มีนาคม 2561

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog
ข่าวร้ายที่รอคอย ตอน ร้องไห้บนแจกัน..5




ถึงเวลา..กล่าวคำอำลา


ข่าวการขอยกเลิกสัญญาจ้างระหว่าง มานพ และ พีดีที แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

เพื่อนร่วมงานบางคนถึงกับบ่นเสียดายที่ได้คนเก่งมาร่วมงานได้ไม่นาน

ส่วน มานพ ก็แทบไม่มีคำอธิบายใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาจากปากของเขา 

มีเพียงเหตุผลเดียวที่เขาอ้างถึงเมื่อถูกซักถามบ่อยๆคือ เขามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะต้องไปทำให้เสร็จ..


รตา รู้สึกใจหายวาบเมื่อถึงวันกล่าวปิดโครงการ นีโอพลาสติก 

เพราะมันหมายถึง วันทำงานวันสุดท้ายของมานพใกล้เข้ามาถึงแล้ว 

คำชื่นชมของผู้บริหารเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการนี้ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอรู้สึกอิ่มเอมแต่อย่างใด

เพราะเธอรู้ดีว่า เบื้องหลังของความสำเร็จนี้ มันมีลับลมคมนัย มากกว่าที่คนภายนอกจะรับรู้ได้

มันคือเกมส์ที่ผู้เล่นช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบกันตลอดเวลา 

โดยไม่สนใจว่า ตัวหมากที่ต่างฝ่ายต่างเลือกเดินนั้น มันคือชีวิตจิตใจของคน.. 

มันคือเกมส์ชีวิต เป็นเกมส์ธุรกิจ ที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ภายใต้สีหน้าที่ฉาบทาไปด้วยรอยยิ้ม

เป็นช่อดอกไม้ที่ซ่อนใบมีดแหลมคมเอาไว้ เป็นมิตรภาพที่ซ่อนกลลวง


เธอรู้สึกว่าเธอได้บทเรียนจากกรณีนี้อย่างมาก มันทำให้เธอมองโลกใบนี้เป็นอีกอย่าง ต่างจากที่เคยเห็นและเข้าใจ..


" ตา " เสียงเรียกที่ทุ้มนุ่ม ดังเบาๆมาจากด้านหลังของเธอ..

" พี่มานพ.." รตาพูดพร้อมหันไปมองคนเรียก " พรุ่งนี้ผมจะกลับอเมริกา ผมจะมาบอกลาคุณ "

ชายหนุ่มพูดเบาๆ " จะไปแล้วเหรอคะ..? " รตา ถามกลับ

มานพ พยักหน้าช้าๆ " ผมจะกลับไปหา สเตฟานี่ ก่อนเดินทางไปเกาหลี.. " 

" แล้วพี่นพจะกลับมาเมืองไทยอีกไหมคะ..? "  หญิงสาวถามต่อ

"อืม.. ยังไม่รู้เหมือนกันนะ.. แต่ถ้าจะมาผมจะบอกคุณเป็นคนแรกเลย.." ชายหนุ่มตอบยิ้มเศร้าๆ

" ขอให้โชคดีนะคะ เดินทางปลอดภัย.." รตา พูดอวยพรชายหนุ่ม 

" ตาขอบคุณพี่นพสำหรับทุกๆอย่าง และต้องขอโทษหากต้องทำให้พี่นพเดือดร้อน.."

" ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกนะ มันคงเป็นชะตากรรมของผมเอง.." มานพพูดเชิงปลอบใจ



รตา ยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่ม มานพยกมือรับไหว้ " ผมไปก่อนนะ แล้วผมจะเล่าเรื่องของคุณให้ สเตฟานี่ ฟัง "

รตา สีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที " จริงเหรอคะ บอกเธอว่าตาอยากเจอเธอมากค่ะ.. " รตายิ้มได้

" แน่นอนครับ ผมแน่ใจว่าเธอต้องอยากพบตาเหมือนกัน.." ชายหนุ่มยิ้มตอบ

" ลาก่อนครับ.. " ชายหนุ่มโบกมือลา หญิงสาวโบกมือตอบกลับ " โชคดีนะคะ "

รตา ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วกว่าที่เธอคิด แม้จะแทบไม่ทันตั้งตัว 

แต่เธอกลับรู้สึกว่า สุดท้ายก็ต้องถึงวันที่ต้องกล่าวคำลากันอยู่ดี แต่จะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง..



เจอเพื่อจาก..


