Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
15 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
เที่ยวหัวใจใหม่เมืองไทยยั่งยืน เรียนรู้ประวัติและความเป็นมาของงานถือศีลกินผักจ.ตรัง ตอนที่ 2




เชิญเที่ยวงาน ถือศีลกินผัก จังหวัดตรัง ซึมซับความเชื่อและความศรัทธา สู่งประเพณีโบราณอันศักดิ์สิทธิ์ 26 กันยายน- 5 ตุลาคม 2554 ..."หนึ่งคนกินผัก

หมื่นชีวิตรอดตาย"



จากสนามบิน หนูสาวคิตตี้ และคุณวิ จาก ท.ท.ท. นำรถมารับคณะเราไปเช็คอินที่โรงแรมศรีตรัง

ด้านหน้าถึงจากดูไม่กว้างขวางมากนักแต่ภายในกว้างขวางน่ารักถูกใจย่ามาก เป็นโรงแรมสไตล์

ชิโนโปตุกีสที่เหลืออยู่เพียงแห่งเดียว โรงแรมนี้เปิดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1952





ถูกใจรูปภาพประดับฝาผนังคู่นี้จัง สีสวยลายเส้นน่ารัก





คุณโจนเหมือนรู้มุม แอ๊คท่าใส่ซะงั้น





โรงแรมศรีตรัง โรงแรมบูทิคในบรรยากาศคลาสิคในสไตล์ชีโน-โปรตุกีสแห่งเดียวในจังหวัดตรัง

ที่เปิดให้บริการด้านที่พักและอาหาร มาตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2495 โรงแรมศรีตรัง ตั้งอยู่ใจกลาง

เมืองตรัง ใกล้สถานีรถไฟย่านการค้าตลาดกลางวัน และกลางคืน บริการที่พักที่สะอาด สะดวกสบาย

และปลอดภัย กับห้องที่พักไม่เกิน 20 ห้องที่ยังคงอนุรักกษ์บรรยากาศ และวิถีชีวิตแบบชาวตรัง

เอาไว้ด้วยความภาคภูมิ

22-26 ถนนสถานี ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง 92000 ประเทศไทย


//www.sritranghotel.com/





ย่าพักชั้นสองมีระเบียงให้นั่งเล่น





จุดแข็งของที่นี่คือจะมี Hi-speed Wireless internet ใช้ใช้ฟรี จึงเหมาะสำหรับ

การมาท่องเที่ยวและส่งงานไปด้วยได้ หนูหนุ่ยได้ใช้บริการตรงจุดนี้เต็มที่


ส่วนย่าขอเข้าไปสำรวจห้องก่อนแล้ว ชอบลายหมอนกับที่นอนจัง ถึงแม้ว่าจะ

ดูเก่าไปหน่อยแต่สะอาดสะอ้านเป็นใช้ได้จ๊ะ





พักห้อง 11 ค่ะ มีการถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานว่ามาพักจริง อิอิ





ตุ๊กตาหินทรายที่ระเบียง





แลลอดชั้น3


ย่าขึ้นไปสำรวจชั้นสามในวันถัดไป เราพักที่นี่สองคืนค่ะ

จึงจับไฟล์มารวมกันในการพรีวิวโรงแรม





รองเท้าแตะจาก พี.พี. ที่เชิงบันใด





แสงยามเช้าจากระเบียงโรงแรม





ป้ายสวยๆของโรงแรมSri Trang Hotel





พัดลมระบายอากาศกับหลังคาใส

ภาพนี้ย่าถ่ายเพื่อเทสกล้อง เพราะเลนส์ 2.8 ย่าหล่นแล้วก็เดี้ยงไปเลย

จะมาเล่าให้ฟังทีหลังค่ะ





test แล้ว test อีก ด้วยน้ำตาตกใน





บ้านเรือนแถวนี้มีแต่ตึกเป็นบล๊อกๆ แถมป้ายโฆษณาเต็มพรึด ถ่ายแบบซิลูกเอท

เก็บท้องฟ้ากับโคมไฟ ซะเลย





หามุมถ่ายหัวรถจักรที่สั้นจุ๊ดจู๋กับป้ายโรงแรมจ๊ะ





เอาเฉพาะโคมไฟกับฟ้าแจ่มๆซักรูป





หามุมถ่ายรูปโคมไฟ กับธงชาติไทยให้โดดเด้ง





ได้เวลารวมพลกันแล้ว เอ้าขึ้นรถ





จะรีบไปไหนๆ รอหลินด้วย





จุดแรกที่เราจะไปคือ ไปสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ถึงแล้วจ๊ะเข้าไปกันเลย





