โดมของสุเหร่าโซเฟียได้กระตุ้นความสนใจเป็นพิเศษสำหรับนักประวัติศาสตร์ศิลป์ สถาปนิกและวิศวกรหลายคน เนื่องจากทางนวัตกรรมที่สถาปนิกดั้งเดิมได้จินตนาการไว้ โดมมีลักษณะเป็นทรงกลมรูปสามเหลี่ยมสี่รูปทรงซึ่งเป็นหนึ่งในการใช้งานที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่หนึ่ง เป็นโดมที่ใหญ่ที่สุดในโลกจนกระทั่งมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เสร็จสมบูรณ์ และมีความสูงที่ต่ำกว่าโดมอื่น ๆ ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่เช่นกัน
น้ำหนักของโดมยังคงเป็นปัญหาสำหรับการดำรงอยู่ของอาคารส่วนใหญ่ หอคอยโดมเดิมทรุดตัวลงหลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 558 ปี 563 โดมใหม่ถูกสร้างขึ้นโดย Isidore น้องหลานชายของ Isidore จาก Miletus ซึ่งแตกต่างจากเดิม
สุเหร่าโซเฟียมีชื่อเสียงในเรื่องของแสงที่สะท้อนถึงทุกแห่งภายในห้องโถง
จากนั้นเดินต่อไปอีกก็จะพบกับประตูหินอ่อนค่ะ ข้อมูลจากวิกิฯ เช่นเคยนะคะ
ประตูหินอ่อนภายใน Hagia Sophia ตั้งอยู่ที่แกลเลอรี่ด้านบน มันถูกใช้โดยผู้เข้าร่วมใน synods ที่เข้าและออกจากห้องประชุมผ่านประตูนี้ มีคนพูดกันว่าแต่ละด้านเป็นสัญลักษณ์และด้านหนึ่งหมายถึงสวรรค์ในขณะที่อีกฝ่ายหมายถึงนรก ผนังเต็มไปด้วยรูปผลไม้และปลา ประตูเปิดออกสู่พื้นที่ที่ใช้เป็นสถานที่สำหรับการประชุมที่เคร่งเครียดและการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
เดินไปที่อีกฝั่งหนึ่ง ก็จะพบกับความสวยงามอีกอย่างก็คือ มีการประดับภาพโมเสคสวยๆ เยอะเลยค่ะ บางอันก็เป็นภาพพระแม่มารีนิรมล แล้วก็มีบางจุดที่เชื่อกันว่าเป็นหลุมศพด้วยนะคะ
จุดต่อมา เขาเรียกกันว่า Wishing Column ค่ะ ตามป้ายบอกว่ามีหลายข้อมูล แต่เราเอาข้อมูลจากวิกิฯ มาให้อ่านแล้วกันนะคะ
ที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของอาคารมีเสาที่มีรูตรงกลางปกคลุมด้วยแผ่นทองสัมฤทธิ์ เสานี้มีชื่อแตกต่างกัน เช่น เสาเหงื่อออก เสาร้องไห้ เสาขอพร ฯลฯ ถ้าสัมผัสที่เสาจะมีความชุ่มชื้นและเชื่อกันว่ามีอำนาจเหนือธรรมชาติ ตำนานกล่าวว่าตั้งแต่ St. Gregory Miracle Worker ปรากฏใกล้เสาในปีค.ศ. 1200 ก็จะมีความชื้นออกมา เป็นที่เชื่อกันว่าการสัมผัสความชื้นนี้สามารถรักษาโรคต่างๆ ได้
ซึ่งเราก็เห็นหลายคนเอานิ้วแหย่ไปที่รูตรงกลางนะคะ (ดูได้จากคลิปนะ)
ลงไปข้างล่างกันค่ะ มีอีกหลายจุดให้ชม แล้วการชมโถงโดมจากข้างล่างนี่ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากการชมที่ชั้นบนเลยนะคะ
และจะมีป้ายอธิบายจุดที่สำคัญๆ ทั้งหมดด้วยค่ะ ตามนี้เลย
จุดแรกจะเป็น The Apsis จะเป็นภาพพระแม่มารีนิรมลกับพระบุตร เทวดากาเบรียลทางด้านขวา และเทวดามิคาเอลทางด้านซ้ายนะคะ
