไท่เก็กคุ้ง (จีนตัวเต็ม: 太極拳; จีนตัวย่อ: 太极拳; พินอิน: Tàijíquán) เรียกกันตามภาษาจีนแต้จิ๋วซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนจีนบ้านเรา อ่านแบบจีนกลางว่า ไท่จี๋เฉวียน เขียนเป็นภาษาอังกฤษคือ Taijiquan หรือ Tai'chi Chuan

แต่ในบ้านเราเรียกกันหลายสำเนียงทั้ง ไท่เก๊ก ไทเก็ก ไท้เก๊ก ไท่จี๋ ไท้จี๋ ไทชิ ไทกิ๊บ

วิชามวยไท่เก๊กเป็นศิลปยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน เชื่อกันว่าปรมาจารย์ผู้ให้กำเนิดมวยไท่เก๊กคือนักพรตชื่อ จางซานฟง (เตียซำฮงในภาษาแต้จิ๋ว) ซึ่งมีชีวิตอย่ในช่วงปี ค.ศ. 12xx-14xx

แต่วิชานี้มามีชื่อเสียงเอาในสมัยราชวงศ์ชิง โดยท่านหยางลู่ฉานซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดมวยไท่เก๊กตระกูลหยาง และภายหลังได้แพร่ขยายขจรขจายไปทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยอาจารย์ต่งอิงเจี๋ย (ตั่งเองเกี๊ยก) นำมวยไทเก๊กมาเผยแพร่ในเมืองไทยเมื่อ พ.ศ. 2498

ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 อาจารย์ต่งส่งบุตรชายของท่านคืออาจารย์ต่งหูหลิ่ง (ตั่งโหวเนี่ย) มาเป็นครูมวยไทเก๊กคนแรกในประเทศไทย จึงกล่าวได้ว่ามวยไทเก๊กในไทยนั้น สืบสายมาจากมวยไท่เก๊กตระกูลหยาง

ในปัจจุบัน มวยไท่เก๊กที่แพร่หลายกันอยู่ทั่วไปมีอยู่มากมายหลายสาย หลายตระกูล ซึ่งสายมวยอันเป็นที่ยอมรับในปัจจุบันมีอยู่ 5 สายหลักคือ ไท่เก๊กตระกูลเฉิน, ตระกูลหยาง, ตระกูลอู่, ตระกูลอู๋ และตระกูลซุน

ซึ่งภายหลังรัฐบาลจีนได้นำท่ามวยของทั้งห้าตระกูล มาเรียบเรียงขึ้นเพื่อใช้ในการแข่งขันลีลายุทธ์ด้วย นอกจากห้าตระกูลนี้แล้ว ภายหลังยังมีมวยไท่เก๊กตระกูลอื่นๆ ซึ่งแตกแยกย่อยไปจากห้าตระกูลนี้

รวมถึงยังปรากฏมวยไท่เก๊กประจำถิ่นอีกหลายๆ สายปรากฏออกมาอีกมากมาย หากไม่ว่าจะเป็นมวยไท่เก๊กสายใดตระกูลใด แม้ท่วงท่าจะแตกต่างกัน แต่ยังอิงเคล็ดความเดียวกัน และล้วนนับถือท่านจางซานฟงเป็นปรมาจารย์เช่นเดียวกัน

มวยไท่เก๊กมีลักษณะนุ่มนวล โอนอ่อน ผ่อนคลาย การเคลื่อนไหวลื่นไหลต่อเนื่อง การหายใจสอดประสานไปกับการเคลื่อนไหว พร้อมทั้งต้องตั้งจิตติดตามการเคลื่อนไหวของร่างกายไปตลอด ทำให้เกิดสมาธิ เนื่องจากไม่มีการเกร็งกล้ามเนื้อ หรือการออกแรงกระแทก

จึงมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บร่างกายได้น้อย เมื่อเทียบกับกีฬาที่ใช้แรงชนิดอื่นๆ ทำให้เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย แม้แก่ชราอายุ 90-100 กว่าปีก็ยังฝึกฝนได้

