|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
กระทงทอง 4 สูตร +เคล็ดลับ
กระทงทอง สูตร 1
ส่วนผสมแป้งกระทงทอง (แบบ 1) แป้งสาลี 1 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา เกลือป่น 1 ช้อนชา น้ำปูนใส 1+1/2 ถ้วย น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน แล้วร่อน จากนั้นเติมส่วนผสมที่เหลือลงไป ใช้ตะกร้อมือคนหรือใช้มือขยำจนกระทั่งแป้งไม่เป็นเม็ด แล้วกรองด้วยกระชอน จากนั้นเทน้ำมันใส่กระทะก้นลึกหรือหม้อ กะให้พอท่วมพิมพ์ ตั้งไฟกลาง รอไว้ให้น้ำมันร้อนจัด ๆ นำพิมพ์ไปจุ่มในน้ำมัน จนพิมพ์ร้อนดี ยกพิมพ์ขึ้นมาสะเด็ดน้ำมันออก จากนั้นนำจุ่มพิมพ์พอติดแป้งแต่ภายนอก แล้วยกมาจุ่มในน้ำมัน พอแป้งเริ่มอยู่ตัว ให้กดก้นพิมพ์ลงก้นหม้อ จะทำให้ก้นกระทงทองแบนดี แล้วยกขึ้นมาทอดจนเหลือง แป้งจะหลุดออกจากพิมพ์เอง ช้อนขึ้นในใส่กระดาษซับน้ำมัน รอให้เย็นจึงนำไปใส่ไส้ตามใจชอบ
ส่วนผสมแป้งกระทงทอง (แบบ 2) แป้งสาลี 1/2 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย กะทิ 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 1/2 ฟอง เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย น้ำ 1/2 ถ้วย และน้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ ผสมแป้งทั้งสองชนิดและเกลือเข้าด้วยกัน แล้วร่อน จากนั้นต่อยใส่ไข่ แล้วค่อย ๆ เติมกะทิ นวดให้เข้ากันจนหมดกะทิ ใส่น้ำ น้ำปูนใส คนให้ทั่ว แล้วกรองด้วยกระชอน แล้วนำพิมพ์มาชุบแป้งที่ทำเสร็จแล้ว จากนั้นนำไปทอด ตามวิธีที่บอกไว้ในแบบ 1
วิธีทำไส้เจ แช่โปรตีนเกษตร 1 ถ้วยในน้ำเปล่าจนนิ่ม แล้วนำมาสับหรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำแครอท และมันฝรั่งที่หั่นเป็นลูกเต๋าเล็ก ๆ อย่างละ 1/2 ถ้วยมาลวก และถั่วฝักยาวหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ อีก 1/2 ถ้วย ก็นำมาลวกเหมือนกัน แล้วนำแช่ในน้ำเย็นจัด ๆ ทันที จากนั้นสงขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นเทน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะใส่กระทะนำไปตั้งไฟพอร้อน เทโปรตีนเกษตรลงไปผัด ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว 1+ 1/2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ้วดำหวาน 1/2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ผัดจนโปรตีนเกษตรสุกดี แล้วยีให้กระจายเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ผักทั้งหมดที่ลวกไว้แล้วลงไป ผัดให้เข้ากันดี ปิดไฟ ยกลง ทิ้งไว้พอเย็นจึงตักใส่กระทงทอง
