ตุลาคม 2561

 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
วันสุข..แห่งชาติ




 หากถามว่า ความทุกข์ ของคนเราเกิดขึ้นจากอะไร..?


หากเอาหลักของ อริยสัจสี่ หรือ ความจริงอันประเสริฐทั้งสี่ มาอธิบาย

สองในสี่แห่งหลักนั้น

ก็จะบอกว่า ทุกข์ คือ ผล

ส่วน สมุทัย คือ เหตุ

เพราะฉะนั้น ทุกข์ ย่อมเกิดมาจาก เหตุ หรือ สมุทัย แน่นอน..


ถูก..


ตามหลักพระธรรมคำสั่งสอนของพระศาสดา เป็นเช่นนั้น 



แต่..

ปัญหาก็คือ คนทั่วไปหากไม่ได้เคยศึกษาพระพุทธศาสนาเลย ย่อมเข้าใจได้ยากว่า..

อะไรคือ ทุกข์

เพราะยังไม่เห็น ตัวตน ของทุกข์  ยังไม่เคยเห็นการปรากฏตัวขึ้นของ ทุกข์ 

ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ตัวเองกำลังนอนกอด กองทุกข์ อยู่.. 



จึงอาจเข้าใจด้วย ปรากฏการณ์ทางกาย แบบหยาบๆว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นคือทุกข์

ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด..

แต่การเข้าใจแบบผิวเผินนี้ หยาบ เกินไป.. 

รู้สึกเสียดายแทน ที่เกิดมาเป็นชาวพุทธศาสนา..



แต่ไม่ต้องน้อยใจ เพราะยังมีเวลาให้เราได้ศึกษา ได้เรียนรู้ 

หากต้องการจะรู้ให้ถึงแก่นแท้ของธรรม

มันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป..



มาถึงเรื่องของเรา..  ถ้าจะพูดให้เราเข้าใจง่ายๆ..

ด้วยภาษาแบบเราๆท่านๆว่า ทุกข์ นั้น เกิดจากอะไร

ก็ขอตอบว่า ทุกข์ทั้งหลายย่อมเกิดจาก

" สิ่งต่างๆที่มันไม่เป็นไปตามที่ เรา คาดหวัง "



ขอชัดๆขึ้นมาอีกนิด.. เช่น



วันนี้เราแต่งตัวสวย ไม่อยากให้ฝนตก..   แต่มันก็ตก..


พรุ่งนี้จะไปเที่ยวยุโรปครั้งแรกในชีวิต..   แต่วันนี้เรายังนอนแอตมิตอยู่ที่โรงพยาบาล..


ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นเจ้าอร่อย  แต่วันนี้รสชาติมันไม่เหมือนเดิม..


อุตสาห์ทุ่มเททำงานมาทั้งปี หวังจะมีผลงาน อยากจะปรับเงินเดือนดีๆกับเขาบ้างสักปี...

แต่บริษัทดันขาดทุนป่นปี้.. เงินเดือนก็ไม่ขึ้น แถมโบนัสไม่มี..


ตอนเริ่มต้นชีวิตคู่กันใหม่ๆ.. อยากจะฝากชีวิตฝากอนาคตเอาไว้กับเขา..

แต่สุดท้าย..  มันก็พังทลายลงเพราะ มือที่สาม..


หวังจะสอบเข้าหมอ เข้าวิศวะ อยากทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ.. 

สุดท้ายไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด..


อยากจะอยู่ดูแลกันไปตลอดชีวิต.. แต่เขาก็มาชิงจากโลกไปแบบ ไม่ทันได้สั่งลาสักคำ..



ใช่แล้ว..

เพราะเรื่องบางเรื่อง ละครชีวิตบางฉาก มันมีช่วง หักมุม แบบเจ็บปนเศร้า..

มันถึงต้อง ทุกข์ระทม กันมาตลอด..



ถ้าสักเกตดูให้ดี

เราจะเห็นได้ว่า เรื่องทุกเรื่องที่เราเอา ใจ ของเราเข้าไปเกี่ยวข้อง

อยากให้มันเป็น อยากให้มันมี หรือ ไม่อยากให้มันเป็น ไม่อยากให้มันมี ไม่อยากให้มันเกิด

เราเอาใจของเราเข้าไปผูกมัดเกาะเกี่ยวกับมันจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม..



และเมื่อมันไม่เป็นดังใจ มันก็เลยจุก มันก็เลยเจ็บ..

จะหนักจะเบา มากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ ภูมิคุ้มกันความทุกข์ ของแต่ละคน..

ว่าเคย ฉีดวัคซีนหัวใจ มากันบ้างหรือเปล่า..



จริงๆแล้ว ชีวิตมีสองด้านเสมอ

หากพูดถึง ความทุกข์ แล้วไม่พูดถึง ความสุข บ้าง 

มันก็คงจะดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่..



เพราะเพียงแต่ถ้าเราเข้าใจ ความทุกข์ ได้แล้ว 

การเข้าใจ ความสุข ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร..

มันก็แค่สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกัน เป็นของคู่กัน  เพียงแต่มันจะ ให้ผล คนละอย่างกัน

รสชาติ มันคนละรูปแบบกัน..



หากชีวิตเราเลือกได้จริง

เราคงไม่อยากจะเจอะเจอหน้า ความทุกข์ สักเท่าไหร่..

เพราะรู้แล้วว่า หากวันนี้เรามีความสุขสนุกสนานเท่าไหร่ 

แต่ไม่นาน ความทุกข์ เขาต้องมาเยือนแน่ๆ

ไม่ช้าก็เร็ว..



แล้วทำไมต้องเลือก..?

ก็ในเมื่อชีวิตของคนเราส่วนใหญ่ ต้องการและโหยหา ความสุข 

และปิดกั้น เกลียดชัง ความทุกข์หนักหนา..

ก็ทำมันให้กลายเป็น สิ่งเดียว กันซะเลยสิ เป็นไง..



เมื่อชีวิตมันเฮงซวยไม่ได้ดังใจ ก็รู้ว่ามันทุกข์..

เมื่อชีวิตมันสดใสซาบซ่า ก็รู้ว่า มันสุขสนุกสนาน..

ก็แค่ทำมันให้อยู่ใน กรอบเดียวกัน คือ มันเป็นของที่มีไว้ เรียนรู้..




สุขก็รู้ว่าสุข  ทุกข์ก็รู้ว่าทุกข์



ไม่ต้องไปแปลกแยกเขา ทำเขาให้เป็นของอย่างเดียวกัน คือ 

" สุขและทุกข์เป็นของที่เอาไว้ให้เรียนรู้ "

มีเอาไว้สอนใจให้มัน ฉลาด ขึ้น.. ไม่หลงไปกับ รสชาติและผลลัพธ์ของมัน

แค่นี้ชีวิตก็ ง่าย ขึ้นตั้งเยอะ..!!



จริงๆแล้ว สุขและทุกข์เป็นของอย่างเดียวกัน

เพียงแต่เราหลงไปเลือก รักชอบ ชิงชัง มันเอง

สุขและทุกข์ เหมือน งูที่มีหัวสองข้าง..

แล้วแต่ว่า ชีวิตเราจะโดนหัวไหน มันกัด เราก่อน เท่านั้น..



ทีนี้ก็อยู่ที่เราจะ นิยาม เรื่องแบบนี้ว่าอย่างไร..

เมื่อความทุกข์ ความเศร้าหมองเข้ามา ก็แค่บอกใจตัวเองว่า เรากำลังทุกข์นะ

รู้ตัวเองว่ากำลังทุกข์ แต่เราไม่ใช่ เหยื่อความทุกข์ 

เราจะไม่ไปดีดดิ้นตามความทุกข์ เรามีหน้าที่แค่ รู้และสังเกตมัน เท่านั้นพอ..




พอเห็นทุกข์ปุ๊บ ก็ต้องให้ คะแนน ความฉลาดของใจตัวเอง..

เห็นหนึ่งครั้งก็ให้หนึ่งคะแนน..

เห็นหลายครั้งก็ได้หลายคะแนน..

ยกย่องชมเชยตัวเองที่เรากำลัง เป็นนักเรียนที่เริ่มเข้าใจ บทเรียนชีวืต ที่แสนยาก..

ได้ทำข้อสอบยากๆที่คนอื่นๆเขาไม่เคยสอบผ่าน..




พอเห็นจนชิน รู้จนชำนาญช่ำชอง

จะมีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นโดยไม่ต้องบังคับ

นั่นคือ ความพอใจยินดีและปล่อยวาง ได้



เห็นแล้วก็ปล่อย เห็นแล้วก็วาง มีแค่นี้ มันก็แค่นี้..



หากสังเกตทุกข์ได้บ่อยขึ้น  ก็ให้มาสักเกต สุข ดูบ้าง..

จนสุดท้ายก็สามารถปล่อยวางมันได้ทั้งทุกข์และสุข..

ให้ ราคา มันเสมอกัน.. เท่ากัน.. ไม่มีใครดีใครเลวกว่ากัน

มีแต่ ใจเรา เท่านั้น ที่คิดไปเอง หลงไปเอง บ้าไปเองทั้งนั้น..



ลองถามตัวเองเบาๆ..

ว่าวันนี้ ตอนนี้ เวลานี้ เรากำลังเสวยอารมณ์ไหนอยู่..?

สติ ที่เป็นกลาง เขาจะบอกเราเองว่าเรากำลังในสภาวะใด..

สุข ทุกข์ หรือ ไม่สุขไม่ทุกข์.. 



ทำวันเวลาของเราให้เป็น เวลาแห่งการเรียนรู้

รู้อะไระไม่สู้ รู้ใจตัวเอง

อย่าปล่อยให้เวลามันเดินผ่านหน้าเราไปเฉยๆ..



เพราะว่าไหนๆ ชีวิตเรามันต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว..

ก็ขอแนะนำว่าให้ สถาปนาวันทุกวันของชีวิตให้เป็น วันสุขแห่งชาติ เสียเลย

ไม่ว่าเราจะเจอเรื่องดีร้ายแค่ไหนอย่างไร

สุดท้ายก็คงไม่สามารถหนีความจริงที่เราจะต้อง อยู่กับมันให้ได้ และต้องอยู่อย่างฉลาดด้วย..



สุข ที่ได้เกิดมาเจอ ความทุกข์ ได้มาเจอ ความจริงแท้ของชีวิต 

ได้มาเจอ ของดี ที่พระศาสดาท่านอยากให้เราได้รู้จัก ได้ศึกษามัน



สุข ที่ได้มาเจอความสุข ที่เป็นเหมือนน้ำทิพย์ปลอบประโลมใจ ให้กระชุ่มกระชวยแช่มชื่น

มีกำลังใจต่อสู้ชีวิต มีกำลังใจที่จะทำสิ่งดีๆต่อไป..


สุข ที่ได้ตื่นรู้ ได้เห็นการ เกิด ดับ ได้เห็นความไม่เที่ยงแท้ของมัน ทั้งสุขและทุกข์..




ก็อยู่ที่เราจะประเมินประมาณกันเอาเอง..

ว่าจะขอ สุขชาตินี้ หรือจะ สุขชาติหน้า

ก็แล้วแต่เรา.. ชีวิตเรา เราเลือกเอง..




ขอขอบคุณเจ้าของรูปทุกรูปครับ




Create Date : 19 ตุลาคม 2561
Last Update : 19 ตุลาคม 2561 18:28:29 น.
Counter : 897 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]