“ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว”

ติช นัท ฮันท์
508 .. ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน












ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

เรื่องเล่าดีๆจาก...oknation.net โพสท์โดย ... mumujung กันยายน 2552













ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี




วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆของฉันมีกัน จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพงโดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า "ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"




พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า "ผมขโมยเองครับ" ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุดจนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"










คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมดแต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว" แต่ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ




หลายปีผ่านไปแต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...




เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลายก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน คืนนั้น พ่อนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า   "ลูกเราทั้งคู่เรียนดีมากนะ"   แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆพ่อ ได้พูดว่า   "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน" ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"   พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่"ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"




คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆของน้องชายเบาๆ และคิดว่า   "ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"   แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้










วันต่อมาในตอนเช้ามืดน้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉันขณะฉันกำลังหลับ  "พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ .... ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"  ฉันนั่งอยู่บนเตียงอ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ....... ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไปตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .....




ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้านรวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ ....... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3 วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า  "มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ"   ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???   ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่  ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง




ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"   น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า  "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"  ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้องและพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ  "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"  จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉันแล้วพูดว่า  "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"  ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใดดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .










วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจกเพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ   น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"




ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด  "เจ็บมากไหม"   ฉันถาม   "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆมีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ......."น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูดเพราะฉันหันหน้าหนีเขา น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง  "เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ"  ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...




หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน... แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ... เขาบอกกับฉันว่า   "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"










สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิลและตกลงมาเพราะโดนไฟดูด เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า  "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!! ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้ ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"    คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียดยังยืนยันความคิดเดิมของเขา  "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"   น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย ฉันบอกกับน้องว่า   "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่....."    "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"   น้องชายของฉันจับมือฉันไว้ ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี










เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปีเขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า "ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้" น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล  "พี่สาวของผมครับ"  แล้วเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้   "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม.เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง
พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ"





เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ....... "ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"     ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...




จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆวันในชีวิตของคุณและเขา คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง ..... ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือพ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม




ปล. ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปี ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนได และในเครือกว่า 20 บริษัท


ส่วนน้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า "ซัมซุง"

















ขอขอบคุณ

ภาพจาก....อินเตอร์เน็ต
เรื่องเล่าดีๆจาก...oknation.net โพสท์โดย ... mumujung กันยายน 2552
//www.oknation.net/blog/print.php?id=493974
เครื่องแต่งบล็อกจาก.....บล็อกชมพร / บล็อกญามี่


 ธรรมสวัสดี


ร่มไม้เย็นค่ะ 




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 28 มีนาคม 2558 5:43:55 น. 25 comments
Counter : 3559 Pageviews.

 
หนูเคยอ่านแล้วนะคะป้ากุีก อ่านกี่ที ก็ยังน้ำตาซึมทุกที


ชอบค่ะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


*** ด.ช. ก้อนเมฆ พยายามจะกินเผ็ดค่ะ ทั้งคู่พี่น้องเลย แต่กินได้ เผ็ดไม่มากค่ะ แบบกินไป น้ำในแก้วก็ตั้งไว้ใกล้ๆ น้ำตา มูกก็ไหลไป


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 1 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:04:16 น.  

 
เรื่องนี้มัผู้สนใจมาก ได้พบบ่อย และพบที่
ไรก็อ่านจนจบทุกที สรุปว่า เราดีต่อคนที่ดี
กับเรามากๆ ชีวิตก็จะรุ่งเรืองดีงามนะครับ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ALDI Food Blog ดู Blog
เวียงแว่นฟ้า Book Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 1 พฤศจิกายน 2557 เวลา:18:49:39 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
แวะมาส่งกำลังใจให้ป้ากุ๊กเช่นกันค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog




โดย: หอมกร วันที่: 1 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:28:52 น.  

 
แวะมาราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณกุ๊ก หลับฝันดีนะค่ะ


โดย: KeRiDa วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:0:01:44 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับป้าดวง




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:6:28:21 น.  

 

สวัสดีค่ะป้ากุ๋ก


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
newyorknurse


โดย: newyorknurse วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:7:13:21 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Music Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog


ป๊าดดดด บรรทัดสรุปสุดท้ายนั่น!!!! อึ้งไปเลยครับป้ากุ๊กไก่


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:08:12 น.  

 

ชีวิตงามค่ะป้ากุ๊ก โหวตค่ะ

ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: พรไม้หอม วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:45:10 น.  

 
ไปเยี่ยมพี่สินมา อ่านเม้นท์ของคุณป้ากุ๊กแล้ว
คล้ายกับว่าคุณป้ากับคุณยายกลับไปอยู่บ้านแล้ว
ถ้าใช่ก็ยินดีด้วยครับ น่าจะสบายกว่าอยู่คอนโด



โดย: nulaw.m (คนบ้า(น)ป่า ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:37:18 น.  

 
สองบริษัทนี้ใหญ่มหึมาในเกาหลีทั้งคู่เลย อ่านเรื่องแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ
ซาบซึ้งกับความรักและผูกพันของพี่น้องคู่นี้
ประทับใจมากกับความเสียสละของน้องชาย
ขอบคุณป้ากุ๊กมากที่หาเรื่องราวดี ๆ แบบนี้มาฝากกันนะคะ


โดย: haiku วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:18:54:42 น.  

 
เรื่องราวน่าประทับใจ และให้ข้อติดดีมากค่ะป้ากุ๊ก
เพราะสองพี่น้องรักกันนั่นเองค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:21:44:52 น.  

 
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog


มาส่งกำลังใจให้ข้อคิดดีๆที่ป้ากุ๊กนำมาฝากแควนๆค่ะ


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:22:12:48 น.  

 
หวัดดีค่าป้ากุ๊กไก่

ก่อนจะมาถึงวันนี้แต่ละคนคงต้องผ่านอะไรมามากจริงๆ
พออ่านแล้วซึม ซึ้งไปเลยค่ะ
ครอบครัวสำคัญจริงๆ


พรุ่งนี้มาส่งกำลังใจให้ค่า




ทริปเฉพาะกิจ ที่ RinSa YoyoLive
บินไปไกลถึงยุโรปในครั้งแรก




โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:1:10:26 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
NENE77 Photo Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog

มารับข้อคิดดีๆจ้า..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:1:50:51 น.  

 
ธรรมสวัสดีค่ะคุณป้ากุ๊ก
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ญามี่ Literature Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: jamaica วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:7:20:14 น.  

 
แวะมาเติมกำลังใจค่ะคุณป้ากุ๊ก
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: เฉลิมลาภ ทราบแล้วเปลี่ยน วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:53:44 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะคุณป้ากุ๊ก
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: forgetmenot_ok วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:10:01:49 น.  

 


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:15:52:29 น.  

 
ขอบคุณโหวตแสตมป์ค่ะป้ากุ๊ก

ร้านนี้ อาหารใช้ได้ค่ะ หนูชอบวิวด้วย ถ้าผ่านไปแถวโน้น คงแวะอีกล่ะค่ะ




โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:12:18 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณป้ากุ๊ก
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ
----
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog


โดย: blueberryblossom วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:20:56:26 น.  

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่กุ๊กไก่ เช้านี้รับกาแฟ ไข่ลวก ขนมปัง สักหน่อยไหมค่ะ มีความสุขกับการทำงานในวันนี้น๊า


โดย: KeRiDa วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:9:45:47 น.  

 
ขอบคุณความคิดเห็น เรื่องรถไฟ


โดย: ป้าเก๋า (ชมพร ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:10:45:32 น.  

 
อุ้มอ่านไปแล้วคิดตาม
ฉันเกิดบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน
แล้วคิดผูกเรื่องต่อว่า
ถ้่าลุงโง่ใช้จอบขุดดินเพื่อจะย้ายภูเขา
จะได้ไม่ห่างไกลผู้คนล่ะ
อ่านไปอุ้มนึกถึงเพลงลุงโง่
ของน้าหว่อง มงคล อุทกน่ะค่ะ



โดย: อุ้มสี วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:28:49 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Rinsa Yoyolive Travel Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog

เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 4 พฤศจิกายน 2557 เวลา:18:35:44 น.  

 
เป็นเรื่องที่ดี อ่านก่อนนอนแล้วรู้สึกหัวใจสงบจริงๆเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ


โดย: PhuyingSainam วันที่: 9 พฤศจิกายน 2557 เวลา:23:21:55 น.  

ร่มไม้เย็น
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]







เริ่มเขียน Blog เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2551


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยม เมื่อเวลา 18.15 น.



Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2557
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
1 พฤศจิกายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ร่มไม้เย็น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.