เมื่ออายุ 10 ขวบอะมีเลียได้เห็นเครื่องบินเป็นครั้งแรกที่รัฐไอโอวา แต่ก็ไม่สนใจเท่าใด ในปี พ.ศ. 2457 บิดาซึ่งได้งานดีเป็นผู้บริหารการรถไฟซึ่งทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวดีขึ้นถูกให้ออกจากงาน เอมีผู้มารดาจึงพาอะมีเลียฝากเข้าเรียนชั้นมัธยมปีสุดท้ายที่ชิคาโกและเรียนจบในปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2461 เธอฝึกงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่เมืองโทรอนโต แคนาดาที่ซึ่งพี่สาวอาศัยอยู่ แต่ปีต่อมาอะมีเลียก็เข้าเรียนเตรียมแพทย์ในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและก็เลิกเรียนกลางคันเพื่อติดตามบิดาและมารดาไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย และที่เมืองลองบีชนั่นเองที่อะมีเลียและบิดาได้ไปชมการบินผาดโผนและขึ้นบินในวันรุ่งขึ้นเป็นเวลา 10 นาที
อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต เริ่มเรียนการบินครั้งแรกสนามบิน "คินเนอร์" เมืองลองบีชโดยครูการบินชื่อแอนิตา สนูก นักบินสตรีรุ่นบุกเบิก และหกเดือนต่อมาเธอก็ซื้อเครื่องบินปีกสองชั้นยี่ห้อ ""คิสเซลแอร์สเตอร์" ชั้นสีเหลืองเมื่อ วันที่ 22 ตุลาคม 2465 และตั้งชื่อว่า "แคนารี" หรือนกขมิ้นและทำการบินสูงได้ถึงระดับ 14,000 ฟุต(4.2 กิโลเมตร)ทำลายสถิติโลกสำหรับนักบินสตรี ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 อะมีเลีย แอร์ฮาร์ตก็ได้รับใบอนุญาตการบินนานาชาติ
รายได้ในการบินสูงไม่มาก อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต จึงได้ขาย "คะแนรี" แล้วซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อ "คิสเซลโรดสเตอร์" ใหม่สีเหลืองแล้วขับพามารดาซึ่งเพิ่งหย่ากับบิดาไปอยู่ที่เมืองบอสตันเพราะได้งานทำที่นั่น เธอสมัครเป็นสมาชิกสมาคมการบินแห่งชาติสาขาบอสตัน อะมีเลียได้ลงทุนสร้างสนามบินเล็ก และเป็นตัวแทนขายเครื่องบินคิสเซลไปด้วย ในขณะเดียวกันก็เขียนบทความเกี่ยวกับการบินลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในท้องถิ่น อะมีเลียได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ว่า เป็นนักบินสตรีที่ดีที่สุดในสหรัฐ แต่ก็มีผู้ไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะนักบินที่มีประสบการสูง
เครื่องบินลอกฮีด เวกา 5 บี บินโดยอะมีเลีย แอร์ฮาร์ต จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์อากาศยานและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา
หลังจากชาลส์ ลินด์เบิร์ก บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2470 ได้มีสุภาพสตรีอเมริกันผู้มั่งคั่งคนหนึ่งชื่อ "แอมี เกสต์" ที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษประกาศว่า จะทำสถิติเป็นสตรีคนแรกที่จะบินหรือโดยสารเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก แต่เมื่อไตร่ตรองแล้วเห็นว่า มีอันตรายมากจึงเปลี่ยนใจประกาศตนเป็นผู้อุปถัมภ์โครงการแทน
