Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
เที่ยวหัวใจใหม่เมืองไทยยั่งยืน เรียนรู้ประวัติและความเป็นมาของงานถือศีลกินผักจ.ตรัง ตอนที่ 5





จากตอนที่ 4 เราข้ามฟากมาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือกันตังแล้ว จุดหมายของเราก็คือร้านโกเกี้ยอันโด่งดัง

ที่คุณวิภูมิใจนำเสนอ พวกเรามาถึงไม่นานเมนูที่ทางร้านเตรียมไว้ให้พวกเราก็ลำเลียงขึ้นโต๊ะ

แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น จานแรกเป็นเต๋าเต้ย(ปลาจาระเม็ด)หนึ่งซีอิ้ว ตัวใหญ่เนื้อหนาน่าทาน

ซะเหลือเกิน พวกเราไม่รอช้า เห็นห้องก้นครัวเขาถ่ายรูปกันคนละหนุบละหนับ


มีหรือย่าจะไม่ถ่ายมั่ง เพราะปรกติไปทริปกับพ่อทูนหัวมัวแต่ถ่ายรูปอาหารเป็นโดนค่อนแคะ

จนไม่กล้าถ่าย


จานนี้รสชาดกำลังละมุน เค็มกำลังดีหวานด้วยเนื้อปลาที่สดใหม่





ส่วนจานนี้นึ่งบ้วย ย่าชิมทั้งสองอย่าง อร่อยไปคนละแบบ





มีไข่ตุ๋นเนื้อเนียน ใส่หอมแดง แปลกอร่อยดีค่ะ





แฮ่กึ้นปูห่อทองทอดกรอบ(สูตรลับเฉพาะ)หรือฮ่อยจ๊อ





ปูผัดพริกไทยดำ ตัวโตๆ





คุณโจนแพ้อาหารทะเลเลยได้เมนูไข่มาปลอบใจ ดูแล้วน่าทานจนอดแย่งทาน

ไม่ได้ ใจร้ายเนอะ อิอิ





ราดหน้าทะเลเห็นแล้วอยากกลับไปทานอีก





ระหว่างรอ ดูชุดพริกน้ำปลาไปก่อน 555





จำปาดะ เพิ่งจะได้ลองทานนี่แหละ อยากลองทานมานานแล้ว เพิ่งทราบว่าเขาทานทั้งเมล็ดด้วย




เจ้าของร้านโกเกี้ยกับลูกชาย ย่าใจร้อนรอให้มองมากล้องย่าก็ไม่มองมาซะที

ถ่ายมันทั้งอย่างงี้แหละ เหอๆๆ





เรามาดูเมนูเด็ดของทางร้านกันว่ามีอะไรมั่ง





หลังจากอิ่มอร่อยจนแทบลุกไม่ขึ้นแล้ว ก็ไปต่อกันค่ะ ผ่านถนนสายนี้มีปลาพะยูนเป็นเครื่องหมาย





ถึงแล้วศาลเจ้าแรกที่โกป๋าว มัคคุเทศกิตติมศักดิ์ พาเรามาชม

ศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน





เพื่ออรรถรสในการชมขอนำประวัติของศาลเจ้าแห่งนี้มาให้อ่านค่ะ

----------

ประวัดิความเป็นมาของศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน

ศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วนเริ่มก่อสรส้างเมื่อพ.ศ. ๒๔๔๒ มีอายุประมาณ ๑๐๗ ปี

มาแล้ว ก่อสร้างในสมัยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี(คอซิมปี้ ณ ระนอง)

อดีตเจ้าเมืองตรังในขณะนั้น บริเวณสถานที่ก่อสร้างศาลเจ้าเดิมเป็นป่าชายเลน

น้ำท่วมถึงมีต้นไม้โกงกางเต็มไปหมด โดยมีนายซูทะ แซ่หลิม กับนายต้องก้วน แซ่อ๋อง

ซึ่งเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนเดินทางมาจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ร่วมกับพวกพ้องที่

เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยกันได้ร่วมกันก่อสร้างศาลเจ้าขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่เดินทางมาค้าขายที่อำเภอกันตัง

ได้พักแรมค้างคืนและทำกิจกรรมทางเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนและเพื่อเป็นศูนย์รวม

