bloggang.com mainmenu search






กู่เจิง






อ.หลี่ หยาง นักดนตรีกู่เจิงที่มีชื่อเสียงของไทย กำลังเล่นกู่เจิง





กู่เจิง (จีน: 古箏; พินอิน: gǔzhēng) หรือ เจิง (箏) (คำว่า กู่ หมายถึง "โบราณ") เป็นเครื่องดนตรีแบบดั้งเดิมของจีน นับเป็นเครื่องสาย ใช้มือดีด กู่เจิงยังเป็นต้นแบบของเครื่องดนตรีอื่นๆ เช่น โคโตะ ของญี่ปุ่น, gayageum ของเกาหลี đàn tranh ของเวียดนามและyatga ของ มองโกล


ลักษณะ

กู่เจิงปัจจุบันเป็นเครื่องดนตรีที่มีสาย 21 สายใช้วางในแนวนอนเวลาเล่น แต่ละสาย มีหย่อง (ไม้ลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมคล้ายตัว A รองรับสายแต่ละเส้น) รองรับ หย่องของกู่เจิงสามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้เพื่อปรับระดับเสียงหรือเปลี่ยนคีย์ (บันไดเสียง) หย่องมีตำแหน่งค่อนไปทางด้านขวาของเครื่อง

ในสมัยโบราณนั้น กู่เจิงมีสายเพียง 13 สาย โดยได้มีพัฒนาการเรื่อยมาตามลำดับโดยมีทั้ง 15,16,19 ไปจนถึง 25 สาย นักดนตรีสามารถเพิ่มสายกู่เจิงได้ตามต้องการ แต่ปัจจุบัน กู่เจิงมาตรฐานถือว่ามีสาย 21 สาย แต่สามารถพบเห็นกู่เจิง 26 สายได้บ้างแต่ไม่นิยมนัก เนื่องจากตัวใหญ่เทอะทะเกินไป

เดิมนั้นสายเป็นเส้นไหมฟั่นกัน ในปัจจุบันใช้สายโลหะในลักษณะเดียวกับสายของเครื่องดนตรีสากล (นั่นคือ ใช้โลหะพันรอบสายแสตนเลสโดยมีสายไนล่อนพันทับอีกครั้งความหนาขึ้นกับขนาดของสาย) มีขนาดเล็กใหญ่ตามลำดับของเสียง

ตัวกู่เจิงทำด้วยไม้หลายชิ้นประกอบเข้าด้วยกัน ลักษณะคล้ายกล่องยาวด้านบนโค้งเล็กน้อยภายในกลวงทำหน้าที่เป็นกล่องเสียง แผ่นไม้ปิดด้านบนเป็นไม้คุณภาพดีเพื่อใช้เป็น sound board ทำจากไม้สนชนิดหนึ่ง ด้านข้าง หัวท้ายเป็นไม้เนื้อแข็งเป็นโครง ด้านล่างเป็นไม้เจาะช่องตามตำแหน่งที่ออกแบบให้เสียงออกมาได้อย่างทั่วถึง

ตัวกู่เจิงจะปิดด้วยไม้เนื้อดียกเว้นส่วนซาวน์บอร์ด และด้านล่างเช่นไม้แดง (หงมู่) หรือไม้จันทน์ม่วง (จื่อถาน) อาจมีการประดับตกแต่ง แกะลาย หรือปิดด้วยหินสี หยก เพื่อความสวยงามทั้งด้านหัว ท้ายและด้านข้าง สายกู่เจิงจะถูกขึงระหว่างหัว-ท้ายพาดผ่านสะพานสาย (bridge)โดยมีหย่องรับสาย เพื่อปรับระดับเสียงระหว่างสะพานหัว-ท้าย

ที่ตั้งสายจะอยู่บริเวณส่วนหัว มีฝาปิดมิดชิด กู่เจิงบางรุ่นในปัจจุบันมีปุ่มที่สามารถปรับเปลี่ยนคีย์ได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องเลื่อนหย่อง เหมาะสำหรับเล่นในวงออเคสตร้าจีนที่มีการปรับเปลี่ยนหลายคีย์ในเพลง


เสียง

กู่เจิงเป็นเครื่องดนตรีที่มีลำดับเสียงแบบเพนตาโทนิกสเกล (pentatonic scale) โดยมีเสียง โด เร มี ซอล และลา ตามลำดับ สำหรับเสียง ฟา และ ที นั้น สามารถทำได้โดยการกดสายที่ด้ายซ้ายของหย่อง