สามเดือนผ่านไป.. มันช่างเชื่องช้าในความรู้สึกของ รตา 

แม้มานพ และ รตา จะติดต่อกันทางเมล์ส่วนตัว แต่ช่วงหลังๆ มานพแทบไม่ได้ส่งสารใดๆมาถึงเธอเลย

" เขาคงลืมเราแล้วละมั้ง..? " รตา เผลอใจคิดหลังจากว่างงาน " แต่..ช่างมันเถอะ " เธอคิดปลอบใจตัวเอง

" ตา มีพัสดุจากต่างประเทศส่งมาถึงเธอ.." เสียงเพื่อนร่วมงานแย้มประตูบอกหญิงสาว

รตา เดินไปรับซองวัสดุที่ชั้นวาง " พี่มานพ " เธอแอบดีใจที่เห็นชื่อผู้ส่ง

เธอหยิบซองเอกสารแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องทำงาน

ในซองสีน้ำตาล มีซองสีขาวเล็กซ้อนอยู่อีกที่เธอแกะะออกดูพบว่ามันเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศสหรัฐอเมริกา

แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนข้อความสั้นๆอ่านได้ใจความว่า 


ถึง ตา ผมส่งตั๋วเครื่องบินมาให้คุณ เพื่อขอให้คุณเดินทางมาพบ สเตฟานี่ ลูกสาวผมสักครั้ง

แล้วเจอกันครับ มานพ


รตา อ่านเนื้อความบนแผ่นกระดาษ แล้วเกิดความสงสัยปนดีใจที่จะได้พบกับมานพอีกครั้ง

แต่ก็สงสัยว่าทำไม มานพ ถึงรีบส่งตั๋วเครื่องบินให้เธอโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า..



" แม่คะ.. หนูควรจะไปหาเขาดีไหมคะ..? "  รตา ส่งเสียงตามสายโทรศัพท์ถามแม่ของเธอ

" มานพ คนที่ลูกเคยเล่าให้แม่ฟังใช่ไหม..? " ราณี  ถามลูกสาวของเธอ

" ใช่ค่ะแม่ แต่หนูลังเลว่าควรจะไปหาเขาดีหรือเปล่า..? " รตาตอบกลับ

" ตา..ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้ว และแม่เชื่อว่าลึกๆในใจลูกตัดสินใจไปแล้วว่าจะไปหรือไม่ไป.." แม่เธอตอบกลับ

รตา นั่งฟังแม่ของเธอ " แต่.." " ทำตามที่ใจเราเชื่อเถอะลูก อาจจะผิดหรือถูกแต่มันก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเอง"

" หากเราฝืนความรู้สึกตัวเอง ลูกอาจจะเสียใจภายหลังก็ได้นะ " ราณี พูดน้ำเสียงเรียบๆ

" ขอบคุณนะคะแม่.." รตา กล่าวกับแม่ของเธอ


สนามบินดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา


รตา เดินทางมาพบ กับ มานพ ที่รออยู่ที่สนามบิน

" ขอโทษนะ ที่รบกวนให้เดินทางมาถึงที่นี่.." มานพกล่าวขอโทษพร้อมยิ้มดีใจ

" ไม่เป็นไรค่ะ ตา ไม่เคยมาอเมริกาเลย ถือโอกาสพักร้อนมาเที่ยวเลยก็ดีคะ " รตา ยิ้มตอบกลับ


มานพ ขับรถพา รตา มาจอดที่หน้าโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง

" ถึงแล้วครับ สเตฟานี่ เธออยู่ที่นี่.." มานพ บอกหญิงสาว

รตา เดินตามหลังมานพไปที่ห้องผู้ป่วยเด็ก ชั้นสองของโรงพยาบาล


มานพเคาะปะตูห้อง แล้วเปิดเข้าไป รตาเดินตามเข้ามาในห้องผู้ป่วย ภาพที่เธอเห็นเบื้องหน้าก็คือ

สาวน้อยผิวสี กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่มีสายน้ำเกลือและอุปกรณ์การแพทย์บางชิ้นทำงานอยู่

ท่าทางของสาวน้อยดูเหนื่อยอ่อนล้า ข้างๆเธอมีนายแพทย์รูปร่างสูงใหญ่วัยกลางคนสวมเสื้อกราวด์สีขาวสะอาด

" สวัสดีครับ หมอวิลสัน " มานพยื่นมือทักทายนายแพทย์พร้อมกล่าวสำเนียงภาษาอังกฤษ 

" อาการของหนู สเตฟ ไม่ดีขึ้นเลยครับ มีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่าเราอาจจะต้องเพิ่มปริมาณยาให้เธอมากขึ้นกว่าเดิม.. " 

