อาณาจักรสยามในค.ศ.1767 โดยนายฟรังซัว อังรี ตุรแปง (Turpin)
เหตุการณ์ช่วงก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตกถึงสมัยต้นกรุงธนบุรีนั้น ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชื่อนายฟรังซัว อังรี ตุรแปง (Turpin) ได้รวบรวมเรื่องประวัติศาสตร์ประเทศไทยไว้ตามข้อมูลที่ได้รับจากบาทหลวง บรีโกต์ซึ่งเป็นสังฆราช แห่งตาบรากา(Bishop of Tabraca) ประมุขมิสซังกรุงสยาม ที่เคยอยู่กรุงสยามหลายปี เมื่อกรุงแตกบาทหลวงบรีโกต์ ถูกพม่าจับตัวไปที่บางช้าง แล้วพาไปเมืองทวาย ต่อจากนั้นกัปตันเรือชาวอังกฤษ ชื่อรีเวียร์ พาไปถึงเมืองย่างกุ้งประเทศพม่าเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๑๐ ( ค.ศ. 1767) บาทหลวงบรีโกต์ได้
รับการปล่อยตัวจากย่างกุ้งเดินทางมาเมืองปอนดิเชอรี่ เมื่อ ๑๗ มีนาคม พ.ศ.๒๓๑๑( ค.ศ.1768) แล้วได้เดินทางกลับไปปารีส ตุรแปง เขียนบันทึกดังกล่าวเป็นหนังสือภาษาฝรั่งเศส ๒ เล่ม ชื่อ Histoire du Royaume de Siam? พิมพ์ที่กรุงปารีสในปี พ.ศ. ๒๓๑๔( ค.ศ. 1771) ตุรแปง ได้บันทึกเรื่องเกี่ยวกับสยามไว้อย่างละเอียดสรุปได้ ดังนี้ 

1.นิสัยใจคอของชาวสยาม

ชาวสยามเป็นคนภาคภูมิใจในชาติและรักขนบธรรมเนียมอย่างเหนียวแน่น มีกิริยามารยาท อ่อนโยนสุภาพ มีเมตตา ซ่อนความรู้สึก ไม่ชอบพูดมาก มัธยัสถ์ ไม่ชอบหรูหราฟุ่มเฟือย ไม่เห็นแก่ตัว มีความรู้จักพอไม่ติดใจอยากได้สมบัติสิ่งของต่างๆ เหมือนคนยุโรป แต่ของที่มีอยู่จะรักษาอย่างหวงแหน ชอบฝังสมบัติมากกว่าจะนำออกมาใช้ นับถืออาวุโส เคารพ พ่อแม่ คำสบประมาทของชาวสยามที่เจ็บแสบที่สุด คือ เป็นคนขี้ปด  จุดอ่อนของชาวสยามคือเป็นคนเฉื่อยชาเกียจคร้าน อันแก้ไม่หาย ย่อท้อ ไม่ชอบทำอะไรที่ลำบากยากเย็น ไม่ชอบทำของยาก ไม่ยินดียินร้าย ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่ออกกำลังบริหารร่างกายเพราะทำให้เหน็ดเหนื่อย ชาวสยามเป็นศัตรูกับความเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบาก ดูเหมือนจะมีชีวิต
อยู่เพื่อจะกินและสืบเผ่าพันธุ์เท่านั้น คนสยามมักจะเหลาะแหละไม่ยอมรับหลักการและผลที่เกิดจากหลักการ จิตใจไม่ค่อยได้รับการฝึกฝน จึงไม่เคยแยกว่าอะไรดีและอะไรดีที่สุด  แล้วก็ประพฤติโดยไม่นึกจะคิดไตร่ตรองหาเหตุผล มักเป็นนายที่แข็งกระด้างไม่ค่อยรู้วิธีบังคับบัญชาคน  ชาวสยามมีความเจ็บแค้นสูงเมื่ออับอาย บ้าคลั่งอย่างไม่รู้จักชั่งใจเมื่อโมโห บางครั้งโหดเหี้ยมทารุณทำร้ายกันถึงตาย โดยเฉพาะวิธีประหารชีวิตของสยามแบบต่าง ๆ นั้นสยดสยองทรมานยิ่ง การปฏิวัติที่มีบ่อย ๆ ทำให้คนมั่งมีหลายคนถูกริบทรัพย์จนหมดตัว  คนสยาม มักยอมอ่อนน้อมต่อผู้อยู่เหนือกว่า แต่จะหยิ่งดูหมิ่นคนที่ต่ำกว่าและคนที่แสดงความยกย่องเขา บางคนช่างพูดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม อ้างเหตุผลผิดๆมาตบตาคน เชื่อถือ
ไสยศาสตร์ โชคลาง หมอดู เข้าทรงและคาถาอาคม 

