ลุกชาย : พ่อฮะ พ่อฮะ มีคุณตามาเก็บขยะที่หน้าบ้านเราฮะ..
เด็กชายตะโกนบอกให้พ่อรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นที่หน้าบ้านของเขา
ผู้เป็นพ่อละสายตาจากหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านแล้วชำเลืองสายตามอง
ตามเสียงเล็กๆนั้น..
ลูกชาย: ผมเห็นคุณตากำลังเก็บของในถังขยะใหญ่เลย คุณตาคนนั้นจะ
เอาขยะไปทำอะไรฮะพ่อ?
พ่อ: คุณตาเขาก็เอาขยะที่พอขายได้ เอาไปขายที่ร้านรับซื้อขวด และ
พลาสติก ที่อยู่ตรงใกล้ๆหัวมุมถนนนอกหมู่บ้านเรานี่แหละลูก..
ลูกชาย: คุณตาคนนี้ไม่มีเงินหรือครับถึงต้องมาเก็บขยะที่คนอื่นทิ้ง
แล้วไปขาย? ผมเห็นคุณตาข้างบ้านไม่เห็นต้องเก็บขยะไปขายเลย..
ผู้เป็นพ่อยิ้ม แล้วถอนหายใจยาวพร้อมลดตัวลงมานั่งยองๆตรงหน้า
ลูกชายแล้วเอ่ยว่า
พ่อ: คุณตาข้างบ้านไม่ต้องทำงานแล้วเพราะเกษียณอายุราชการแล้ว
หลวงยังจ่ายเงินให้เป็นรายเดือน เลยไม่ต้องทำงานไง..
ลูกชาย: แล้วคุณตาคนนี้ หลวงไม่ได้ให้เงินเหรอครับ?
พ่อ: พ่อก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่คิดว่าคุณตาคนนี้คงไม่มีใครให้เงินหรอก
จึงต้องทำงานหาเงินมาใช้เอง..
ลูกชาย: แล้วคุณตาจะมีความสุขใหมครับ..ที่ต้องทำงานกลางแดดแล้ว
ก็เหม็นด้วย..
เด็กชายถามด้วยความสงสัย
ผู้เป็นพ่อยิ้มเล็กน้อย แล้วถามลูกชายวัยหกขวบกลับว่า..
พ่อ: แล้วความสุขของเต้ยเป็นแบบไหนหล่ะ บอกให้พ่อฟังหน่อยสิ?
ลูกชาย: ถ้าไม่โดนคุณแม่ตี และมีขนมกรอบๆกินทุกวัน ไม่ต้องกินผัก
ไม่ต้องไปโรงเรียน ก็ดีแล้วครับ อ้อ ต้องมีหุ่นยนต์คนเหล็กด้วยนะ
ผู้เป็นพ่อขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
พ่อ: โอ้โฮ.. ทำไมเยอะแยะอย่างนี้หล่ะ ต้องมีขนาดนี้เลยเหรอ
เต้ยถึงจะมีความสุขได้..
เด็กชายพยักหน้ารับอย่างอายๆ
พ่อ: พ่อว่าคุณตาคนนี้ถ้าหากได้เจอ ขวดแก้ว หรือ ขวดพลาสติก
ในถังขยะทุกใบที่เจอก็คงมีความสุขแล้วหล่ะ..
เด็กชายขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย แล้วถามต่อว่า
เด็กชาย: ทำไมคุณตาถึงมีความสุขง่ายจังครับ..?
พ่อ: พ่อว่าความสุขของคนแต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกลูก
อย่างของเต้ยต้องมีโน้นนี่เยอะแยะกว่าจะมีความสุขได้..
อย่างของคุณตาอาจจะไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่ได้ขวดเก่าๆ
หรือ เศษพลาสติกที่คนอื่นทิ้งแล้ว สามารถเอาไปขายได้แค่นี้ก้พอแล้ว
เห้นไหมว่า ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน คนที่มีความสุขง่าย
ก็จะไม่ค่อยมีความทุกข์หรอก เพราะความสุขของเขามันเก็บง่าย
เหมือนกับเด็ดดอกไม้ข้างทางนั้นแหละ..
ผู้เป็นพ่อพูดพลางเอามือลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู..
ลูกชาย: แล้วความสุขของพ่ออยู่ที่ไหนฮะ..?
ผู้เป็นพ่อยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินไปอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ..