Group Blog All Blog
|
ข่าวร้ายที่รอคอย ตอน ร้องไห้บนแจกัน..5 ถึงเวลา..กล่าวคำอำลา ข่าวการขอยกเลิกสัญญาจ้างระหว่าง มานพ และ พีดีที แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนร่วมงานบางคนถึงกับบ่นเสียดายที่ได้คนเก่งมาร่วมงานได้ไม่นาน ส่วน มานพ ก็แทบไม่มีคำอธิบายใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกมาจากปากของเขา มีเพียงเหตุผลเดียวที่เขาอ้างถึงเมื่อถูกซักถามบ่อยๆคือ เขามีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะต้องไปทำให้เสร็จ.. รตา รู้สึกใจหายวาบเมื่อถึงวันกล่าวปิดโครงการ นีโอพลาสติก เพราะมันหมายถึง วันทำงานวันสุดท้ายของมานพใกล้เข้ามาถึงแล้ว คำชื่นชมของผู้บริหารเกี่ยวกับความร่วมมือในโครงการนี้ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเธอรู้สึกอิ่มเอมแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ดีว่า เบื้องหลังของความสำเร็จนี้ มันมีลับลมคมนัย มากกว่าที่คนภายนอกจะรับรู้ได้ มันคือเกมส์ที่ผู้เล่นช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบกันตลอดเวลา โดยไม่สนใจว่า ตัวหมากที่ต่างฝ่ายต่างเลือกเดินนั้น มันคือชีวิตจิตใจของคน.. มันคือเกมส์ชีวิต เป็นเกมส์ธุรกิจ ที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์ภายใต้สีหน้าที่ฉาบทาไปด้วยรอยยิ้ม เป็นช่อดอกไม้ที่ซ่อนใบมีดแหลมคมเอาไว้ เป็นมิตรภาพที่ซ่อนกลลวง เธอรู้สึกว่าเธอได้บทเรียนจากกรณีนี้อย่างมาก มันทำให้เธอมองโลกใบนี้เป็นอีกอย่าง ต่างจากที่เคยเห็นและเข้าใจ.. " ตา " เสียงเรียกที่ทุ้มนุ่ม ดังเบาๆมาจากด้านหลังของเธอ.. " พี่มานพ.." รตาพูดพร้อมหันไปมองคนเรียก " พรุ่งนี้ผมจะกลับอเมริกา ผมจะมาบอกลาคุณ " ชายหนุ่มพูดเบาๆ " จะไปแล้วเหรอคะ..? " รตา ถามกลับ มานพ พยักหน้าช้าๆ " ผมจะกลับไปหา สเตฟานี่ ก่อนเดินทางไปเกาหลี.. " " แล้วพี่นพจะกลับมาเมืองไทยอีกไหมคะ..? " หญิงสาวถามต่อ "อืม.. ยังไม่รู้เหมือนกันนะ.. แต่ถ้าจะมาผมจะบอกคุณเป็นคนแรกเลย.." ชายหนุ่มตอบยิ้มเศร้าๆ " ขอให้โชคดีนะคะ เดินทางปลอดภัย.." รตา พูดอวยพรชายหนุ่ม " ตาขอบคุณพี่นพสำหรับทุกๆอย่าง และต้องขอโทษหากต้องทำให้พี่นพเดือดร้อน.." " ไม่ใช่ความผิดของใครหรอกนะ มันคงเป็นชะตากรรมของผมเอง.." มานพพูดเชิงปลอบใจ รตา ยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่ม มานพยกมือรับไหว้ " ผมไปก่อนนะ แล้วผมจะเล่าเรื่องของคุณให้ สเตฟานี่ ฟัง " รตา สีหน้าแช่มชื่นขึ้นมาทันที " จริงเหรอคะ บอกเธอว่าตาอยากเจอเธอมากค่ะ.. " รตายิ้มได้ " แน่นอนครับ ผมแน่ใจว่าเธอต้องอยากพบตาเหมือนกัน.." ชายหนุ่มยิ้มตอบ " ลาก่อนครับ.. " ชายหนุ่มโบกมือลา หญิงสาวโบกมือตอบกลับ " โชคดีนะคะ " รตา ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วกว่าที่เธอคิด แม้จะแทบไม่ทันตั้งตัว แต่เธอกลับรู้สึกว่า สุดท้ายก็ต้องถึงวันที่ต้องกล่าวคำลากันอยู่ดี แต่จะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง.. เจอเพื่อจาก.. สามเดือนผ่านไป.. มันช่างเชื่องช้าในความรู้สึกของ รตา แม้มานพ และ รตา จะติดต่อกันทางเมล์ส่วนตัว แต่ช่วงหลังๆ มานพแทบไม่ได้ส่งสารใดๆมาถึงเธอเลย " เขาคงลืมเราแล้วละมั้ง..? " รตา เผลอใจคิดหลังจากว่างงาน " แต่..ช่างมันเถอะ " เธอคิดปลอบใจตัวเอง " ตา มีพัสดุจากต่างประเทศส่งมาถึงเธอ.." เสียงเพื่อนร่วมงานแย้มประตูบอกหญิงสาว รตา เดินไปรับซองวัสดุที่ชั้นวาง " พี่มานพ " เธอแอบดีใจที่เห็นชื่อผู้ส่ง เธอหยิบซองเอกสารแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องทำงาน ในซองสีน้ำตาล มีซองสีขาวเล็กซ้อนอยู่อีกที่เธอแกะะออกดูพบว่ามันเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับประเทศสหรัฐอเมริกา แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนข้อความสั้นๆอ่านได้ใจความว่า ถึง ตา ผมส่งตั๋วเครื่องบินมาให้คุณ เพื่อขอให้คุณเดินทางมาพบ สเตฟานี่ ลูกสาวผมสักครั้ง แล้วเจอกันครับ มานพ รตา อ่านเนื้อความบนแผ่นกระดาษ แล้วเกิดความสงสัยปนดีใจที่จะได้พบกับมานพอีกครั้ง แต่ก็สงสัยว่าทำไม มานพ ถึงรีบส่งตั๋วเครื่องบินให้เธอโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า.. " แม่คะ.. หนูควรจะไปหาเขาดีไหมคะ..? " รตา ส่งเสียงตามสายโทรศัพท์ถามแม่ของเธอ " มานพ คนที่ลูกเคยเล่าให้แม่ฟังใช่ไหม..? " ราณี ถามลูกสาวของเธอ " ใช่ค่ะแม่ แต่หนูลังเลว่าควรจะไปหาเขาดีหรือเปล่า..? " รตาตอบกลับ " ตา..ลูกเป็นผู้ใหญ่แล้ว และแม่เชื่อว่าลึกๆในใจลูกตัดสินใจไปแล้วว่าจะไปหรือไม่ไป.." แม่เธอตอบกลับ รตา นั่งฟังแม่ของเธอ " แต่.." " ทำตามที่ใจเราเชื่อเถอะลูก อาจจะผิดหรือถูกแต่มันก็เป็นสิ่งที่เราเลือกเอง" " หากเราฝืนความรู้สึกตัวเอง ลูกอาจจะเสียใจภายหลังก็ได้นะ " ราณี พูดน้ำเสียงเรียบๆ " ขอบคุณนะคะแม่.." รตา กล่าวกับแม่ของเธอ สนามบินดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา รตา เดินทางมาพบ กับ มานพ ที่รออยู่ที่สนามบิน " ขอโทษนะ ที่รบกวนให้เดินทางมาถึงที่นี่.." มานพกล่าวขอโทษพร้อมยิ้มดีใจ " ไม่เป็นไรค่ะ ตา ไม่เคยมาอเมริกาเลย ถือโอกาสพักร้อนมาเที่ยวเลยก็ดีคะ " รตา ยิ้มตอบกลับ มานพ ขับรถพา รตา มาจอดที่หน้าโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่ง " ถึงแล้วครับ สเตฟานี่ เธออยู่ที่นี่.." มานพ บอกหญิงสาว รตา เดินตามหลังมานพไปที่ห้องผู้ป่วยเด็ก ชั้นสองของโรงพยาบาล มานพเคาะปะตูห้อง แล้วเปิดเข้าไป รตาเดินตามเข้ามาในห้องผู้ป่วย ภาพที่เธอเห็นเบื้องหน้าก็คือ สาวน้อยผิวสี กำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยที่มีสายน้ำเกลือและอุปกรณ์การแพทย์บางชิ้นทำงานอยู่ ท่าทางของสาวน้อยดูเหนื่อยอ่อนล้า ข้างๆเธอมีนายแพทย์รูปร่างสูงใหญ่วัยกลางคนสวมเสื้อกราวด์สีขาวสะอาด " สวัสดีครับ หมอวิลสัน " มานพยื่นมือทักทายนายแพทย์พร้อมกล่าวสำเนียงภาษาอังกฤษ " อาการของหนู สเตฟ ไม่ดีขึ้นเลยครับ มีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่าเราอาจจะต้องเพิ่มปริมาณยาให้เธอมากขึ้นกว่าเดิม.. " หมอวิลสัน ตอบสีหน้าเคร่งครียด มานพเดินเข้ามาข้างๆเตียงพร้อมคุกเขาลงช้าๆ " สาวน้อยคนเก่งของฉัน ดูสิว่าฉันพาใครมา.." มานพ พูดพลางเอามือลูบไปที่ศรีษะของ สเตฟานี่ เบาๆ สาวน้อย ค่อยๆหันหน้ามามองที่ รตา ที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อบุญธรรมของเธอ " มีส.. รตา.. คุณสวยกว่าที่หนูเห็นในรูปเสียอีก.." สาวน้อยกล่าวชมช้าๆ.. รตา ยิ้มตอบกลับ " เธอก็น่ารักกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ สเตฟานี่ " รตา กล่าวชมเธอบ้าง " ฉันพาคุณรตามาพบหนูแล้ว ฉันทำตามสัญญาแล้ว สเตฟานี่ หนูต้องรักษาสัญญากับฉันด้วยนะ.." มานพกล่าวกับสาวน้อยที่นอบหอบเหนื่อยอยู่บนเตียง สเตฟานี่ ยิ้มช้าๆพร้อมพยักหน้ารับรู้ " คะ คุณพ่อ หนูจะอยู่ดูคุณทั้งสองแต่งงานกัน.. " รตา อึ้งเมื่อได้ยินคำตอบของสาวน้อย เธอยิ้มประหลาดใจพร้อมหันไปมอง มานพ ที่หันมาหลิ่วตาให้เธอ เป็นที่รู้กัน.. " แน่นอนจ๊ะ เราจะแต่งงานกันทันทีที่หนูหายป่วย " มานพ พูดไปพร้อมจับมือของสเตฟานี่เอาไว้แน่น " หนูอยากมีน้องค่ะคุณพ่อ.." " หนูอยากให้น้องแข็งแรงกว่าหนู หนูอยากสอนน้องทำการบ้านทุกวัน.." สเตฟานี่ พูดเศร้าๆเหมือนรู้ว่าเธออาจจะไม่ได้เห็นสิ่งที่เธอหวังเอาไว้.. รตา แทบสะกดกลั้นน้ำตา แห่งความสะเทือนในใจเอาไว้ไม่ไหว เธอเงยหน้ามองเพดานห้อง เพราะสงสารสาวน้อยเหลือกำลัง " หนู จะได้ทำสิ่งที่หนูอยากจะทำแน่นอน