bloggang.com mainmenu search

โดย สุรัตน์ ปรีชาธรรม




ภาพวาด ‘กษัตริย์แห่งไท่ผิงเทียนกั๋ว: หง ซิ่วเฉวียน’




แบบพระราชวังของไท้ผิงเทียนกั๋ว ชื่อที่มีความหมายว่า
‘อาณาจักรสวรรค์แห่งสันติภาพอันยิ่งใหญ่’ ในนครหนันจิง
ของกษัตริย์ไท่ผิงเทียนกั๋ว (หง ซิ่วเฉวียน)




แท่นที่ประทับของกษัตริย์ไท่ผิงเทียนกั๋ว




แผนที่เขตควบคุมของกบฏไท่ผิง ปี 18 สีแดงแสดงเขตแดน
อาณาจักรไท่ผิงเทียนกั๋ว ครอบคลุมมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง
เจียงซี และหูเป่ยบางพื้นที่ สัญลักษณ์ดาวแดงคือ นครหนันจิง
เมืองหลวงของไท่ผิงเทียนกั๋ว, สีแดงแถบเหลือคือ กว่างซี
(หรือกวางสี) ฐานที่มั่นดั้งเดิมของกบฏไท่ผิง




หลังจากที่ได้รับบัญชาจากพระเจ้าผู้เป็นบิดา และพระเยซูพระเชษฐาแล้ว อาการป่วยของหง ซิ่วเฉวียนก็ค่อยๆ ทุเลาและหายเป็นปกติในเวลาต่อมาอีกไม่นาน

เมื่อหายจากอาการป่วย หง ซิ่วเฉวียนก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติเป็นครูสอนหนังสืออยู่ 7 ปี กระทั่งในปี 1844 ก็ได้หยิบเอกสารคำสอนที่เหลียง อาฟาให้มาอีกครั้ง พินิจพิเคระห์ถึงความหมายของถ้อยคำและนิมิตฝัน

จนบังเกิดความเชื่อมั่นว่าตนเป็นโอรสองค์เล็ก ของพระผู้เป็นเจ้าและน้องชายของพระเยซูคริสต์ ที่จะต้องปราบทุกข์เข็นให้แก่ชาวจีนด้วยการโค่นล้มราชวงศ์ชิง พร้อมกับนำประชาชาติจีนออกจากแนวทางอันมัวเมาของขงจื่อ กลับสู่แนวทางแห่งคุณธรรมอันบริสุทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้าแห่งคริสต์ศาสนา

จากนั้น หง ซิ่วเฉวียนก็เริ่มบอกเล่านิมิตของเขา แก่สมาชิกในครอบครัว ญาติมิตร เพื่อนฝูงและคนรู้จักในละแวกบ้าน เริ่มประกาศแนวทางการบูชาพระผู้เป็นเจ้า จากความเข้าใจของเขาที่มาจากเอกสารคำสอนที่เขาได้รับมา

หงได้สมาชิกกลุ่มหนึ่งเป็นญาติสนิทมิตรสหายรุ่นไล่เลี่ยกัน แต่สมาชิกส่วนใหญ่ในชุมชนบ้านเกิดของเขากลับไม่เสื่อมใสศรัทธา หงได้พาพรรคพวกจำนวนหนึ่ง เดินทางไปยังกว่างซี (หรือกวางสี) ที่มีชุมชนชาวจีนฮากกาอาศัยอยู่จำนวนมาก และเขาก็ประสบความสำเร็จในการหาแนวร่วมในเขตมณฑลนี้

ในปี 1847 หงได้เดินทางกลับไปยังกว่างโจว เพื่อศึกษาพระคัมภีร์อย่างจริงจังกับมิชชันนารีอเมริกันชื่อ อิซาคา ยาค็อกซ์ โรเบิร์ตส์ (Issachar Jacox Roberts) ศึกษาพระคัมภีร์เก่า (Old Testament) ซึ่งกลายมาเป็นพื้นฐานสำคัญ ของคำสอนกลุ่มเคลื่อนไหวไท่ผิง

สองเดือนต่อมา หงได้ปรึกษาคณาจารย์สอนศาสนาของเขา ขอให้สนับสนุนลัทธิของเขา และคำร้องขอนี่เองก็ได้ยุติความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์กับโรเบิร์ตส์

