Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
ยาบำบัดบาดแผลหลายขนาน

สังคมไทยสมัยก่อน เขามียาขนานต่างๆสำหรับรักษาบาดแผลสด แผลอักเสบ บาดทะยัก แผลเรื้อรัง บางขนานเป็นของใช้ใกล้ตัวที่หยิบฉวยได้ไม่ยากนัก

ยารักษาแผลสด
ขนานที่ ๑
ท่านให้เอาผ้าแห้งที่สะอาดเช็ดบริเวณที่บาดแผลให้สะอาด (ห้ามใช้น้ำชำระบาดแผลอย่างเด็ดขาด) ใช้น้ำผึ้งแท้ ทาบริเวณที่เป็นบาดแผลให้ทั่ว ใช้ผ้าแห้งที่สะอาดพันแผลให้สนิท ทิ้งไว้ ๗ วันแล้ว แก้ผ้าพันแผลออก แผลจะหายสนิท มีสรรพคุณอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระศรีปริยัตโยดม วัดพัฒนาราม สุราษฎร์ธานี)

ขนานที่ ๒
ท่านให้เอาผ้าแห้งที่สะอาดเช็ดบริเวณที่เป็นแผลให้สะอาด เอาน้ำมันยางกับน้ำตาลทรายขาว ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ เอาอย่างละพอสมควร นำมากวนผสมกันแล้ว ใช้ทาบริเวณที่เป็นบาดแผลให้ทั่ว ใช้ผ้าแห้งที่สะอาดพันแผลไว้ให้สนิท ทิ้งไว้ ๗ วัน ในระหว่างนี้ห้ามแก้ผ้าพันแผลออก และอย่างให้ถูกน้ำเด็ดขาด เมื่อครบ ๗ วันแล้ว แก้ผ้าพันแผลออก บาดแผลจะหายสนิท มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระศรีปริยัตโยดม วัดพัฒนาราม สุราษฎร์ธานี)

ขนานที่ ๓
ท่านให้เอาต้นน้ำค้างหมากดิบ จำนวนมากน้อยตามต้องการ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับเหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณรักษาบาดแผลให้หายได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูอ่วม วัดทองกลาง อ.โพธิ์ทอง อ่างทอง)

ขนานที่ ๔
ท่านให้เอาต้นบัวบก จำนวนมากน้อยตามต้องการ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณจะช่วยสมานบาดแผลให้หายสนิทเป็นเนื้อเดียวกัน ชั่วระยะเวลาไม่นานเลย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ

ขนานที่ ๕
ท่านให้เอาพิมเสนกับสารส้ม ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาบดให้ละเอียด ใช้โรยบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณรักษาแผลสด เช่น ถูกมีดบาด ถูกสุนัขธรรมดากัด เป็นต้น ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูทองอยู่อายุวฑฒโน วัดห้วยสำโรง อ.ท่าวุ้ง ลพบุรี)

ขนานที่ ๖
ท่านให้เอาผักแว่นไทย ๑ ผักแว่นเทศ ๑ (บัวบกใบใหญ่และบัวบกใบเล็ก) หัวกระเทียม ๗ กลีบ, เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๗ เม็ด ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ นำมาตำให้ละเอียด ใส่กระทะเคี้ยวกับน้ำมันมะพร้าว (มากพอสมควร) เคี้ยวให้สุกเหลือง ใช้น้ำยาใส่บาดแผลสด และเป็นยาป้องกันเกิดเป็นน้ำหนองด้วย มีสรรพคุณชะงักนักแลฯ เมื่อรักษาบาดแผลหายแล้ว ให้รีบเทยานี้ทิ้งทันที
(พระบำรุง ปุณณธมโม วัดบางปรือ ตราด)

ขนานที่ ๗
ท่านให้เอาน้ำมันมะพร้าว ๑ ชามก๋วยเตี๋ยว พริกไทยร่วน ๗ เม็ด หัวกระเทียม ๗ กลีบ (ทุบพอแตก) ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ นำมาใส่ในน้ำมันมะพร้าว เอาตะกั่วนมหนัก ๒ บาท นำมาเคี่ยวไฟให้ละลายแล้ว เทผสมในน้ำมันมะพร้าวนั้น ใช้ทาบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณรักษาแผลสด แผลเรื้อรัง ฝีตะมอย แผลหัวไส้ (ริดสีดวงทวารหนัก) ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูสมุทรวัฒนาทร วัดบางจะเกร็ง อ.เมือง สมุทรสงคราม)


ยาแก้แผลอักเสบ
ขนานที่ ๑
ท่านให้เอาหัวหอมแดง (หัวหอมใส่แกง) กับน้ำตาลกรวด ตัวยาทั้งสองอย่างนี้เอาอย่างละพอสมควรนำมาตำผสมกัน ใช้พอกที่บริเวณเป็นแผลเพราะถูกตะปูตำ ถูกหนามตำ เป็นต้น ซึ่งมีอาการเจ็บปวดบวม มีสรรพคุณแก้แผลอักเสบให้ผลดีอย่างชะงัดนักแล
(พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กทม.)