วิธีทำไส้เมี่ยงไก่ ใช้เนื้ออกไก่นึ่งสุก 1 ชิ้นนำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แล้วคลุกกับข่าโขลก 1 ช้อนชาพอทั่ว ใส่เกลือ 1/2 ช้อนชา น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ เคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วตักเนื้อไก่ที่ปรุงรสเสร็จแล้วใส่ลงในกระทงทองที่เตรียมไว้ แล้วจึงใส่ส้มซ่าหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ (ใช้ 1 ลูก) กระเทียมดองหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (ใช้ 3 หัว) หอมแดงหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ (1/4 ถ้วย) ขิงอ่อนหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก (1/4 ถ้วย ) ถั่วลิสงคั่ว (1/2 ถ้วย) ข้างบนไส้ แล้วโรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย (1 เม็ด)
Tip ในการทำกระทงทอง มีเคล็ดลับอยู่นิดหน่อย คือ ก่อนที่จะเอาพิมพ์มาชุบกับส่วนผสมแป้งนั้น จะต้องแช่พิมพ์ในน้ำมันที่ร้อนจัด จนพิมพ์ร้อนดีเสียก่อน แล้วจึงนำพิมพ์ขึ้นมาวางบนกระดาษซับน้ำมันให้น้ำมันที่ติดอยู่ตรงก้นพิมพ์ออกไปเสียบ้าง ก่อนจะนำพิมพ์ไปจุ่มในส่วนผสมแป้ง แป้งจึงจะติดดี ทุกครั้งที่มีการจุ่มพิมพ์ลงในแป้ง จะต้องคนแป้งก่อน และเวลาที่เอาพิมพ์ลงไปจุ่มกับส่วนผสมแป้ง จะต้องจุ่มเพียงแค่ให้แป้งติดแค่รอบนอกของพิมพ์เท่านั้น อย่าให้แป้งตกเข้าไปข้างในพิมพ์ แล้วจึงนำไปทอด พอแป้งอยู่ตัวดีแล้ว ให้กดก้นพิมพ์ลงกับกระทะสักครู่ วิธีนี้จะช่วยให้ก้นกระทงทองแบนตั้งได้ ส่วนไส้เราก็สามารถจะเลือกดัดแปลงได้หลายอย่างตามแต่จะชอบ อาจจะเป็นไส้ไก่กับครีมขาว ไส้ลาบหมู ไส้เขียวหวานผัดแห้ง ไส้ผัดขี้เมา ฯลฯ
กระทงทอง สูตร 2
กระทงทองเป็นอาหารว่างของไทยที่หากินได้ค่อนข้างยาก ส่วนมากจะทำขายเฉพาะร้านที่จำหน่างอาหารไทย ราคาต่อจานค่อนข้างแพง ประกอบไปด้วยส่วนที่เป็นกระทงทำจากแป้งและส่วนที่เป็นไส้ ไส้กระทงทองสามารถดัดแปลงได้หลายชนิด แต่ที่นิยมคือ ไส้ข้าวโพด
สิ่งสำคัญของกระทงทองคือ ตัวกระทงที่ต้องทอดใหม่ๆ ถ้าทอดทิ้งไว้ไม่ควรเกิน 2 วัน เพราะจะมีกลิ่นเหม็นหืนไม่น่ากิน ไส้ของกระทงทองจะมีรสเค็ม หวาน หอมกลิ่นรากผักชี พริกไทย กระเทียม จะไม่นิยมใส่ไส้แล้ววางทิ้งไว้นาน เพราะจะทำให้น้ำที่ตัวไส้ซึมลงกระทงทำให้ไม่กรอบ จะใส่ไส้แล้วเสิร์ฟทันที ตัวไส้ของกระทงทองต้องผัดให้แห้ง
ลักษณะของพิมพ์กระทงทองเป็นทองเหลือง แล้วขึ้นรูปเป็นกระทง มีรูปร่างกลมหรือสี่เหลี่ยมเป็นจีบๆ ด้ามทำด้วยไม้ วิธีการใช้คือ ต้องแช่พิมพ์ในน้ำมันให้พิมพ์ร้อนจัดเสียก่อน เมื่อพิมพ์ร้อนค่อยจุ่มลงในแป้งแป้งจึงจะเกาะพิมพ์ แล้วนำไปจุ่มในน้ำมัน พอแป้งสุกก็ค่อยๆ แซะแป้งออกจากพิมพ์ แป้งก็จะหลุดโดยง่าย
ส่วนผสมและวิธีทำกระทงทองมีดังนี้
ส่วนผสมแป้งกระทง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง +2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวเจ้า 3/4 ถ้วยตวง ไข่แดง 1 ฟอง เกลือป่น 1/2 ช้อนชา น้ำปูนใส 7 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 7 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับทอด 4 ถ้วยตวง
