Bloggang.com : weblog for you and your gang
Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Group Blog
พีรดลย์ หนึ่งเดียวคนนี้ !!!
เมื่อพีร์เดินทาง
ธรรมะนอกหน้าต่าง
มุมที่ไม่สว่าง
ผู้ด้อยโอกาสทางความรัก
บ้านนาจอก ณ นครพนม
หนังสือคือมิตรสนิทยิ่ง
<<
สิงหาคม 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
20 สิงหาคม 2554
แซ ดอน รอง (Xe đòn rồng) ส่งศพ
All Blogs
แกงผักกาดดองแบบเวียดนาม (canh dưa)
แกงไข่มะเขือเทศ (Cách làm món Canh mây)
ยำหัวปลีหมูสามชั้น - nộm hoa chuối thịt ba chỉ
แกงผักโขมกุ้งแห้งแบบเวียดนาม
ยำวุ้นเส้นผักบุ้งสด (แบบเวียดนามบ้านนาจอก)
หมี่กะทิบ้านนาจอก (สูตรเวียดนาม+อีสาน)
ถั่วเขียวต้มน้ำตาลขิง (chè đậu xanh gừng)
Thịt ba chỉ rang - หมูสามชั้นคั่วหวาน (สูตรเวียดนาม)
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 3 จบ
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 2
พิธีกงเต็กเวียดนาม (Lễ Trung Nguyên หรือ Lễ Đốt Mã) ตอนที่ 1
หมื่นมนัสประชากับบ้านนาจอก :บันทึกสุดท้ายก่อนลับเลือนหายตอนที่ 3 ครอบครัวของหมื่นมนัสประชา
หมื่นมนัสประชากับบ้านนาจอก :บันทึกสุดท้ายก่อนลับเลือนหายตอนที่ 2 อนุสรณ์สืบเนื่องจากหมื่นมนัสประชา
หมื่นมนัสประชากับบ้านนาจอก : บันทึกสุดท้ายก่อนลับเลือนหาย ตอนที่ 1 ภูมิหลังการก่อตั้งบ้านนาจอก
ต้มเค็มปลาทูแบบเวียตนาม - Cách kho cá thu nhật ngon
ชาเขียวบ้านนาจอก - Chè Xanh Bạn Mạy
วิธีทำขาหมูอบสมุนไพร cách nấu giả cầy
แบบแผนการคารวะศพของบ้านต้นผึ้ง (หมู่บ้านนาจอก)
ความเกี่ยวข้องกันของบ้านนาจอก บ้านต้นผึ้ง และบ้านดอนโมง
หมูต้มเค็มบ้านนาจอก (Thịt kho)
เมนูแกงเ้ส้นเวียดนาม ( canh miến )
เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 3 (จบ)
เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 2
เทศกาลตรุษเวียตนาม - Tết Nguyên Đán ตอนที่ 1
Cuộc đời không như là mơ : ชีวิตไม่เหมือนความฝัน - บ่าเยี่ยนแห่งบ้านนาจอก ตอนจบ
Cuộc đời không như là mơ : ชีวิตไม่เหมือนความฝัน - บ่าเยี่ยนแห่งบ้านนาจอก ตอนที่1
ต้มเส้นของแม่ : Cháo canh của mẹ
แกงขนุนอ่อน (mít non ) แบบนาจอก
เล่าเรื่องเกิ่วโด๋ย (câu đối) งานศพ
แกงหน่อไม้ส้ม (Canh Măng Chua)
ขนมจีนน้ำใสสูตรคุณยาย
ศาลเจ้าพ่อด่ายเวือง ( Đền thờ Đức Đại Vương-Làng Bạn Mạy ) : ตอน 2 - บูรณะปฎิสังขรณ์