อะมีเลีย แอร์ฮาร์ตได้รับการทาบทามให้เป็นผู้โดยสารบินรวมกับนักบินชายชื่อ วิลเมอร์ ชุลท์และผู้ช่วยนักบิน-ต้นหนชื่อหลุยส์ กอร์ดอน ทั้งสามคนได้บินออกจากชายฝั่งนิวฟาวด์แลนด์ด้วยเครื่องบิน ฟอกเกอร์ เอฟ 7 ไปถึงสนามบินเบอร์รีพอร์ทในประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2471 โดยใช้เวลาบิน 21 ชั่วโมง ในระหว่างบินอะมีเลียได้มีโอกาสขับและทำบันทึกปูมการบินซึ่งส่วนหนึ่งเขียนว่า "ใครก็แล้วแต่ที่พบซากเครื่องบินนี้ ได้โปรดทราบด้วยว่าเป็นเพราะฉันบินหลงในพายุไปหนึ่งชั่วโมง" ทั้งสามคนกลับมารับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยขบวนพาเหรดโปรยกระดาษเทปตามถนนในนครนิวยอร์ก ได้เข้าพบประธานาธิบดี "แคลวิน คูลิดจ์" ที่ทำเนียบขาว และโดยที่เธอมีรูปร่างละม้ายชาร์ล ลินเบิร์ก จึงได้รับสมญาว่า "เลดี ลินดี"
หนึ่งในทีมสนับสนุนโครงการมีบุรุษผู้มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์คือ "จอร์จ พัทนัม" ซึ่งได้ทำทุกอย่างให้อะมีเลียเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการบินที่อะมีเลียเป็นผู้เขียนและการเป็น "พรีเซนเตอร์"ให้แก่สินค้ามากมายหลายชนิด ทำให้ทั้งสองสนิทสนมและตกลงแต่งงานกันเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474 แต่อย่างไรก็ดี อะมีเลียถือว่าการแต่งงานคือการเป็นหุ้นส่วนกัน และได้เขียนจดหมายบอกให้พัทนัมได้ทราบว่า เธอจะให้เขามีอิสระไม่จำเป็นต้องมีใจซื่อตรงต่อเธอ และเธอก็จะถืออย่างเดียวกัน และในปีที่เธอแต่งงาน อะมีเลียได้ทำลายสถิติบินสูงของนักบินหญิงด้วยความสูง 5.613 กิโลเมตร
และแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 อะมีเลียได้บินเดี่ยวทับเส้นทางที่ลินเบิร์กได้ทำการบินเที่ยวประวัติศาสตร์ด้วยเครื่องบิน "ลอกฮีด เวกา" เครื่องยนต์เดียว แต่เนื่องจากพายุ สภาพน้ำแข็งและเครื่องยนต์ทำให้เธอจำต้องร่อนลงจอดบนทุ่งหญ้าใกล้เมืองลอนดอนเดอร์รี ไอร์แลนด์เหนือแทน แต่ก็นับเป็นการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
ความสำเร็จทำให้อะมีเลียได้รับกางเขนกล้าหาญ (Distinguished Flying Cross) จากรัฐสภาอเมริกัน ได้เหรียญเกียรติยศจากรัฐบาลฝรั่งเศส ได้เหรียญทองของสมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติจากประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์
วันที่ 11 มกราคมอะมีเลีย เป็นคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากฮาวายมาแคลิฟอร์เนีย บินเดี่ยวจากลอสแอนเจลิสถึงเม็กซิโกซิตีและบินกลับมาลงที่นิวเจอร์ซี อะมีเลียเป็นครองสถิติการบินต่างๆ เป็นจำนวนมาก และในปี พ.ศ. 2478 เธอได้เข้าร่วมงานสอนที่มหาวิทยาลัยเพอร์ดิวเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาด้านเส้นทางการประกอบอาชีพแก่นักศึกษาหญิงเมื่อจบการศึกษา
