Grace Is Gone ผู้หญิงแนวหน้า ผู้ชายแนวหลัง
Grace Is Gone ผู้หญิงแนวหน้า ผู้ชายแนวหลังพล พะยาบ คอลัมน์ rear window , mars กรกฎาคม 2551 จลาจลในอิรักคร่า 6 ชีวิต พาดหัวข่าวบนเว็บไซต์ยาฮูซึ่งผมตั้งไว้เป็นหน้าแรกเวลาเปิดเบราเซอร์สะดุดตากว่าข่าวอื่น สันนิษฐานว่าคงเป็นความคุ้นเคยกับกลุ่มคำ-เนื้อความลักษณะใกล้เคียงกันซึ่งผมเห็นตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงสำนักข่าวเอพีก็เพิ่งสรุปยอดทหารอเมริกันเสียชีวิตในอิรักอย่างน้อย 4,098 นาย นับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2003 เห็นตัวเลขแล้วไม่น่าแปลกใจที่พบเจอข่าวทำนองนี้บ่อยเหลือเกิน กระทั่งคิดว่าปริมาณข่าวซึ่งมากมายจนแทบจะเป็นความสูญเสียแบบเดจาวูได้เปลี่ยนความสลดหดหู่เป็นความด้านชาคุ้นชินบ้างหรือเปล่า ความจริงนอกเหนือจากเนื้อข่าวซึ่งไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือ ยิ่งมีทหารอเมริกันเสียชีวิตมากเท่าใด จำนวนผู้สูญเสียย่อมมีมากกว่าหลายเท่า ทั้งคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง-คนรู้จักอีกนับไม่ถ้วน พื้นที่สื่อรองรับความตาย ไม่มีใครรายงานข่าวความเศร้า
หนังเรื่อง Grace Is Gone (2007) หยิบความจริงดังกล่าวมาถ่ายทอดให้เห็นว่าผู้ที่สูญเสียคนสำคัญไปในสงครามปลดปล่อยอิรักต้องเผชิญกับอะไรบ้างโดยนำเสนอผ่านเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่พิเศษคือหนังให้ผู้จากไปเป็นผู้หญิง แทนที่จะเป็นทหารผู้ชายตามปกติ ส่วนคนที่ต้องแบกรับความโศกเศร้ากลับกลายเป็นสามีผู้อยู่ในแนวหลัง หนังเขียนบทและกำกับโดย เจมส์ ซี สเตราส์ ได้ จอห์น คูแซ็ก นักแสดงหนุ่มใหญ่รับบทนำ ส่วนทีมงานที่ถือเป็นเซอร์ไพรส์เล็กๆ คือตำแหน่งคนทำดนตรีประกอบเพราะเป็นบิ๊กเนมรุ่นเก๋าอย่าง คลินต์ อีสต์วู้ด และปู่คลินต์นี่เองที่พาหนังเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 สาขา ได้แก่ สาขาดนตรีประกอบ และสาขาเพลงประกอบยอดเยี่ยมจากเพลงชื่อเดียวกับหนัง พูดถึงเรื่องเพลงแล้ว ใครเป็นแฟนวงร็อค เดฟ แมทธิวส์ แบนด์ (Dave Matthews Band) คงสงสัยว่าหนัง Grace Is Gone เกี่ยวอะไรกับเพลง Grace Is Gone ในอัลบั้ม Busted Stuff ปี 2002 ของวงหรือเปล่า แถมเดฟ แมทธิวส์ ยังเคยพูดว่าอุทิศเพลงนี้แด่เพื่อน ครอบครัว และผู้คนรอบตัวที่ถูกส่งไปร่วมสงครามอิรัก อย่างไรก็ตาม เท่าที่อ่านบทสัมภาษณ์ของเจมส์ ซี สเตราส์ และข้อมูลเบื้องหลัง ไม่มีการอ้างอิงถึงเพลงนี้ หนังเล่าถึงหนุ่มใหญ่ชื่อ สแตนลีย์ (จอห์น คูแซ็ก) พนักงานระดับหัวหน้าแผนกในศูนย์จำหน่ายเครื่องใช้ภายในบ้าน พ่อของลูกสาว 