เรื่องดราม่าแห่งวัน(ทำงาน)
วันนี้มีสอนตอนเย็นเกือบจะเป็นภาคค่ำอยู่แล้ว ตามตารางจะต้องเลิกสองทุ่ม แต่เราไม่เคยถึงสองทุ่มเลยสักวัน เพราะเราเองก็เบื่อที่จะกลับบ้านค่ำ (เพราะงาน)
หลังเลิกสอน มีเด็กคนหนึ่งเดินมายื่นใบลาที่เขาหายไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พออ่านใบลาแล้วอึ้ง บอกไปเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาลเนื่องจากพ่อป่วยเป็นมะเร็งปอดและมะเร็งสมอง!!! อุแม่เจ้า เป็นสองที่เลยหรือนี่
เราใช้เวลาคุยกันเกือบครึ่งชม.เพื่อสอบถามเรื่องราวของพ่อเขา ปกติแล้วเขาเป็นคนที่เงียบๆ พูดน้อย อย่างมากก็ยิ้มและไหว้เรา ขนาดเราด่าก็ยังยิ้ม แต่ไม่เคยคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบอกเล่าความรู้สึกที่เศร้าและเหนื่อยให้เราฟัง เขาว่า หมอบอกให้ทำใจและบอกว่าพ่อเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 1-2 เดือน ฟังแล้วเศร้าจริงๆ เหมือนหนังยังไงยังงั้น
เขาว่าตอนนี้พ่อไม่ได้อยู่ห้องพิเศษ แต่อยู่ห้องผู้ป่วยหนักที่รอบๆ เตียง มีแต่คนไข้ที่จากไปเรื่อยๆ "ผมไม่เห็นใครได้กลับบ้านสักคน" นึกภาพตามแล้วหดหู่จัง
เราบอกเขาว่า ยังดีที่เขายังมีโอกาสดูแลพ่อในช่วงชีวิตสุดท้าย เขาบอกรักพ่อ พ่อเขาร้องไห้ เขาเองก็ร้องไห้แต่ไม่อยากให้พ่อและแม่เห็น ไม่อยากให้ใครเห็นว่าอ่อนแอและพลอยหมดกำลังใจ เขารู้สึกว่าเขายังดูแลครอบครัวไม่ได้ เขาอยากเป็นเสาหลักของครอบครัว ยิ่งฟังก็ยิ่งเศร้า นึกถึงตัวเราเอง เรายังไม่เคยมีโอกาสดูแลพ่อเลยด้วยซ้ำ พ่อก็จากไปฉับพลันเสียแล้ว
พอเขาเล่าถึงแม่ ว่าแม่เครียด เศร้า นอนไม่ค่อยหลับ ก็ยิ่งใจหาย คนรักกำลังจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
เราได้แต่ปลอบใจขอให้พ่ออยู่นานกว่า 1-2 เดือน ต้องช่วยให้พ่อมีกำลังใจ (ทั้งที่สมองของพ่อไปหมดแล้ว เริ่มจำอะไรไม่ได้แล้ว) เราว่าเราไม่อยากได้ใบลาหลังจากนี้อีกนะ เราไม่อยากได้ยินข่าวร้าย ที่สำคัญให้กำลังใจลูกศิษย์ด้วยว่า เขาต้องอยู่เป็นกำลังใจให้แม่ อดทน ถ้าไม่อยากทิ้งการเรียนวิชานี้ก็ต้องทำให้ดีที่สุด
เราปลอบใจใครในเรื่องแบบนี้ไม่เก่ง เพราะปลอบไปปลอบมา เราจะร้องไห้ตามไปด้วย ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ทำประกันสุขภาพไว้ก็ดีแล้ว เพราะคงไม่มีปัญญาหาเงินไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลโรคร้าย ถึงเวลานั้นเราคงตายเพราะตรอมใจซะก่อน ไม่มีลูกหลานไปดูแลอย่างนี้แน่นอน
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2558 22:03:11 น. |
Counter : 1136 Pageviews. |
|
|
ส่งใจไปช่วยแม้ไม่รู้จักกัน แต่ก็อยากให้พ่อน้องเค้ารักษาหายเร็วๆค่ะ