...สมัยอันสับสนยุ่งเหยิงภายในจักรวรรดิศรีวิชัยยุคนั้นตำนานพงศาวดารลังกากล่าวว่า กองทัพกัมพูชาภายใต้การนำของเจ้าชายรุทธวรมัน ราชโอรสของกษัตริย์กัมพูชา ไม่ทราบว่าเป็นพระองค์ใดได้ยกกองทัพเข้ามาโจมตีกรุงสุวรรณปุระ ฝ่ายเจ้าชายคุณาอรรณพและเจ้าชายศรีมาระได้คุมกองทัพออไปต่อต้านรบพุ่งเป็นตะลุ่มบอนเจ้าชายศรีมาระถูกอาวุธข้าศึกสิ้นพระชนม์ในสนามรบเจ้าชายคุณาอรรณพโจมตีกองทัพกัมพูชาแตกพ่ายและจับตัวเจ้าชายรุทธวรมันเอาไว้ได้ ควบคุมตัวไว้อย่างแน่นหนา เมื่อพระเจ้ากรุงกัมพูชาทราบว่าราชโอรสพลาดพลั้งถูกจับตัวเป็นเชลยศึก ก็รีบยกกองทัพใหญ่มาหมายจะบุกเข้าโจมตีให้แตกฉานเพื่อช่วยเหลือราชโอรสพระองค์ทรงขับช้างศึกเข้าทลายประตูเมืองอย่างกล้าหาญ แต่ ถูกทหารศรีวิชัยยิงด้วยธนูอาบยาพิษสิ้นพระชนม์ที่หน้าประตูเมืองนั้นกองทัพกัมพูชาเมื่อสูญเสียแม่ทัพใหญ่ต่างพากันหลบหนีเอาตัวรอดกองทัพศรีวิชัยติดตามโจมตีแตกพ่ายกลับไปพร้อมกับประทานเครื่องเพชรและทองคำมาประดับป้อมบนประตูเมืองเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะ ด้วยเหตุนี้ ประตูเมืองศรีวิชัยจึงได้รับการขนานนามว่าประตูป้อมเพชร
การรบพุ่งกับกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยกลางพุทธศตวรรษที่ 14ในรัชกาลมหาราชโกณฑัญญะซึ่งจดหมายเหตุจีนกล่าวถึงเรื่องราวของประเทศสัน-โฟ-ชิในยุคนั้นว่า ประเทศนี้ได้ส่งคณะทูตไปยังราชสำนักจีนหลายครั้งแม้ว่าอาณาจักรชวาจะแยกตัวไปเป็นอิสระแต่อาณาจักรศรีวิชัยยังคงมีอำนาจควบคุมช่องแคบสุมาตรา ช่องแคบซุนดา และครอบครัวเส้นทางการค้าขายระหว่างประเทศจีนกับประเทศอินเดียไว้ได้ทั้งหมดพ่อค้าชาวอาหรับชื่ออาบู ซาอิด ซึ่งเดินทางเข้ามาใน พ.ศ. 1459 ได้เล่าเรื่องซ้ำซากเรื่องการโยนแท่งทองคำลงไปในทะเลสาบมหาราชแห่งซาบากทรงปกครองกาละห์, ศรีบุซา และรามีอันเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าสำคัญ 3แห่งที่ตั้งอยู่บนคาบสมุทรสยามและบนเกาะสุมาตรา
นายธรรมทาส พานิช มีความเห็นว่า เจ้าชายรุทธวรมัน หมายถึงเจ้าชายรุทธวรมันที่ 2 ราชโอรส เจ้าชายรุทธวรมัน ที่ 4 ซึ่งยกกองทัพเข้าแย่งชิงราชสมบัติจากพระเจ้าหรรษวรมันที่ 1ราชโอรสของพระเจ้ายโสวรมันที่ 1 กษัตริย์พระองค์นี้ครองราชย์อยู่ระหว่าง พ.ศ. 1468 ถึง พ.ศ. 1484 อาจหมายถึง พระโคดม ในตำนานพงศาวดารเขมรที่นำชาวพื้นเมืองก่อกบฏบุกโจมตีเผาผลาญพระนครวัดพินาศ เมื่อพ.ศ. 1468 พระเจ้าชัยวรมันที่ 4 อาจเกรงว่าอาณาจักรศรีวิชัยอาจยกกองทัพไปช่วยเหลือกอบกู้ราชบัลลังก์ให้กับราชวงศ์ไศเลนทรในอาณาจักรกัมพูชา จึงกรีธาทัพมาโจมตีกรุงศรีวิชัย แต่พ่ายแพ้ไปในที่สุด
นัก ประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่ามหาราชแห่งศรีวิชัยอาจทรงกอบโกยความร่ำรวยจากบรรดาเรือสินค้าที่ผ่านไปมาระหว่างโลกตะวันออก กับโลกตะวันตกหรือเก็บภาษีจากผลิตผลพื้นเมืองนานาชนิดจำนวนมหาศาลจักรวรรดิของพระองค์เป็นที่รวมของบรรดาเมืองท่าเรือและศูนย์กลางตลาดการค้าสำคัญมากมาย จึงไม่จำเป็นจะต้องรบกวนประชาชนที่มีรายได้น้อยแต่กลับส่งเสริมความสุขของประชาชน ไม่บังคับแรงงานหรือลงโทษทางอาชญาอย่างรุนแรงแต่แสดงความกรุณาอย่างง่ายๆ ในแบลพระโพธิสัตว์อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยรักษาจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ไพศาลให้มั่นคงยั่งยืนอยู่เป็นเวลานาน แต่ในที่สุดอาณาจักรมะตะรามศัตรูสำคัญที่สุดของศรีวิชัยเริ่มแสดงบทบาทเกี่ยวข้องกับอำนาจทางทะเลคุกคามเขตอิทธิพลทางเศรษฐกิจของศรี วิชัยจดหมายเหตุจีนกล่าวว่า
ใน พ.ศ. 1535 คณะทูตของประเทศเชอ-โพ (ชวา) คุมเครื่องราชบรรณาการไปยังราชสำนักจีนราชทูตรายงานว่า ประเทศของตนทำสงครามกับประเทศสัน-โฟ-ชิ
อ่านเพิมเติม //blog.eduzones.com/tambralinga/5512