อะมีเลีย แอร์ฮาร์ตได้รับเครื่องบิน "ลอกฮีด แอล-10อี อีเลกตรา" สนับสนุนโดยมหาวิทยาลัยเปอร์ดิวเมือเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2479 และได้เริ่มวางแผนการบินรอบโลก แม้จะไม่ใช่เป็นคนแรกแต่ก็เป็นการบินรอบโลกที่มีระยะทางไกลที่สุด (47,000 กิโลเมตร) โดยบินตามเส้นศูนย์สูตร แม้เครื่องอีเล็กตราจะได้ชื่อเป็น "ห้องทดลองบินได้" แต่การเตรียมทางด้านวิทยาศาสตร์กลับน้อยมาก ส่วนใหญ่เตรียมตามแนวของหนังสือเล่มต่อไปของอะมีเลีย "เฟรด นูแนน" แห่งลอสแอนเจลิส ได้รับเลือกเป็นต้นหนเนื่องจากมีประสบการณ์สูง และนูแนนเองรับงานก็เนื่องจากมีแผนที่จะตั้งโรงเรียนต้นหนการบินในฟลอริดา
ในวันเซนต์แพตริก พ.ศ. 2480 ทั้งสองได้ออกบินขาแรกจากโอกแลนด์ แคลิฟอร์เนียไปโฮโนลูลูและเริ่มบินต่อใน 3 วันต่อมาแต่ก็เกิดความเสียหายหนักควงบนพื้นเนื่องจากยางระเบิดขณะบินขึ้นทำให้ต้องส่งเครื่องกลับไปซ่อมแคลิฟอร์เนียและยกเลิกการเดินทาง เมื่อซ่อมเสร็จจึงเริ่มเดินทางใหม่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ในครั้งนี้เปลี่ยนเป็นการบินไปทางตะวันออกโดยเริ่มต้นที่ไมอามี หลังลงจอดหลายแห่งตามทางในอเมริกาใต้ อัฟริกาและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองก็ได้มาถึงเมือง "แล" (Lae) นิวกินีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน
การเดินทางได้ผ่านมาแล้วรวม 35,000 กิโลเมตร ยังคงเหลืออีก 11,000 กิโลเมตรซึ่งเป็นการบินเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก และในเวลา 24.00 น.ตามเวลากรีนิช ทั้งสองได้บินขึ้นจากเมืองแลเพื่อตรงไปยังเกาะฮาวแลนด์ที่เป็นแผ่นดินราบยาว 2 กิโลเมตร กว้าง 500 เมตร สูง 3 เมตรจากระดับน้ำ อยู่ห่าง 4,113 กิโลเมตรไปทางตะวันออก
จากการรายงานตำแหน่งครั้งสุดท้ายของอะมีเลียแจ้งว่าอยู่เหนือเกาะนูกุมานู อยู่ห่างจากต้นทางประมาณ 1,300 กิโลเมตร เรือยามฝั่งชื่อ ไอทัสกา ได้รับหน้าที่ติดต่อวิทยุและควบคุมการบินลงเมื่อเครื่องบินของอะมีเลียเข้าถึงระยะติดต่อได้ แต่จากการติดต่อด้วยวิทยุมีปัญหาสับสนการนำทางโดยวิทยุจึงไม่บรรลุผล ในขณะนั้นก็ปรากฏว่ามีเมฆมากกระจายตัวทอดเงาลงบนทะเลดูคล้ายเกาะมากมายไปหมด แม้การติดต่อด้วยคำพูดของอะมีเลียกับเรือยามฝั่งที่บ่งบอกว่าได้มาถึงที่หมายแล้วและรู้ว่าพลาดเป้าไป 9 ไมล์ทะเล ก็ไม่ปรากฏตัวเครื่องบินให้เห็น การติดต่อได้ต่อเนื่องกระท่อนกระแท่นอยู่หลายชั่วโมงสัญญานจึงขาดหายไป มีผู้ได้รับสัญญาณของอีเลกตราที่หายไปได้รอบๆ แปซิฟิก