หมอวิลสัน ตอบสีหน้าเคร่งครียด มานพเดินเข้ามาข้างๆเตียงพร้อมคุกเขาลงช้าๆ

" สาวน้อยคนเก่งของฉัน ดูสิว่าฉันพาใครมา.." มานพ พูดพลางเอามือลูบไปที่ศรีษะของ สเตฟานี่ เบาๆ

สาวน้อย ค่อยๆหันหน้ามามองที่ รตา ที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อบุญธรรมของเธอ

" มีส.. รตา.. คุณสวยกว่าที่หนูเห็นในรูปเสียอีก.." สาวน้อยกล่าวชมช้าๆ..

รตา ยิ้มตอบกลับ " เธอก็น่ารักกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ สเตฟานี่ " รตา กล่าวชมเธอบ้าง

" ฉันพาคุณรตามาพบหนูแล้ว ฉันทำตามสัญญาแล้ว สเตฟานี่ หนูต้องรักษาสัญญากับฉันด้วยนะ.."

 มานพกล่าวกับสาวน้อยที่นอบหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง

สเตฟานี่ ยิ้มช้าๆพร้อมพยักหน้ารับรู้ 


" คะ คุณพ่อ หนูจะอยู่ดูคุณทั้งสองแต่งงานกัน.. "


รตา อึ้งเมื่อได้ยินคำตอบของสาวน้อย เธอยิ้มประหลาดใจพร้อมหันไปมอง มานพ ที่หันมาหลิ่วตาให้เธอ เป็นที่รู้กัน..

" แน่นอนจ๊ะ เราจะแต่งงานกันทันทีที่หนูหายป่วย " มานพ พูดไปพร้อมจับมือของสเตฟานี่เอาไว้แน่น

" หนูอยากมีน้องค่ะคุณพ่อ.." " หนูอยากให้น้องแข็งแรงกว่าหนู หนูอยากสอนน้องทำการบ้านทุกวัน.."

สเตฟานี่ พูดเศร้าๆเหมือนรู้ว่าเธออาจจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เธอหวังเอาไว้..

รตา แทบสะกดกลั้นน้ำตา แห่งความสะเทือนในใจเอาไว้ไม่ไหว เธอเงยหน้ามองเพดานห้อง เพราะสงสารสาวน้อยเหลือกำลัง

" หนู จะได้ทำสิ่งที่หนูอยากจะทำแน่นอน แต่ตอนนี้หนูจะต้องเข้มแข็ง และเอาชนะโรคนี้ให้ได้ก่อนนะ " มานพ พูดปลอบใจ 

มานพ ก้มหน้าไปจุมพิตที่หน้าผากของ สเตฟานี่เบาๆ 

" ต้องให้เธอพักผ่อนมากๆนะครับ อย่าเพิ่งรบกวนเธอเลยครับ "

 หมอวิลสัน พูดกับมานพและรตาพร้อมๆกัน

" แล้วหมอต้องการเลือดของผมเพิ่มหรือเปล่าครับ..? " มานพ ถามหมอวิลสัน

" ถึงเวลานี้ถึงคุณให้เลือดของคุณอีกกี่ซีซี ก็แทบไม่ช่วยให้อาการของเธอดีขึ้นหรอกครับ

เพราะปัญหาอยู่ที่ภูมิคุ้มกันในตัวเธอเอง เรามาร่วมสวดมนต์ให้เธอกันเถอะครับ" หมอวิลสัน ตอบ




หลังจากทั้งคู่เดินออกจากห้องผู้ป่วย มานพก็พูดกับ รตา ที่มีดวงตาแดงกล่ำเหมืนคนพึ่งร้องไห้

" ผมขอโทษนะที่ต้องบอกกับสเตฟานี่ไปอย่างนั้น.." 

" ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่นพ ตาสงสารเธอเหลือเกินค่ะ "..

บนที่นั่งในอาคารโรงอาหารของโรงพยาบาล ทั่งคู่นั่งสนทนากันหลังจากที่ไม่ไดด้พบกันมานาน



" ในตัวของ สเตฟานี่ มีเลือดของผมครึ่งหนึ่ง ผมยินดีสละชีวิตให้เธอ หากทำให้เธอหายป่วยได้.."

