POWER OF BELIEF
ปราสาทนครวัดและปราสาทนครธม-บายน ในอาณาจักรขอมโบราณ
พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สถาปนาปราสาทนครวัดขึ้นเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาลตามศรัทธาความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ ราว พ.ศ.1655-1693 โดยสร้างขึ้นในกำแพงล้อมรอบมีความยาวถึง 1000 เมตร ความกว้าง 850 เมตร ปรางค์ปราสาทประธานสูงถึง 65 เมตร นักโบราณคดีสัณนิษฐานว่าต้องใช้หินก่อสร้างราว 6 แสนลูกบาศก์เมตร ต้องใช้ช้างสี่หมืนเชือก ใช้แรงงานคนนับแสน ในการขนหินจากพนมกุเลนซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 50 กิโลเมตร ในปราสาทมีเสาหินรวม 1800 ต้นแต่ละต้นหนักสิบตันขึ้นไป รอบระเบียงปราสาทมีภาพสลักหินเป็นเรื่องราวตามคติฮินดู เช่น รามายณะ มหาภารยุทธ ปรากฏอยู่ทั่วไปไม่เว้นแม้แต่กรอบหน้าต่าง ใช้ช่างฝีมือจำหลักหินกว่า 5000 คน มีนางอัปสร-เทพธิดาพิทักษ์เทวสถาน ประดับอยู่ทั่วไป 1500 องค์ แกะสลักอยู่นานกว่า40 ปี
ปราสาทนครธม-บายน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พ.ศ. 1720-1762 (ก่อนกำเนิดอาณาจักรสุโขทัย) ปราสาทบายนสร้างขึ้นเป็นศูนย์กลางของโลกและจักรวาล ตามศรัทธาและความเชื่อในพุทธศาสนามหายาน ปราสาทจึงเต็มไปด้วยใบหน้าคนซึ่งก็คือพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้า ซึ่งแปลว่า...ผู้มองลงมาจากเบื้องบนด้วยความเมตตากรุณา ปรากฏอยู่บนยอดปรางค์ปราสาท 54 ปรางค์ แต่ละปรางค์มีพระพักตร์จำหลักอยู่ทั้ง 4 ทิศทาง รวมได้ถึง 216 พระพักตร์ มีความสูงเท่าตัวคน คือตั้งแต่ 1.75 เมตร ถึง 2.50 เมตร เรียกได้ว่ามองไปทางใหนก็เห็นแต่ใบหน้าคนเต็มไปหมด...แต่เมื่อพิจารณาลึกลงไปก็จะเห็นความออ่นโยนจากรอยยิ้มของแต่ละใบหน้า เรียกกันว่า ยิ้มแบบบายน คือ ยิ้มอย่างมีเมตตา เพราะว่านี่คือสัญญลักษณ์แทนความหมายถึง พรหมวิหาร 4 ที่พึงมีในพุทธศาสนิกชนทุกคนคือ เมตตา กรุณา มุธิตา และอุเบกขา นั่นเอง...แต่กฏอนิจจัง ก็ยังเป็นสัจจธรรมสำหรับโลกและชีวิต คือ การเกิดขึ้น-ตั้งอยู่ และดับไป ของสรรพสิ่ง ครับ (ข้อมูลจากนิตยสาร Hi-Class)