2 คน คือ ไฮดี้ และดอว์น วัย 12 และ 8 ขวบตามลำดับ เช้าวันหนึ่งเขาได้รับแจ้งการเสียชีวิตของเกรซ ภรรยาซึ่งเป็นทหารและกำลังปฏิบัติภารกิจในอิรัก แม้จะช็อคและเศร้าเพียงใด สแตนลีย์ต้องข่มความรู้สึกไว้เพื่อเป็นหลักให้ลูกๆ ซึ่งต้องรู้ความจริงในไม่ช้า กระนั้น ความพยายามครั้งแรกที่จะบอกข่าวแก่ลูกล้มเหลว สแตนลีย์จึงคิดแผนให้เด็กๆ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ นัยว่าเพื่อเหนี่ยวรั้งโมงยามแห่งความเศร้าให้มาถึงช้าที่สุด และเพื่อให้ตัวเขาเองได้ผัดผ่อนบอกความจริงอันโหดร้ายแก่ลูกๆ ไปก่อน เมื่อดอว์นเสนอว่าต้องการไปเที่ยวสวนสนุกในฟลอริดา การเดินทางไกลข้ามรัฐของพ่อและลูกสาว 2 คน จึงเริ่มต้นขึ้นโดยมีทั้งความสุขและความเศร้ารออยู่ที่ปลายทาง แม้จะพูดถึงสงครามอิรักโดยตรง แต่หนังเลือกนำเสนอเฉพาะเรื่องราวของ 3 ตัวละคร คือพ่อและลูกสาวซึ่งเป็นผู้สูญเสีย ไม่มีภาพสงครามหรือภาพในอิรัก ไม่มีฉากแฟลชแบ็คเพื่อเพิ่มมิติความสัมพันธ์ของตัวละครซึ่งหนังเรื่องอื่นชอบใช้ แต่เลือกปล่อยเวลาให้กับตัวละครทั้งสามอย่างเต็มที่ตามสภาพที่เกิดขึ้นจริง ...นั่นคือพวกเขาเหลือกันอยู่แค่นี้ ขณะเดียวกัน หนังใส่ทรรศนะวิพากษ์จอร์จ ดับเบิลยู บุช และสงครามอิรักไว้เพียงเล็กน้อย ไม่ได้ขยายให้เป็นประเด็นสำคัญ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทิศทางของหนังยังมุ่งไปที่อารมณ์ความรู้สึกของครอบครัวผู้สูญเสีย อย่างที่บอกว่าหนังเรื่องนี้มีความพิเศษโดยสลับบทบาทของชายและหญิงจากที่คุ้นเคยกัน ผู้หญิงกลายเป็นทหารถูกส่งไปรบในอิรัก หรือในความหมายแบบไม่เจาะจงว่าถูกส่งไปแนวหน้า ส่วนผู้ชายอยู่แนวหลังต้องเป็นฝ่ายดูแลบ้านและลูกๆ ลองนึกภาพตามอาจเห็นตัวละครสแตนลีย์หุงหาอาหาร ปัดกวาดเช็ดถู ขณะที่ภรรยาถือปืนลาดตระเวนหนังยังเน้นบทบาทความเป็นผู้ชายที่ อยู่กับเหย้า เฝ้ากับเรือน ให้ตัวละครสแตนลีย์เพิ่มขึ้นโดยให้เขาทำงานในศูนย์จำหน่ายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ทุกเช้าต้องนำลูกน้องบูมปลุกใจก่อนทำงานด้วยการสะกดคำว่า Home Store อย่างเข้มแข็ง ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับบ้านจนแยกไม่ออก การสลับบทบาทยังต่อเนื่องไปถึงกิจกรรมเข้ากลุ่มพูดคุยกันในหมู่คู่สมรสของทหารซึ่งสแตนลีย์เป็นผู้ชายคนเดียวท่ามกลางสาวน้อยสาวใหญ่ 5-6 คน ขณะที่หน้าที่ดูแลลูกสาว 2 คน ซึ่งควรจะเป็นบทบาทอันเหมาะสมของผู้เป็นแม่ พ่ออย่างสแตนลีย์ก็ต้องรักษาการแทนให้ดีที่สุด เห็นได้ว่าหนังตั้งใจเล่นกับการรับรู้ของผู้ชมโดยเปลี่ยนภาพคุ้นเคยไปในทางตรงกันข้าม ข้อดีคือความแตกต่างที่น่าสนใจซึ่งหนังเรื่องหนึ่งควรจะมีเพื่อดึงดูดผู้ชม บทบาทการเป็นทหารของตัวละครหญิงซึ่งดูขัดแย้งกับตัวละครชายที่ไม่เพียงต้องทำหน้าที่ดูแลบ้านและลูกๆ หากยังเผยความอ่อนแอ ลังเล สับสนออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง อาจชวนให้คิดว่าหนังมุ่งนำเสนอบทบาทของสตรีเพศในปัจจุบันว่าทัดเทียมได้กับผู้ชาย อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดดำเนินตามการตัดสินใจของตัวละครชายอย่างสแตนลีย์ การเป็นพ่อที่ต้องเลี้ยงดูลูกสาวถึง 2 คน ทำให้เขาต้องแสดงทั้งความเข้มแข็งและอ่อนโยนออกมา เขาไม่ได้กล้าหาญในสนามรบที่ห้อมล้อมด้วยศัตรู แต่เป็นการหยัดยืนในความสัมพันธ์ของสามีกับภรรยา ของพ่อกับลูกๆ และของหัวหน้าครอบครัวกับสมาชิกตัวน้อยที่เฝ้ามองอย่างไว้วางใจ กระทั่งสุดท้ายตัวละครชายผู้นี้ได้ทำหน้าที่ตามบทบาทอันไม่คุ้นเคยได้อย่างสมบูรณ์ นั่นย่อมแสดงว่าหนังให้ค่าของเพศชายไม่ได้น้อยไปตามบทบาทอันขัดแย้งที่แสดงออกมา ยังไม่นับว่าตัวละครหญิงซึ่งเป็นแนวหน้าถูกกันออกไปเป็นเพียงฉากหลังที่ถูกเอ่ยอ้างถึงเท่านั้น นอกจากนี้ หนังได้ใส่แบ็คกราวน์เป็นเหตุผลสำคัญให้เห็นว่าทำไมสแตนลีย์ถึงต้องรับบทบาทดูแลบ้านและลูกๆ ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอหรือขลาดกลัวแต่อย่างใด อันที่จริง สแตนลีย์ใฝ่ฝันจะเป็นทหาร แม้รู้ดีว่าตนเองสายตาไม่ดีก็ยังหาทางซิกแซกเข้าไปเป็นทหารจนได้ กระทั่งได้พบรักและแต่งงานกับเกรซ แต่ปัญหาเรื่องสายตาทำให้สแตนลีย์ต้องพ้นสภาพการเป็นทหารในที่สุด หมายความว่าถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุสุดวิสัยที่ควบคุมไม่ได้ สแตนลีย์ย่อมรับบทบาทเดียวกับภรรยาได้เช่นกัน ถึงกระนั้น การเป็น แนวหน้า หรือ แนวหลัง ไม่ใช่เรื่องต้องใส่ใจสำหรับสแตนลีย์ เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดนับแต่นี้ คือคอย นำหน้า และ หนุนหลัง ให้ลูกสาวตัวน้อย 2 คน เติบโตอย่างเข้มแข็งต่อไป...ในวันที่ไม่มีแม่อีกแล้ว
Create Date : 12 เมษายน 2552
11 comments
Last Update : 12 เมษายน 2552 6:07:30 น.
Counter : 2223 Pageviews.
โดย: เอกเช้า IP: 124.120.188.134 12 เมษายน 2552 20:27:38 น.
โดย: McMurphy 12 เมษายน 2552 21:28:49 น.
โดย: McMurphy 17 เมษายน 2552 11:07:24 น.
โดย: nanoguy IP: 125.26.168.231 18 เมษายน 2552 2:22:59 น.
โดย: Seam - C IP: 58.9.198.108 18 เมษายน 2552 15:31:05 น.
โดย: yatiko IP: 118.173.165.155 22 เมษายน 2552 14:39:19 น.
โดย: beerled (beerled ) 22 เมษายน 2552 22:15:23 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30