มานพ กล่าว " รตา มองใบหน้าของเขา ก็เห็นริ้วรอยของความวิตกกังวลในแววตา

" พี่นพ ทำเพื่อเธอมามากแล้วค่ะ ถ้าไม่มีพี่นพในวันนั้น วันนี้ก็คงไม่มีเธอ.. " รตากล่าวตอบ


" สเตฟานี่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังต้องมีชีวิตต่อไป ถ้าไม่มีเธอผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่อใคร.."

มานพ พูดพร้อมก้มหน้านิ่ง

รตา ฟังมานพพูดแล้วก็ซาบซึ้งถึงความผูกพันของสองพ่อลูกต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา

ย้อนคิดไปว่า หากวันนี้เธอตัดสินใจไม่มาที่นี่ คนที่จะเสียใจคงไม่ใช่แค่เธอคนเดียวแน่..




สองสัปดาห์หลังงานศพ สเตฟานี่..

มานพ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า เขาสวมแว่นตาดำสนิทปกปิดดวงตาที่บอบช้ำของเขาตลอดเวลา.. 

รตา อยู่ร่วมงานจนจบพิธี " เธอได้กลับไปหาพ่อแม่ของเธอที่สรวงสวรรค์แล้ว.." บาทหลวงกล่าว

หลุมศพสเตฟานี่ มีช่อดอกไม้วางอยู่ไม่มากนัก รตายืนดูมานพที่ทอดสายตามองป้ายหลุมศพของเด็กน้อยอย่างสงบนิ่ง

" หลับให้สบายนะสาวน้อย ฉันดีใจที่ได้พบเธอ " รตา พูดกับป้ายหลุมศพของสเตฟานี่

" เสียใจด้วยนะคะมาร์ค.." เสียงที่คุ้นหู ทำให้รตาต้องหันไปดูเจ้าของเสียง

" คุณคาร่า.. " รตาอุทานในใจ มานพหันหน้ามามองคาร่า พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ


" ขอบคุณนะคะ ที่ส่งข่าวให้ทราบ " คาร่า กล่าว " ผมก็ขอบคุณคาร่าเหมือนกัน ที่อุตสาห์มาร่วมงานศพ สเตฟานี่.. "

รตา ประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็น คาร่า ปรากฏตัวในเวลานี้

แต่ก็เข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงานหรือธุรกิจ แต่มันเป็นเรื่องของน้ำใจล้วนๆ เธอแยกแยะได้

และก็ไม่แปลกที่เธอทั้งคู่จะมาพบกันในสถานที่แบบนี้ จากได้ก็พบได้ 

พบได้ก็จากกันได้เช่นกัน.. เหมือนเธอกับสาวน้อยที่กำลังนอนทอดร่างกายใต้แผ่นดินตรงหน้าเธอ..



ชัยชนะที่หลอกลวง..


" ขอบคุณที่มาร่วมงานกับเราอีกครั้งนะคุณมานพ " ท่านประธานคังจู กล่าวกับมานพ

" แม้ว่าคุณอาจะไม่เต็มใจเท่าไหร่.. " 

" ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเคเอสถึงต้องดึงตัวผมมา ทั้งๆที่เคเอสก็มีบุคลากรเก่งๆตั้งมากมาย "

มานพ ยิงคำถามต่อ ซีอีโอของบริษัทปิโตรเคมียักษ์ใหญ่

" ใช่.. คนเก่งๆเรามีมากมาย แต่คนพิเศษแบบคุณเรายังไม่มี.. " คังจู พูดพร้อมหันหน้าไปทาง มานพ

" จะให้ผมช่วยอะไร..? " มานพถามแบบไม่เกรงใจ

" ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เราอยากให้คุณช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ให้แก่ตลาด.. ในแบรนด์เคเอส.."

" สินค้าอะไร..? " มานพถามต่อ " โพลีคาร์บอนไฟเบอร์.." คังจู ตอบมานพ

" เราพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาสองปีแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เราต้องการคุณ "

" แล้วถ้าผมทำไม่สำเร็จ.." มานพถามต่อ " เราเชื่อมือคุณ คุณมานพ.." คังจู กล่าว



เมื่อมานพมาถึงที่พักพร้อมเอกสารหอบใหญ่

เขานั่งอ่านเอกสารโครงการ โพลีคาร์บอนไพเบอร์ อยู่ค่อนคืนแล้วพบความผิดปรกติบางอย่าง

หากโครงการนี้เคเอสทำสำเร็จ เคเอสจะกลายเป็นผู้ผูกขาดเคมีภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในโลก

เนื่องจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะไปทำลายโครงสร้างการตลาดปิโตรเคมีและเหล็กกล้าของโลกในอนาคต 

ธุรกิจของคู่แข่งจะโดนเคเอสกินรวบ และ จะมีคนตกงานทั่วโลกเป็นล้านๆคน..