ส่วนผสมไส้ข้าวโพด เนื้อหมูสับ 2 ขีดครึ่ง เนื้อกุ้งสับ 2 ขีด ข้าวโพดต้มแกะเม็ด 2 ขีดครึ่ง รากผักชีหั่น 1 ช้อนชา กระเทียมสับ 1 ช้อนชา พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนชา น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
วิธีทำตัวแป้ง 1. ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิด เกลือป่นให้เข้ากันทำเป็นหลุมตรงกลาง ใส่ไข่แดง น้ำมันพืช น้ำปูนใส ค่อยๆนวดผสมให้เข้ากัน แล้วค่อยๆใส่น้ำส่วนที่เหลือลงนวดทีละน้อยจนน้ำหมด คนให้แป้งละลาย
2. ใส่น้ำมันลงในกระทะก้นลึก จุ่มพิมพ์ลงไปให้พิมพ์ร้อน ซับก้นพิมพ์ ด้วยกระดาษซับน้ำมัน แล้วจุ่มแป้งให้ได้ 3/4 ของพิมพ์ ระวังอย่าให้แป้งไหลเข้าไปในพิมพ์ด้านใน
3. นำพิมพ์ที่จุ่มแป้งแล้วลงทอดไฟปานกลาง พอแป้งสุกใช้ไม้ปลายแหลม แซะแป้งให้หลุดจากพิมพ์ ทอดต่อจนเหลือง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมันโดยคว่ำกระทงลง ทิ้งให้เย็น เก็บใส่ภาชนะปิดสนิท
วิธีทำไส้ 1. โขลกรากผักชี พริกไทย กระเทียม ให้ละเอียด 2. นำเครื่องที่โขลกแล้วลงผัดในน้ำมันให้หอม ใส่หมูสับและกุ้งสับ ลงผัดพอสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ใส่ข้าวโพดผัดจนส่วนผสมแห้ง ตักใส่ภาชนะพักไว้ 3. เมื่อจะกิน ตักไส้ใส่กระทง แต่งหน้าด้วยใบผักชีและพริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นเส้นๆ
ถึงแม้ว่ากระทงทองจะเป็นอาหารว่างที่มีวิธีการทำที่ค่อนข้างยากใช้เวลาค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นอาหารว่างไทยที่ควรจะรักษาไว้ กระทงทองเป็นอาหารว่างที่จัดขึ้นโต๊ะได้อย่างไม่อายใคร เนื่องจากมีรูปร่างและสีสันที่น่ากิน ลักษณะพอดีคำ กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพราะมีรสชาติกลางๆ ตัวไส้สามารถดัดแปลงนำผักหลายๆ ชนิดมาใส่ได้ เช่น แครอตหั่นสี่เหลี่ยม ลูกเต๋าเล็กๆ หรือเม็ดถั่วลันเตา ก็จะเพิ่มสีสันให้น่ากินยิ่งขึ้น
เคล็ดลับ 1. ต้องคอยคนแป้งทุกครั้งก่อนนำพิมพ์ลงจุ่ม อย่าให้แป้งนอนก้น 2. ผัดไส้ให้แห้งจะทำให้กระทงกรอบนาน 3. จุ่มพิมพ์ให้ร้อนก่อนนำลงไปจุ่มในแป้งแป้งจึงจะติดพิมพ์
กระทงทอง สูตร 3
กระทงทองเป็นอาหารว่างแบบไทยๆ เป็นที่นิยมกันมาก โดยเฉพาะงานเลี้ยงต่างๆ เนื่องจากมีรสชาดที่อร่อยรูปลักษณ์ที่สวยงาม มีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีส่วนผสมที่หลากหลาย เช่น แป้ง เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการ คือ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ รวมทั้งพลังงานจากไขมัน ส่วนประกอบของกระทงทอง มี 3 ส่วน คือ
1.ตัวกระทง มาจากส่วนผสมของแป้ง จากนั้นใช้พิมพ์กระทงรูปต่างๆ มาจุ่มลงในแป้ง จนมีสีเหลืองทอง จึงเรียกว่า กระทงทอง พิมพ์กระทง มีทั้งแบบเดี่ยว แบบคู่ และแบบ 4 กระทง
2.ไส้กระทง สามารถดัดแปลงได้ทั้งไส้หวาน และไส้คาว เช่น ไส้ไก่ซอสขาว,ไส้ไก่ข้าวโพด,ไส้แหนมสด เทคนิคการทำไส้ คือ ตัวไส้ควรมีลักษณะแห้ง เพื่อคงความกรอบของกระทง และวัตถุดิบที่ใช้ ควรหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