วิธีการทำไก่ไหว้ที่บ้านนาจอก : Cách làm gà cúng (gà cánh tiên)
ผักโขมต้ม-น้ำปลาพริก (Luộc rau dền -Nước mắm Tỏi )
วิธีมวนพลูสำหรับไหว้ ( trầu mếng) แบบเวียดนาม
ข้าวเหนียวนึ่ง - งาคั่ว (มื้อเช้าที่นาจอก)
ศาลเจ้าพ่อด่ายเวือง ( Đại Vương) : ตอน 1 - ภูมิหลังและความเชื่อ
โรงเรียนบ้านนาจอก (แรงประชาชน)
ศิลปะการพับ-ตัด กระดาษไหว้
Lá Triệu - หลาเจี่ยว เอกสารการเดินทางสู่ปรโลก
การจัดสำรับอาหารไหว้ที่นาจอก
ศาลเจ้าดึ๊กแท่งฮว่าง (ต้นผึ้ง-ดอนโมง)
บ้านไม้เก่า-เก่าที่นาจอก
ซุ้มทางเข้าหมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียตนาม (บ้านนาจอก)
หมูหวาน (Thịt Rang : ถิดราง) สูตรนาจอก
หมาก-พลู (Trầu Cau) คู่นาจอก
Hồn và vía - โห่นหว่าเวี๋ย เรื่องที่ลูกหลานเวียดนามรุ่นใหม่ไม่เข้าใจ
Cơm úp - เกิม อุ๊บ ข้าวถ้วยสุดท้ายของชีวิต
ไหว้ 100 วัน (วันออก-ช่วงไหว้ออกทุกข์)
ไหว้ 100 วัน (วันออก-ช่วงไหว้บรรพบุรุษ)
ไหว้ 100 วัน (รอบค่ำ-วันเข้า)
ไหว้ 100 วัน (รอบเย็น-วันเข้า)
ยำหัวปลีสด (สูตรเวียตนาม)
น้ำปลากับไข่ไก่เกี่ยวอะไรกับหญิงคลอด ???
ไข่เจียวหมูสับ-วุ้นเส้น (จ๋า เตริ๋ง)
เมนูหมูหนาว (Thịt Đông : ถิดดง) ที่นาจอก
ยำวุ้นเส้นแบบเวียตนาม
ไหว้ 3 วัน (พิธี เหม่อ เกื่อ มา - Mở Cửa Ma)
พาวิญญาณกลับบ้าน
แผ่นดินกลบหน้า (การฝังศพแบบเวียตนาม)
ธรรมเนียมการเคลื่อนศพ (เดือ มา - đưa ma หรือ đưa tang )
ก่อนเคลื่อนศพ
แซ ดอน รอง (Xe đòn rồng) ส่งศพ
เตรียมสุสาน
คืนสุดท้าย
โบกพริ้วทิวธงส่งศพ
ธรรมเนียมการคารวะศพ@บ้านนาจอก
ผ้าขาวไว้ทุกข์แบบเวียตนาม
กลอง และฆ้องในงานศพ
การตั้งแต่งศพแบบเวียตนาม
ดอกไม้ในสวน
ผัดมะเขือถ้วยใบชะพลู
Cà bát (กา บ๋าต) : มะเขือลูกเท่าถ้วย ตามไปดูกัน
Cá um nhệ ( ก๋า อุม เหง่) - ปลาต้มเค็มขมิ้น
แก๋งฮวาจ๋วย-ล๋าโรส (แกงหัวปลีใบชะพลู)
ธรรมเนียมการไหว้แบบเวียตนาม
มรดก : ด้อยราคา แต่มากคุณค่าทางจิตใจ
บ้านเคยอยู่
nói chuyễn nghi'a trang : เรื่องเล่าจากสุสาน
พิธีเคลื่อนศพ-ฝังศพ ของชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม
ความเชื่อหลังความตายของชาวเวียตนาม ที่บ้านนาจอก
ข้าวเหนียวนึ่งถั่วเขียวแบบเวียตนาม (cờm sôi dố)
ศาลเจ้าเวียตนามในไทย
เมนูอาหาร (món ăn) เวียตนาม ที่บ้านนาจอก
หมื่นมนัสประชา ที่มา "นาจอก"
ภาษาเวียตนามที่บ้านนาจอก
เกริ่น....