สมโภช"ศาลหลักเมืองตรัง" ฉลองครองราชย์60ปี

"ศาลหลักเมืองตรัง" ตำบลควนธานี อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นโบราณสถานศูนย์รวมจิตใจ

และเคารพสักการบูชาของชาวจังหวัดตรัง


ในอดีต บริเวณอันเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมืองตรังแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของเมืองในสมัยแรก ที่สําคัญ

เป็นสถานที่ที่บรรดาผู้เป็นพ่อเมืองทุกยุคทุกสมัยจะต้องมากราบไหว้สักการะเป็นสิ่งแรก เมื่อเข้า

มารับตําแหน่ง "ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง"


ย้อนรอยไปกว่าศตวรรษที่ผ่านมา ตามประวัติศาสตร์จังหวัดตรังได้จารึกความเป็นมาของ "ศาลหลัก

เมืองตรัง" ไว้อย่างน่าสนใจว่า สร้างขึ้นในสมัยหลวงอุไภยธานี ซึ่งเป็นเจ้าเมืองตรังคนแรก ตั้งอยู่ที่

ต.ควนธานี อ.กันตัง


โดยศาลหลักเมืองขณะนั้นเป็นศาลหลักเมืองที่ใช้ไม้มาเป็น "เสาหลักเมือง" ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่

บ้านคู่เมือง ชาวบ้านที่เดินทางผ่านไปผ่านมาจะเข้ากราบไหว้สักการะ และมีการนําผ้าแพรหลากสี

สวยสด ห่อหุ้มพันเอาไว้


ชาวบ้านบางคนอาศัยศาลหลักเมืองเป็นสิ่งช่วยชโลมทางจิตใจขอพรขอลาภและทําพิธีบนบานศาล

กล่าวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมาโดยตลอด


กระทั่งเสาหลักเมืองขณะนั้นถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชและมีดินปกคลุม มีลักษณะเป็นดินปลวกใหญ่

โตขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถมองเห็นเสาหลักเมืองได้ชัด


เมื่อปี พ.ศ.2535 ทางจังหวัดตรัง จึงมีดําริให้มีการบูรณะศาลหลักเมืองตรังขึ้นด้วยการก่อสร้างอาคาร

ศาลหลักเมืองแบบหลังคาจัตุรมุข 1หลัง ขนาดกว้าง 8.20 เมตร ยาว 9.20 เมตร และสูง 7.80 เมตร

ตามแบบแปลนของหน่วยศิลปากรที่ 9 จังหวัดสงขลา กรมศิลปากร


ทั้งนี้ การจัดทําเสาหลักเมืองใหม่ ใช้ไม้ชัยพฤกษ์หรือราชพฤกษ์ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 30 เซนติเมตร

ความยาว 2.59 เมตร ยอดหัวเสาเส้นผ่าศูนย์กลางกว้าง 18 เซนติเมตร


เสาหลักเมืองที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ในขณะนั้น ผ่านขั้นตอนการต้ม อบและกลึง วันที่ 31 สิงหาคม 2531

คณะกรรมการจัดสร้างหลักเมืองตรัง ได้นําหัวเสาหลักเมืองและแผ่นดวงเมืองตรัง เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัว ณ พระตําหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงเจิมและทรงพระสุหร่ายเสาหัวเมืองและแผ่นดวงเมือง

ให้แก่จังหวัดตรัง


ต่อมาวันที่ 16-19 กันยายน 2536 ทางจังหวัดได้จัดพิธีสมโภชหัวเสาหลักเมืองอย่างยิ่งใหญ่ โดยตระเวนไป