ตัวนี้เป็น The Mihrab ค่ะ ซึ่งอ่านป้ายแล้วก็ยังไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆ เป็นจุดที่บอกทิศทางไปเมกะด้วยนะคะ
สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอิสลามอีกอันค่ะ อ่านป้ายแล้วยังไม่เข้าใจเช่นเคย ความรู้ศาสนาอิสลามเราน้อยสุดเลยค่ะในบรรดาสามศาสนา แหะๆ
เอารูปมาให้อ่านเองเช่นเคยนะคะ ถ้าใครมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามจะอธิบายเพิ่มก็ยินดีนะคะ
The Muezzin Gallery ในป้ายบอกว่าเป็นแกลอรี่ที่ muezzin เรียกผู้ศรัทธาในระหว่างการสวดมนต์น่ะค่ะ สร้างในสมัยสุลต่านมาเหม็ดที่ 3 นะคะ
ต่อไปเป็นห้องอ่านหนังสือและห้องสมุดที่สร้างโดยสุลต่านมาเหม็ดที่ 1 ในปี 1739 นะคะ
จากนั้นดูเวลาก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้วค่ะ เราเลยรีบเดินออกมา จะมีร้านขายที่ระลึก และโลงหินของจักรพรรดินีไอรีน ภรรยาของจักรพรรดิจอห์นที่สองด้วยนะคะ
ใครชอบดูภาพเคลื่อนไหว สามารถดูได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลยนะคะ
VIDEO
ออกมาที่จุดนัดหมาย ปรากฏว่าคนยังไม่ครบ เลยไปสำรวจร้านซะหน่อยค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกของกินเล่นนะคะ ลองซื้อไอติมมากิน ก็โอเคค่ะ ไม่ได้อร่อยมากมาย แต่ก็ไม่แย่นะคะ ราคาไอติมก็หนึ่งลูก 6 ลีราห์ สองลุก 10 ลีราห์ สามลูก 12 ลีราห์ ฯลฯ ค่ะ มีทั้งแบบใส่กรวยและถ้วยนะคะ
เราสั่งแบบสองสกูปไป แต่เขาผสมรสมาให้ด้วยแหละ 555
ออกมาเจอน้ำพุอีกแล้วค่ะ สร้างเอาไว้ทำการชำระล้าง สร้างในสมัยสุลต่านมาหมุดที่ 1 ในปีค.ศ. 1740 ค่ะ
จากนั้นไกด์ก็พาเดินจากอญาโซเฟียผ่านหน้าวังทอปคาปึอีกรอบ แล้วก็ไปที่จุดนัดหมายเพื่อรอรถมารับค่ะ ระหว่างทางก็ผ่านร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารน่ารักๆ หลายร้านเหมือนกัน
ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ก็ไปกินอาหารกลางวันกันค่ะ รถจอดแล้วก็ยังต้องเดินต่อนะคะ ผ่านร้านไอศกรีมตุรกีกวนตีนที่ทางไกด์บอกว่ามีชื่อเสียงมากที่สุดด้วย (อยู่ในซอยที่มีร้าน Capari อยู่ข้างหน้าในภาพอะค่ะ) แต่ว่าให้มาแวะกินหลังอาหารกลางวันค่ะ ตอนนี้ให้เดินตามไปที่ร้านอาหารกลางวันคือร้าน Patara กันก่อน
เดินต่อไป ย่านนี้น่าจะเป็นพวกย่านที่รวมร้านอาหารต่างๆ นะคะ เพราะเห็นหลายร้านเลยแหละ
ตัวร้าน Patara ค่ะ ร้านตกแต่งน่ารักดีนะคะ อาหารก็ตามสูตรหละค่ะ มีสลัด ซุป ขนมปัง จานหลักเป็นปลากับข้าว แล้วก็ปิดด้วยผลไม้ค่ะ แต่เป็นมื้อที่กินกันเร็วมากๆ เพราะมีแต่คนอยากไปกินไอติมกวนตีนกันค่ะ 555
ไอติมกวนตีนค่ะ กวนตีนจริงๆ 555 น่ารักดี เห็นไกด์บอกว่าเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำแล้วก็ดังมาก ก่อนจะมีเจ้าอื่นๆ ทำตามนะคะ
จากนั้นก็ขึ้นรถเดินทางไปข้ามเรือเพื่อจะไปโรงแรมคืนนี้ค่ะ นี่ดูแผนที่ก็ยังงงอยู่ว่าทำไมถึงต้องไปนั่งเรือหว่า ไม่แน่ใจว่าวิ่งเส้นไหนค่ะ เพราะนี่ดูกูเกิ้ลแมพก็วิ่งทางบกอย่างเดียวก็ได้นี่หว่า 6 ชม.กว่าๆ