แซ ดอน รอง (Xe đòn rồng) ส่งศพ
แซ ด่อน รอง ( xe đòn rồng)
ก็คือรถลากที่มีลักษณะเหมือนเกวียนทำเป็นรูปมังกร
ใช้ในการเคลื่อนศพไปฝังของชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม
คำว่า xe đòn rồng นี้เป็นคำเรียกแบบเป็นทางการของชาวต้นผึ้ง-ดอนโมง
และชาวบ้านใหม่ที่มีพื้นที่อยู่ติดกัน
แต่บางชุมชนในนครพนม เช่น ชาวโพนบกจะเรียกว่า
แซ ตาง (Xe tang) หรือ แซ ด่อน (Xe đòn)
แต่ที่ชาวบ้านต้นผึ้ง-ดอนโมงทั่วไปนิยมเรียกกันอย่างลำลองว่า
แซ-บอ (Xe Bò) แปลว่า "รถวัว" หรือ "เกวียนวัว"
เป็นการเรียกเพื่อไม่ให้ดูซีเรียสเกินไป
แซ ด่อน รอง นี้เดิมจะมีโรงเรือนจอดเก็บไว้ท้ายหมู่บ้าน
เมื่อต้องการจะใช้ก็มาลากไป เสร็จงานที่สุสานแล้ว
ก็ลากกลับเข้ามาเก็บในหมู่บ้านอีกครั้ง
ซึ่งคนรุ่นหลังคงจะรู้สึกแปลก ๆ ที่ต้องลาก แซ ด่อน รอง จากสุสาน
เข้ามาในหมู่บ้านอีกจนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมีการปรับพื้นที่
สุสานให้เรียบร้อย (เมื่อก่อนเป็นป่าทึบ)
มีการสร้างศาลาพักศพไว้ทำพิธีที่สุสาน
จึงมีการกั้นห้องสำหรับเก็บ แซ ด่อน รอง นี้รวมทั้งอุปกรณ์บางส่วนที่ต้องใช้
ในพิธีเคลื่อนศพ เช่น เสาธง เหล็กพาดหลุมศพ
และรถเข็นเล็กที่ใช้ใส่รูปผู้ตายและ
ใช้ติด Lá triệu (หลา เจี่ยว หรือ ง่าย ๆ คือหนังสือเดินทางของผู้ตาย)
ไว้ที่ศาลาพักศพนี้ด้วย
เช้าของวันทำพิธีเคลื่อนศพไปทำพิธีฝัง (lễ hạ huyệt)
บรรยากาศยามเช้าที่สุสานเงียบสงบมีคนงานทำงานอยู่บางส่วน
สุสานบ้านต้นผึ้ง-โดนโมงตั้งอยู่ในที่พื้นที่ดอน
มีพื้นที่ฝังศพเหลืออีกมากทางด้านล่าง เพราะคนนิยมฝังศพกันฝั่งด่านบน
และหลังจากชายฉกรรจ์เตรียมหลุมศพเสร็จก็จะมาเปิด
ห้องเก็บแล้วช่วยกันฉุดลาก แซ ด่อน รอง และรถคันเล็กออกมา
แซ ดอน รอง ก็คงจะหนักไม่น้อยแต่ก็คงดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่มีการบุยาง
ไว้รอบ ๆ ล้อเกวียนทำให้ลดความฝืน และช่วยลดแรงในการเข็นได้มาก
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ยังมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือเหล่านี้
คือเรียวแรงสำคัญของพิธีเคลื่อนศพและฝังศพของที่นี่ครับ
เค้าก็จะช่วยกันฉุดลาก แซ ด่อน รอง ไปตามทางเข้าหมู่บ้าน
ส่วนรถคันเล็ก ก็ยกใส่ท้ายรถกะบะขับตามไปห่าง ๆ
เมื่อถึงบ้านงานศพก็จะช่วยกันทำความสะอาดเช็ดถูให้เรียบร้อย
โดยมาก แซ ด่อน รอง นี้จะจอดเทียบ
ที่หน้าบ้านงานศพอย่างช้าไม่เกิน 10 โมงครึ่ง
ตอนเด็ก ๆ ทุกครั้งที่ได้เห็นรถวัวถูกนำออกมาใช้งาน
ก็จะทำให้ผมใจหาย รู้สึกหวิว ๆ ทุกครั้ง
แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ช่วยทำให้ผมปลงเกี่ยวกับ
เรื่อง ไตรลักษณ์ของชีวิตคน (เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) ได้มาก
ให้ดูภาพ จอดเรียงกัน 3 คัน ใช้งานต่างวาระกัน
ถ้าเป็นวิถีชีวิตแบบชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม
ท้ายที่สุดแล้ว แซ ด่อน รอง ส่งศพนี้ จะเป็นพาหนะคันสุดท้ายของชีวิตคุณ
โดยที่คุณและผมไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้ใช้มันเมื่อไร ?
