พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 1
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên) ตอนที่ 1
พิธีกงเต็กเวียดนามที่บ้านต้นผึ้ง (นาจอก) ปี 2561
พิธีกงเต็กเวียดนามมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการในภาษาเวียดนามว่า เล๋ จุง เหงวียน (Lễ Trung Nguyên)หรือมีคำเรียกกันโดยทั่วไปในกลุ่มชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม จ.นครพนมว่า โบ่ย ถาง ไบ่ (Bồi Tháng Bảy) หรือ เล๋ โด๊ด ม๋า (Lễ Đốt Mã) เป็นพิธีที่ถูกจัดขึ้นในช่วงครึ่งเดือนแรกในเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของเวียดนาม ซึ่งตรงกับสาร์ทจุงเหงวียน (Tết Trung Nguyên) หรือสาร์ทเดือน 7 ของเวียดนาม
ว่ากันว่าในช่วงเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคตินั้น ประตูปรโลกจะถูกเปิดออก วิญญาณที่เสียชีวิตไปจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านเป็นเวลา15 วัน ในระหว่างนี้คนเวียดนามนิยมทำพิธีเซ่นไหว้และเผาสิ่งของเครื่องใช้ให้กับญาติที่เสียชีวิตไป สารทจุงเหงวียน (Tết Trung Nguyên) หรือสารทเดือน 7 ของเวียดนามนี้เป็นสารทเก่าแก่ของเวียดนามที่มีมาแต่โบราณภายหลังพุทธศาสนา นิกายมหายานเข้ามามีอิทธิพลในเวียดนามและมีพื้นฐานความเชื่อเดียวกัน ดังนั้น สารทจุงเหงวียน (Tết Trung Nguyên) จึงถูกเรียกตามคำศัพท์ในพุทธศาสนานิกายมหายานว่า วู ลาน (Vu Lan) สำหรับชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม จ.นครพนมนั้นพิธีกงเต็กถือเป็นพิธีกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและยังคงมีการปฏิบัติสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมามากกว่าร้อยปีจนกระทั่งถึงในยุคปัจจุบันเพราะเชื่อกันว่าคนเราเมื่อเสียชีวิตไปแล้วดวงวิญญาณจะสุขสงบอยู่ในปรโลกชั่วนิจนิรันดร์ การอยู่ในปรโลกนั้นก็เฉกเช่นเดียวกับการอยุ่บนโลกมนุษย์เมื่อครั้งยังอยู่สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างไรเมื่อเสียชีวิตไปก็เช่นนั้น ดังนั้นจึงเกิดเป็นพิธีเผาเครื่องกระดาษไปให้กับผู้ที่จากไป
ตามหลักความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม จ.นครพนมมีธรรมเนียมปฏิบัติกันอยู่ว่า หลังจากที่มีคนในครอบครัวเสียชีวิตไป เมื่อถึงเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของเวียดนามก่อนที่จะครบรอบการเสียชีวิตครบ 2 ปีลูกหลานจะต้องเผาบ้านกงเต็กให้กับดวงวิญญาณ เนื่องจากเชื่อกันว่า ในช่วงระยะเวลา 2 ปีหลังจากที่เสียชีวิตไปนั้น ดวงวิญญาณจะถูกคุมตัวอยู่ที่นรกเพื่อรอการพิจารณาความดีความชั่วก่อนที่จะเดินทางไปยังปรโลก (แต่ปัจจุบันก็มีการเลื่อนเวลาการประกอบพิธีออกไปมากกว่า 2 ปีบ้างตามความพร้อมของแต่ละครอบครัว)
เมื่อใกล้ครบปี 2 ของการเสียชีวิตซึ่งเป็นช่วงที่ดวงวิญญาณจะต้องย้ายออกจากศาลาพันห้อง ลูกหลานจะต้องเผาบ้านกงเต็กพร้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ไปให้เพื่อให้ดวงวิญญาณได้มีชีวิตความเป็นอยู่ในโลกหลังความตายอย่างสุขสบาย ขณะเดียวกันเชื่อกันว่าดวงวิญญาณที่พึ่งเสียชีวิตไปหากยังไม่ครบ 2 ปีจะยังไม่บริสุทธิ์อีกทั้งลูกหลานจะต้องไว้ทุกข์นานเป็นเวลา 2 ปี ดังนั้นก่อนที่ลูกหลานจะออกทุกข์จะต้องทำพิธีกงเต็กในเดือน 7 ของปีที่จะครบรอบสองปีในการเสียชีวิต ดังนั้น พิธีกงเต็กของเวียดนามจึงต่างจากพิธีกงเต็กของจีนอย่างสิ้นเชิง การประกอบพิธีกงเต็กตามความเชื่อของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม จ.นครพนมจะสามารถทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น และต้องใช้เวลาในการประกอบพิธีเป็นเวลา 2 วันซึ่งจะต้องทำให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 15 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของเวียดนามเท่านั้นในพิธีกงเต็กจะมีการเชิญเทพเจ้าหวูเลิม หรือหวอเลิม [Vũ (Võ) Lâm Đại thần ]ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ทำหน้าที่ดูแลในการส่งมอบของใช้จากลูกหลานไปมอบให้กับดวงวิญญาณของผู้ตาย
ซึ่งธรรมเนียมที่งดงามและมีความสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะขาดเสียไม่ได้ในพิธีกงเต็กเวียดนามของชาวไทยเชื้อสายเวียดนามดั้งเดิมก็คือการ ม่านกงเต็ก ที่จะมีการรังสรรค์ขึ้นจากศิลปะกระดาษและการตัดลวยลายสีสันที่สวยงาม โดยทั้งนี้ธรรมเนียมการใช้ม่านกงเต็กเพื่อตั้งแต่งโต๊ะไหว้นี้จะมีเฉพาะกลุ่มชาวเวียดนามดั้งเดิมเท่านั้น (โพนบก ต้นผึ้ง ดอนโมง และบ้านนาราชควาย) หากเป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนามใหม่ (ในเขตเมือง) จะไม่ปรากฏธรรมเนีมการใช้ม่านกงเต๊กในพิธีแต่อย่างใด
พิธีกงเต็กเวียดนาม (คุณพ่ออำนวย) ในเขตตัวเมืองจังหวัดนครพนม
ซึ่งไม่ปรากฎธรรมเนียมการใช้ม่านตั้งแต่งโต๊ะพิธี (ขอบคุณรูปจากคุณชยกร ธีรภาพสมบัติ)
การตั้งแต่งโต๊ะไหว้ด้วยม่ามนกระดาษในพิธีกงเต็ก บ้านดอนโมง
การตั้งแต่งโต๊ะไหว้ด้วยม่านกระดาษในพิธีกงเต็ก บ้านนาจอก
การตั้งแต่งโต๊ะไหว้ด้วยม่านกระดาษในพิธีกงเต็กบ้านโพนบก
การตั้งแต่งโต๊ะไหว้ด้วยม่านกระดาษในพิธีกงเต๊ก บ้านต้นผึ้ง
ถ้าจะกล่าวถึงที่มาของธรรมเนียมการใช้ม่านกระดาษในพิธีกงเต็กนี้ก็ต้องย้อนไปถึงอดีตเสียหน่อยว่าหากมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นในครอบครัวใดเมื่อถึงเดือน 7 เวียดนามก็จะต้องมีการไหว้เทพเจ้าหวูเลิมเพื่อบอกกล่าวว่าเดือน 7 ปีหน้าจะทำพิธีกงเต็กให้ดวงวิญญาณผู้เสียชีวิต (กล่าวคือจะต้องมีการไหว้เทพเจ้าหวูเลิมล่วงหน้า 1 ปีก่อนจัดงานกงเต๊กให้ผู้เสียชีวิต) นอกจากของไหว้แล้วก็จะมีชุดเก้าอี้หวูเลิม (ประกอบด้วยเก้าอี้ ชุด หมวก และรองเท้า) และม่านกงเต็กที่ตัดแต่งไว้อย่างสวยงามเผาไปพร้อมกับกระดาษเงินกระดาษทองเพื่อมอบเป็นสินน้ำใจให้เทพเจ้านั่นเอง