ตามอําเภอต่างๆ ทั่วทั้งจังหวัด นอกจากนั้นยังเชิญเกจิอาจารย์ทั่วทุกภาคของประเทศมาทําพิธีปลุกเสก

ก่อนที่จะอัญเชิญพระเสาหลักเมืองสู่หลักเมืองเดิม


โดยโหรประกอบพิธีบวงสรวงเทพยดาด้วยเครื่องกระยาบวช ทั้ง 5ศาล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ 12

ตํานาน และนครฐานสูตร สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรและมหาสมัยกาณวาร


"เชิดพันธ์ ณ สงขลา" ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง บอกเล่าเรื่องศาลหลักเมืองหลังจากที่มีการบูรณะเป็นที่เรียบ

ร้อยแล้วว่า ทางจังหวัดได้ทําหนังสือถึงราชเลขาธิการ สํานักพระราชวัง ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส

เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองตรัง


ต่อมาหม่อมหลวง ทวีสันต์ ลดาวัลย์ ราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง มีหนังสือตอบมาว่า ทรงพระกรุณาโปรด

เกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ แทนพระองค์ ทรงเปิดศาลหลักเมืองตรัง

เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2538 นําความปลื้มปีติยินดีต่อพสกนิกรชาวตรังเป็นล้นพ้น และยังเป็นสิริมงคลต่อ

ศาลหลักเมืองจังหวัดตรังอีกด้วย


กระทั่งเวลาล่วงเลยมา 10 ปี ทางจังหวัดตรังเห็นสมควรให้มีการพัฒนาปรับปรุงบูรณะซ่อมแซมศาลหลักเมือง

ตรังขึ้นอีกครั้ง


"จังหวัดจัดสรรงบประมาณ 665,000 บาท เพื่อนําไปปรับปรุงพัฒนาซ่อมแซมศาลหลักเมืองตรัง จนแล้วเสร็จ

เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง อําเภอกันตัง
เทศบาลเมืองกันตัง องค์การบริหารส่วนตําบลควนธานี วัฒนธรรมจังหวัด ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัด ศูนย์

ประสาน

งานการท่องเที่ยวจังหวัด สํานักพุทธศาสนาจังหวัด และหอจดหมายเหตุจังหวัด ร่วมกันจัดเตรียมงาน
สมโภชศาลหลักเมืองตรัง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติ

ครบ 60 ปี"


ผู้ว่าราชการจังหวัดยังบอกว่า คณะกรรมการทุกหน่วยงาน ศึกษาวันสําคัญของศาลหลักเมือง พร้อมติดต่อ

พราหมณ์ใหญ่จากกรุงเทพฯ ดูวันที่เหมาะสม จึงกําหนดจัดงานสมโภชขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 กันยายน 2549
อันถือว่าครบรอบ 10 ปีพอดี


โดยในวันที่ 21 กันยายน จะเป็นวันสมโภช ประกอบพิธีทางศาสนา พิธีบวงสรวง (พราหมณ์) หลังจากนั้นจะมีการ

จัดกิจกรรมมากมาย อาทิ มหรสพ การแสดงบนเวที การจําหน่ายสินค้าโอท็อป และอื่นๆ เพื่อให้การจัด
งานสมโภชศาลหลักเมืองตรังมีความยิ่งใหญ่และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนทั้งจังหวัด


"อีกประการหนึ่งเพื่อต้องการทําให้บริเวณศาลหลักเมืองตรังที่เคยเป็นที่ตั้งของเมืองตรังในอดีตได้รับการพลิกฟื้น

เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดตรัง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวพบร่องรอยอันเป็นที่ตั้ง
ของเมืองเก่า ไม่ว่าจะเป็นเรือนจําเก่า บ้านเจ้าเมืองเก่า ที่จะต้องเข้าไปพัฒนา จัดระบบให้สมบูรณ์ ซึ่งเบื้อง

ต้น

ได้ประสานงานกับ อบต.ควนธานี และชาวบ้านในพื้นที่ ช่วยกันพัฒนาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว" ผู้ว่า
ราชการจังหวัดกล่าว


สำหรับการจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองตรัง นอกจากเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่อง

ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีแล้ว ยังถือเป็นการพัฒนาบูรณะศาสนสถาน อันเป็นสิ่งคู่บ้านคู่เมือง
ให้ดำรงอยู่อย่างถาวร เพื่อจะได้เป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน ทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว

ทาง

ประวัติศาสตร์ของจังหวัดเพิ่มขึ้นอีกแห่งด้วย


แหล่งข่าวจากมติชน


//www.trangzone.com/articles_detail.php?ID=51





บัวน้อยในบึงจำลองหน้าศาลเจ้าหลักเมืองตรัง





ขอบคุณท.ท.ท. ที่จัดเจ้าหน้าที่มาบรรยายประวัติศาสาตร์ของเมืองตรัง ทำให้พวกเรารู้จัก

เมืองตรังได้ลึกซึ้ง ถึงที่มาที่ไปได้เป็นอย่างดี ขอบคุณผู้บรรยายเป็นอย่างยิ่งค่ะ





ศาลเจ้าหลักเมือง





เสาหลักเมือง





สาวๆขอพรอะไรกันบ้างคะ วานบอก





ส่วนหนึ่งของความงดงามของศาลเจ้าหลักเมือง





จากนั้นเราไปลงเรือที่ท่าเรือสะพานแก้มดำ ใกล้ศาลหลักเมือง


-----

ท่าแก้มดำ เป็นท่าเรือของชาวบ้านที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่อาศัยของผู้คนมาตั้งแต่ครั้งโบราณ

ยืนยันได้จากบันทึกของ เฮนรี่ เบอร์นีย์ ทูตอังกฤษที่เข้ามทำสัญญาทางการทูตและการค้ากับกรุงเทพฯ

เล่าว่ามีชาวจีนสิบกว่าคนอาศัยอยู่ที่ เข็มดำ(Kem Dam) หรือแก้มดำที่ชาวบ้านเรียกกัน


ท่าแก้มดำเลยเป็นที่ตั้งของโรงภาษีในช่วงที่ควนธานีเป็นที่ตั้งเมือง และเป็นที่จอดเรือเมล์ที่แล่น

ระหว่างตรังกับปินัง ที่มาของชื่อน่าจะมาจากคำว่า"แคมดำ" ของเรือ เพราะในเวลาน้ำลด จะเห็นซากเรือ

ในคลองที่มีแคมสีดำอยู่ ต่อมาเสียงพูดนั้นเพี้ยนจาก ค เป็น ก


ก่อนที่จะมีสะพานแก้มดำเชื่อมระหว่างคนควนธานีกับโคกยาง ในอดีตจะมีเรือข้ามฟากให้บริการ

รับส่งคนและสินค้า เช่น หมู เป็ด ไก่ เพื่อไปขายที่ทับเที่ยง





ล่องเรือผ่านป่าสองน้ำชมธรรมชาติสองฝั่ง พร้อมรับฟังความสำคัญของจุดต่างๆตลอดสายน้ำอัน

เป็นประวัติศาสตร์แห่งเมืองตรัง





เลื่อนไหลในสายน้ำ ชมนกชมไม้ สูดความสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์เหนือสายน้ำ

พวกเราชมความงามของสายน้ำชั้นล่างไม่สะใจขอปีนขึ้นมาชมแบบเต็มๆบนชั้นดาดฟ้าของเรือ

โดยมีคุณวิ จาก ท.ท.ท.(เสื้อม่วง) ร่วมชมความงามไปพร้อมๆกับพวกเราค่ะ





ถึงทางแยกของลำน้ำ





รายทางเขียวขจี เสียดายฟ้าขาววอกไม่สวยเลย





ป่าสองน้ำ

สัมผัสการต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ของป่าสองน้ำที่เริ่มเห็นได้ตั้งแต่ควนธานี โดยมีลำพูเป็นตัวนำร่องรุกคืบ

ล่วงหน้ามากับน้ำกร่อย แล้วต้นจากก็ตามหลังมากับความเค็มที่เข้มขึ้น ส่วนต้นหยีน้ำ สาคู ไทร

ตะไคร้น้ำ และบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหลายก็พยายามยืนหยัดถิ่นเดิมให้นานที่สุด อิทธิพลของน้ำเค็ม

ยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเข้าเขตบางหมาก อีกฝั่งเป็นลำพู


(ในภาพนี้คือฝั่งซ้าย) อีกฝั่งหนึ่งเป็นจาก(ในภาพนี้คือฝั่งขวา) ยืนประชันกันแน่นขนัดจนไม่มีที่ให้พืช

น้ำจืดได้เบียดแทรก เมื่อลงใต้ต่อไปลำพูเบาบางลงตามความเข้มข้นของน้ำเค็ม ปล่อยให้ต้นจากยึด

ครองพื้นที่ไปจนเกือบถึงปากแม่น้ำ


(ขอบคุณข้อมูลจาก ท.ท.ท.ค่ะ)





ทั้งจากและลำพูมีรากที่ยึดเกาะเหนียวแน่นทำให้ฝั่งไม่พังทะลายลงเมื่อกระแสน้ำพัดแรง

นับเป็นคุณอนันต์ที่พืชสองขนิดนี้ได้มอบให้กับคน นอกเหนือจากประโยชน์ในด้านอื่น ซึ่งเราจะได้

พาไปชมต่อไปค่ะ โปรดติดตาม





ไหนๆพามาเที่ยวตรังแล้วจะไม่มีภาพหนุ่มตรังมาเป็นแซมเปิ้ลก็กระไรอยู่

ส่องนายแบบในเรือนั่นแหละจ๊ะ (ผู้ช่วยพลขับของเรือ ที่อำนวยความสะดวกเวลาพวกเราขึ้นลงเรือ)





ระลอกน้ำหยอกเย้ากับตันจากริมฝั่ง





ระหว่างล่องลำน้ำที่ป่าสองน้ำ

ก่อนถึงชุมชนย่านซื่อ จะผ่าน ควนตูลูลู้ดก่อนค่ะ





ใกล้เข้ามาแล้วค่ะ ตูลูลู้ด





ภูเขาสามลูกเรียงเรียกควนตูลูลู๊ดฐานปืนใหญ่เมื่อครั้งโจรสสลัดหวันมาลีเข้าเมืองตรัง





ควนตูลูลู๊ดเคยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญเพราะมองเห็นเส้นทางทางน้ำได้เป็นอย่างดี

----

เมื่อเข้าสู่ช่วงลำน้ำขนานกับถนน ด้านซ้ายมือคือภูเขาสามลูกทอดเรียงเป็นแนว เรียกควนตูลูลู้ด

ฐานปืนใหญ่เมื่อครั้งโจรสลัดหวันมาลีเขาตีเมืองตรัง ด้วยชัยภูมิที่สูงเหนือแนวแม่น้ำที่ทอดตรง

ทำให้สามารถมองเห็นผู้ล่วงล้ำผ่านด้านเข้ามาในระยะไกล ควนสตูลูลู้ดนี้ลือชื่อว่างามนัก ถึงกับปรากฏ

พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๖ ว่า "ถ้าไม่เชื่อก็ต้องขอท้าให้มาดูเองให้ถึงที่ ถ้าว่าไม่งามยอมให้ถอง"





ส่วนภาพนี้หากว่าไม่งามก็ต้องโทษเลนส์ของย่าเพราะตอนขึ้นเรือที่ท่าแก้มดำย่าใส่เลนส์ได้ไม่เข้าที่

ขยับไปมาจะให้มันเข้าล๊อกดันหล่นลงไปจูบพื้นเรืออย่างแรง ชิ้นส่วนในเลนส์มีอันใส่คอนเวิรด์ทางใคร

ทางมันซะงั้น ใจย่าหล่นไปอยู่ตาตุ่ม เลนส์ช้าน..ซื้อมายังใช้ได้ไม่เท่าไหร่เลย ดันเดี้ยงซะแล้ว แต้ก็ต้อง

ทนใช้ไปเพราะไม่ได้เอาเลนส์คิดไป เศร้าจริงๆ





ตอนต่อไปพาชมวิธีชีวิตที่ผูกพันกับป่าจากของชุมชนยานซื่อ




ขอขอบคุณ ผอ. จรัญ ชื่นในธรรม (ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง) คุณวิ

เจ้าหน้าที่ท.ท.ท. ที่พาพวกเราเที่ยวและเลี้ยงดูปูเสื่อตลอดสามวัน อิ่มใจ อิ่มพุง อิ่มตา อิ่มสมอง

สุดประทับใจจริงๆค่ะ หากมีเวลาจะมาเล่าต่อนะคะ



Create Date : 15 กันยายน 2554
Last Update : 15 กันยายน 2554 14:01:44 น. 8 comments
Counter : 4523 Pageviews.

 
เจ๊หลีคนแรกค่ะ

เห็น ว่าย่าดาอัพบล็อกรีบเข้ามาเลย

เจ๊หลียืนยันว่า ย่าด่า ถ่ายรูปได้ กริ๊ปปปปป ทุกรูป


หรือใครจะเถึยง


โดย: กิน ๆ เที่ยว ๆ วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:15:45:28 น.  

 
ตกลงข้างล่าง พักห้อง 11 ไม่ใช่จิตรกรรมฝาผนังนะคะ อิอิ ดูกลมกลืน จ๊ากกกกกก


โดย: nompiaw.kongnoo วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:16:47:28 น.  

 
ว้าวววววววว

ห้องย่าดา ไฮโซมาก เลยอ่ะ

ห้องที่ผมนอน ไมมันไม่เป็นแบบนี้หว่า 555


โดย: อสูรกายไทฟอน วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:19:19:42 น.  

 

ขอ-บอกว่า
หากจะไปพักที่โรงแรมศรีตรังล่ะก็
ให้เลือกพักห้องเลขที่ 11
เพราะเป็นห้องที่ดีที่สุดในโรงแรมเลยค่ะ
แหล่มเลยล่ะ....คอนเฟิร์ม

ภาพงามๆ ทั้งนั้นเลยค่ะย่าดา
ว่าแล้วโหวตอะไรดีหนอโหวต travel Blog ค่ะย่า
ตอนนี้อุ้มไปตอนที่ 5 แล้วค่ะ
กะไว้ว่าทิ้งไว้สัก 2 คืนตอนที่ 6 ค่อยคลอด
บรรยากาศแม่น้ำตรัง
อุ้มสามารถแตกยอดได้ถึง 3 ตอนเลยนะ
ไม่รู้อุ้มมานถ่ายมาทำไมเยอะแยะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:20:09:01 น.  

 
แวะมาดูภาพค่าย่าดา

มุมสวยจริงๆค่ะ

ชอบมากเลยค่ะ


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:20:55:39 น.  

 
โอ้ววว..เห็นห้องแล้ว 2 มาตรฐานเห็นๆ...
"งอน เคือง อาละวาด..เครียดด ทำลายข้าวของ...."
ทำไมได้ห้องไม่ไฮโซบ้าง...ทำไมๆๆ
มีตังค์นะ..อยากไฮโซด้วย...งิ


รูปสวยมากกกกกย่าดา
จริงๆรูปย่าปีนขึ้นสู่เรื่อด้วยอ่ะ
แต่คนบางคนมันบอกว่าเยอะไปให้เอาออก...เศร้า
แต่ตอนต่อๆย่าก็ยังมีรูปรออีกเพียบบบบ
เสียดายถ่ายโรงแรมนี้น้อยมาก
ต้องกลับไปใหม่แล้จองห้อง 11....หื้อ


โดย: โจนบ้ากับป้าแก่ๆ วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:21:33:43 น.  

 

ย่าดาถ่ายภาพสวยจังค่ะ


โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:16:57:11 น.  

 
ขอบคุณทุกท่านสำหรับเม้นท์ค่ะ
ตอนที่3 มาแล้วจ้าคลิ๊กด่วน!


โดย: ดา ดา วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:11:57:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดา ดา
Location :
1 Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดา ดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.