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
แซ ด่อน รอง นี้ในชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียตนามในจังหวัดนครพนม
นิยมสร้างให้เป็นรูปมังกร (คล้ายความเชื่อชาวจีน)
จึงมีชื่อเรียกกันอีกอย่างว่า แซ-ด่อน-รอง แปลว่า เกวียนมังกร
เป็นพาหนะที่นับได้ว่าเป็นการให้เกียรติอย่างสูงสุดแก่ผู้ตาย
ในวาระการเดินทางครั้งสุดท้ายของชีวิต
ทั้งนี้เพราะมังกรถือเป็นสัตว์ชั้นสูงที่มีอยู่บนสวรรค์
ในความเชื่อของชาวเวียตนาม
การใช้ แซ ด่อน รอง ส่งศพนี้พอจะอนุมานได้
คล้าย ๆ กับการโดยสารมังกรไปสู่สรวงสวรรค์
หรือดินแดนของบรรพบุรุษนั่นเอง
ให้ดูรูป แซ ด่อน รอง ส่งศพของชุมชนบ้านใหม่ (Ban May)
คาดว่า แซ ด่อน รอง ส่งศพของชุมชนบ้านผึ้ง-ดอนโมงที่นำเสนอไปนี้
จะสร้างในคราวเดียวกันแต่มีสีและรายละเอียดต่างกันไปบ้าง
แต่ต่างก็มีการปรับปรุงซ่อมแซมให้ แซ ด่อน รอง มีสภาพดี
และยังคงใช้งานได้ดีจนถึงปัจจุบัน
ให้ดูอีกรูปครับเป็นแซ ด่อน รอง ของชุมชุนบ้านโพนบก ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ยังคงเคร่งครัดธรรมเนียมเหล่านี้ เกือบจะเรียกว่าไม่ผิดเพี้ยนจากเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนเลยทีเดียว
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
ขอบคุณความรู้และตัวสะกดภาษาเวียตนาม เครดิตภาพ (สุดท้าย)
รวมทั้งการแชร์สิ่งที่รู้ จากน้องต้อม (คุณพัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส)
มากมายเลยที่มาช่วยเติมเต็มให้การเขียนบล๊อกของผมมีความสมบูรณ์ขึ้น
Create Date : 20 สิงหาคม 2554
Last Update : 8 กรกฎาคม 2561 17:06:22 น.
25 comments
Counter : 3601 Pageviews.
Share
Tweet
สวัสดีครับพี่พีร์
ดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ เรื่องรถขนศพรู้สึกว่าที่โบราณจริงๆ เหลืออยุ่แค่ 3 ชุมชนเองครับ คือ นาจอก ดอนโมง และโพนบก เพราะที่อื่นใช้รถแบบใหม่หมด แม้กระทั่งหนองแสงเอง ซึ่งเป็นอีกชุมชนที่มีคนญวนอาศัยอยู่ร้อยกว่าปี แต่ก็ไม่มีรถขนศพแบบ 3 ชุมชน ผมว่าเป็นอะไรที่น่าภูมิใจนะครับ มันคือมรดกชิ้นสำคัญที่ปู่ย่าตาทวดทิ้งไว้ให้เราได้ใช้งานและได้ชื่นชม ถ้าให้เดาอายุรถขนศพของโพนบกผมว่านะจะน้องๆ ปู่ผมอ่ะครับ ประมาณ 70 กว่าปีได้ เพราะตอนนี้ปุ่อายุ 86 ปุ่บอกว่าสมัยก่อนที่จะมีรถคันนี้ ที่โพนบกขนศพโดยการแบก โดยมีฐานที่ทำเป็นเสลี่ยงมีหัวมังกร (ภาษาเวียดนามเรียกเสลี่ยงว่า ด่อน) ใช้คน 16 คนแบก หลังจากนั้นจึงเอาเสลี่ยงที่เป็นหัวมังกรอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้มาประกอบให้เป็นรถ เลยเป็นที่มาของแซด่อน ชุมชนโพนบก แต่สำหรับที่อื่นผมว่าน่าจะมีที่มาคล้ายๆ กัน
เรื่องลิงซา ของสิ่งนี้มีความหมายลึกซึ้งกำลังรอรูปอยู่นะครับ ที่บ้านยังไม่สะดวกส่งมาให้ แล้วจะรอเรื่องต่อๆ ไปนะครับ ^^
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.68.229 วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:12:59:25 น.