แต่ตอนนี้หนูจะต้องเข้มแข็ง และเอาชนะโรคนี้ให้ได้ก่อนนะ " มานพ พูดปลอบใจ มานพ ก้มหน้าไปจุมพิตที่หน้าผากของ สเตฟานี่เบาๆ " ต้องให้เธอพักผ่อนมากๆนะครับ อย่าเพิ่งรบกวนเธอเลยครับ " หมอวิลสัน พูดกับมานพและรตาพร้อมๆกัน " แล้วหมอต้องการเลือดของผมเพิ่มหรือเปล่าครับ..? " มานพ ถามหมอวิลสัน " ถึงเวลานี้ถึงคุณให้เลือดของคุณอีกกี่ซีซี ก็แทบไม่ช่วยให้อาการของเธอดีขึ้นหรอกครับ เพราะปัญหาอยู่ที่ภูมิคุ้มกันในตัวเธอเอง เรามาร่วมสวดมนต์ให้เธอกันเถอะครับ" หมอวิลสัน ตอบ หลังจากทั้งคู่เดินออกจากห้องผู้ป่วย มานพก็พูดกับ รตา ที่มีดวงตาแดงกล่ำเหมืนคนพึ่งร้องไห้ " ผมขอโทษนะที่ต้องบอกกับสเตฟานี่ไปอย่างนั้น.." " ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่นพ ตาสงสารเธอเหลือเกินค่ะ ".. บนที่นั่งในอาคารโรงอาหารของโรงพยาบาล ทั่งคู่นั่งสนทนากันหลังจากที่ไม่ไดด้พบกันมานาน " ในตัวของ สเตฟานี่ มีเลือดของผมครึ่งหนึ่ง ผมยินดีสละชีวิตให้เธอ หากทำให้เธอหายป่วยได้.." มานพ กล่าว " รตา มองใบหน้าของเขา ก็เห็นริ้วรอยของความวิตกกังวลในแววตา " พี่นพ ทำเพื่อเธอมามากแล้วค่ะ ถ้าไม่มีพี่นพในวันนั้น วันนี้ก็คงไม่มีเธอ.. " รตากล่าวตอบ " สเตฟานี่ เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังต้องมีชีวิตต่อไป ถ้าไม่มีเธอผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่อใคร.." มานพ พูดพร้อมก้มหน้านิ่ง รตา ฟังมานพพูดแล้วก็ซาบซึ้งถึงความผูกพันของสองพ่อลูกต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา ย้อนคิดไปว่า หากวันนี้เธอตัดสินใจไม่มาที่นี่ คนที่จะเสียใจคงไม่ใช่แค่เธอคนเดียวแน่.. สองสัปดาห์หลังงานศพ สเตฟานี่.. มานพ ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า เขาสวมแว่นตาดำสนิทปกปิดดวงตาที่บอบช้ำของเขาตลอดเวลา.. รตา อยู่ร่วมงานจนจบพิธี " เธอได้กลับไปหาพ่อแม่ของเธอที่สรวงสวรรค์แล้ว.." บาทหลวงกล่าว หลุมศพสเตฟานี่ มีช่อดอกไม้วางอยู่ไม่มากนัก รตายืนดูมานพที่ทอดสายตามองป้ายหลุมศพของเด็กน้อยอย่างสงบนิ่ง " หลับให้สบายนะสาวน้อย ฉันดีใจที่ได้พบเธอ " รตา พูดกับป้ายหลุมศพของสเตฟานี่ " เสียใจด้วยนะคะมาร์ค.." เสียงที่คุ้นหู ทำให้รตาต้องหันไปดูเจ้าของเสียง " คุณคาร่า.. " รตาอุทานในใจ มานพหันหน้ามามองคาร่า พร้อมกับพยักหน้าตอบรับ " ขอบคุณนะคะ ที่ส่งข่าวให้ทราบ " คาร่า กล่าว " ผมก็ขอบคุณคาร่าเหมือนกัน ที่อุตสาห์มาร่วมงานศพ สเตฟานี่.. " รตา ประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็น คาร่า ปรากฏตัวในเวลานี้ แต่ก็เข้าใจว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงานหรือธุรกิจ แต่มันเป็นเรื่องของน้ำใจล้วนๆ เธอแยกแยะได้ และก็ไม่แปลกที่เธอทั้งคู่จะมาพบกันในสถานที่แบบนี้ จากได้ก็พบได้ พบได้ก็จากกันได้เช่นกัน.. เหมือนเธอกับสาวน้อยที่กำลังนอนทอดร่างกายใต้แผ่นดินตรงหน้าเธอ.. ชัยชนะที่หลอกลวง.. " ขอบคุณที่มาร่วมงานกับเราอีกครั้งนะคุณมานพ " ท่านประธานคังจู กล่าวกับมานพ " แม้ว่าคุณอาจะไม่เต็มใจเท่าไหร่.. " " ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเคเอสถึงต้องดึงตัวผมมา ทั้งๆที่เคเอสก็มีบุคลากรเก่งๆตั้งมากมาย " มานพ ยิงคำถามต่อ ซีอีโอของบริษัทปิโตรเคมียักษ์ใหญ่ " ใช่.. คนเก่งๆเรามีมากมาย แต่คนพิเศษแบบคุณเรายังไม่มี.. " คังจู พูดพร้อมหันหน้าไปทาง มานพ " จะให้ผมช่วยอะไร..? " มานพถามแบบไม่เกรงใจ " ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เราอยากให้คุณช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ให้แก่ตลาด.. ในแบรนด์เคเอส.." " สินค้าอะไร..? " มานพถามต่อ " โพลีคาร์บอนไฟเบอร์.." คังจู ตอบมานพ " เราพยายามพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวนี้มาสองปีแล้ว แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ เราต้องการคุณ " " แล้วถ้าผมทำไม่สำเร็จ.." มานพถามต่อ " เราเชื่อมือคุณ คุณมานพ.." คังจู กล่าว เมื่อมานพมาถึงที่พักพร้อมเอกสารหอบใหญ่ เขานั่งอ่านเอกสารโครงการ โพลีคาร์บอนไพเบอร์ อยู่ค่อนคืนแล้วพบความผิดปรกติบางอย่าง หากโครงการนี้เคเอสทำสำเร็จ เคเอสจะกลายเป็นผู้ผูกขาดเคมีภัณฑ์รายใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะไปทำลายโครงสร้างการตลาดปิโตรเคมีและเหล็กกล้าของโลกในอนาคต ธุรกิจของคู่แข่งจะโดนเคเอสกินรวบ และ จะมีคนตกงานทั่วโลกเป็นล้านๆคน.. " คาร่า คุณก็รู้ใช่ใหมว่า ถ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้พัฒนาสำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดโลก " มานพ ตั้งคำถามต่อคาร่า " ใช่ค่ะ เคเอสจะกุมความได้เปรียบ และเราจะกลายเป็นเป็นผู้กำหนดราคาในท้องตลาด " คาร่าตอบ " นี่มันบ้าไปแล้ว แล้วคู่แข่ง ผู้ประกอบการรายเล็กที่กำลังก่อร่างสร้างตัวเขาจะอยู่ยังไง..? " " มันเป็นเรื่องของธุรกิจค่ะ ใครอ่อนแอก็ต้องล้มหายตายจากไปเป็นธรรมดา " คาร่า ตอบแบบหนักแน่น " มาร์ค คุณไม่ใช่พระเอก ไม่ใช่ผู้กอบกู้โลกนะคะ จะมาห่วงอาวรณ์อะไรกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นคะ " " และถึงแม้ว่ามันจะเป็นจริงอย่างที่คุณคิด แต่มันก็คือโลกของการแข่งขัน ถ้าเราไม่รุกเขาก่อน เราก็จะโดนเขากลืนกินเหมือนกัน.. " คาร่าตอบ สายตาจ้องหน้ามานพ " ไม่ คาร่าคุณไม่ใช่คนแบบนี้ คาร่าคนที่ผมเคยรู้จักหายไปไหนแล้ว.." มานพ พูดตัดพ้อ " เราเรียนปิโตรเคมีมาเพื่ออะไรกัน..? สุดท้ายเราก็กลายเป็นเครื่องมือทางธุรกิจ ให้ปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างนั้นหรือ..? " " สิ่งที่เราเล่าเรียนมา มันควรจะสรรค์สร้างโลกของเราให้ก้าวหน้ารุ่งเรือง ไม่ใช่เพื่อทำลายกันเอง.." มานพ พูดพร้อมทำท่าจะเดินออกจากห้องของคาร่าไป " โลกใบนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับผู้แพ้หรอกนะคะ มาร์ค.." คาร่า พูดต่อ " ทำไม เราไม่คิดว่าทั้งคุณและเคเอส จะเป็นผู้ขนะในเวทีนี้ได้ เราจะชนะไปด้วยกัน " คาร่า หว่านล้อม " " ก็ได้ คาร่า ผมมืออาชีพพอที่จะรักษาสัญญา แต่มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำให้คุณและเคเอส " มานพกล่าว " และชัยชนะที่หลอกลวงอย่างนี้ ผมขอให้คุณและเคเอส เอาไปนอนกอดให้สบายใจก้แล้วกัน.." มานพ พูดเสร็จและเดินออกจากห้องทำงานของ คาร่า ไปทันที.. หมดแรง.. " ผมท้อแท้เหลือเกินตา ผมกำลังสับสน ว่าผมจะเดินต่อไปอย่างไรดี..? " รตาอ่านเมล์ของมานพ แล้วรู้สึกสงสารเขาขึ้นมาจับใจ รู้สึกตัวว่าผิดที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ทำให้มานพต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก.. " อย่าพึ่งหมดกำลังใจนะคะพี่นพ ตายังเป็นกำลังใจให้อยู่นะคะ ยิ่งพี่นพเป็นแบบนี้ ตายิ่งรู้สึกผิด อย่าทำให้ตายิ่งรู้สึกว่าเป็นต้นเหตุทำให้พี่นพเป็นแบบนี้เลยนะคะ " " อย่าคิดอย่างนั้นนะครับ ตาไม่ผิดอะไร โชคชะตาอาจกำลังเล่นตลกกับผมออยู่ ผมแค่อยากรู้ว่าผมทำผิดอะไร..? " รตา อ่านข้อความของ มานพ แล้วน้ำตาของเธอร่วงหล่นโดยไม่รู้ตัว มานพ บอกเล่าเรื่องของเขาที่เคเอส โดยไม่ปิดบัง ทำให้ รตา รู้สึกรักและสงสาร มานพ มากขึ้นเป็นร้อยเท่าทวีคูณ.. มานพ โหมทำงานในห้องปฏิบัติการของเคเอส จนวันหนึ่งเขารู้สึกหน้ามืดล้มหมดสติลง " ร่างกายของเขาอ่อนแอมากครับ น่าจะเกิดจากการทำงานหนักเกินไปและพักผ่อนไม่เพียงพอ " คุณหมอที่โรงพยาบาล รายงานอาการของ มานพ ให้ คาร่า ฟัง " อืม.. และเขายังมีเลือดกลุ่มพิเศษอีกด้วย ซึ่งในเกาหลีหายากมาก.. " คุณหมอพูดต่อ " แล้วเขาจะหายเมื่อไหร่คะ..? " คาร่า ถามด้วยสีหน้ากังวล " ทางร่างกายหมอว่า ถ้าไม่กระทบต่อเรื่องการหมุนเวียนของโลหิตก็ไม่นาเป็นห่วงครับ แต่.." " แต่ถ้าเป็นเรื่องของจิตใจของคนไข้ หมอว่าคงต้องใช้เวลา..