ชุดเก้าอี้หวูเลิม ประกอบด้วย เก้าอี้ ชุด หมวกและรองเท้า (ขอบคุณเจ้าของภาพ/ผลงาน : อ.พัชรพงษ์ ภูเบศร์พีรวัส) ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปธรรมเนียมการไหว้เทพเจ้าหวูเลิมล่วงหน้า 1 ปีนั้นก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรวบรัดยกไปไหว้พร้อมกันในวันทำพิธีกงเต็กจริงเสียเลย หากแต่ยังมีการรักษาธรรมเนียมโดยยังคงมีการใช้ม่านกงเต็กในการตั้งแต่งโต๊ะไหว้ และยังคงมีเก้าอี้หวูเลิมเพื่อเผาเป็นสินน้ำใจมอบแด่เทพเจ้าหวูเลิมดังเดิม และด้วยเหตุที่เล่ามานี้ผู้ที่รู้ธรรมเนียมปฎิบัติลึกซึ้งจะต้องแยกเผาม่านกระดาษและเก้าอี้หวูเลิมเป็นคนละส่วนจากบ้านกงเต็กและข้าวของเครื่องใช้ที่จะเผาไปให้วิญญาณนั่นเอง ม่านกระดาษที่ใช้ในพิธีกงเต๊กแต่ละชุมชนนั้นนอกจากจะเป็นการสืบสานศิลปะงานกระดาษอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชุมชนแล้วหากมองให้ลึกซึ้งก็จะมองเห็นความหมายบางอย่างที่แฝงอยู่นั่นคือสัญลักษณ์นกกระเรียนเหยียบเต่าคาบดอกบัวในฉากม่านกระดาษหรือแม้แต่จะพบเห็นได้ทั่วไปตามสถานที่สำคัญ วัดวาอารามที่เกี่ยวข้องกับชาวเวียดนามแต่ทว่าน้อยคนที่จะเข้าใจความหมายอันลึกซึ้ง
ศิลปะกระดาษสร้างสรรค์ รูปนกกระเรียนเหยียบเต่าคาบดอกบัว ในพิธีกงเต็กบ้านต้นผึ้ง (นาจอก) ปี พ.ศ.2561
(ขอบคุณเจ้าของภาพ/ผลงาน : อ.พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส)
สัญลักษณ์นกกระเรียนเหยียบเต่า ที่อนุสรณ์สถานประธานาธิบดีโฮจิมินท์ ที่หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนามบ้าน นาจอก (เครดิตภาพ : e d t guide )
นกกระเรียน ภาษาเวียดนาม chim Hạc เป็นพาหนะบนสวรรค์ เป็นตัวแทนสวรรค์ เต่า Thần Kim Quy เป็นสัตว์ที่อายุยืนบนโลกมนุษย์ เป็นตัวแทนของโลกมนุษย์ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน สื่อความหมายของมนุษย์ว่าเป็นสัตว์สังคม ต้องมีการพึ่งพาอาศัยกัน จะอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ต้องมีพวกพ้อง ในตำนานของชาวเวียดนามกล่าวว่าในยามที่เกิดภาวะแห้งแล้งเต่าต้องอยู่ในที่แห้งแล้งอย่างยากลำบาก นกกระเรียนก็จะช่วยจะคีบเต่าไปปล่อยในที่มีแหล่งน้ำ และในยามที่นกกระเรียนต้องตกอยู่ในภาวะน้ำท่วมโลก เต่าก็จะช่วยให้นกกระเรียนเกาะหลังและพาไปไว้ในที่แห้ง ทั้งนี้วัฒนธรรมเวียดนามจะมีรูปสัตว์สองชนิดนี้อยู่ในสถานนี้เคารพบูชาเสมอเพราะถือว่าสัตว์ทั้งสองเป็นตัวแทนของสองภพ จะมาคารวะสิ่งศักดิ์สิทธ์ตามสถานที่นั้น ๆ ส่วนที่นกคาบดอกบัวมีความหมายว่าดอกบัวสื่อถึงคนที่มีคุณธรรม บริสุทธิ์ โดยคนชาวเวียดนามมักเปรียบเปรยคนดีมีคุณธรรมกับดอกบัว คือแม้ดอกบัวเกิดอยู่ในตม แต่เมื่อพ้นน้ำเบิกบานแล้วกลับไม่มีกลิ่นตม เหมือนคนที่ต้องเจอกับสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี แต่ยังยึดมั่นยืนหยัดในคุณธรรมความดีนั้นเอง ศิลปะการเขียนเกิวโด๋ยบนม่านกระดาษกงเต็ก (ขอบคุณเจ้าของภาพ/ผลงาน : อ.พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส) นอกจากนี้เกิวโด๋ย (Câu đối) หรือคำกลอนเวียดนามอันลึกซึ้งที่ปรากฏอยู่ในฉากม่านกงเต็กนับเป็นศิลปะชั้นสูงอีกอย่างหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้ในกงเต็กของชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม บ้านโพนบก ทั้งนี้การเขียนเกิวโด๋ยบนฉากกงเต็กนี้นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวบ้านโพนบกนับเนื่องมานับร้อยปี และปัจจุบันยังคงมีผู้สืบสานศิลปะชั้นสูงนี้อยู่โดยในปัจจุบันมีการปรับประยุกต์เขียนคำแปลภาษาไทยไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่มักไม่รู้ภาษาเวียดนามได้เข้าใจความหมายอันลึกซึ้งไปพร้อมด้วย
เกิวโด๋ยบนฉากม่านกงเต็กศิลปะที่แฝงไปด้วยความหมายแห่งความกตัญญู
ตัวอย่างเกิวโด๋ยหรือคำกลอนเวียดนามในฉากม่านกงเต็กที่ความหมายลึกซึ้งแฝงไปด้วยความหมายแห่งความกตัญญู คู่ที่ 1
Phúc con cháu, bậc tiền nhân tu tích บุญกุศลร่มเงาที่ลูกหลานได้พึ่งพาอาศัย ล้วนแล้วแต่เกิดจากการสั่งสมคุณงามความดีของบรรพชน
Ơn cha mẹ, trọn kiếp con khắc ghi พระคุณพ่อแม่ยิ่งใหญ่ไพศาลสุดคณนา ลูกหลานของจารึกจดจำชั่วชีวิต
คู่ที่ 2
Cha suốt đời cằn vai bao gánh nặng ทั้งชีวิตพ่อแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้เพียงลำพัง
Mẹ một kiếp đôi dép lạc bàn chân ชั่วชีวิตแม่ได้ใส่เพียงรองเท้าแตะ ตรากตรำทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
********* โปรดติตตามตอนต่อไป - พิธีกงเต็กเวียดนาม ตอนที่ 2 *******
ย้อนอ่านตอนก่อนหน้า
จนกว่าจะพบกันใหม่ Nguyễn Gia Huy
************************************************************************************* "Chân thành cảm ơn Thầy Minh Quang đã giúp đỡ tận tình về việc viết bài và chỉnh sửa lại bài viết " "Cảm ơn Anh Viết Thành đã có lời động viên tinh thần và giúp đỡ về Tiếng Việt thường xuyên"
*************************************************************************************
Create Date : 02 กันยายน 2561 |
Last Update : 30 กันยายน 2561 17:37:18 น. |
|
6 comments
|
Counter : 3233 Pageviews. |
|
|
เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ด้านวัฒนธรรมมากเลยครับพี่