ขอบคุณครับ
ความหมายคำว่า ด่อน พี่ก็เพิ่งทราบจากน้องนี่เอง
โดย:
peeradol33189
วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:14:52:06 น.
เข้าใจความรู้สึกที่คุณพีร์เห็นรถวัวตอนเด็กๆครับ
สำหรับผม ตอนเด็กจะรู้สึกหวิวๆเมื่อเห็นเรือมาดขนาดใหญ่บรรทุกศพและบรรดาญาติๆมาตามลำคลอง ก่อมที่เรือจะผ่านหน้าบ้าน จะได้ยินเพลงไทยบรรเลงมาแต่ไกล เด็กเล็กมากๆจะวิ่งแอบเข้าไปในบ้านครับ
โดย:
Insignia_Museum
วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:19:54:09 น.
ผมชอบพระโยคนี้มากเลยครับ
ถ้าเป็นวิถีชีวิตแบบชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม
ท้ายที่สุดแล้ว แซ ด่อน รอง ส่งศพนี้ จะเป็นพาหนะคันสุดท้ายของชีวิตคุณ
โดยที่คุณและผมไม่มีทางรู้เลยว่าจะได้ใช้มันเมื่อไร ?
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.113.121 วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:20:41:24 น.
ผมอ่ะ เสียดายอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ที่โพนบกไม่มีช่างตัดชุดไว้ทุกข์อีก ทำให้ที่โพนบกไม่ค่อยใส่ชุดไว้ทุกข์แบบโบราณ บ้านไหนที่หัวโบราณหน่อยก็จะเอาช่างตัดมาจากหมู่บ้านอื่น ทำให้ที่โพนบกต้องใส่ชุดขาวที่ใช้ปฏิบัติธรรมแทน อีกอย่างหนึ่งก็คือถ้างานไหนลูกหลานน้อยก็จะไม่นิยมตัด จะตัดเฉพาะงานที่ลูกหลานเยอะๆ เรื่องนี้คือเรื่องเดียวที่โพนบกลดหย่อนลงไป
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.113.121 วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:21:02:23 น.
@น้องต้อม ชุดไว้ทุกข์ มีขายสำเร็จ กำลังแพร่หลายในหมู่ชาวไทยเชื้อสายเวียตนามที่นาจอก ต้นฝึ้ง ดอนโมง เพราะสามารถทำพิีธีได้ไว และไม่ต้องรบกวนช่าง ช่างใหญ่เลยที่นาจอกตอนนี้คือ องบิ๊ก และท่านได้ถ่ายทอดให้บ่า ๆ หลายคน จึงมีมือรอง ๆ ที่ทำได้แล้วหลายคน แต่ก็แล้วแต่เจ้าภาพว่าจะใช้บริการหรือไม่
น่าเสียดายนะครับถ้าที่โพนบกจะไปเลือกใช้ชุดปฎิบัติธรรมแทนเสียแล้ว
ขอบคุณครับน้องต้อมที่ให้กำลังใจ
ตอนนี้พี่ได้ไฟล์ภาพ และไฟล์ คลิป การทำบุญ 100 วันปู่มาแล้วก็ยังลังเลว่าจะเขียนดีมั้ย ลึก ๆใจอยากจะเขียนต่อเนื่องตั้งแต่การตายไปจนถึงทำบุญร้อยวัน แต่ก็เกรงว่าจะไม่ถูกต้องครับ
โดย:
peeradol33189
วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:12:25:20 น.