จิตใจของชาวจีนฮกเกี้ยนด้วย





ชาวจีนฮกเกี้ยนดังกล่าวที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ จะเดินทางเข้ามา

ทางแหลมมลายู ประเทศมาเลเซียมาปักหลักฐานอยู่ที่หมู่บ้านท่าจีน(บ้านท่าจีน

อ.เมือง จ.ตรังในปัจจุบัน) และที่หมู่บ้านย่านซื่อ(ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรังในปัจจุบัน)

ต่อมาก็ได้เดินทางมาปักหลักฐานอยู่ที่อำเภอกันตัง ซึ่งเป็นพื้นที่ศาลเจ้าใจปัจจุบัน

และถือว่าเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนที่เข้ามาในอำเภอกันตังเป็นกลุ่มแรก ในสมัยนั้นมีพ่อค้า

ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จะบรรทุกสินค้าเดินทางมากับเรือสำเภา(เรือใบสามหลัก)

มาค้าขายกับชาวจีนฮกเกี้ยน และประชาชนในท้องถิ่นอำเภอกันตัง โดยนำเรือมา

จอดเทียบท่าที่บริเวณท่าเรือของศาลเจ้า ซึ่งชาวจีนฮกเกี้ยนได้ร่วมกันสร้างท่าเรือขึ้น

ในการเดินทางมาค้าขายแต่ละครั้ง จะมาพักแรมที่ท้องถิ่นอำเภอกันตังครั้งละหลายๆวัน

ทางศาลเจ้าก็ได้จัดสถานที่สำหรับพักแรมภายในศาลเจ้าไว้ให้ได้พักอาศัย เพราะ

ในสมัยนั้นโรงแรมยังไม่มี ทางศาลเจ้าก็ได้มีการตกแต่ง จัดที่พักไว้สำหรับแขกต่าง

เมืองและผู้มาเยือนจากต่างจังหวัด เช่นภูเก็ต ปีนัง สิงคโปร์และพ่อค้าทางเรือ เป็นต้น





พ่อค้าชาวจีนได้นำสินค้าบรรทุกเรือสำเภามาค้าขายที่ท้องถิ่นอำเภอกันตังใน

สมัยนั้นก็ได้นำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกตนนับถือบูชาในการเดินเรือทางทะเล มาประดิษฐาน

ไว้ที่ศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วนด้วยคือ องค์มาจ้อโป้ว(เจ้าแม่แห่งทะเลหรือเจ้าแม่ทับทิม)

เพื่อนำมาประดิษฐานไว้ที่ศาลเจ้า จะได้สักการะนับถือบูชาในการเดินทางค้าขายทาง

ทะเลและได้ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนาเชื้อสายจีนด้วย ต่อมาเป็นที่สักการะบูชาของ

หมู่ประชาชนท้องถิ่นกันตัง ซึ่งมีการจัดงานเป็นประจำทุกปีในการนำองค์มาจ้อโป้ว

มาครั้งแรกนั้นได้นำมาประดิษฐานไว้ที่ชั้นบนของศาลเจ้า ประชาชนที่มาที่ศาลเจ้า

บางคนก็ไม่ได้สักการะบูชาและไม่ได้พบเห็น ต่อมาในพ.ศ. ๒๕๒๕ คณะกรรมการ

บริหารศาลเจ้าได้ย้ายองค์มาจ้อโป้ว ลงมาประดิษฐานไว้ชั้นล่างด้านหลังของศาลเจ้า

พร้อมตกแต่สถานที่สำหรับประดิษฐานไว้อย่างสวยงามมาก เพื่อให้ประชาชน

ทั่วไปได้มากราบไหว้บูชาได้สะดวก





ในช่วงที่นำองค์มาจ้อโป้วมาประดิษฐาน

ที่ศาลเจ้าตอนแรกนั้น มีกลุ่มพวกหัวรุนแรง ที่มีความคิดที่ไม่เห็นด้วยกับการนำองค์

มาจ้อโป้วมาไว้ที่ศาลเจ้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกที่เกี่ยวข้องกับพวกหัวรุนแรงหรือไม่

