สำรับอีสานที่บ้านผมครับ
ที่นี่จะนำชมทีละจานตามที่ถ่ายภาพมาได้ล่ะกันจานแรกชื่อ หญ่าเก่ย ชื่อ หญ่าเก่ย ไม่รู้จะแปลเป็นไทยว่าอะไร วิธีทำยากเย็นแสนเข็ญต้องนำขาหมูไปเผาให้หอมก่อนค่อยเริ่มทำได้เครื่องเครานั้นเล่า มากมายมหาศาล มากกว่าสิบอย่างแต่หัวใจสำคัญต้องมี แหม๋ (คล้ายข้าวหมาก) มันจะทำให้มีรสเปรี้ยวอ่อนเวลาจะทำทีพ่อกับแม่ต้องช่วยกันหลาย ๆ ชม. ซึ่งก็นับว่าเป็นการเชื่อมความสามัคคีกันดี เมนูนี้มักทำเวลามีงานไหว้บรรพบุรุษ หรือโอกาสสำคัญเท่านั้นไอ้ที่อยู่ดี ๆ นึกอยากทานในบ้านแล้วทำกินกันเป็นไม่มีจานที่ 2 ยำวุ้นเส้นแบบเวียตนามคือไม่เผ็ดจัดจ้าน แต่จะกลมกลอม หวานเปรี้ยว เค็ม เผ็ด แบบพอดีเท่าที่จำไดใส่พริกเผา ผักบุ้งสดผ่าซีก กุ้งแห้ง หมูยอ พริกซอยกระเทียมดอง หมูลวนแล้วก็ มีถั่วลิสง ประมาณนี้ ถ้าได้ไปเที่ยวนาจอกหาทานให้ได้นะครับจานที่ 3 จ๋าเตริ๋ง = ไข่เจียวหมูสับวุ้นเส้น) จานนี้ง่ายมากผมก็ทำได้ มีหมูสับเยอะๆ วุ้นเส้นแช่แล้วตัด ตอกไข่ไก่เข้าไปปรุงรสให้หนักพริกไทยใส่น้ำปลา ซอสภูเขา เอานิ้วจิ้มชิมรสดู แล้วไปทอดหรือเจียวเป็นแผ่นหนาและให้แห้งกรอบ เวลากัดโดนวุ้นเส้นกรอบ ๆ โอ้ย ...ยังกะได้กินอาหารทิพย์ เชียวนะไปลองทำดูกัน...เวลาเสริฟ เค้าก็จะใช้มีกรีดให้เป็นชิ้น ๆ สำหรับใช้ตะเกียบคีบทานจานที่ 4 แหนมหมูใบมะยมถ้าคุณได้ชิมแล้วจะลืมแหนมดอนมงดอนเมืองไปเลย รับรอง !ร้อยละร้อยของเพื่อนที่ได้ชิมมักจะอุทานเช่นนี้แต่ต้องทานดิบ ๆ นะ อร่อยที่ซูดดเลยล่ะแต่ในรูปนี้ผมเวฟมันนิดหน่อยเพราะแม่ไม่ชอบให้ทานดิบ ๆ จานนี้อย่าไปรู้วิธีทำมันเลย สูตรเค้าเป็นความลับ แนะนำให้ซื้อดีกว่าที่บ้านนาจอกก็มีเจ้าหนึ่งที่เค้าทำหมูยอ และแหนม คล้าย ๆ แบบนี้แระครับจานที่ 5 โย่ย (gioi) เป็นไส้กรอกเลือดหมู กับพวกเครื่องในหมูอีกภาพครับถ้าทำถูกวิธีมืออาชีพไม่คาวเลย แต่จะอร่อยและหอม เพราะมีการใส่ใบผักแพรว และใบอะไรอีกไม่รู้เวลาต้ม จานนี้ขาดไม่ได้เวลามีการไหว้บรรพบุรุษ หรือทำบุญ ถือว่าเป็นของที่ต้องมีอยู่คู่สำรับแบบโบราณเวลาไหว้หรือทำบุญและต้องจิ้มกับน้ำจิ้ม ที่เรียกว่า เนือกหมำต๋อย (น้ำปลาพริก กระเทียม)ต้องปรุงให้ข้นมีรสเปรี้ยวมะนาว และเค็มน้ำปลา เผ็ดร้อนกระเทียมจานที่ 6 ถิดไกว๋ = หมูหันเวียตนามมันก็คล้าย ๆกับหมูหันทั่วไปแต่หนังจะแดงกรอบ ภาพที่โชว์นี้ไม่ค่อยสวยหมูหันเป็นเมนูมาตรฐานสำหรับการจัดสำหรับแบบเวียตนาม เลยละคับเวลาทานก็ มักทานคู่กับผักสด ตัดเลี่ยน ถิดไกว๋ อยู่จานริม ๆรูป โน่นครับจานที่ 7 เรียกว่า gio mon (เยื๋อ ม๋อน ) = หัวไชเท้าดองหวานถ้าเกาหลีมีกิมจิ เวียตนามก็มี เยื๋อม๋อน นี่แระคลับที่มีศักดิ์ศรีเทียบเคียงกันเท่าที่เคยเห็นยายทำตอนเด็ก ๆจะใช้หัวไชเท้าหั่นเป็นชิ้นตากแดดให้มันเหี่ยว ๆ แล้วนำไปดอง กับพริก แครอท กระเทียม หอมแดง การดองจะใช้น้ำเชื่อมเคี่ยวให้เริ่มเหนี่ยวผสมลงไปด้วย ถ้าเก็บไปนานจะเปรี้ยวมากกว่าหวานแต่ถ้าทานตอนใหม่ ๆ จะหวานมากกว่าเปรี้ยวจานที่ 8 เป็นจานเดียวกันมั้งนะ ขนมจีนแบบเวียตนาม เรียกว่า บุ๋น ครับน้ำยาแบบเวียตนามที่บ้านนาจอกนี้จะไม่ข้นเลย แต่วิธีทำนั้นคิดว่าน่าจะคล้ายกับน้ำยาทั่วไป แต่รสจะไม่จัดจ้านนะครับทานกับผักเยอะ ๆ อร่อยดีครับ คนที่นี่จะจัดขนมจีนแบบนี้แระ คิดว่าต่างกับทั่วไปตรงผักอ่ะคับโดยจะมีใบสาระแหน่ เป็นพระเอกที่ไว้ทานคู่กันขาดไม่ได้เลยล่ะจานที่ 9 ก๋วยจั๊บญวน หรือ จ๋าวแกง จานนี้เห็นจะไม่ต้องแนะนำมากเพราะติดตลาดทั่วประเทศน้อยคนที่จะไม่เคยทานแต่ถ้าสูตรของทีนี่ น้ำซุปหมูต้องใส ใช้เส้นสด (มีเส้นอบแห้งด้วย)มีหมูยอซอยบาง ๆ ไม่ใส่หอมเจียว แต่ใส่กระเทียมเจียวแห้ง ๆ ใส่ผักชีฝรั่งหรือผักขื้นฉ่าย โรยพริกไทย หอม ๆ ไม่ต้องปรุงมากแค่มะนาว แล้วก็น้ำปลา พริก ก็พอแต่ที่เคยเห็นที่กรุงเทพฯ มีใส่น้ำส้ม น้ำตาล ปรุงแบบก๋วยเตี๋ยว ใส่หอมเจียวไม่แน่ใจอาจเป็นสูตรของที่อื่นแต่ผมว่าไอ้เครื่องปรุงที่ว่ามันมากลบทำให้เข้าไม่ถึงรสชาติ originalแท้ ๆ ของน้ำซุป และความเหนียวข้นที่มันมาจากเส้นที่เป็นแบบฉบับของ อาหารจานนี้จานที่ 10 เตี๊ยด แก่ง = เลือดแปลง เห็นสีแดงสดน่าสยดสยองยิ่งนัก ไม่ต้องกลัวเป็นเลือดหมูผสมกับน้ำอุ่นหรีอไงนี่นะ แล้วราดไปบนถ้วยที่มีหมูลวนแห้ง ๆ กับเครื่องในหมูสุกมีถั่วลิสงด้วย แล้วก็มีตับไตไส้พุงอะไรอีกนิดหน่อยโรยหน้าเพิ่มความสยดสยองเอ้ยย.. น่ากินสินะเลือดที่ราดไปมันจะคล้าย ๆ วุ้นเมนูนี่ไม่เคยเห็นที่ไหนนอกจากที่นครพนม จะมีให้ทานกันเมื่อมีงานสำคัญจริง ๆ เช่น งานแต่งที่ต้องล้มหมูกันเท่านั้น แต่ถ้าอยากกินนอกเทศกาล ตามร้านเฝอเวียตนามบางร้านก็มีไว้บริการ เคยเห็นผู้หญิงบางคนนั่งกิน ดูยังไงชอบกล 555ผู้หญิงอะร้ายย กินเลือดแปลงซะฟันแดง เล้ยยน่ากลัว น่ากลัวไอ้เมนูนี้ก็ทานกับผักสด ๆ พื้นบ้าน กลิ่นฉุนสารพัดอีกนั่นแระ...