เขียนเถอะครับพี่ เพราะปู่ผมเคยบอกว่าประเพณีมีเหมือนมีแต่ ไม่มีใครถูกใครผิด ไม่มีที่ไหนสมบูรณ์ครับถ้วน ปู่บอกว่าขนาดบ้านอยู่ในชุมชนเดียวกันแต่ทำไม่เหมือนกันก็มีครับ ผมเป็นกำลังใจพี่นะครับ ถึงจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่อย่างนี้มันก็คือมรดกของปู่ย่าตาทวดของเราครับ
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 113.22.68.229 วันที่: 21 กันยายน 2554 เวลา:13:45:14 น.
ขอบคุณครับน้องต้อม
โดย:
peeradol33189
วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:9:45:03 น.
ในแนวความคิดเล่น ๆ ของพี่ตุ๊กเองนะคะ
แบบขอม จะมีสะพานนาคราชเชื่อมเมืองสวรรค์กับมนุษย์
รถที่เป็นมังกร
มังกรอาจจะเป็นเสมือนพญานาค ก็ได้
โดย: วันนี้พาไปเขาค้อค่ะ (
tuk-tuk@korat
) วันที่: 22 กันยายน 2554 เวลา:15:44:10 น.
ยังไม่ได้ให้เจอกันเลยค่ะพี่พีร์ ไม่กล้าอ่ะ กลัวใจแองกัส อิอิ
สวัสดีค่ะ ^^ คืนนี้ขอให้นอนหลับฝันดี ตื่นขึ้นมาพบเจอสิ่งดีดีนะคะ ^^
ดช.กังวาล โปรดปรานหนอนแว๊ควอร์มม๊าคมากกก
โดย:
หัวใจแก้ว
วันที่: 24 กันยายน 2554 เวลา:0:56:18 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับพี่พีร์
ยังไม่หายป่วยกันเลยครับ แหะๆๆ
โดย:
กะว่าก๋า
วันที่: 26 กันยายน 2554 เวลา:12:40:45 น.
ที่บ้านผมที่ท่าบ่อก็จะใช้รถเกวียนนะครับ
แต่ไม่แน่ใจว่าแบบไหนนานมากละ ก็เลยลืมน่ะครับ
เดี๋ยวนี้เขาปรับมาใช้รถยนต์สำหรับเคลื่อนศพแทน
ส่วนหลาเจี่ยวที่ว่าจะมีเป็นบางงานแต่งานบ่าโหน่ยผม
ไม่มีครับ
โดย: บอส IP: 223.206.131.204 วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:17:44:27 น.
ถึงคุณบอสครับ
ผมก็พึ่งทราบว่า หลาเจี่ยว ที่ท่าบ่อไม่มี ขนาดที่เวียดนามเอง ก็มีบ้างไม่มีบ้าง แล้วแต่พื้นที่ ตัวอย่างที่ฮานอย ผมไปงานศพมาก็หลายงานแต่ไม่มีงานไหนมีหลาเจี่ยวเลย
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 1.55.169.93 วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:22:14:35 น.
ป.ล. ผมว่าแซด่อนของนาจอกอ่ะสวยครับ เพราะมันมีลวดลายอ่อนช้อย ไม่แข็งกระด้างเหมือนของที่อื่น
โดย: พัชรพงษ์ ภูเบศรพีรวัส IP: 1.55.169.93 วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:22:16:38 น.
น้องบอสหายไปนานเลย
ดีใจครับที่เข้ามาเยี่ยมบล๊อกพี่
ตอนนี้มีน้องต้อมมาร่วมแจมด้วย
ยิ่งช่วยแชร์กันได้มาก
น้องบอสอย่าลืมไปเยี่ยมบล๊อกคุณต้อมนะครับ
เขียนเรื่องราวได้ละเอียดลึกซึ้งมากเลย
ชื่อ blog ว่า คำปู่สอน
ขออนุญาตน้องต้อมเผยแพร่ลิงค์นะครับผม
//vietnamnakhonphanom.blogspot.com/
โดย:
peeradol33189
วันที่: 2 ตุลาคม 2554 เวลา:21:09:59 น.
