สมัยก่อนทหารกัมพูชาเดินเปลือยกายและเท้าเปล่า มือขวาถือหอก มือซ้ายถือโล่
เจาตากวน เป็นชื่อทูตพานิชจีนคนหนึ่ง ในคณะทูตจีนที่ส่งไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศกัมพูชา ในสมัยโบราณและได้บันทึกเหตุการณ์ และขนบธรรมเนียมของกัมพูชาสมัยนั้น ไว้อย่างละเอียดมีความว่า
กองทัพมองโกลขนาดย่อม ได้ยกทัพจากจัมปาเข้าไปในกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ.๑๘๒๖ ต่อมาในปี พ.ศ.๑๘๒๘ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๘ ของกัมพูชาได้ส่งเครื่องราชบรรณาการไปถวายจักรพรรดิ์กุบไลข่าน
ปี พ.ศ.๑๘๓๘ พระองค์ได้สละราชสมบัติให้แก่พระเจ้าศรินทรวรมัน (พ.ศ.๑๘๓๘ - ๑๘๗๐) ผู้เป็นพระราชบุตรเขย ในปีนี้เองที่กัมพูชาได้ต้อนรับคณะทูตจีน ซึ่งมีเจาตากวน เป็นทูตพานิชรวมอยู่ด้วย
เจาตากวน ยังคงเรียกชื่อประเทศกัมพูชาว่า เจนละ อยู่ แต่เรียกประชาชนว่า ชาวกัมพูชา เจาตากวนได้พรรณาเรื่องเมืองหลวง ของกัมพูชาไว้ค่อนข้างละเอียดคือ ปราสาทนครวัด กับปราสาทบายน ปราสาทบาปวน พิมานอากาศ ปราสาทพนมบาเก็ง บาราย
บรรดาบ้านทั้งหลายหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ชาวกัมพูชาผิวหยาบ และดำมาก แต่พวกผู้หญิงที่อยู่ในวัง หรือคฤหาสน์ใหญ่ ๆ ผิวขาวดังหยก ผู้หญิงเปลือยอก เดินเท้าเปล่า การแต่งกายแตกต่างกันไปตามฐานันดร และฐานะ
ผ้าดีที่สุดโดยเฉพาะผ้าไหม ได้ไปจากเมืองไทย คนทั้งหลายเกล้าผมมวย แต่ไม่มีเครื่องประดับศีรษะ แม้แต่พวกผู้หญิง คนงาน ก็สวมแหวนและกำไลทองคำ
ในด้านภาษาเจาตากวน บอกว่าภาษาของชาวกัมพูชา คล้ายคลึงกับภาษาของพวกจามและไทย ระเบียบแห่งถ้อยคำแตกต่างจากของจีนมาก พวกขุนนาง นักปราชญ์ และพระต่างก็มีภาษาของตนโดยเฉพาะภาษาที่พูดกันในเมือง กับชนบทก็ไม่เหมือนกัน
ด้านกองทัพ ทหารเดินเปลือยกายและเท้าเปล่า มือขวาถือหอก มือซ้ายถือโล่ ชาวกัมพูชาไม่มีคันธนู หรือลูกศร ไม่มีปืนใหญ่ ไม่มีเกราะหรือหมวกเหล็กใช้
ขอขอบคุณ สารานุกรมสำหรับเยาวชน หน้า ๕๖๐๕ เล่มที่ ๙
สิริสวัสดิ์วุธวาร เปรมปรีดิ์มานกมลโรจน์นะคะ