ระหว่างทางนี่รู้สึกจะแวะจุดพักระหว่างทาง 1 หรือ 2 ครั้งนี่แหละค่ะ (เอาเป็นว่าถ้าใครมีเวลาพอ อย่าเลือกทัวร์ที่เที่ยวแบบนี้แล้วมีแค่ 5 คืนเลยค่ะ สัก 6 คืนขึ้นไปจะดีกว่ามาก ไม่งั้นนั่งรถโหดมาก แต่ขอบอกว่านี่ยังไม่ใช่วันที่โหดสุดนะคะ เหอๆ) ก็ถ่ายรูปพวกของกิน ขนมต่างๆ มาให้ชมค่ะ แม็กนั่มที่นี่มีรสที่บ้านเราไม่มีด้วยนะคะ
นี่คือการรอขึ้นเรือค่ะ คิวยาวมากกก อารมณ์ประมาณท่าเรือเฟอร์รี่เกาะช้างตอนเทศกาลเลยค่ะ
พอได้ขึ้นเรือ ก็ลงจากรถบัส เดินขึ้นไปกัน เราก็ถ่ายรูปร้านอาหารนี้มาได้คือ Ilhan Restaurant ค่ะ ซึ่งในแผนที่มีสองร้านด้วยกันตามภาพนะคะ แต่ถ้าดูจากรูปในกูเกิ้ลแล้วคิดว่าร้านที่เราถ่าย น่าจะเป็นร้านที่อยู่ไกลกว่าแหละค่ะ เพราะตอนนั่งเรือก็ไม่ได้นั่งนานมากด้วยนะคะ
วิวบริเวณท่าเรือค่ะ แล้วก็บนเรือจะมีที่นั่งทั้งด้านนอกและด้านในนะคะ อากาศเย็นพอควร ใส่กระโปรงไปนี่มีลมเป่ากระโปรงเปิดกันเลยทีเดียว 555
ราคาเครื่องดื่มก็ตามภาพนะคะ เราซื้อชามาถ้วยหนึ่งหละ
ตอนไปถึงท่าเรือก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ภาพเหมือนพระอาทิตย์ตกนี่กล้องหลอกนะคะ จริงๆ ยังไม่สีขนาดนี้หรอก 555
พอใกล้ๆ ถึงฝั่ง ทางไกด์ก็มาเรียกให้ไปขึ้นรถบัสค่ะ ลืมแจ้งว่า ห้องน้ำจะต้องเข้าที่ด้านล่าง ชั้นที่รถบัสจอดนะคะ
จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังโรงแรมค่ะ โดยรร.ของเราจะอยู่ที่เมือง Canukkale ซึ่งก็อยู่ห่างจากท่าเรือราวๆ ไม่เกิน 1 ชม.นะคะ
สำหรับวันที่สองก็จบแต่เพียงเท่านี้นะคะ เอนทรี่หน้าจะพาไปดูโรงแรมที่พักคืนที่สองกันนะคะกับโรงแรม Kolin Hotel Kanukkale ค่ะ
ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม 2561
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม 2561 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม 2561 (ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของทุกเดือน)
1.ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตรพระเถระ ณ ศาลาจตุรมุข วัดสังฆทาน นนทบุรี
วันอาทิตย์ที่ 9 และ 23 ธันวาคม 2561 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2561 (จัดทุก อาทิตย์ที่สามของเดือน)
1. ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น.
ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม 2561 (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน)
1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน
เมตตารับบาตรโดย
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ ธันวาคม 2561 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1469696+6770168=8239864 / 13815/1777