ประโยชน์ที่ได้รับนอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจแล้ว ยังสามารถใช้เป็นศิลปะป้องกันตัวได้ หากได้รับการฝึกฝนเพื่อใช้ต่อสู้ ในปัจจุบันไท่เก๊กมีผู้นิยมฝึกฝนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก



มวยไท่เก๊กตระกูลอู่ (มวยไท่เก๊กตระกูลเฮ่อก็เรียก) เป็นมวยไท่เก๊กสายตระกูลหนึ่งซึ่งสถาปนาขึ้นโดย ปรมาจารย์อู่อวี่เซียง (ค.ศ. 1870-1942)

มวยไท่เก๊กสกุลอู่มีลักษณะเด่นคือ เคลื่อนไหวเป็นวงแคบ เน้นการใช้อี่(จิตชักนำร่างกาย) ทุกส่วนเคลื่อนไหวต่อเนื่องดุจน้ำไหล ภายนอกเหมือนเรียบง่าย แต่แฝงความละเอียดอ่อนไว้ภายใน

หลักเบื้องต้นที่สำคัญได้แก่ คอ ศีรษะและกระดูกสันหลังตั้งตรง (โดยเฉพาะหลังส่วนล่าง (lower back)) เท้าข้างหนึ่งว่างข้างหนึ่งเต็ม (หยิน-หยาง) เท้าที่เต็มจะรับน้ำหนักทั้งหมดของร่างกาย แต่ไม่เกร็งจนขาตาย

ส่วนเท้าที่ว่างต้องเบาคล่องแต่ถูกอี่ควบคุม เท้าที่เต็มและว่างนี้จะต้องพร้อมสลับความเต็มและว่างในทันที ข้อศอกไม่ยกขึ้น หัวไหล่ผ่อนคลายอย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวภายใน นอกจากนี้ยังมีหลักการอันละเอียดอ่อนอีกมากมาย

แต่ในเบื้องต้นผู้ฝึกใหม่จะได้รับการสอนให้จมน้ำหนัก ของร่างกายลงล่างและรวมจิต (focus) ให้เป็นทิศทางเดียว ฝึกท่ายืนให้ต้นขาแข็งแรงยืนได้มั่นคงแล้วจึงฝึกการก้าวเท้า และฝึกท่ามวยและเทคนิค 13 ประการตามลำดับ เมื่อฝึกท่ามวยได้ดีแล้วจึงฝึกการผลักมือ (ทุ่ยโส่ว) เเละฝึกการต่อสู้อิสระทั้งการบุกและการป้องกัน

อย่างไรก็ดีในปัจจุบันผู้ฝึกมวยบางส่วน (โดยเฉพาะผู้สูงอายุ) จะเน้นจุดประสงค์ด้านสุขภาพมากกว่าการต่อสู้จริง ดังนั้นอาจารย์ผู้สอนอาจให้ผู้ฝึกบางคนฝึกลัดขั้นตอนไปที่ การฝึกกำลังภายในเร็วขึ้น และอนุโลมให้ผู้ที่ขาและหัวเข่าไม่แข็งแรงใช้ท่ายืนเเละท่าก้าวเท้าแบบประยุกต์ตามความเหมาะสม

เนื่องจากในอดีตอาจาย์ผู้สอนมวยไท่เก๊กตระกูลอู่ ได้รับศิษย์ค่อนข้างน้อย วิทยายุทธ์ชนิดนี้จึงเผยแพร่ในวงจำกัด สำหรับในประเทศไทยมีการเชิญอาจารย์จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาฝึกสอนที่สวนลุมพินี


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


วุธวารวัฒนสวัสดิ์ ปรีดิ์มนัสวัฒนสิริค่ะ
Create Date :27 ตุลาคม 2553 Last Update :27 ตุลาคม 2553 19:06:40 น. Counter : Pageviews. Comments :0