ขนานที่ ๒
ท่านให้เอาสำลี ชุบน้ำผึ้งแท้ ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล เพราะเสี้ยนไม้แทงเข้าใต้เล็บ ใช้ผ้าสะอาดพันไว้ให้แน่น (อย่างให้ถูกน้ำ) มีสรรพคุณแก้อาการแผลอักเสบ ปวดบวมให้หายไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการสุเทพ ฉนุทสีโลวัดเกาะยายฉิม อ.บางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์)

ขนานที่ ๓
ท่านให้เอายางมะละกอ (ที่กรีดออกจากลูกมะละกอ) นำมายัดใส่เต็มบาดแผลที่ถูกตะปูตำ มีสรรพคุณป้องกันอาการอักเสบ ไม่เกิดการปวดบวม ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(เจ้าอธิการจำนงค์ สุธมโม วัดมูลเหล็ก อ. เมือง จ.พิจิตร)

ขนานที่ ๔
ท่านให้เอาเมล็ดถั่วเขียวสดๆ นำมาเคี้ยว ใช้พอกบาดแผลที่ถูกตะปูตำ มีสรรพคุณเป็นยารักษาบาดแผลให้หายเร็ว และป้องกันโรคบาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระบุญเลิศ จนทสโร วัดบ้านลาด อ.หนองแค สระบุรี)

ยาป้องกันและแก้บาดทะยัก
ขนานที่ ๑
ท่านให้เอาน้ำส้มสายชู ชุบสำลีให้ชุ่ม แล้วใช้บิดที่บาดแผล มีสรรพคุณแก้อาการอักเสบ ปวดบวม มีอาการชักกระตุก ซึ่งเป็นบาดแผลเพราะถูกตะปูตำ หรือเพราะถูกของแหลมคมเป็นบาดแผล ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล

(พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ วัดสุวรรณาราม เขตบางกอกน้อย กทม.)

ขนานที่ ๒
ท่านให้เอาต้นสาบเสือทั้งห้า (เอาต้นตลอดถึงราก) นำมาล้างให้สะอาด ตำให้ละเอียด ผสมกับเหล้า คั้นเอาเฉพาะน้ำยา ใช้รับประทานประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้กากยาพอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูศรีรัตนาภิบาล วัดเขาแก้ววรวิหาร อ.เสาให้ สระบุรี)

ขนานที่ ๓
ท่านให้เอารากกระชาย (หัวกระชายไม่เอาเฉพาะราก) ๗ ราก กะปิอย่างดี (กะปิใส่น้ำพริก) ๑ ช้อน (ตักแกง) ตัวยาทั้งสองอย่างนี้นำมาตำผสมกัน ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ถ้าผู้ป่วยมีอาการแน่นหน้าอก ท่านให้เอารากกระชายฝนกับฝาละมีหม้อดิน ผสมกับน้ำซาวข้าว ประมาณน้ำยาครึ่งถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณแก้อาการแน่นหน้าอก ได้ผลดีมาทุกรายแลฯ
(พระครูชินานุวัฒน์ วัดอรัญญิกาวาส ประจวบคีรีขันธ์)

ขนานที่ ๔
ท่านให้เอาใบส้มเช้า ๓ ใบ หัวหอมโทน ๑ หัว ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ นำมาตำให้แหลก ผสมกับสุรา คั้นเอาเฉพาะน้ำยาประมาณ ๑ ถ้วยชา ใช้รับประทาน มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมาทุกรายแลฯ
(พระครูเกษมโชติวัฒน์ วัดคู้เกษมสโมสร ฉะเชิงเทรา)

ขนานที่ ๕
ท่านให้เอามหาหิงคุ์หนัก ๔ บาท นำมาใส่หม้อดิน ใส่น้ำสะอาด พอสมควร ต้มจนเดือดดี แล้วยกหม้อลงจากเตา ใช้ควันมหาหิงคุ์รมบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ทำให้ปากแผลเปิด มีน้ำหนองไหลออก อาการปวดจะหายไปทันที ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ

ขนานที่ ๖
ท่านให้เอาผักบุ้งไทย (ที่เกิดตามท้องนา) มากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำผสมกับสารส้ม (พอสมควร) ให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล ถ้ามีอาการอักเสบเป็นไข้ด้วย ท่านให้คั้นเอาน้ำยารับประทาน ใช้กากยาพอกที่ปากแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการประพล อินโท)

ขนานที่ ๗
ท่านให้เอาผักบุ้งนา (ที่ขึ้นตามท้องนา) กับขี้วัวแห้ง ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ เอาอย่างละพอสมควร นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยารับประทาน ใช้กากยาพอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักอย่างชะงัดดีนักแลฯ
(พระใบฎีกาสำเริง พลธมโม วัดธารน้ำร้อน อ.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี)

ขนานที่ ๘
ท่านให้เอาต้นสะระแหน่ทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก) ๑ กำมือ น้ำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ผสมกับสุรา คั้นเอาน้ำยารับประทาน ใช้กากยาพอกที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระสมาน อภิวฑฒโน วัดสระลอย อ.ท่าม่วง กาญจนบุรี)

ขนานที่ ๙
ท่านให้เอาหัวปลากุเลาเค็ม นำมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะนาวให้เปรี้ยวจัดๆ ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล เมื่อยาแห้งแล้ว ให้ปรุงยาพอกใหม่ มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยักได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้ว
(พระสมุห์ปิ่น ฉตติโก วัดชำราก อ. เมือง ตาก)

ขนานที่ ๑๐
ท่านให้เอาข้าวตอก (ข้าวเปลือกที่นำมาคั่วไฟให้แตก) มากพอสมควร นำมารับประทานกับน้ำกะทิให้อิ่มขณะที่บาดแผลกำลังกำเริบ มีเลือดไหลออก มีอาการปวด ชักกระตุก มีสรรพคุณทำให้เลือดหยุดไหล และอาการปวด ชักกระตุกจะพลันหายไปทันที ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระมังกร จทนปญโญ วัดใหม่สิทธาวาส อู่ทอง สุพรรณบุรี)

ขนานที่ ๑๑
ท่านให้เอาดอกข่า หรือหัวข่าก็ได้ มากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นบางๆ คั่วไฟให้สุกกรอบ บดเป็นผง กรองด้วยผ้าขาวบาง เก็บใส่ขวดโหลไว้ ใช้ยา ๑ ช้อนกาแฟ ผสมกับสุรา หรือผสมกับน้ำต้มสุก จำนวน ๓ ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากัน ใช้รับประทาน มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูจรูญ อปสนโท วัดหัวงิ้ว อ.พยุหะคีรี นครสวรรค์)

ขนานที่ ๑๒
ท่านให้เอาใบว่านมหากาฬ ๑ กำมือ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้ละเอียด คั้นเอาน้ำ ผสมกับสุรา ประมาณน้ำยา ๑ ช้อนโต๊ะ ใช้รับประทาน เอากากยาพอกที่เป็นแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระครูจรูญ อปสนโท วัดหัวงิ้ว อ.พยุหะคีรี นครสวรรค์)

ขนานที่ ๑๓
ท่านให้เอายางสนหนัก ๒๐ บาท กับเมล็ดละหุ่ง ๒๐ เมล็ด ตัวยาทั้งสองอย่างนี้ นำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณป้องกันและแก้บาดทะยัก ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(พระบุญเลิศ จันทสโร วัดบ้านลาด อ.หนองแค สระบุรี)

ยารักษาแผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง
ขนานที่ ๑
ท่านให้เอากำมะถัน ๑ ขมิ้นผง ๑ ยาสูบ ๑ (ยาเส้นที่ใช้มวนกับใบตองหรือใบจาก) ๑ ปูนแดง (ปูนแดงกินกับหมาก) ๑ ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ เอาอย่างละเท่าๆกัน นำมาบดให้ละเอียด ผสมกับน้ำมะพร้าว (พอสมควร) ใส่ภาชนะตั้งไฟเคี้ยวให้เดือด ใช้ทาบริเวณที่เป็นบาดแผล มีสรรพคุณรักษาแผลเน่าเปื่อยได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ ถ้าเป็นแผลโรคหิด ท่านให้ใส่ หัวกระเทียมผสมเล็กน้อย มีสรรพคุณรักษาแผลโรคหิดได้ผลอย่างชะงัดนักแลฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๒
ท่านให้เอาใบต้นมะละกอสด มากน้อยตามต้องการ นำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลก ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล มีสรรพคุณรักษาแผลเน่าเปื่อยเรื้อรังให้หายไป ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล เคยใช้รักษาตัวเองหายมาแล้วฯ