ปัจจุบันกู่เจิงมาตรฐาน 21 สายจะถูกตั้งเสียงพื้นฐานโดยเทียบจากเสียงมาตรฐานสากลในคีย์ D (1=D) โดยสายที่ 21 ที่เป็นเสียงต่ำสุดจะเป็นเสียงโดและไล่เสียงขึ้นไปเป็น เร มี ซอล ลา เป็น 1 ออคเต็ปและสูงขึ้นไปเรื่อยๆอีกสามออคเต็ปจนถึงสายสูงสุดจะเป็นเสียงโด อย่างไรก็ตามกู่เจิงสามารถปรับคีย์ได้อีกเช่นคีย์ G,F,C หรือ A ฯลฯ

โดยยึดเสกลสากลเป็นหลัก ขึ้นอยู่กับบทเพลงที่แต่งหรือเรียบเรียงขึ้นว่าจะให้เล่นด้วยคีย์ใด ในปัจจุบันเพลงที่แต่งขึ้นหรือเรียบเรียงขึ้นใหม่อาจไม่ได้ใช้เสกลเพนตาโทนิคเสกลแบบเดิม แต่ใช้โครมาติกเสกล(Cromatic scale )เหมือนดนตรีตะวันตก เป็น โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด ก็มีเช่นกัน


การเล่น

ผู้เล่นจะใช้ปลายนิ้ว เล็บ หรือเล็บปลอมสำหรับเล่นกู่เจิงโดยเฉพาะ ด้านซ้ายของหย่องมีส่วนที่ยาวกว่าด้านขวา แต่นักเล่นกู่เจิงจะนั่งบริเวณด้านขวาของเครื่อง โดยทั่วไปแล้วใช้มือขวาเล่นเมโลดี้ และมือซ้ายเล่นคอร์ด หรือเสียงประกอบที่สายด้านซ้ายของหย่อง

แต่ในปัจจุบัน มีการพัฒนาเทคนิคการเล่นไปมาก สามารถใช้มือทั้งสองข้างได้อย่างอิสระ และเกิดเสียงพิเศษต่างๆ มากมาย อย่างไรก็ตาม เสียงที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของกู่เจิงก็คือ การยืดเสียงของสายด้านซ้ายทำให้เกิดเสียงโน้ตที่ยืดยาวได้ และสามารถทำให้เสียงสูงขึ้นหรือต่ำลงได้ในสายเดียวกันคล้ายเสียงกีตาร์

เช่นจากเสียงโดเป็นเร หรือเสียงลาเป็นซอล โดยการกดสายให้ตึงขึ้นหรือกดสายแล้วค่อยคลายลงที่ด้านซ้ายมือของผู้เล่น และเสียงเหมือนน้ำไหล โดยการกรีดสายขึ้นลงจากต่ำไปสูงหรือสูงลงต่ำ

ในปัจจุบันมีการใช้ทั้งสองมือเพื่อเล่นทั้งเมโลดี (ทำนองหลัก) และคอร์ด (เสียงประสาน) ใช้นิ้วพันด้วยเล็บ (กระหรือพลาสติค) ทั้ง 4 นิ้วยกเว้นนิ้วก้อยทั้งสองข้าง เนื่องจากมีการแต่งบทเพลงใหม่ๆ ขึ้นมาอีกมากมายทำให้เกิดการพัฒนาเทคนิค การเล่นขึ้นอย่างหลากหลาย

ประกอบกับกู่เจิงสามารถบรรเลงร่วมกับเครื่องดนตรีต่างๆ ทั้งดนตรีตะวันออกหรือดนตรีตะวันตก ทำให้กู่เจิงเป็นเครื่องดนตรีที่น่าสนใจขึ้นอย่างมากมาย

ในประเทศไทย ได้มีการนำกู่เจิงมาใช้ร่วมบรรเลงในวงดนตรีไทยด้วย เรียกว่า โกเจ็ง หรือ เจ้ง แต่ไม่นิยมมากนัก เนื่องจากผู้ที่เล่นกู่เจิงได้มีน้อย และไม่มีการแต่งเพลงสำหรับกู่เจิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน มีหลายสถาบันที่เปิดสอนกู่เจิง และได้รับความนิยมจากคนรุ่นใหม่พอสมควร


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


วุธวารศุภสวัสดิ์ ปรีดิ์มนัสสวัสดิ์สิริค่ะ
Create Date :27 ตุลาคม 2553 Last Update :27 ตุลาคม 2553 18:46:57 น. Counter : Pageviews. Comments :0