3.ผักตกแต่ง ควรใช้ผักชีเด็ดเป็นใบ พริกชี้ฟ้าหั่น เป็นเส้น วางตกแต่งด้านบนให้สวยงาม ส่วนผักเคียง ใช้ผักชี ผักกาดหอม
กระทงทอง : ส่วนผสมตัวกระทง แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วย แป้งสาลี (ตราดอกบัวแดง) ½ ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา เกลือป่น (ละเอียด) ½ ช้อนชา ไข่แดงของไข่ไก่ (ฟองใหญ่) 1 ฟอง น้ำปูนใส 2/3 ถ้วย (ค้าง 1 คืน สัดส่วน 1/10 ถ้วยตวง) น้ำมันพืช (น้ำมันถั่วเหลือง) 1 ช้อนโต๊ะ
หมายเหตุ : เพิ่มน้ำมันพืชและกะทิ เป็นอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ เพื่อเพิ่มรสชาดที่กลมกล่อมให้กับกระทงทอง
วิธีทำ 1. ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน 2. ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงในส่วนผสมแป้งเคล้าให้เข้ากัน 3. ผสมน้ำมันพืช น้ำปูนใส ไข่แดง คนรวมกัน เทใส่ในส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากัน 4. ใส่น้ำมันลงในกระทงทองเหลือง ¾ ของกระทะตั้งไฟ เมื่อน้ำมันร้อน นำพิมพ์ กระทงทองจุ่มลงในน้ำมัน พอพิมพ์ร้อน
5. จุ่มพิมพ์ในส่วนผสมแป้งให้แป้งจับเกือบถึงขอบพิมพ์ นำไปทอดในน้ำมัน พอแป้งแข็งตัวให้ส้อมเขี่ยแป้งให้หลุดออกจากพิมพ์ ทอดต่อจนเหลือง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมันปล่อยให้เย็น เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
ส่วนผสมไส้ ไก่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ถ้วย หอมใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย เมล็ดถั่วลันเตาต้มสุก 1 ถ้วย แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าต้มสุก 1 ถ้วย เนยสด 5 ช้อนโต๊ะ แม็กกี้ 2-3 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลี 4-5 ช้อนโต๊ะ นมสด 1 ¼ ถ้วย เกลือป่น 1 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ 1. นำเนยสด 1 ช้อนโต๊ะผัดไก่ให้สุก ตักขึ้น 2. ใส่เนยสดที่เหลือในกระทะตั้งไฟพอละลาย ใส่หอมใหญ่ลงผัดจนสุกและเหลือง 3. แป้งสาลีละลายกับนมสด คนอย่าให้แป้งเป็นเม็ด ใส่ในส่วนผสม ข้อ 2 ปรุงรสด้วย เกลือป่น แม็กกี้ พริกไทยป่น น้ำตาลทราย ชิมรส ใส่ไก่ แครอท เมล็ดถั่วลันเตา ผัดจนเข้ากันดี ตักขึ้น
หมายเหตุ นมสดเตรียมได้จาก นมข้นจืดระเหย 1 ถ้วย เติมน้ำ 1 ส่วน
วิธีทำปูนใส ให้ใช้ปูนแดงที่กินกับหมาก ละลายกับน้ำสะอาด ตั้งทิ้งไว้ให้เป็นตะกอน แล้วเอาน้ำใสๆ มาใช้ น้ำปูนใสมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยตัวแป้งมีความกรอบ และคงรูป ไม่แตกออกจากพิมพ์ สัดส่วนที่ใช้ คือ ปูน ½ ช้อนชา ต่อน้ำ ½ ถ้วย