ขนานที่ ๓
ท่านให้เอาใบต้นลำโพง (ที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป) ๗ ใบ, ขมิ้นอ้อย ๓ แว่น, เกลือตัวผู้ (เกลือใส่แกงที่เม็ดยาวๆ) ๓ เม็ด, ข้าวสุก (ปั้นเป็นก้อน) ๑ กำมือ, (เผาไฟให้ไหม้แดงทั้งก้อน) ตัวยาทั้ง ๔ อย่างนี้ นำมาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล วันละ ๓-๔ ครั้ง เมื่อน้ำหนองแห้งแล้ว จึงหยุดพอก ชั่วระยะเวลาประมาณ ๗ วัน แผลเป็นหนองเรื้อรังจะหายไป มีสรรพคุณชะงัดนักแล เคยใช้รักษาได้ผลดีมามากแล้วฯ
(วิทยาทานสงวนนาม)

ขนานที่ ๔
ท่านให้เอายาจืด (ยาสำหรับกินกับหมาก) จำนวนมากน้อยตามต้องการ นำมาผสมกับไข่ขาวของไข่ไก่ (คัดเอาไข่แดงออกเสีย) กวนให้เข้ากันจนข้นเหนียว ใช้พอกบริเวณที่เป็นแผล แล้วใช้ผ้าพันแผลพันไว้ มีสรรพคุณบำบัดอาการปวดและเป็นหนองจะหายไปในวันรุ่งขึ้น ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล
(วิทยาทานสงวนนาม)

ยารักษาแผลพุพอง
ขนานที่ ๑
ท่านให้เอาเปลือกมังคุดที่ตากแห้งแล้ว นำมาฝนกับฝาละมีหม้อดิน ผสมกับน้ำสะอาด หรือผสมกับน้ำปูนใส (น้ำปูนแดงกินกับหมาก) ฝนให้น้ำยาข้นพอสมควร ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลพุพอง มีสรรพคุณรักษาแผลพุพองให้หายไปในเวลาไม่ช้า ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแลฯ
(ตำรายานี้จากเพชรบุรี)

ขนานที่ ๒
ท่านให้เอาใบต้นเต็งรัง จำนวนมากน้อยตามต้องการ นำมาตากแดดให้แห้ง บดให้ละเอียด ผสมกับน้ำด่างทับทิม ให้น้ำยาข้นพอสมควร ใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลพุพอง ใช้รักษาได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีสรรพคุณชะงัดนักแลฯ
(พระอธิการสนั่น ญาณุตตโร วัดหนองกี่ อ.หนองกี่ บุรีรัมย์)


Create Date : 15 ตุลาคม 2554
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 0:01:47 น. 18 comments
Counter : 1604 Pageviews.

 
เป็นข้อมูลที่ดีมากเลยครับ ตัวยาส่วนใหญ่เราหาไ้ด้ไม่ยากด้วย...


โดย: ตะวันลับฟ้า วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:13:31:57 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์นำภูมิปัญญาโบราณมาเผยแพร่ ช่วยให้ไม่สูญหาย ในยามเกิดภัยพิบัติจะได้นำออกมาใช้กัน เป็นการพึ่งพาตนเอง น่าจะมีการอบรมให้ความรู้ตามชุมชนบ้างค่ะ


โดย: วันสดใส วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:20:21:59 น.  

 
ได้ความรู้มากมาย คนโบราณเก่งออก

คนสมัยนี้ยาแก้ที่ปลายเหตุเสียส่วนใหญ่ค่ะ

กำลังเตรียมตัวหนีน้ำค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:22:18:58 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ดีๆนะคะ


โดย: blueberryblossom วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:18:36:55 น.  

 
ยาตำราโบราณของไทยมีคุณค่ามาก ๆ ถือเป็นภูมิปัญญาของไทยแท้ ๆ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันนะคะ


โดย: haiku วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:19:49:10 น.  

 
ตอนนี้คิดว่าบ้านตัวเองจะไม่ท่วมค่ะ แต่ก็คิดเหมือนกันว่าอาจจะไม่แน่ ยามนี้เราอยู่กันอย่างไม่เป็นสุขกันเลยค่ะ เป็นห่วงชาวบ้านเขาเราก็ไม่รู้จะเป็นยังไง คุณอิมว่าเราเจอวิบากกรรมกันอยู่ใช่หรือเปล่าคะ ที่ประสบทุกข์กันแบบนี้


โดย: วันสดใส วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:23:27:51 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมบล็อกในคราวน้ำท่วมครับ





โดย: เจียวต้าย วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:13:12:46 น.  