หมอขอตัวก่อนครับ" คุณหมอพูดจบ พร้อมก้มศรีษะเล็กๆอำลา คาร่า โค้งตัวตอบกลับ ก่อนเคาะประตูแล้วเข้าไปในห้องที่ มานพ นอนพักอยู่ " มาตามตัวผม ไปทำงานสินะ..? " มานพพูดโดยไม่หันไปมองแขกที่เดินเข้ามา " มาร์คคะ คาร่าเป็นห่วงคุณ คุณจะรักษาตัวกี่วันก็ได้ หากคุณสบายใจแล้วค่อยกลับไปทำงานก็ได้ค่ะ " คาร่า พูดนิ่มนวล มานพ ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก ก่อนหันมามองหน้าสาวสวย.. " คุณรู้ไหมว่า ผมกำลังคิดอะไร..? " มานพ เอ่ยถามคาร่า " ไม่ทราบค่ะ " คาร่า ตอบกลับ " ผมกำลังคิดถึง สเตฟานี่ ลูกสาวผมก่อนที่เธอจะตาย.. " มานพตอบ " ทั้งผมและสเตฟานี่ คือสิ่งพระเจ้าสร้างเราขึ้นมา แต่สุดท้ายท่านก็ทอดทิ้งเราไป.. " " เราทั้งคู่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกเลือก และจะต้องเผชิญหน้าชะตากรรมด้วยตัวเอง.." มานพกล่าวเรียบๆ " โลกนี้มันแปลกนะ คาร่า สิ่งที่เราอยากได้กลับไม่ได้ แต่สิ่งที่เราไม่อยากได้มันกลับพุ่งเข้าชนเราเข้าอย่างจัง " " เหมือน คาร่า ตอนนี้สินะคะ.." คาร่า พูดบ้าง " คุณก็รู้ว่า คาร่า คิดอย่างไรกับคุณ แต่สิ่งที่คุณกำลังตอบแทนคาร่า มันไม่ใช่.. " " คาร่า ก็เป็นสิ่งที่ มาร์ค ไม่เลือกเหมือนกัน.." คาร่า พูดตัดพ้อ " ผิดแล้ว คาร่า.. ผมเลือกคุณในแบบที่ผมเลือก แต่ไม่ใช่แบบที่คุณคิด " และมันเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง.." มานพตอบกลับ คาร่า นิ่งอึ้ง เมื่อรู้ความจริงจากปากชายหนุ่มว่า เขาคิดอย่างไรกับเธอ.. " ผมเหนื่อย หมดกำลังใจ เพราะผมกำลังทำในสิ่งที่ผมไม่อยากทำ.." มานพ ค่อยๆล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วหลับตา จนได้ยินเสียง คาร่า เดินออกจากห้องไป.. โลกนี้มันแปลก อะไรที่เราเคยโอบกอดมันไว้ สุดท้ายมันก็สลายไปกับสายลม อะไรที่เราเคยครอบครองข้องเกี่ยว สุดท้ายมันก็ไม่เคยรักเราจริง และพร้อมจะทอดทิ้งเราไปตลอดเวลา มีแตใจเราเท่านั้นที่เปลี่ยนไปตามสิ่งที่สัมผัสปรากฏ แต่ความเป็นจริง ใจ เรากลับไม่เคยรู้เลยว่า.. ในชีวิตเรานี้ ไม่เคยมีอะไร เปลี่ยน และ ไม่เคยมีอะไร ปรากฏ.. ติดตามบทสุดท้ายของหนุ่มสาวเหล่านี้ จะเป็นเช่นไรในตอนตอ่ไป.. |
นายสมมุติ
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?] Link |