เห็นด้วยและมองว่าเป็นเรื่องงมงาย ซึ่งได้นำองค์มาจ้อโป้วไปทิ้งทะเลที่ปากน้ำตรัง

ต่อมาทางศาลเจ้าได้นำองค์ใหม่จากประเทศจีนมาไว้แทนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒

ซึ่งเป็นองค์ที่ประดิษฐานอยู่จนถึงปัจจุบัน





ในสมัยก่อนที่ศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน มีกิจกรรมที่สำคัญหลายอย่าง ที่ได้ดำเนิน

การภายในศาลเจ้า อาทิเช่น มีการเรียนการสอนภาษาจีนที่ศาลเจ้า ซึ่งก่อนหน้านั้น

ภาษาจีนได้ทำการสอนที่โรงเรียนประชาวิทยา แล้วรัฐบาลได้สั่งการให้ยกเลิกการสอน

ภาษาจีน ต่อมาได้มีการฟื้นฟูภาษาจีนขึ้นอีกครั้ง และได้ใช้อาคารศาลเจ้าเป็นสถานที่เรียน

ชั่วคราวก่อนที่จะย้ายไปสอนที่โรงเรียนจุ๋งฮัวโซะเซียวจนถึงปัจจุบัน การส่งยางพารา

ไปขายที่สิงคโปร์ ปีนังในสมัยก่อนนั้นก่อนที่จะนำลงเรือบรรทุกสินค้า จะต้องนำยาง

พารามาเก็บพักไว้ที่ศาลเจ้าก่อน เพื่อรอเรือบรรทุกสินค้าเข้าเทียบท่าแล้วจะมีกรรมกร

แบกหามลงเรือสินค้าต่อไป





ซึ่งเจ้าของบริษัทโรงงานเต็กบี่ห้าง นายอินต๋อง แซ่หลี

เป็นผู้เขี่ยนภาษาจีนคำว่า"ฮกเกี้ยนกงก้วน" ไว้ที่หน้าศาลเจ้ามีหลักฐานอยู่จนถึงปัจจุบัน

มีคหบดีเจ้าของเหมืองแร่จาก ภูเก็ต นครศรีธรรมราช พังงา ที่จะเดินทางไปต่างจังหวัด

หรือกรุงเทพมหานคร ในระหว่างการเดินทางจะมาพักแรมที่ศาลเจ้าเป็นประจำ





ซึ่งที่อำเภอกันตังสมัยนั้นมีท่าเรือภูเก็ตด้วย เรียกว่า"สะพานเหล็ก" ในศาลเจ้าสมัยนั้น

ได้มีโรงฝิ่นอยู่ในศาลเจ้าด้วย ชาวจีนฮกเกี้ยนส่วนใหญ่นิยมสูบฝิ่นกันมาก จึงได้จัดสร้าง

โรงฝิ่นในศาลเจ้าด้วย ตลอดถึงการสมรสในสมัยก่อนชาวกันตังที่จะสมรสกันจะต้องไปทำ

พิธีมงคลสมรสที่ศาลเจ้าทุกคน จะมีการจดทะเบียนสมรสเป็นภาษาจีนเขียนในกระดาษ

แข็ง และ ถ้าหากคู่สมรสเกิดทะเลาวิวาทกัน ก็จะมีคณะกรรมการศาลเจ้าไกล่เกลี่ย

ประณีประนอมไม่ให้แตกแยกกัน





ในปัจจุบันศาลเจ้าฮกเกี้ยนกงก้วน เป็นสถานที่ให้บริการประชาชนชาวอำเภอ

กันตังเป็นอย่างมาก เช่น เป็นสถานที่จัดประชุมของคณะกรรมการการจัดงานต่างๆ เป็น

สถานที่ในการจัดงานมงคลสมรสเป็นประจำ และที่สำคัญหลังคาของศาลเจ้ามุงด้วย

กระเบื้องว่าวซีเมนต์ ซึ่งเป็นกระเบื้องที่ใช้มุงหลังคาบ้านเรือนในสมัยโบราณ แสดง

ให้เห็นถึงความเก่าแก่ของศาลเจ้า และด้วยอาคารของศาลเจ้าก็มีการาสร้างตามแบบแปลน

การก่อสร้างของสมัยโบราณ ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ควรอนุรักษ์ ปัจจุบันหลังคาที่เป็น

กระเบื้องว่าวซีแเมนต์มีความชำรุดและได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเป็นกระเบื้องลอนคู่

ใหม่แล้ว





ปัจจุบันมีกรรมการดูแลศาลเจ้าคือ นายวิจิตร ปฏิเวช ผู้ตรวจตราสอดส่อง

ศาลเจ้า นายวิบูลย์ ปฏิเวช ผู้จัดการศาลเจ้า





มีศาลเจ้าอยู่ด้านหลัง สังเกตุดูจะมีนกนางแอ่นบินว่อนอยู่แถวนั้นค่อนข้างมาก





ศาลเจ้าม่าจ้อโป้ ใช้กล้องสอดเข้าไปถ่ายค่ะ เพราะประดูเหล็กปิดอยู่





ที่เผากระดาษเงินและทอง





คนดูแลศาลเจ้าเรียกให้พวกเรามาดูด้านหลัง มีอะไรดูนะต้องตามไปดูบ้าง





อ้อเป็นตึกสี่เหลี่ยมที่เจ้าของให้เป็นที่อยู่อาศัยของนกนางแอ่นนี่เอง จึงเห็นนก

นางแอ่นบินเข้าออกอยู่ตลอดเวลา





เจ้าพ่อกวนอู มังคะ ถ้าจำผิดก็ขออภัย





ยังสร้างไม่เสร็จ บางส่วนเริ่มชำรุด (ตรงปลายดาบ) น่าเสียดายยิ่งนัก





ราวบันไดไม้เก่าข้างในศาลเจ้าฮกเกี้ยนสลักเสลาสวยงาม





หลังจากชมเสร็จแล้วพวกเราก็เดินออกมาทางด้านหน้า

เห็นหนูหนุ่ยกำลังแอคอาร์ตกับบานประตูสีสด จึงเก็บช๊อตบ้าง





แล้วเราก็ได้พบความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวตรังค่ะ

บัตรเชิญไปงานศพที่ใหญ่ที่สุดในโลก เอาประวัติที่มามาให้อ่านกันค่ะ

------------

ประเพณีงานศพ พิธีงานศพของชาวตรังโด่งดังขึ้นด้วย ความแตกต่างของการ์ดเชิญ

ที่มีขนาดใหญ่ และมีรายชื่อเจ้าภาพเรียงรายนับร้อยไม่เหมือนกับการ์ดเชิญงานศพทั่วไป


ซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่ที่ผ่านชีวิตอันยาวนานจากอดีต ต่างบอกกล่าวเล่าขานถึงมูลเหตุที่มาของ

ลักษณะการ์ดเชิญใบใหญ่นั้นว่า เริ่มต้นมาจากหมู่คนจีนยุคแรกที่มาอาศัยแผ่นดินตรัง

ทำมาหากินด้วยความรู้สึกของความขัดแย้ง ทำให้หมู่คนจีนผูกพันเหนียวแน่น หาโอกาส

ติดต่อพบปะค้าขายช่วยเหลือ บอกข่าวถึงกันอยู่ตลอด เมื่อมีการตายเกิดขึ้นซึ่งถือเป็น

เรื่องสำคัญยิ่ง จำเป็นต้องบอกกล่าวต่อกัน หากแต่ความข้นแค้นลำเค็ญในภาวะความ

เป็นอยู่ของชาวจีนสมัยนั้น ไม่เอื้ออำนวยให้สามารถเดินบอกการ์ดเชิญแก่ทุกบ้านได้

จึงกลายมาเป็นอาศัยการเขียนใบประกาศปิดตามร้านค้าขายกาแฟ ที่บรรดาคนจีนนิยม

มานั่งดื่มกินกันในตอนเช้า จึงทราบข่าวคราวของเพื่อนฝูงได้ พฤติกรรมเช่นนี้ได้ถ่าย

ทอดจากชาวจีนสู่ชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมตามลำดับ จนกลายเป็นประเพณีของ

ทุกคนไปในที่สุด


ข้อความสำคัญในการ์ดใบเขื่องนั้น นอกจากจะระบุชื่อผู้ตาย สาเหตุการตาย สถานที่ตั้งศพ