น้องบอสหายไปนานเลย
ดีใจครับที่เข้ามาเยี่ยมบล๊อกพี่
ตอนนี้มีน้องต้อมมาร่วมแจมด้วย
ยิ่งช่วยแชร์กันได้มาก
น้องบอสอย่าลืมไปเยี่ยมบล๊อกคุณต้อมนะครับ
เขียนเรื่องราวได้ละเอียดลึกซึ้งมากเลย
ชื่อ blog ว่า คำปู่สอน
เชื่อว่าได้อ่านแล้วคงมีความสุขเหมือนพี่แน่ ๆ
เพราะได้อ่านเรื่องราวที่สนใจ
และไม่ค่อยจะหาอ่านได้ง่ายนัก
ขออนุญาตน้องต้อมเผยแพร่ลิงค์นะครับผม
//vietnamnakhonphanom.blogspot.com/
โดย:
peeradol33189
วันที่: 2 ตุลาคม 2554 เวลา:21:10:44 น.
เกิวโด่ย
ที่ท่าบ่อจะไม่ค่อยใช้บ่อยครับ
แต่งานล่าสุดเมื่อหลายเดือนที่ผ่าน
งานศพพี่สาวปู่ผมครับพี่พีร์
เอาเกิวโด่ยจากเวียดนามมาเลยครับ
ส่วนศพก็ตั้งแบบพุทธเหมือนเดืมครับ
แต่งานนี้เผาแบบคนไทยเอาครับ
ผู้ตายสั่งเสียไว้ให้เผา
ส่วนการแต่งไว้ทุกข์ก็ตามที่ผมบอกครับ
เหลนใส่สีเหลืองครับ
คนเหวียดจากท่าบ่อมาจากภาคเหนือของเวียดนาม
พวกนามดิ่งห์ ฮานอย ห่านาม ห่าเติย น่ะครับ
โดย: บอส IP: 223.206.135.10 วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:16:57:23 น.
เลยธรรมเนียมต่างกันบ้างน่ะครับ
แต่นาจอก นครพนม มาจากตอนกลางเวียดนามน่ะครับ
คนภาคเหนือบ้านผมเขาเรียกว่าเหงื่อยบั๊ก
ภาคกลางว่าเหงื่อยจุง อ่ะครับ
โดย: บอส IP: 223.206.135.10 วันที่: 3 ตุลาคม 2554 เวลา:17:00:13 น.
น้องบอสแล้วภาตใต้นี่เรียก ดง หรือเต่ย ครับ
ธรรมเนียมแบบเวียตนาม
แล้วเผายังไม่เคยเห็นนะที่นี่
แต่ว่าคงต้องได้เห็นสักวันเพราะ
โลกเปลี่ยนไปแล้วนะครับ
เกิวโด่ย ...ที่นาจอกไม่มีแล้วละ หาไม่ค่อยเจอ
โดย:
peeradol33189
วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:20:50:54 น.
เท่าที่ผมเรียนมากับลุงนะครับ
ลุงผมไปเวียดนามทุกเดือน
ดงแปลว่าตะวันออกมั้งนะครับ
เหมี่ยนจุงจะแปลว่าภาคกลาง
เขาเลยเอามาเรียนว่าเหงื่อยจุงน่ะครับ
สำเนียงเวียดนามอาจจะต่างกันน่ะครับ
เลยมีบางส่วนไม่เข้าใจ
เพราะที่นาจอกส่วนใหญ่มาจากตอนกลาง
ส่วนท่าบ่อมาจากตอนเหนือนะครับ
โดย: บอส IP: 223.206.217.90 วันที่: 13 ตุลาคม 2554 เวลา:22:37:41 น.
คงใช่ครับคุณบอส
สำเนียงอาจทำให้การสื่อสารไม่ตรงกันได้
โดย:
peeradol33189
วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:15:32:34 น.
