เมษายน 2557

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
20
23
24
26
27
29
 
 
All Blog
ข่าวร้าย..ที่รอคอย ตอน วีรบุรุษของแม่

ภาพในวันที่ลูกชาย เดินขึ้นเครื่องบิน ซีหนึ่งร้อยสามสิบ กองทัพอากาศ

ยังจำติดตาของ มาลัย อย่างแจ่มชัด เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เอง..

ลูกชายของเธอแต่งกายดูเข้มแข็ง สง่าผ่าเผย แววตาช่างมุ่งมั่น จริงจัง

เธอมาส่งลูกชายของเธอเหมือนกับคนอื่นๆ ที่มาส่งคนในครอบครัว

ไปปฏิบัติหน้าที่ ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้..

บางครอบครัวโอบกอดกัน ร่ำลาเหมือนจะจากกันไปหลายๆปี..

บางคนภรรยาท้องแก่ อุ้มลูกที่อายุไม่เกินสองขวบมาส่งสามีตน..

แต่สีหน้าบ่งบอกถึงความกังวลลึกๆในใจ เธอก็พอมองออก..

ลูกชายบอกเธอว่า ครั้งนี้จะไปปฏิบัติงานประมาณ หกเดือนในเบื้องต้น

หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะกลับมารดน้ำ ดำหัวให้แม่ ในสงกรานต์ปีหน้า..

ลูกชายเธอได้ไปรับใช้ชาติในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้ว สองครั้ง..

ในครั้งแรกเธอจำได้ว่านอนไม่หลับไปหลายคืน เพราะความเป็นห่วงลูกชาย

จึงรบเร้าให้ลูกชายคนเล็ก ที่ยังเรียนมัธยมปลาย โทรไปถามข่าวคราวอยู่บ่อยๆ

แต่ส่วนใหญ่ก็จะผิดหวังไม่ค่อยได้คุยกันเพราะสัญญาณโทรศัพท์ไม่มี..

เมื่อลูกหมดภาระกิจได้กลับมาบ้านก็แอบดีใจลึกๆที่ลูกปลอดภัย..

และได้คุยกันตามประสาแม่ ลูก เต็มอิ่มสักครั้งหนึ่ง..

เคยถามลูกว่า เราไม่ต้องไปได้ไหม ที่สามจังหวัดชายแดน เพราะมันอันตราย..

เห็นข่าวที่ทหารถูกทำร้ายบาดเจ็บ นับไม่ถ้วนแล้วใจหาย.. กลัวว่าลูกจะพลาดท่า

โดนคนใจร้าย ลอบทำลายชีวิต..

ลูกชายโอบกอดเอวแม่จากข้างหลัง แล้วบอกว่า  " โถ.แม่ครับผมเป็นทหารนะ.

ถูกสอนปลูกฝังมาว่า ไม่ให้กลัวตาย ..หากเรากลัวแล้วประชาชนที่เขาอยู่ในพื้นที่

เขาจะพึ่งใครหล่ะครับแม่..ผมเป็นทหาร เป็นลูกทหารด้วย เลือดผมเป็นทหาร 

เต็มตัว..แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะผมดูแลตัวเองได้.. " 

ได้ฟังคำของลูกชาย มาลัย ก็ใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ก็ยังไม่คลายกังวลอยู่ดี

เขาช่างเหมือนพ่อของเขานัก เรื่องรักชาติ ไม่น้อยหน้าใคร..

เสียดายที่พ่อเขาด่วนจากไปเสียก่อนไม่อย่างนั้น ครอบครัวเราคงสมบูรณ์กว่านี้แน่..

กลางดึกเมื่อสัปดาห์ก่อน..

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นถี่ๆ.. เมื่อมองดูหน้าจอก็เห็นเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้นตา.

" ฮาโหล สวัสดีค่ะ.."  มาลัยเปิดการสนทนา..

" สวัสดีครับ นั่นคุณแม่ของ สิบเอกดำรงค์ หรือเปล่าครับ..? "

" ใช่ค่ะๆ จากไหนค่ะ.." มาลัยถามอย่างร้อนรน ในใจเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆ

" ผม พันโท ขจร เป็นผู้บังคับบัญชา ของ สิบเอกดำรงค์ ครับ "

เสียงจากปลายสายแนะนำตัว " ค่ะท่าน มีอะไรหรือเปล่าคะ .."

