139 .. ช้าลงสักนิด
ช้าลงสักนิด
เขียนโดย รินใจ จาก คอลัมน์ริมธาร นิตยสารสารคดี ฉบับที่ 312 : กุมภาพันธ์ 2554
นำมาจาก เว็บ visalo.org
มารดาของแก้ว เป็นมะเร็งลำไส้ จึงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หลังจากได้รับเคมีบำบัด 10 ครั้ง ร่างกายก็ผ่ายผอม วันหนึ่ง แก้วจึงพาแม่ไปพักผ่อนกับครอบครัวที่เชียงใหม่ เที่ยวกันทั้งวัน ตกค่ำก็ไปกินอาหารหน้าโรงแรม แก้วสั่งข้าวต้มให้แม่ แต่แม่ไม่ยอมแตะข้าวต้มเลย เอาแต่อุ้มหลาน เดินอยู่รอบโต๊ะ แก้วคะยั้นคะยอให้แม่ทานอาหาร แม่ก็ไม่สนใจ แก้วไม่พอใจจึงบ่นเสียงดังว่า แม่ เอาใจยาก ป่วยขนาดนี้แล้ว ยังไม่สนใจดูแลรักษาตัวเองอีก
กลางดึก ขณะที่นอนอยู่ แก้วก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ สงสัยว่าเป็นเสียงของใคร พลิกตัวกลับมาก็พบว่า แม่กำลังร้องไห้ จึงถามว่า แม่มีอะไรไม่สบายใจหรือ แม่ตอบว่า แม่น้อยใจลูก ที่ต่อว่าแม่ เรื่องข้าวต้มเมื่อหัวค่ำ แม่บอกว่า แม่กินข้าวต้มไม่ลงจริงๆ รู้ไหมว่า แม่เกลียดข้าวต้มมาก เพราะอยู่ที่โรงพยาบาล แม่กินแต่ข้าวต้ม พอเห็นข้าวต้ม ใจก็หวนระลึกถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน เพราะฤทธิ์เคมีบำบัด พาลให้เกลียดพยาบาลทุกคนที่โรงพยาบาล ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย แม่ทุกข์ทรมานมาก แต่แทนที่แก้วจะเห็นใจหรือเข้าใจแม่ กลับต่อว่าแม่อีก
แก้ว ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจ กราบขอโทษแม่ ที่พูดจาทำร้ายจิตใจแม่ แก้วไม่รู้เลยว่า แม่ทุกข์ถึงเพียงนี้ แล้วแก้วก็กอดแม่อยู่นาน เช้าวันรุ่งขึ้น แม่ก็คุยกับแก้วเป็นปกติ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เหตุการณ์นี้ ผ่านมานานหลายปี บัดนี้แม่หาชีวิตไม่แล้ว นึกถึงเหตุการณ์นี้คราวใด แก้ว อดรู้สึกใจหายวาบไม่ได้ ที่เผลอทำร้ายจิตใจแม่ เพียงเพราะข้าวต้มจานเดียวเป็นเหตุ หากแก้วถามแม่สักคำว่า ทำไมแม่ถึงไม่กินข้าวต้ม แทนที่จะด่วนต่อว่าแม่ แม่ก็คงไม่เสียน้ำตาเพราะลูก
ยังดีที่แก้วรับรู้ความรู้สึกของแม่ในคืนนั้น จึงขอโทษแม่ได้ทัน หาไม่แล้ว แก้วคงจะเสียใจหากมารู้ความจริงเมื่อแม่จากไปแล้ว
ความผิดพลาดในชีวิต บ่อยครั้งเกิดจากการด่วนสรุป หรือผลีผลามตัดสินโดยไม่สอบถาม หรือฟังผู้ที่เกี่ยวข้องเสียก่อน
จริงอยู่ คนเราเมื่อเห็นหรือได้ยินอะไร ก็อดไม่ได้ที่จะตีความหรือหาความหมายจากสิ่งนั้น รวมทั้งคาดเดาถึง ที่มาที่ไปของมัน แต่หากเราตระหนักหรือระลึกว่า นั่นเป็นแค่ ความคิด ซึ่งอาจผิดหรือถูกก็ได้ เราก็จะไม่ด่วนสรุปว่า มันเป็น ความจริง ทำให้พร้อมที่จะรับฟังข้อเท็จจริง หรือความเห็นที่ต่างออกไป
ปัญหาก็คือ คนเรามักด่วนตัดสินโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่คิดนึกหรือคาดเดาอะไรขึ้นมาได้ ก็ยึดมั่นสำคัญหมายว่า มันเป็นความจริงหรือสิ่งที่ถูกต้อง จนไม่ยอมเปิดใจรับฟังอะไร ที่ต่างจากความคิดนั้น
ผลก็คือ ความคิดนั้นกลายเป็นนายเรา ควบคุมบงการให้เราพูด หรือทำตามมัน ดังที่บงการแก้ว ให้ต่อว่าแม่ด้วยความไม่พอใจ
การมีสติ รู้ทันความคิด เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราไม่ด่วนสรุป หรือหากเผลอด่วนสรุปไปแล้ว ก็รู้ตัวและวางมันไว้ก่อน ไม่ปล่อยให้มันบงการจิตใจ พร้อมเปิดใจรับฟังผู้อื่น หรือตามดูเหตุการณ์ให้แน่ใจ ซึ่งบ่อยครั้งช่วยให้ไม่เผลอทำสิ่งผิดพลาด ที่ทำให้ต้องเสียใจในภายหลัง
อังคณา มาศรังสรรค์ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง ผลัดใบชีวิต เล่าว่า วันหนึ่ง เธอชวนลูกไปเดินเล่นในสวน ลูกชายทั้งสองเดินไปก็แหย่หยอกกันไป เธอเดินตามหลังลูก เห็นแล้วก็ลุ้นในใจว่า ลูกจะตีกันไหมหนอ สักพักก็เห็นคนพี่ หันไปทำท่าเหมือนตีหัวน้อง เธอเกือบจะหลุดปากออกไปปรามลูกว่า เล่นกันดีๆ ลูก ทำไมต้องตีหัวน้อง แต่แล้ว ก็ยั้งเอาไว้ เพราะเกรงว่าน้องจะรู้สึกมีพวก และหันมางอแง หาแม่ให้ช่วย
ครู่ต่อมา เธอเห็นคนพี่ตีหัวน้องอีกครั้ง คราวนี้เธอเห็นความโกรธพุ่งจี๊ดขึ้นมา แต่ไม่ทันจะทำอะไรไป ก็ได้ยินลูกคนโตพูดว่า เดี๋ยวๆ ยังไม่ออกเลย มดตะนอยเกาะอยู่ เดี๋ยวโดนกัดหรอก
เธอได้ยิน ก็อมยิ้ม รู้สึกดีใจที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป หาไม่ลูกชายคงจะเสียใจมาก กับคำพูดของแม่ที่เข้าใจลูกผิด
คงไม่มีอะไรที่ทำให้ลูกเสียใจมาก เท่ากับถูกแม่ตำหนิทั้งๆ ที่ตัวเองทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ผู้เป็นลูกมักหนีไม่พ้น ที่ต้องเจอเรื่องทำนองนี้ โดยที่แม่ก็หารู้ไม่ว่า ได้ทำอะไรลงไป เพราะคิดเสมอว่า แม่ย่อมรู้ดีกว่าลูก
หนังสือเล่มเดียวกันนี้ เล่าถึงคุณแม่ผู้หนึ่ง เธอชอบพาลูกสาววัย 5 ขวบ เดินชมสวน เธออยากให้ลูกมีนิสัยรักธรรมชาติ ระหว่างที่เดิน มักจะเตือนลูกไม่ให้เด็ดดอกไม้ แต่ลูกก็มักจะทำตรงข้าม เธอเห็นคราวใด ก็ตีมือลูกเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงแข็ง แม่บอกหลายครั้งแล้วนะ ไม่ให้เด็ดดอกไม้ บ่อยครั้งที่ลูกสาว มีอาการงอน เสียใจ ขณะที่เธอรู้สึกกังวล ที่ลูกสาวเป็นคนดื้อ ไม่ค่อยเชื่อฟังแม่
มีช่วงหนึ่ง ที่เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้ช้าลง และไม่ด่วนสรุป เธอจึงอยากทดลองใช้กับตัวเองบ้าง วันหนึ่งขณะที่เดินเล่นกับลูกสาว เธอเห็นลูกน้อยเอื้อมมือไปเด็ดดอกไม้ เธอรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันที แต่เตือนตน ไม่ให้ผลีผลามทำอะไร นึกในใจว่า ลองช้าสิ ลองไม่ตัดสินสิ ดูก่อน ลูกจะเอาดอกไม้ไปทำอะไร ลูกเด็ดดอกไม้เสร็จ เธอก็เดินตามลูกไป พอกลับถึงบ้าน ลูกถามหาชามเล็กๆ แม่ถามว่าจะเอาไปทำอะไร
ใส่ดอกไม้ค่ะ เวลาพ่อกินข้าว จะได้ดูดอกไม้สวย ๆ ลูกตอบ
แม่ น้ำตาคลอทันที คิดมาตลอดว่า ลูกเป็นคนดื้อ หากเธอด่วนสรุป ด่วนตำหนิเหมือนเคย ก็คงไม่รู้ว่า ลูกสาวมีน้ำใจงดงามเช่นนี้
ความสัมพันธ์ในครอบครัว แม้เริ่มต้นด้วยความรัก แต่มักปริร้าวจนแตกแยก ก็เพราะผู้คนไม่ค่อยฟังกัน แม้จะได้ยินด้วยหู เห็นด้วยตา แต่เมื่อมีข้อสรุปล่วงหน้าแล้ว ใจก็ปิด ไม่ยอมรับรู้ความเห็นต่าง จึงยากที่จะเข้าใจกันได้ ทำให้เห็นผิดไปจากความเป็นจริง ความรักจึงกลายเป็นความมึนตึง และความเกลียดชังกันในที่สุด
อย่าเพิ่งด่วนสรุป ตัดสินช้าลงสักนิด พึงระลึกว่าความจริงนั้น เป็นมากกว่าสิ่งที่เห็นด้วยตา ได้ยินด้วยหู หรืออาจตรงข้ามกับสิ่งที่คิดในใจก็ได้ แม้จะมีข้อสรุป ก็เผื่อใจไว้บ้างว่า ความจริงอาจมิใช่เป็นอย่างที่คิด ลองสอบถามหรือดูต่อไปสักนิด เราอาจเห็นความจริงอีกด้านหนึ่ง ที่งดงามของคนที่เรารัก
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 21 มีนาคม 2554 |
Last Update : 29 มีนาคม 2558 16:45:59 น. |
|
68 comments
|
Counter : 5613 Pageviews. |
|
|
|
ช้าลงอีกนิด มีสติอีกหน่อย
ลงดูหน่อยนะค่ะ จะทำให้เข้าใจอะไรได้ดีค่ะ