หลาเจี่ยว ที่ท่าบ่อ
มีครับ แต่บางงาน เฉพาะคนเวียดนามจากภาคกลาง
มั้งนะครับ
ส่วนเกิวโด๋ยสมัยก่อนอาจมีนะครับ
แต่เดี่ยวนี้ไม่มีแล้ว
มีบางงานที่ญาติจากเวียดนามส่งมา
โดย: บอส IP: 49.48.115.60 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:18:27:54 น.
ภาคใต้เรียกว่า นาม ครับ
โดย: บอส IP: 49.48.115.60 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:22:12:54 น.
ว่าแต่คุณพี่ต้อมครับ
ที่โพนบกก่อนเขาศพบรรจุลงโลง
เขาทำพิธียังไงครับ
โดย: บอส IP: 49.48.115.60 วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:17:59:37 น.
*ก่อนเขาเอาศพลงโลงศพ
โดย: บอส IP: 49.48.115.60 วันที่: 17 ตุลาคม 2554 เวลา:18:00:27 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Gia Huy - Peeradol
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 13 คน [
?
]
Air SurOundinG mE liKe mY besT frIendS !
Friends' blogs
i_am_np
นายแว่นธรรมดา
qu-up
กุมภีน
ไกลนั้น
กิ่งไม้ไทย
lazymetal
kruaun
รัชชี่
บ้าได้ถ้วย
ถั่วงอกน้อยค่ะ
มิสเตอร์ฮอง
ผู้หญิงชื่อส้ม
zerxiustor
อุ้มสี
กะว่าก๋า
tiensongsang
fondakelly
ชีวิตจริง
anchesa
เอื้องสามปอย
kun_isara
soponkub
สุริยาอัสดง
aoigata
nakornthong
วรบรรณ
may_intania
โนโบะ
mungkood
atomdekzaa
ziinnuf
SawasdeeKrab
p_tham
พ่อระนาด
Dr.Manta
วันที่ท้องฟ้าแจ่มใส
Pheam
มัยดีนาห์
สีฟ้าใส
tuk-tuk@korat
Mega-Batt
ร่มไม้เย็น
สกุลเพชร
ไลเดเลีย
sdayoo
aston27
kimmybangkok
ppth
glindoy
mambococonut
iammac
Insignia_Museum
aimanun
newenter
hs2zfo
Webmaster - BlogGang
[Add Gia Huy - Peeradol's blog to your web]
Links
BlogGang.com
MY VIP Friend
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ เรื่องรถขนศพรู้สึกว่าที่โบราณจริงๆ เหลืออยุ่แค่ 3 ชุมชนเองครับ คือ นาจอก ดอนโมง และโพนบก เพราะที่อื่นใช้รถแบบใหม่หมด แม้กระทั่งหนองแสงเอง ซึ่งเป็นอีกชุมชนที่มีคนญวนอาศัยอยู่ร้อยกว่าปี แต่ก็ไม่มีรถขนศพแบบ 3 ชุมชน ผมว่าเป็นอะไรที่น่าภูมิใจนะครับ มันคือมรดกชิ้นสำคัญที่ปู่ย่าตาทวดทิ้งไว้ให้เราได้ใช้งานและได้ชื่นชม ถ้าให้เดาอายุรถขนศพของโพนบกผมว่านะจะน้องๆ ปู่ผมอ่ะครับ ประมาณ 70 กว่าปีได้ เพราะตอนนี้ปุ่อายุ 86 ปุ่บอกว่าสมัยก่อนที่จะมีรถคันนี้ ที่โพนบกขนศพโดยการแบก โดยมีฐานที่ทำเป็นเสลี่ยงมีหัวมังกร (ภาษาเวียดนามเรียกเสลี่ยงว่า ด่อน) ใช้คน 16 คนแบก หลังจากนั้นจึงเอาเสลี่ยงที่เป็นหัวมังกรอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้มาประกอบให้เป็นรถ เลยเป็นที่มาของแซด่อน ชุมชนโพนบก แต่สำหรับที่อื่นผมว่าน่าจะมีที่มาคล้ายๆ กัน
เรื่องลิงซา ของสิ่งนี้มีความหมายลึกซึ้งกำลังรอรูปอยู่นะครับ ที่บ้านยังไม่สะดวกส่งมาให้ แล้วจะรอเรื่องต่อๆ ไปนะครับ ^^