2.ครอบครัว สตรีสยามมีความเหนียมอายสงบเสงี่ยม ผู้หญิงสยามทำงานหนัก ทำไร่ไถนาตัดไม้และเก็บเกี่ยวข้าว ขณะที่ผู้ชายชาวสยามบางคนนอนซึมอยู่บนที่นอน ผู้ชายสยามชอบมีภรรยาหลายคน 

3.โรคภัยไข้เจ็บ ชาวสยามไม่รู้จักปลูกฝีฉีดยา หลายคนมีแผลบนใบหน้าซึ่งเกิดจากฝีดาษ กามโรคยังไม่เป็นที่รู้จักกันในสยาม ยังไม่รู้จักการผ่าตัด ชอบใช้การนวดในการรักษาโรค มีการใช้ปูที่กลายเป็นหินนำไปตำละลายกับเหล้าเพื่อรักษาโรคบิด 

4.อาหารการกิน คนสยาม กินอึ่งอ่าง คางคก หนูนา ไข่ ตั๊กแตน หนู กิ้งก่า ตับปลากระเบน ตะขาบปิ้ง และแมลงทุกชนิด ชอบสูบยาฉุน และชอบ กินหมากทำให้ฟันดำ ลิ้นชาวสยามนั้นหยาบ สามารถกินปลาเน่าหรือไข่เสียตายโคมได้ ชาวสยามไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ แต่ชอบกินใส้สัตว์ มีการทำปูจ๋า โดยเอาเนื้อปูมาสับกับกระเทียมใส่ในกระดองปูแล้วนำไปทอด 

5.ที่พักอาศัย และการแต่งกาย ชาวสยามชอบตั้งบ้านเรือนเฉพาะอยู่ริมน้ำ ส่วนที่ห่างแม่น้ำลำคลองจะมีคนอาศัยอยู่น้อย ชอบเดินทางและขนส่งด้วยเรือในแม่น้ำลำคลองมากกว่ารถม้า ไม่ชอบสร้างเมืองชายทะเล ไม่ชำนาญเดินเรือทะเล ไม่รู้ดาราศาสตร์ ใช้ดาราศาสตร์เพื่อทำนายโชคชะตาในท้องนามีการทำหุ่นฟางไล่นกมีใบพัดเกิดเสียง และเคาะแผ่นโลหะเพื่อไล่นกที่มากินข้าวในนา บ้านชาวสยามสะอาดสวยงาม ฝาบ้านทำด้วยไม้ไผ่ขัดแตะยกพื้นสูงเพื่อหนีน้ำท่วม มุงหลังคาด้วยใบไม้ใบหญ้า บางบ้านทำด้วยไม้ฝากระดาน ซึ่งต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันทั้งหลังได้โดยไม่ต้องใช้ตะปูสักตัวเดียว ชาวสยามนอนบนเสื่อ ไม่มีเตียง ตู้ เก้าอี้ หรือภาพวาด ชาวสยาม ส่วนใหญ่นุ่งผ้าสีไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำ ไม่แก้ผ้า
อาบน้ำเหมือนชาวยุโรป ฝ่าเท้าหนาเพราะเดินด้วยเท้าเปล่าจนหนามธรรมดาตำไม่เข้า เด็กแก้ผ้าจนถึงห้าขวบ ข้าราชการใส่เสื้อมัสลินสีขาวไม่มีคอปกสวมหมวกสีขาวยอดแหลม (ลอมพอก) ทหารใส่เสื้อสีแดง พระเจ้าแผ่นดินทรงฉลองพระองค์ทำด้วยผ้าตาดประดับผ้าลูกไม้จากยุโรป วังพระเจ้าแผ่นดินสร้างด้วยอิฐ หลังคายอดแหลมมุงด้วยดีบุก พื้นปูด้วยพรมเปอร์เซีย ล้อมด้วยกำแพงอิฐสามชั้น พระเจ้าแผ่นดินใส่หมวกใส่รองเท้าปลายแหลมไม่หุ้มส้น ประชาชนไม่เคยเห็นพระเจ้าแผ่นดิน เพียงการออกพระนามหรือถามถึงพระสุขภาพก็ถือเป็นการลบหลู่พระบรมเดชานุภาพ ผู้หญิงสยามชอบไว้เล็บยาว