จานที่ 11 ข้าวต้มมัดไต้ = แบ๋งไตหน้าตาก่อนลอกใบตองแบบนี้ครับเป็นขนมสำคัญที่คู่กับชุมชนเวียตนามทุกแห่ง จะห่อกันเมื่อมีงานหรือเทศกาลสำคัญเท่านั้น เพราะต้องใช้แรงงานคนและการต้มที่ใช้เวลานานมาก และต้องต้มจากฟืนเท่านั้นจึงอร่อยเคยเห็นตอนเด็ก ๆ เค้าขุดหลุมข้างหนึ่งแล้วทำเป็นเตาไฟใต้ดินสุมฟืน เพื่อไม่ให้โดนลม ขนมจะสุกสม่ำเสมอ อันนี้แระคับบางบ้านอ่ะ ต้มไหม้ ต้มดิบ เป็นที่หยามเหยียดค่อนแคะของสตรีเชื้อสายเวียตนามทีเดียว แต่ปัจุจุบัน ก็เหลือแต่รุ่นป้า รุ่นอาบางคนที่ยังรักษาสูตรไว้ได้ ส่วนบางบ้านเช่นบ้านผมหมดคนทำไปตั้งแต่ยายเสียเมื่อ 6 ปีก่อนแล้วที่เห็นนี้เป็นฝีมืออาเค้าล่ะเวลาแกะไม่ต้องใช้มีดแต่จะใช้ตอกที่มัดกัดไว้กับฟันข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งจับเส้นตอกนั้นมาขดเป็นวนรอบท่อนขนมคือใช้ตอกหมุนบิดให้เนื้อขนมขาดเป็นท่อน ๆ จะไม่เปื้อนมือลูกหลานเวียตนามแท้ ๆทำเป็นทุกคน อย่างน้อยก็ต้องเคยเห็นชั้นนอกเป็นข้าวเหนียว ชั้นต่อมาเป็นถั่วเขียวลอกเปลือกบด ชั้นในสุดเป็นหมูสามชั้นเป็นไส้ในสุดอันนี้เก็บไปได้นานมากเป็นเดือน และถ้ามันแห้งเก่าเก็บมากก็นำมาทอดกรอบเหลือง ๆ ทานได้อร่อยเหาะเลย ว่าไปผมไม่ได้ทานแบบทอดนี้มาสี่ห้าปีได้แล้ว เห่อ เห่อแถมอีกสักอย่างก่อนจบบล๊อก เป็นเมนูข้าวจี่ชุบไข่ (อีสานนะคร้าบบ)หอมไข่ไก่ แล้วเวลาทานจะเค็มปะแล่ม ๆ ของเกลือ ทานเพลิน ๆหมดไปสองสามชิ้นไม่รู้ตัวการรับประทานอาหารเวียตนามหรืออีสานของคนที่นี่มักจะทานกับผักจานโต ๆ ผักกลิ่นฉุนที่อุดมด้วยแคลเซียมออกซาเลต ล้วนเป็นผักพื้นบ้านที่เป็นที่นิยมรับประทานของคนที่บ้านนาจอก ภาพสุดท้ายที่นำมาฝากเป็นแผงขายอาหารเวียตนามเมนูที่ทุกท่านคุ้นเคยที่ตลาดสดจังหวัดนครพนมสังเกตนะครับของแท้จะชิ้นใหญ่ ๆ ทานได้เต็มปากเต็มคำ ไม่มีแบบชิ้นเล็ก ๆ จุ๋มจิ๋ม ๆ แบบที่เห็นกันตามร้านอาหารใหญ่ขึ้นห้าง เคล็บไม่ลับ : ถ้าจะทานอาหารเวียตนามให้ถึงรสชาติและได้บรรยากาศจะขาดสองอย่างนี้ไม่ได้นั่นคือ1.ผักจานโต ๆ ที่ประกอบไปด้วยผักพื้นบ้าน กลิ่นฉุน สารพัดสารพัน 2.ต้องคีบอาหารทานด้วยตะเกียบนะคร้าฟฟฟบล๊อกต่อไปติดตามเรื่องศาลเจ้าเวียตนามนะครับผม""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""'
รูปสุดท้าย ...สุดยอด