มาลัย ถามน้ำเสียงตื่นเต้น " ทำใจดีๆนะครับ คือว่า สิบเอกดำรงค์ กับลูกน้อง

สามนาย ถูกคนร้ายลอบวางระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองครู

เมื่อตอนหกโมงเย็นนี่ครับ.."  ปลายสายพูดเสียงราบเรียบ..

ใจของ มาลัย แทบสลาย ละล่ำละลักถามต่อด้วยเสียงสั่นเครือ..

" แล้วๆๆ ลูกชายดิฉัน เป็นอย่างไรบ้างคะ เขาได้รับบาดเจ็บหรือเปล่าคะ ? "

เสียงจากปลายสายนิ่งเงียบไปชั่วครู่.. แล้วตอบกลับว่า..

" ผมเสียใจด้วยครับ.. ทางคุณหมอและเจ้าหน้าที่ได้พยายามช่วยชีวิต ดำรงค์

อย่างสุดความสามารถแล้ว.. เขาสิ้นใจเมื่อตอนสี่ทุมนี้เองครับ.. "

เหมือนถูกสายฟ้าฟาดลงกลางดวงใจ โทรศัพท์มือถือหลุดจากมือเมื่อไหร่ไม่รู้

เธอปลดปล่อยน้ำตาและกรีดร้องเหมือนใจสลาย..

ลูกชายคนเล็ก รีบออกมาประคองกอดแม่แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น..

เธอเล่าเรื่องให้ ลูกชายคนเล็กฟัง พูดไปร้องไห้ไปน่าเวทนายิ่งนัก..

สิ่งที่เธอกลัว ไม่อยากได้ยิน มันเกิดขึ้นแล้ว..นี่เป้นความฝันหรือความจริง

หากเป็นฝันร้ายใครก็ได้ช่วยกระชากเธอ ออกจากฝันร้ายเสียที..

โลงศพทหารกล้ามีธงชาติไทยคลุมทับอย่างสมเกียรติ..

บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า..ปนกับเสียงประกาศสรรเสริญ

คุณงามความดีของผู้เสียสละดังไม่ขาดสาย..

หาก มาลัย เลือกได้คงไม่อยากให้ใครมาสรรเสริญเกียรติยศของลูกชาย

ขอแลกเอาชีวิตลูกชายคืนมาดีกว่า..แม้เอาชีวิตเธอไปแลกคืนก็ยอมได้

ความโกรธแค้นเกลียดชัง คนใจร้าย ที่ลอบฆ่าลูกชายเธอดังกึกก้องในใจ..

หากรู้ว่ามันเป็นใครก็อยากจะไปเอาชีวิตเพื่อแลกกับชีวิตลูกตนเสียวันนี้..

ทำไมคนต้องทำร้ายกันด้วย.. จะอยู่กันแบบสันติสุขไม่ได้หรือ..

ยังต้องมีคนต้องตายในสงครามกลางเมืองนี้อีกเท่าไหร่..?

คำถามที่ไม่มีคำตอบ ยังเฝ้าหลอกหลอนใจของ มาลัย ตลอดมา..

" แม่ครับ กลับบ้านเถอะครับแม่ แดดร้อนแล้วเดี๋ยวไม่สบายนะครับ "

เสียงลูกชายคนเล็กพูด ทำให้เธอมีสติ หันกลับมายิ้มกับลูกชายคนเล็ก

" จ้ะลูก กลับบ้านกันเถอะ.." มาลัยเดินกลับบ้านพร้อมลูกชาย

หลังจากมาทำบุญครบวันที่ลูกชายคนโตเสียชีวิตครบ สามปี..

ในใจของ มาลัย วันนี้ไม่เหลือความโกรธเกลียด ชิงชัง ต่อเหตุการณ์ในอดีตแล้ว

มีแต่ความสงสาร คนที่ยังเบียดเบียนกัน ไม่รู้จบสิ้น..

เข้าใจและเห็นใจ ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์คล้ายๆกับเธอทุกคน..

เพราะรู้ดีว่าแม้จะเตรียมตัวเตรียมใจมาอย่างไร..

ก็คงไม่อาจยอมรับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้ทันที..

หากคิดว่ามันเป็นเพียง ข่าวร้าย ที่ใครก็มีโอกาสเจอะเจอได้..

ความตาย ของตัวเราเองมันก็เป็น ข่าวร้ายที่รอคอย..

การมาถึงของมันโดยไม่สามารถหนีได้พ้นแน่นอน..




Create Date : 18 เมษายน 2557
Last Update : 11 กรกฎาคม 2557 14:51:53 น.
Counter : 3775 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]