6.การละเล่น  เด็กสยามชอบเล่น ลูกข่าง ลูกหนัง มีการเล่นว่าวผูกตะเกียงขึ้นไปตอนกลางคืนด้วย ดนตรีสยามมีซอสามสาย ปี่ขลุ่ย กลอง มีการเล่นหุ่นกระบอก สกา หมากรุก ตะกร้อ คนสยามชอบการพนัน ชนไก่ แข่งวัวแทนแข่งม้า ชอบการร้องเพลงแต่ไม่รู้จักโน้ตเพลง และไม่จดไว้ในตำรา มิชชันนารีหมู่แรกได้แต่งกฎทางศาสนาเบื้องต้นเป็นทำนองเพลงภาษาละตินเพื่อ จารึกลงในความจำของศิษย์ และวิธีนี้ปรากฏผลดียิ่ง ไม่มีคนทำเครื่องดนตรีขายใครอยากทำอะไรก็ทำตามใจชอบ อาชีพนักแสดงละครเป็นอาชีพต่ำต้อย การแสดงส่วนมากมักตลกโปกฮา และมักมีคำอุจาดลามกสอดแทรกอยู่ ชาวสยามชอบการพนันอย่างยิ่ง ผู้แพ้การพนันนั้นยอมขายได้แม้กระทั่งลูกเมียของตน

7.การศึกษา การศึกษาของสยามขาดวิชารู้จักคิดหาเหตุผล คนสยามพยายามจะไม่คิดเพราะความคิดทำให้เหน็ดเหนื่อย

8.การศาสนา ภาษาฝรั่งเศสเรียกพระภิกษุพุทธศาสนาว่า ตาลาปวง Talapoin ซึ่งได้มาจากคำว่า ตาลปัตร ที่พระภิกษุถือในมือ เพื่อไม่ให้เห็นสตรีขณะกำลังสวดมนต์

9.การยุติธรรม ไม่มีประเทศใดในโลก ที่คนทุจริตจะมีวิธีพลิกแพลงมากเท่ากับในประเทศสยาม ในประเทศนี้ คนที่ชำนาญการในการทำให้คดียุ่ง สามารถทำให้เรื่องร้ายที่สุดกลับเป็นไปในทางดีได้ และเขาจะเรียกร้องค่าตอบแทนอย่างสูงทีเดียว การลงโทษผู้กระทำผิดมีหลายระดับ เช่น ไปตัดหญ้าให้ช้างกิน เอามีดกรีดศรีษะ เฆี่ยน ดำน้ำลุยไฟ ตอกเล็บบีบขมับ จนถึง ตัดหัวประหารชีวิต

10.ศิลปะ ในกรุงสยามไม่มีนักวาดรูปตามหลักศิลปะของยุโรป เขาวาดแต่รูปสัตว์ประหลาดพิสดาร กับรูปเพ้อฝันฟุ้งซ่าน ไม่วาดภาพเป็นจริงตามธรรมชาติ ภาพวาดของชาวสยามไม่ได้สัดส่วนงดงาม

หมายเหตุ:กรุงปารีสของฝรั่งเศสยุคนั้นเจริญทางสถาปัตยกรรมแต่ในเมืองเต็มไปด้วยขยะ หนู คนยากจน แถมคนฝรั่งเศสอุจจาระข้างทาง ซอกตึก มีโรคระบาดรุนแรงมากกว่าสยามเสียอีก (ผู้เขียน)





Create Date : 12 ธันวาคม 2557
Last Update : 12 ธันวาคม 2557 7:09:28 น.
Counter : 2459 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
ธันวาคม 2557

 
2
3
6
7
8
9
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog