การปลูกสร้างสวนป่าไม้สักในประเทศไทยได้เริ่มทดลองครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ในท้องที่ป่าแม่ปาน อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ โดยนำวิธีการปลูกสร้างสวนสักในพม่ามาใช้ การปลูกสร้างสวนป่าไม้สัก เพื่อการทดลอง ได้ดำเนินการต่อมาอีกในท้องที่ต่างๆ ทั่วภาคเหนือของประเทศ จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๔๘๔ กรมป่าไม้จึงได้วางแผน และปลูกสร้างสวน ป่าไม้สักอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมาย เพื่อที่จะผลิตไม้สักทดแทนป่าธรรมชาติ ที่อาจหมดสิ้นไปได้ในอนาคต ปัจจุบัน มีหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงาน เช่น กรมป่าไม้ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ บริษัทไม้อัดไทย และหน่วยงานเอกชนต่างๆ ได้ดำเนินการปลูกสร้างสวนป่าไม้สักอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือของประเทศ ทำให้สวนป่าไม้สักในปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๓๐) มีพื้นที่ถึง ๑,๐๑๕,๘๕๐ ไร่ (ที่มา:สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ / เล่มที่ ๑๕ / เรื่องที่ ๔ ไม้สัก / การปลูกสร้างสวนป่าไม้สัก)
ไม้สักปลูกรุ่นแรกของเมืองไทย สวนป่าแม่จั๊ว แพร่ กรมป่าไม้...ภาพจากคุณบุญเลิศ ศรีสุขใส
ไม้สักป่าสาละวิน...ทรัพยากรพันธุ์กรรมไม้สักพันธุ์ดีของโลกจะไม่สูญสิ้นจากแผ่นดินทอง ถ้ามีการปฎิรูปกฏหมายป่าไม้ให้ทุกชุมชนมีส่วนร่วมในการปกปักษ์รักษาเพราะคนในชุมชนนั่นแหละมีส่วนร่วมในการลักขโมย เมื่อทุกรัฐบาลยังไม่มีนวัตกรรมใหม่ให้ชุมชนร่วมรักษาทรัพยากรป่าไม้ แม้จะระดมสรรพกำลังเท่าไหร่ก็ยากที่จักรักษาไม้ดีมีค่าเอาไว้ได้ให้
ลูกหลานในอนาคต หยุดเถอะครับการเล่นบทโปลิศจับขโมย พระเอกเสือกลิ่นสักนั้นเป็นนิยายปรัมปรา สังคมในศตวรรษที่21ก้าวสู่ความรู้สร้างนวัตกรรมความมั่นคงและมั่งคั่งอย่างยั่งยืนครับ
ทรัพยากรไม้สักของประเทศไทยกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง สมควรทบทวนปฏิรูปกฏหมายป่าไม้ให้สอดคล้องกับโลกาภิวัตรดีไหมครับ
อะไรหลายเรื่องในปัจจุบันได้แต่ถอนหายใจค่ะ