" คาร่า คุณก็รู้ใช่ใหมว่า ถ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้พัฒนาสำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดโลก " มานพ ตั้งคำถามต่อคาร่า

" ใช่ค่ะ เคเอสจะกุมความได้เปรียบ และเราจะกลายเป็นเป็นผู้กำหนดราคาในท้องตลาด " คาร่าตอบ

" นี่มันบ้าไปแล้ว แล้วคู่แข่ง ผู้ประกอบการรายเล็กที่กำลังก่อร่างสร้างตัวเขาจะอยู่ยังไง..? "

" มันเป็นเรื่องของธุรกิจค่ะ ใครอ่อนแอก็ต้องล้มหายตายจากไปเป็นธรรมดา " คาร่า ตอบแบบหนักแน่น

" มาร์ค คุณไม่ใช่พระเอก ไม่ใช่ผู้กอบกู้โลกนะคะ จะมาห่วงอาวรณ์อะไรกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นคะ "

" และถึงแม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่คุณคิด แต่มันก็คือโลกของการแข่งขัน ถ้าเราไม่รุกเขาก่อน 

เราก็จะโดนเขากลืนกินเหมือนกัน.. " คาร่าตอบ สายตาจ้องหน้ามานพ 

" ไม่ คาร่าคุณไม่ใช่คนแบบนี้ คาร่าคนที่ผมเคยรู้จักหายไปไหนแล้ว.." มานพ พูดตัดพ้อ

" เราเรียนปิโตรเคมีมาเพื่ออะไรกัน..? สุดท้ายเราก็กลายเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ ให้ปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างนั้นหรือ..? "

" สิ่งที่เราเล่าเรียนมา มันควรจะสรรค์สร้างโลกของเราให้ก้าวหน้ารุ่งเรือง ไม่ใช่เพื่อทำลายกันเอง.."

มานพ พูดพร้อมทำท่าจะเดินออกจากห้องของคาร่าไป

" โลกใบนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับผู้แพ้หรอกนะคะ มาร์ค.." คาร่า พูดต่อ

" ทำไม เราไม่คิดว่าทั้งคุณและเคเอส จะเป็นผู้ขนะในเวทีนี้ได้ เราจะชนะไปด้วยกัน " คาร่า หว่านล้อม

" " ก็ได้ คาร่า ผมมืออาชีพพอที่จะรักษาสัญญา แต่มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้คุณและเคเอส " มานพกล่าว

" และชัยชนะที่หลอกลวงอย่างนี้ ผมขอให้คุณและเคเอส เอาไปนอนกอดให้สบายใจก้แล้วกัน.." 

มานพ พูดเสร็จและเดินออกจากห้องทำงานของ คาร่า ไปทันที..




หมดแรง..



" ผมท้อแท้เหลือเกินตา ผมกำลังสับสน ว่าผมจะเดินต่อไปอย่างไรดี..? "

รตาอ่านเมล์ของมานพ แล้วรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ รู้สึกตัวว่าผิดที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา

ทำให้มานพต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก..


" อย่าพึ่งหมดกำลังใจนะคะพี่นพ ตายังเป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ ยิ่งพี่นพเป็นแบบนี้ ตายิ่งรู้สึกผิด

อย่าทำให้ตายิ่งรู้สึกว่าเป็นต้นเหตุทำให้พี่นพเป็นแบบนี้เลยนะคะ "


" อย่าคิดอย่างนั้นนะครับ ตาไม่ผิดอะไร โชคชะตาอาจกำลังเล่นตลกกับผมออยู่ ผมแค่อยากรู้ว่าผมทำผิดอะไร..? "


รตา อ่านข้อความของ มานพ แล้วน้ำตาของเธอร่วงหล่นโดยไม่รู้ตัว มานพ บอกเล่าเรื่องของเขาที่เคเอส โดยไม่ปิดบัง

ทำให้ รตา รู้สึกรักและสงสาร มานพ มากขึ้นเป็นร้อยเท่าทวีคูณ..




