bloggang.com mainmenu search






แผนที่สาธารณรัฐจีน พิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2457
โดย Rand McNally & Co.






หยวน ซื่อไข่ ในชุดจักรพรรดิหงเซียน





จักรวรรดิจีน (จีนตัวเต็ม: 中華帝國; จีนตัวย่อ: 中华帝国; พินอิน: Zhōnghuá Dìguó) ในสมัยนี้ เป็นชื่อของประเทศจีน ในสมัยที่นายพลหยวน ซื่อไข่ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิปกครองประเทศในช่วงสั้นๆ ในปลายปี พ.ศ. 2458 และล่มสลายลงในต้นปี พ.ศ. 2459

หลังจากนั้นประเทศจีนได้กลับไปสู่การปกครอง ในรูปแบบสาธารณรัฐอีกครั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้น ที่ประเทศจีนจะถูกแบ่งแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าต่างๆ จากบรรดาขุนศึกในเวลาต่อมา


การเตรียมการสถาปนาจักรวรรดิ

หลังจากหยวน ซื่อไข่ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง เขาจึงได้ดำเนินการหลายอย่าง เพื่อรวบอำนาจและกำจัดผู้นำทางการเมืองฝ่ายตรงข้ามให้พ้นจากตำแหน่ง เพื่อรักษาฐานอำนาจ

หยวนจึงได้ให้ความร่วมมือกับชาติมหาอำนาจตะวันตก และญี่ปุ่นซึ่งเข้ามามีอิทธิพลในจีนยุคนั้นด้วย ประมาณเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2458 หยวนได้แนะนำให้หยางตู้ (楊度) และบุคคลอื่นๆ ให้มีการหาเสียงสนับสนุน เพื่อการฟื้นฟูระบบกษัตริย์ขึ้นใหม่ หลังจากนั้น

ในวันที่ 11 ธันวาคม ปีเดียวกัน สภาแห่งชาติซึ่งอยู่ในอำนาจของหยวน ก็ได้เลือกให้หยวนขึ้นดำรงตำแหน่งจักรพรรดิจีน หยวนแสร้งปฏิเสธรับตำแหน่ง แต่ยอม "ผ่อนปรน" รับตำแหน่งดังกล่าว เมื่อสภามีการลงมติอีกครั้งในวันเดียวกัน

ในวันรุ่งขึ้น (12 ธันวาคม) หยวน ซื่อไข่ ภายใต้การสนับสนุนของหยวน เก้อติง (Yuan Keding) ผู้เป็นบุตร ก็ได้ประกาศก่อตั้งจักรวรรดิจีนขึ้นใหม่ โดยหยวน ซื่อไข่ ดำรงตำแหน่ง "มหาจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิจีน" (中華帝國大皇帝)

พร้อมขนานนามรัชศกใหม่ว่า "รัชศกหงเซียน" (洪憲) อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งหยวน ซื่อไข่เป็นจักรพรรดิข้างต้น ไม่ได้มีพิธีการราชาภิเษกแต่อย่างใด หลังจากนั้นไม่นาน หยวนจึงเริ่มทำการอวยยศ แบบศักดินาให้แก่ญาติสนิทและมิตรสหายของตนจำนวนมาก เพื่อหวังประกันความมั่นคงและความภักดีต่อหยวนจากบุคคลเหล่านั้น

ราชสกุลอ้ายซินเจี๋ยหลอ (ราชสกุลของจักรพรรดิจีนในราชวงศ์ชิงเดิม) ซึ่งขณะนั้นพำนักอยู่ในพระราชวังต้องห้าม ในฐานะราชวงศ์ต่างประเทศ (เพราะราชสกุลอ้ายซินเจี๋ยหลอมีต้นกำเนิดจากชาวแมนจู) ได้ให้การ "รับรอง" การขึ้นสู่ตำแหน่งจักรพรรดิของหยวน และยังได้เสนอให้มี "การเสกสมรส" ระหว่างบุตรสาวของหยวนกับอดีตจักรพรรดิผู่อี๋อีกด้วย