เนื่องจากมิชชันนารีเห็นว่าหงมีความเชื่อที่บิดเบือน และหวาดระแวงว่าเขาอาจหลอกเอาเงินของพี่น้องชาวคริสต์ในจีน หงจึงลาจากมาและเดินทางไปยังฐานที่มั่นในกว่างซี เผยแพร่ลัทธิความเชื่อของตนต่อไป

แม้ได้ศึกษาคัมภีร์กับหมอสอนศาสนาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นประโยชน์กับหง ซิ่วเฉวียนมาก เพราะได้เรียนรู้องค์ประกอบด้านพิธีกรรมต่างๆ ของคริสต์สาสนา

ดังนั้นการเผยแพร่ลัทธิของหงในช่วงปลายทศวรรษที่ 1840 เริ่มมีโครงสร้างเชิงพิธีกรรม ที่ซับซ้อนและน่าเชื่อถือมากขึ้น มาถึงต้นทศวรรษที่ 1850 คณะผู้ติดตามของหงมีจำนวนเพิ่มทวีเป็นหมื่น และเริ่มสร้างความหวาดระแวงแก่กลุ่มขุนนางและข้าราชการท้องถิ่น

ในต้นปี 1851 หงก็ได้ประกาศสถาปนาอาณาจักรใหม่ เรียกว่า อาณาจักรสวรรค์แห่งสันติสุขที่ยิ่งใหญ่ (ไท่ผิงเทียนกั๋ว/Heavenly Kingdom of Great Peace) และตั้งตนเป็นกษัตริย์ ผู้มีอำนาจปกครองสูงสุด ในระบอบการปกครองใหม่

ที่มีเป้าหมายหลักโค่นล้มราชวงศ์ชิง และขจัดอิทธิพลของลัทธิบูชาบรรพบุรุษแบบขงจื่อ

อาณาจักรใหม่ของหง ซิ่วเฉวียนเติบโตอย่างรวดเร็วภายในสามปี สามารถขยายอิทธิพลเป็นวงกว้างครอบคลุม จุดยุทธศาสตร์สำคัญบนลุ่มน้ำแยงซีเกียงหลายจุด และเพิ่มสมาชิกร่วมขบวนการเป็นจำนวนมาก

จนในที่สุดก็สามารถยึดเมืองหนันจิง มาเป็นฐานที่มั่นสำคัญและเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไท่ผิงได้สำเร็จในปี 1853

กบฏไท่ผิงขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและอย่างเข้มแข็ง และกระบวนการครอบงำทางความเชื่อ และอุดมการณ์ที่ควบคู่ไปกับการใช้ความรุนแรงอย่างสุดโต่ง

ทั้งกองกำลังที่ถูกส่งมาจากราชสำนักส่วนกลาง และประชาชนที่ไม่ยอมรับวิถีของกลุ่มกบฏ ต้องประสบกับชะตากรรมอันโหดร้ายทารุณเสียชีวิตนับแสน

กระทั่งเกิดเหตุสำคัญที่นำไปสู่จุดจบของกลุ่มกบฏ กล่าวคือหลังจากที่หงได้ถอนตัวออกจากหน้าที่ราชการส่วนใหญ่ในปี 1853 นั้น หยัง ซิ่วชิง แม่ทัพคู่บุญได้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการทางการเมืองแทนหง ในแทบทุกด้าน พร้อมกับขยายอำนาจอิทธิพลของตนจนหงเกิดความหวาดระแวง

ความขัดแย้งดังกล่าวซ่อนตัวเป็นคลื่นใต้น้ำเป็นเวลานานปี จนได้ระเบิดออกในปี 1856 เมื่อหงได้สั่งให้กลุ่มสมุนผู้ภักดี ลอบสังหารหยังและครอบครัว รวมทั้งเครือข่ายทางการเมืองและบริวารให้สิ้นซาก

ทว่าการกำจัดหยัง ซิ่วชิง และครอบครัวบริวาร กลับเป็นการบั่นทอนกำลังสำคัญของชนชั้นนำไท่ผิง เมื่อสิ้นหยังก็ไม่มีใครสามารถแทนที่หยังได้เลย ทั้งความชำนัญการศึก การจัดการประสานผลประโยชน์ และบริหารราชการแผ่นดิน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กบฏไท่ผิงอ่อนแอลงอย่างมาก

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่นำไปสู่หายนะของหง ซิ่วเฉวียน และกบฏไท่ผิง คือการที่ขุนพล เจิง กั๋วฟาน ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการสูงสุด ในการปราบปรามกบฏในเขตเจ้อเจียง

เจิ้งได้รับมอบหมายให้ร่วมกับข้าหลวงมณฑลหูหนัน สถาปนากองทัพรูปแบบใหม่ เพื่อปราบกบฏไท่ผิงตั้งแต่ปี 1851 กองทัพดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในนามกองทัพเชียง

สร้างจากความสมัครใจของประชาชนในหูหนัน มีเบี้ยหวัดเงินเดือน มีสวัสดิการ มีการฝึกระเบียบวินัยและฝึกฝนการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ นับเป็นกองทัพทหารอาชีพแบบสมัยใหม่กองทัพแรกในประวัติศาสตร์จีน

ทั้งนี้การที่ราชสำนักชิงยอมให้เจิง กั๋วฟานกลับไปรวบรวมกำลังสร้างกองทัพในบ้านเกิดที่หูหนัน นับเป็นการแหกกฎเหล็กที่ราชสำนักยึดถืออย่างเคร่งครัด ในการห้ามขุนนางกลับไปเป็นผู้นำทัพในบ้านเกิดของตัวเอง

ด้วยระแวงว่าอาจเกิดการคิดคดทรยศและตั้งตัวเป็นใหญ่ อันเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของอำนาจราชสำนัก การที่แม่ทัพเจิ้งได้รับอนุญาตกลับไปสร้างกองกำลังในบ้านเกิดเช่นนี้ สะท้อนถึงความร้ายแรงของกบฏ และความล้มเหลวซ้ำซากของราชสำนัก ในการปราบกบฏด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม

ด้วยประสิทธิภาพของกองทัพนำโดยแม่ทัพเจิ้ง กอปรด้วยความอ่อนแอภายในกลุ่มกบฏ เนื่องจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในฯ นอกจากนี้กองกำลังพันธมิตรจากชาติตะวันตกบางส่วน เริ่มเห็นใจราชสำนักชิง และเริ่มยื่นมือเข้ามาช่วยปราบกบฏ

ในที่สุดกลางปี 1864 กองทัพเซียงนำโดยแม่ทัพเจิ้ง กั๋วฟานและกองกำลังพันธมิตรก็สามารถตีนครหลวงหนันจิงของกบฏไท่ผิงแตกพ่าย

ผู้นำกบฏเกือบทั้งหมดได้จบชีวิตลง หง ซิ่วเฉวียนเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ สาเหตุการตายของหง ซิ่วเฉวียนยังเป็นที่ถกเถียงถึงปัจจุบัน บางฝ่ายเชื่อว่าเขาอัตวินิบาตกรรมเพื่อหนีการจับกุม

บ้างเชื่อว่าหงเสียชีวิตจากอาการท้องร่วงรุนแรง หรืออาการป่วยไข้สืบเนื่องจากคุณภาพชีวิตที่แย่ลง หลังจากที่หนันจิงถูกปิดล้อมเป็นเวลานาน และยังมีจำนวนมากที่เชื่อว่าเป็นการลอบสังหารจากกลุ่มกบฏนั่นเอง

นอกนั้น ผู้นำส่วนใหญ่ของกลุ่มไท่ผิงได้พยายามหลบหนี พร้อมกับรัชทายาทของหงคือ เจ้าชายหง เทียนกุ้ยฝู แต่แทบทั้งหมดก็ถูกจับได้และถูกประหารชีวิตภายในปีเดียวกันนั้นเอง

การเคลื่อนไหวของไท่ผิงเทียนกั๋วกินเวลาราว 15 ปี สร้างความเสียหายแทบทุกด้านแก่ราชสำนักชิง ผู้คนและทหารล้มตายกว่า 10 ล้านคน


กรุณาอ่านตอนที่ 3 ต่อ บล็อกบนนี้ค่ะ

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
คุณสุรัตน์ ปรีชาธรรม


สิริสวัสดิ์วุธวารค่ะ
Create Date :29 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update :29 กุมภาพันธ์ 2555 21:38:30 น. Counter : Pageviews. Comments :0