มานพ โหมทำงานในห้องปฏิบัติการของเคเอส  จนวันหนึ่งเขารู้สึกหน้ามืดล้มหมดสติลง

" ร่างกายของเขาอ่อนแอมากครับ น่าจะเกิดจากการทำงานหนักเกินไปและพักผ่อนไม่เพียงพอ "

คุณหมอที่โรงพยาบาล รายงานอาการของ มานพ ให้ คาร่า ฟัง

" อืม.. และเขายังมีเลือดกลุ่มพิเศษอีกด้วย ซึ่งในเกาหลีหายากมาก.. " คุณหมอพูดต่อ

" แล้วเขาจะหายเมื่อไหร่คะ..? " คาร่า ถามด้วยสีหน้ากังวล

" ทางร่างกายหมอว่า ถ้าไม่กระทบต่อเรื่องการหมุนเวียนของโลหิตก็ไม่นาเป็นห่วงครับ แต่.."

" แต่ถ้าเป็นเรื่องของจิตใจของคนไข้ หมอว่าคงต้องใช้เวลา..หมอขอตัวก่อนครับ" คุณหมอพูดจบ พร้อมก้มศรีษะเล็กๆอำลา


คาร่า โค้งตัวตอบกลับ ก่อนเคาะประตูแล้วเข้าไปในห้องที่ มานพ นอนพักอยู่

" มาตามตัวผม ไปทำงานสินะ..? " มานพพูดโดยไม่หันไปมองแขกที่เดินเข้ามา

" มาร์คคะ คาร่าเป็นห่วงคุณ คุณจะรักษาตัวกี่วันก็ได้ หากคุณสบายใจแล้วค่อยกลับไปทำงานก็ได้ค่ะ " คาร่า พูดนิ่มนวล

มานพ ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนหันมามองหน้าสาวสวย..

" คุณรู้ไหมว่า ผมกำลังคิดอะไร..? " มานพ เอ่ยถามคาร่า

" ไม่ทราบค่ะ " คาร่า ตอบกลับ " ผมกำลังคิดถึง สเตฟานี่ ลูกสาวผมก่อนที่เธอจะตาย.. " มานพตอบ

" ทั้งผมและสเตฟานี่ คือสิ่งพระเจ้าสร้างเราขึ้นมา แต่สุดท้ายท่านก็ทอดทิ้งเราไป.. " 

" เราทั้งคู่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกเลือก และจะต้องเผชิญหน้าชะตากรรมด้วยตัวเอง.." มานพกล่าวเรียบๆ

" โลกนี้มันแปลกนะ คาร่า  สิ่งที่เราอยากได้กลับไม่ได้ แต่สิ่งที่เราไม่อยากได้มันกลับพุ่งเข้าชนเราเข้าอย่างจัง "

" เหมือน คาร่า ตอนนี้สินะคะ.." คาร่า พูดบ้าง

" คุณก็รู้ว่า คาร่า คิดอย่างไรกับคุณ แต่สิ่งที่คุณกำลังตอบแทนคาร่า มันไม่ใช่.. "

" คาร่า ก็เป็นสิ่งที่ มาร์ค ไม่เลือกเหมือนกัน.." คาร่า พูดตัดพ้อ

" ผิดแล้ว คาร่า.. ผมเลือกคุณในแบบที่ผมเลือก แต่ไม่ใช่แบบที่คุณคิด "

 และมันเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง.." มานพตอบกลับ

คาร่า นิ่งอึ้ง เมื่อรู้ความจริงจากปากชายหนุ่มว่า เขาคิดอย่างไรกับเธอ..

" ผมเหนื่อย หมดกำลังใจ เพราะผมกำลังทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ.." 

มานพ ค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วหลับตา จนได้ยินเสียง คาร่า เดินออกจากห้องไป..




โลกนี้มันแปลก อะไรที่เราเคยโอบกอดมันไว้ สุดท้ายมันก็สลายไปกับสายลม

อะไรที่เราเคยครอบครองข้องเกี่ยว สุดท้ายมันก็ไม่เคยรักเราจริง และพร้อมจะทอดทิ้งเราไปตลอดเวลา

มีแตใจเราเท่านั้นที่เปลี่ยนไปตามสิ่งที่สัมผัสปรากฏ แต่ความเป็นจริง ใจ เรากลับไม่เคยรู้เลยว่า..

ในชีวิตเรานี้ ไม่เคยมีอะไร เปลี่ยน และ ไม่เคยมีอะไร ปรากฏ.. 


ติดตามบทสุดท้ายของหนุ่มสาวเหล่านี้ จะเป็นเช่นไรในตอนตอ่ไป..







Create Date : 11 มีนาคม 2561
Last Update : 11 มีนาคม 2561 16:06:24 น.
Counter : 865 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นายสมมุติ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]