 
เมื่อวานเย็นทำกับข้าวโดนน้ำมันลวก
แต่ลองแตะเบา ๆ หนังหลุดติดมาเลย
ขนาดประมาณ 1.5-1.5 เซนต์
เอา อโลเวล่าเจลโปะเลยค่ะ

ไปเปิดดูบล็อกที่คุณพ่อคุมสร้างสะพานนครพิงค์ เชียงใหม่
ยังไม่เห็นลายเซนต์คุณอิม
เลยก็อป url มาชวนไปชมค่ะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=15-01-2010&group=31&gblog=1


โดย: ตุ๊กค่ะ (tuk-tuk@korat ) วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:13:53:01 น.  

 
ยาโบราณนี่ดีนะครับ ไม่ค่อยมีพิษมีภัย พูดขึ้นมาคนสมัยก่อนก็เก่งมากนะ สามารถคิดค้น รู้ว่าต้นไม้ชนิดไหน รักษาโรคอะไรได้บ้าง


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:15:51:56 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

หายไปเสียสองวัน น้ำที่บ้านท่วมถึงหน้าบ้านแต่ไม่สูงนักยังไม่เข้าบ้านค่ะ ความสูงแค่กระสอบทรายสามชั้นค่ะที่ร้านกาแฟยังห่วงอยู่ค่ะน้ำจะถึงถนนแล้ว ถ้าท่วมถนนแต่ละอำเภอก็จะถูกตัดขาดออกจากกัน ยังลุ้นๆอยู่ค่ะ แต่ก็สร้างผนังกั้นน้ำแล้วค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ ขอบคุณจริงๆ ต้องสู้กันต่อไปค่ะระลึกถึงเสมอค่ะคุณim



โดย: เกศสุริยง วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:22:20:35 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่

ภูมิปัญญาไทย
ยืนยันว่าใช้ได้จริงๆครับ
ผมเป็นหวัดกินยาฝรั่งหายยากมาก
พอกินฟ้าทะลายโจรเข้าไปสองวัน
หายสนิทเลยคัรบ










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 ตุลาคม 2554 เวลา:6:15:16 น.  

 
แวะมารับยาค่ะคุณหมอ..
เป็นอะไรดี..
เป็นแผลสดค่ะ เพราะมีอุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆประจำ




โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 19 ตุลาคม 2554 เวลา:7:15:21 น.  

 
คุณอิมคะ วันนี้อยากให้ไปเยี่ยมบล็อกมาก ๆ ค่ะ

ที่ url


https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tuk-tukatkorat&month=19-10-2011&group=39&gblog=422


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 19 ตุลาคม 2554 เวลา:14:51:41 น.  

 

 
หนูนั่งดูข่าวน้ำท่วม น่าเศร้าใจจังค่ะ
ได้แต่หวังว่าขออย่าให้น้ำท่วมมากไปกว่านี้
น่าเสียดาย ที่หนูไม่มัโอกาสไปช่วยแพคของช่วยชาวบ้าน
แต่ก็สั่งให้ลูกไปช่วยที่กาชาดค่ะถ้าไม่ติดธุระอะไร
สมัยเด็ก เรียนวิทยาศาสตร์ เขาบอกว่า น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีที่สุด วันนี้ได้เห็นว่า น้ำเป็นตัวทำลายที่ดีที่สุดเช้นกัน
ที่นี่อากาศเย็นลง ๆ แบบไม่แน่นอน
ฝนตกบ้าง เมื่อวานฟ้าร้องแรงมากค่ะ
ลมแรง ใบไม้ปลิว เลยแทบจะไม่เห็นใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดง
ก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งค่ะ ปกติถ้าลมไม่แรง ใบไม้จะค่อย ๆ เปลี่ยนสีค่ะ


โดย: kimmy (kimmybangkok ) วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:11:22:31 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
ดูข่าวทุกวันเห็นน้ำท่วมเริ่มขยายวงกว้างและเริ่มเดือดร้อนไปทั่วก็อดที่จะสงสารไม่ได้ อ่างทองเป็นเมืองรับน้ำอยุ่ทุกปีผุ้คนที่นี่ก็ชินชากับน้ำท่วมแล้วแต่พื้นที่ที่ไม่เคยน้ำท่วมแต่ต้องมาท่วมดูวุ่นวายไปหมด ประเทศเราต่อไปจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ คุณim สบายดีนะคะ


โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 ตุลาคม 2554 เวลา:22:56:14 น.  

 
ชอบยาป้องกันบาดทะยักขนานที่ 10 ที่สุดเลยค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 21 ตุลาคม 2554 เวลา:22:53:20 น.  

 
มาเยี่ยมชม กระทู้ดีมีประโยชน์ ขอบคุณครับ
........


โดย: Poprock Engineer วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:2:01:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.