เกริ่น....
ขอตอนรับเพื่อน ๆ สู่
กรุ๊ปบล๊อก นาจอก ณ นครพนม
บล๊อกนี้เป็นความตั้งใจของผมมานานแล้วที่อยากจะเขียน เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็ก และเรื่องราวของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เคยหลบซ่อนตัวอยู่ในดงต้นหมาก พลู รวมทั้งสวนผัก และอีกฝั่งโอบล้อมด้วยหนองน้ำอันอุดมสมบูรณ์ที่มีชื่อว่า "หนองญาติ" ลืมบอกไปครับหมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อเรียกเป็นทางการว่า "บ้านนาจอก" เป็นหมู่บ้านที่มีความสำคัญและเริ่มมีการพัฒนาเป็นแห่งท่องเที่ยว แห่งสำคัญของจังหวัดนครพนม
เมื่อสิบกว่าปีก่อนบ้านนาจอกของผมเป็นหมู่บ้านชานเมืองธรรมดา ๆ ที่มีความเงียบสงบตามอย่างหมู่บ้านในชนบททั่วไป แต่นานวันเข้า เมื่อระยะ 10 กว่าปีให้หลังมานี้ ที่นี่กลับไม่ธรรมดาขึ้นมา เพราะมีการรื้อฟื้นและสอบทวนประวัติศาสตร์ว่า ครั้งหนึ่งอดีตประธานนาธิบดี โฮจิมินทร์ ผู้ยิ่งใหญ่ ของชาวเวียตนามครั้งหนึ่งเคยพำนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อต่อสู้ปลดแอกจากการล่าอาณานิคมของ ฝรั่งเศส บนแผ่นดินแม่
บ้านนาจอกที่ว่านี้คือสถานที่ที่ผมคุ้นเคยผูกพัน มาตั้งแต่เด็ก ผมเกิดและโตที่นี่จนถึงอายุ 18 ปี จึงต้องเดินทางไปแสวงหาประสบการณ์ชีวิตจนถึงปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้กลับไปอยู่ที่นี่ จะทำได้ก็แค่ กลับไปเยี่ยมบ้านบ้างปีล่ะไม่เกิน 3 ครั้ง
และทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน ผมเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ บางสิ่งก่อเกิดเพิ่มพูน บางสิ่งลับเลือนหายไป เหลือทิ้งไว้แต่ความทรงจำ หรือเพียงลมหายใจรวยรินที่รอวันลับเลือนหายไปตามกาลเวลา
กับทั้งผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในวัยใกล้เกษียณหรือ วัยเกษียณทั้งสิ้น นอกจากนั้นยังมีเด็ก ๆ ที่รอวันเติบโตขึ้นเพื่อย้ายถิ่นฐานไปร่ำเรียน และทำงานที่เมืองหลวง ตามแบบฉบับของยุคสมัยที่ความเจริญกระจุกอยู่ในเมืองหลวงแทบทุกอย่าง
บ้านนาจอกมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง เนื่องจากคนที่นีคือชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน มาช้านานร่วมร้อยปีเศษ หาใช่ชาวเวียตนามใหม่ที่ทะลักเข้ามา ช่วงหลังตอนที่มีสงครามอินโดจีนไม่ ดังนั้นผู้คนที่นี่จึงมีความภาคภูมิใจ และเป็นชาวไทยที่รักแผ่นดินถิ่นเกิด ใช่แล้วครับชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม เก่าแก่ ของจ.นครพนม คือที่นี่ ด้วยเหตุนี้จารีตประเพณีของชาวนาจอกจึงผสานกลมกลืน เข้ากับกับผืนวัฒนธรรมไทยหลายอย่าง แต่ก็ยังคงกลิ่นไอของชาวเวียตนาม ไว้ได้อย่างเข้มแข็งแห่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินไทย
แต่ระยะหลังเมื่อคนรุ่นเก่าทยอยจากไปสู่ดินแดนบรรพบุรุษ (เป็นความเชื่อของชีวิตหลังความตาย -จะเขียนตอนต่อ ๆไปนะครับ) ก็เหลือแต่คนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง และพร้อมจะปรับเปลียนวิถีชีวิตให้ง่าย และสะดวกสบายขึ้น จนหวิดจะลืมเลือนรากเหง้าเก่าแก่ของตนไป ที่ผมคิดเช่นนี้มีเหตุผลส่วนหนึ่งคือ ภาษาเวียตนามของคนเชื้อสายเวียตนามที่นี่กำลังหายใจรวยริน เพราะร้อยละ 90 ของเด็กรุ่นใหม่ไม่สามารถสื่อสารได้อีกต่อไปแล้ว (หมายถึงคนที่อายุตั้งแต่ 30 ปีลงไป)
และในฐานะที่ผมเป็นผลผลิตหนึ่งของหมู่บ้านนาจอก และมีชีวิตคาบเกี่ยวอยู่ระหว่างคนรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ และอยู่ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมอันเชี่ยวกราก จึงได้มีความคิดที่จะบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ก่อน ที่ความทรงจำอันน้อยนิดของผมจะลับเลือนหายไป หรือว่าลมหายใจของผมจะลับเลื่อนหายไป ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งใดจะมาถึงก่อนกัน....
ชีวิตผมเริ่มต้นขึ้นที่บ้านสวนเก่าแก่หลังหนึ่ง ที่ครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เสียงร้องไห้ ที่นี่เคยเป็นฉากชีวิตฉากใหญ่ และเป็นสถานที่ส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 90 ของความทรงจำวัยเด็ก ที่อยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่อุดมสมบูรณ์
แต่ก็คงอีกไม่นานที่บ้านหลังนี้ต้องถูกรื้อทิ้งไป หลังจากที่ต้นไม้ในบ้านสวนนี้ได้ทยอยยืนต้นตายไปล่วงหน้าหลายปีแล้ว ไปกันนะครับผมจะพาคุณตามผมไปฟังเรื่องราวของบ้านนาจอก ณ นครพนม
ก่อนจบล๊อกแนะนำภาษาเวียตนามง่าย ๆ xin chào แปลว่าสวัสดี
xin chào "นาจอก" สวัสดีนาจอก กันนะครับ
เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับเพื่อน ๆ แล้วพบกันตอนแรก ....ในบล๊อกหน้า
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
7 comments |
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 10:50:44 น. |
Counter : 1279 Pageviews. |
|
|
|
โห......ชอบบ้านหลังนี้จังเลยครับ
ดูร่มรื่นย์น่าอยู่มากๆเลยครับ