ปฏิกิริยาต่อต้านและการล่มสลาย

ปี พ.ศ. 2459 กลายเป็น "รัชศกหงเซียน ปีที่ 1" (洪憲元年) มากกว่าจะเป็น "ปีสาธารณรัฐ ปีที่ 5" (民國五年) ซึ่งเป็นชื่อปีปฏิทินที่ใช้อยู่ในเวลานั้น หยวนไม่เพียงแต่จะถูกต่อต้านจากเหล่านักปฏิวัติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรดานายทหารภายใต้การบังคับบัญชาของหยวน

ซึ่งเชื่อว่าการที่หยวนก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิ จะทำให้เขาสามารถปกครองประเทศได้โดยเป็นอิสระจากการสนับสนุนของฝ่ายทหาร

หลังการสถาปนาจักรวรรดิ มณฑลต่างๆ ก็เริ่มก่อการกบฏขึ้น โดยเริ่มจากมณฑลยูนนาน (นำโดย ไช่ อี้ (Cai E) ซึ่งเป็นผู้ว่าการมณฑลที่หยวนแต่ตั้ง และนายพลถัง จีเหยา (Tang Jiyao)) และมณฑลเจียงซี (นำโดยผู้ว่าการ หลี่ เจียจวิน (Li Liejun - 李烈鈞))

กลุ่มผู้ต่อต้านรัฐบาลดังกล่าวได้รวมตัวกันเป็น "กองทัพปกป้องชาติ" (護國軍) และเปิดฉากสงครามปกป้องชาติ เพื่อขับไล่รัฐบาลของหยวน มณฑลอื่นๆ จึงประกาศแยกตนเป็นอิสระจากรัฐบาลกลางเป็นลำดับถัดมา

นายทหารฝ่ายหยวน ในกองทัพเป่ยหยางไม่อาจทำการรบต่อต้านฝ่ายกองทัพปกป้องชาติอย่างเด็ดขาด และพ่ายแพ้ในสมรภูมิต่างๆ เนื่องจากทหารในกองทัพเป่ยหยางนั้น ไม่ได้รับรายได้จากรัฐบาลจักรวรรดิ อีกทั้งทหารฝ่ายกองทัพปกป้องชาติ ยังได้รับการฝึกฝนที่ดีกว่าและมีอาวุธดีกว่าฝ่ายกองทัพเป่ยหยางด้วย

จากความอ่อนแอของหยวน และการขาดความนิยมจากมหาชน ทำให้บรรดามหาอำนาจต่างชาติ ต่างถอนการสนับสนุนรัฐบาลของหยวน (แต่ก็ไม่ยอมเลือกข้างฝ่ายใดในสงครามครั้งนี้ด้วย)

จักรวรรดิญี่ปุ่นแสดงท่าทีคุกคามครั้งแรก ด้วยการขู่จะส่งทหารบุกเข้ามาในจีน เสนอแนะให้มีการขับหยวนออกจากตำแหน่ง และประกาศยอมรับคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายว่าอยู่ในฐานะ "สงครามระหว่างรัฐต่อรัฐ" ("state of war") และอนุญาตให้ประชาชนของตนให้ความช่วยเหลือฝ่ายสาธารณรัฐได้

จากการเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านในทุกด้าน ทำให้หยวนต้องประกาศชะลอพิธีการสถาปนาจักรวรรดิออกไป เพื่อบรรเทาความไม่พอใจจากฝ่ายตรงข้าม จากนั้นจึงมีการตัดงบประมาณในพิธีการดังกล่าวลง ในวันที่ 1 มีนาคมของปีนั้น

หยวนได้หารือร่วมกับเหลียง จืออี้ (Liang Shiyi) ในเรื่องการเลิกล้มระบอบราชาธิปไตย และได้ประกาศยุบเลิกจักรวรรดิจีนในที่สุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม และ "รัชศกหงเซียน ปีที่ 1" ก็ถูกยกเลิกในวันถัดมา พร้อมกับการนำระบบปีปฏิทินสาธารณรัฐจีนกลับมาใช้อีกครั้ง

รวมเวลาทั้งหมดแล้ว หยวน ซื่อไข่ ได้ปกครองประเทศในฐานะจักรพรรดิเพียง 83 วัน

หลังจากที่หยวนเสียชีวิตในวันที่ 5 มิถุนายน รองประธานาธิบดี หลี หยวนหง (Li Yuanhong) ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีลำดับต่อมา และได้มีการแต่งตั้งนายพลต้วน ฉีรุ่ย (Duan Qirui) แห่งกองทัพเป่ยหยาง ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐ

พร้อมกันนี้ยังได้มีการฟื้นฟูสภาแห่งชาติ และรัฐธรรมนูญชั่วคราวแห่งสาธารณรัฐขึ้นใหม่อีกครั้ง แม้กระนั้นก็ตาม อำนาจของรัฐบาลกลางที่ปักกิ่งก็อ่อนแอลงไปมาก และการสิ้นสุดสมัยจักรวรรดิของหยวน ซื่อไข่ ได้นำไปสู่จีนยุคขุนศึก และสงครามกลางเมืองครั้งใหม่แทบจะทันที


สัญลักษณ์ประจำชาติ

แม้ว่าชื่อประเทศอย่างเป็นทางการในภาษาจีนจะเรียกว่า "จงหัวตี้กว๋อ" หรือ "จักรวรรดิจีน" และมีการประกาศชื่อปีครองราชย์ว่า "รัชศกหงเซียน" ก็ตาม แต่หยวน ซื่อไข่ยังคงใช้ชื่อประเทศในภาษาอังกฤษว่า "Republic of China" หรือ "สาธารณรัฐจีน"

หยวน ซื่อไข่ ได้ตั้งสำนักงานพิธีการ (禮制館) ขึ้น และได้ประกาศเพลงชาติจักรวรรดิจีนอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2458 มีชื่อว่า "中華雄立宇宙間" (พินอิน: Zhōnghuá xióng lì yǔzhòu jiān)

แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า จักรวรรดิจีนยืนยงในจักรวาลอย่างกล้าหาญ ประพันธ์ทำนองโดย หวังลู่ (王露) เนื้อร้องโดย หยินฉาง (廕昌) ใช้แต่เพียงในสมัยการปกครองของหยวน ซื่อไข่เท่านั้น

ภาษาจีน คำแปล
中華雄立宇宙間,
廓八埏,
華冑來從崑崙巔,
江河浩盪山綿連,
共和五族開堯天,
億萬年。

จักรวรรดิจีนยืนยงในจักรวาลอย่างกล้าหาญ
แผ่ขยายไปแปดทิศ
ทายาทผู้เกรียงไกรจากยอดเขาคุนลุ้น
แม่น้ำไหลคดเคี้ยว ภูผาทอดยาวไกล
ห้าชนชาติเปิดศักราชแห่งจักรพรรดิเหยา
จนแสนล้านปี


คำว่า "จักรพรรดิเหยา" ที่ปรากฏในเพลงนี้ เป็นชื่อจักรพรรดิในตำนานจีนโบราณ ในภาษาจีนมีสำนวนหนึ่งกล่าวว่า "ศักราซจักรพรรดิเหยาและจักรพรรดิชุน" (堯天舜日) สำนวนนี้ใช้หมายถึง ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและความอุดมสมบูรณ์


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สิริสวัสดิ์วุธวาร สิริมานภิรมย์ปรีดิ์นะคะ
Create Date :27 ตุลาคม 2553 Last Update :27 ตุลาคม 2553 11:55:04 น. Counter : Pageviews. Comments :0