วิธีทอด 1.ตั้งน้ำมันให้ร้อน (โดยใช้ไฟกลาง) นำพิมพ์ลงไปแช่ในน้ำมันจนร้อน คนแป้งที่เตรียมไว้อย่าให้นอนก้น 2.เทน้ำมันออกจากพิมพ์ แล้วนำไปจุ่มลงในแป้งเฉพาะด้านนอก พอให้แป้งเกาะติดพิมพ์เท่านั้น 3.นำพิมพ์ที่จุ่มแป้งแล้วลงทอดในน้ำมันจนร่อนออกจากพิมพ์จากนั้นนำพิมพ์ขึ้น แล้วทอดขนมต่อจนเหลืองอ่อน
4.แช่พิมพ์ในน้ำมันอีกครั้ง เพื่อเตรียมทอดต่อไป ทำจนหมด 5.เมื่อกระทงเย็นแล้ว เก็บใส่ภาชนะ ปิดฝามิดชิด
วิธีเสริฟมี 2 วิธี 1. แยกไส้ออกจากกระทง เวลารับประทานจึงตักไส้ใส่ 2. นำกระทงที่ทอดแล้ว จัดเรียงใส่จาน ตักไส้ใส่กระทงให้เต็ม ตกแต่งให้สวยงาม รับประทานทันที ถ้าทิ้งไว้นานขนมจะนิ่ม
กระทงทองข้าวโพด
ส่วนผสมแป้ง แป้งสาลี 1/2 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 1 ฟอง แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา น้ำ 1/3 ถ้วยตวง เกลือป่น 1/2 ช้อนชา น้ำปูนใส 1/3 ถ้วยตวง
ส่วนผสมไส้ ข้าวโพดฝานบาง 2 ถ้วยตวง ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ เนื้อหมูหรือไก่หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมัน 4 ข้อนโต๊ะ พริกไทย รากผักชี กระเทียมโขลก 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำแป้ง 1. ผสมแป้งทั้งสองเข้าด้วยกับใส่น้ำตาล เกลือ ไข่แดง น้ำมัน คนให้ทั่วค่อย ๆ ใส่น้ำคนให้แป้งเข้ากับส่วนผสม แล้วจึงใส่น้ำปูนใส คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
2. ยกหม้อตั้งไฟใช้น้ำมัน 1 ขวด พอร้อนนำพิมพ์กระทงทอง จุ่มลงในน้ำมันพอร้อนยกขึ้นซับน้ำมันออก จุ่มพิมพ์ลงในแห้งที่ผสมไว้ ให้แห้งจับเกือบถึงขอบพิมพ์แล้วทอดในน้ำมันจนเหลือง จึงตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมันพอเย็นเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิท (เพื่อรักษาความกรอบของแป้ง)
วิธีทำไส้ 1. ผัดรากผักชี กระเทียม พริกไทย พอเหลืองใส่หมูหรือไก่ลงผัด พอสุกใส่ข้าวโพดปรุงรสผัดต่อจนแห้ง ตักขึ้น 2. เวลารับประทาน หยิบกระทงเรียงในจาน ตักไส้ที่เตรียมไว้ใส่ในกระทง แต่งหน้าด้วยพริกแดง และใบผักชี
แหล่งข้อมูล เว็บไซต์หมอชาวบ้าน ,Guzzie Kitchen, //web.ku.ac.th, การทำขนมกระทงทองจากเวทีสาธิตความรู้นอกตำรา มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดย คุณผ่องพัตร วิทยารุ่งเรืองศรี
Create Date : 19 เมษายน 2552 |
Last Update : 19 เมษายน 2552 9:31:56 น. |
|
5 comments
|
Counter : 24173 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อัง (Moo_ang ) วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:1:16:56 น. |
|
|
|
โดย: ทิพย์ IP: 101.108.145.117 วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:17:54:07 น. |
|
|
|
โดย: chef@newtravellodgehotel.com IP: 119.42.66.192 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2555 เวลา:12:12:43 น. |
|
|
|
โดย: lek IP: 122.154.23.98 วันที่: 12 กันยายน 2556 เวลา:15:01:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|