วันจัดงาน วันฌาปนกิจ แล้วสิ่งสำคัญก็คือ รายชื่อเจ้าภาพ ซึ่งจะรวมเอาเหล่าบรรดา

เครือญาติทั้งหมดเรียงรายเป็นทิวแถว และถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันโดยไม่รู้ตัวว่า

หากอ่านพบชื่อเจ้าภาพคนใดคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของตนแล้วละก็ ต้องไป

ช่วยงานศพนั้นด้วยทันที เป็นการปลูกฝังความมีน้ำจิตน้ำใจต่อกันฉันท์ญาติมิตร

เพื่อนสนิท คนชิดใกล้ ให้สานสัมพันธ์โยงใยกลายเป็นร่างแหความผูกพันอันยิ่งใหญ่

ของผู้คนทั้งจังหวัด

สนใจอ่านประเพณีอื่นๆได้เพิ่มเติมจากลิงค์นี้ค่ะ


//www.lib.ru.ac.th/trang/tranginfo/culture.html





การ์ดเชิญที่มีขนาดใหญ่ และมีรายชื่อเจ้าภาพเรียงรายนับร้อย





วิถีชีวิตชาวตรังยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาก มีโอกาสจะนำมาถ่ายทอดให้ฟังและชมอีกนะคะ บายค่ะ


Create Date : 03 ตุลาคม 2554
Last Update : 8 ตุลาคม 2554 17:54:07 น. 8 comments
Counter : 3446 Pageviews.

 
อยากบอกว่าเต็มอิ่มทั้งภาพและคำบรรยายค่ะย่าดาดา
G+1 ไปเต็มๆ ค่ะ
อาหารย่าดาดาถ่ายมาซะหิวเลย
โกป๋าวเลยดังใหญ่เลย คิคิ
ฉัตรแวะมาเกบลิงค์ไปแชร์ที่กลุ่มค่ะย่าดาดา
^ ^


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:21:11:31 น.  

 
สวัสดีจ้าหนูปลายฉัตร ยินดีจ้า


โดย: ดา ดา วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:21:53:05 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับย่าดา



หอยจ๊อกับก้ามปูใหญ่
ทำให้ผมหิวมากเลยครับในตอนนี้ 555


น่าทานมากๆเลยครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 ตุลาคม 2554 เวลา:5:25:48 น.  

 
หมิงหมิงคงอยากไว้ผมยาวนะครับย่าดา
แต่พ่อก๋าจับไถตลอดเลยครับ 5555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 ตุลาคม 2554 เวลา:11:25:15 น.  

 

แหล่มค่ะย่าดา
อุ้มเลยแวะมาโหวต Food Blog ให้ย่า
ตอนนี้อุ้มตอนที่ 14 ที่ร้านพงษ์โอชา 2




โดย: อุ้มสี วันที่: 5 ตุลาคม 2554 เวลา:20:35:59 น.  

 


สวัสดีค่ะย่าด..

ออกเจแล้ว อยากทานอะไรค่ะ..?

ของอ้อมแอ้มอยากทานจานนี้ค่ะ..ฮิๆ อร่อย !

แต่คงจะไม่อร่อยเท่าที่ตรังเน้อะ..ฮ่าๆ



โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 6 ตุลาคม 2554 เวลา:21:47:48 น.  

 
คุณกะว่าก๋า ตอนนี้ไถ่ผมหมิงๆได้โตอีกสักหน่อยคงห่วงหล่อไม่ยอมให้ไถแล้ว 555

ขอบคุณหนูอุ้มสำหรับโหวด และภาพค่ะ

หนูอ้อมแอ้ม ออกเจก็ทานหนักๆเลยหรอ


โดย: ดา ดา วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:6:56:58 น.  

 

กลืนน้ำลายเล็กน้อยค่ะย่าดา

ไข่ตุ๋นคงละมุนลิ้่นเลยนะคะ เนื้อเนียนสวยเชียว

ปูผัดพริกไทดำ ได้ซักก้ามจะไม่ลืมพระคุณเลยค่ะ




สวัสดีวันสีฟ้าค่ะย่าดา

เข้ามาบ่อย ไม่ค่อยกล้าคอมเมนท์ค่ะ เมียงๆ มองๆ แล้วก็ย่องออกไปเงียบๆ








โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:14:41:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.