สหรัฐฯ ได้ใช้เงินถึง 4 ล้านเหรียญในการค้นหาอะมีเลียทั้งทางน้ำและทางอากาศ เป็นการค้นหาที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งยุคนั้น จนกระทั่งในพ.ศ. 2483จึงได้พบโครงกระดูกส่วนหนึ่งของสตรีผิวขาวซึ่งมีลักษณะตรงกับอะมีเลีย บนเกาะนิคุมาโรโร ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะฮาวแลนด์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปประมาณ 300 ไมล์ รวมทั้งพบรองเท้าสตรี กับเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้งและเส้นแวงซึ่งมีหมายเลขตรงกับที่นูแนนใช้ในบริเวณใกล้กับที่พบโครงกระดูกด้วย
นอกจากนั้นภายในห้องเดียวกันก็มีการจัดแสดงต่างๆ อีกมากมายค่ะ คือ ถ้าคนชอบมิวเซียม เราว่าอยู่ได้ทั้งวันอ้ะ แต่เรานำทัวร์ไปก็...นะคะ มีเวลาไม่กี่ชั่วโมง ได้แต่ดูผ่านๆ หละ แหะๆ
บางอันก็จะมีให้เด็กๆ สามารถร่วมเล่นได้ด้วยนะคะ
อันนี้เป็นอีกห้องหรือด้านนอกนี่แหละค่ะ
ส่วนตรงนี้จะเป็นเรื่องราวของ Robert Goddard ผู้ค้นพบจรวดเชื้อเพลิงเหลว ค่ะ
ในวันที่ 16 มีนาคม ปี 1926 จรวดเชื้อเพลิงเหลวลูกแรกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสมือนเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการบินสำรวจอวกาศ
ในช่วงนั้นนักวิทยาศาสตร์พยายามหาวิธีเพิ่มศักยภาพจรวดให้มีแรงขับดันสูง จากที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งเป็นหลัก ก็หันมาใช้จรวดเชื้อเพลิงเหลว (Liquid-Fuel) และผู้นำในการคิดค้นทดลองคือ Robert Goddard เขาอุทิศตนเองเกือบทั้งชีวิต ไปกับการวิจัยพัฒนาจรวดให้ดีมากขึ้นตามลำดับ ใช้เวลากว่า 17 ปีในการพัฒนาจรวดจนสามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นผลสำเร็จ จรวดของเขาให้แรงขับดันต่อหนึ่งหน่วยเชื้อเพลิงมากกว่าจรวดก่อนๆเป็นอย่างมาก
การขนส่งอวกาศและการสำรวจอวกาศหลังจากนั้นจึงนำผลงานของเขามาใช้กันเป็นบรรทัดฐาน นอกจากผลงานทางด้านจรวดแล้ว เขายังมีสิทธิบัตรมากมายเป็นของตัวเองถึง 200 ชิ้น รวมถึงจรวดหลายท่อน (Multistage rockets) ที่เมื่อใช้หมดไปแล้วก็จะปลดทิ้งลงทะเลเป็นลำดับอย่างที่เราเห็นกันตามข่าวอีกด้วย
การสร้างจรวดเชื้อเพลิงเหลว มีความสำคัญต่อการสำรวจอวกาศพอๆกับการบินครั้งแรกของสองพี่น้องตระกูลไรท์เลยทีเดียว เพราะเมื่อนำนวัตกรรมสองอย่างนี้รวมกัน จึงทำให้เกิดการค้นพบใหม่ๆมากมายเกี่ยวกับดาราศาสตร์ รวมถึงความลับของเอกภพ
ข้อมูลนำมาจากวิกิเช่นเคยนะคะ
โรเบิร์ต ฮัทชิงส์ ก็อดเดิร์ด (อังกฤษ: Robert Hutchings Goddard, Ph.D.; 5 ตุลาคม ค.ศ. 1882 - 10 สิงหาคม ค.ศ. 1945) เป็นอาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันที่ริเริ่มการค้นคว้าจรวดที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวในการควบคุม เขายิงจรวดลำแรกของโลกที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1926 จากนั้นระหว่างปี ค.ศ. 1930-1935 เขาทดสอบยิงจรวดหลายลำที่ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 885 กิโลเมตร/ชั่วโมง (550 ไมล์ต่อชั่วโมง) งานของเขานับเป็นการปฏิวัติในวงการสำรวจอวกาศ แต่ทฤษฎีของเขามักถูกเยาะเย้ยถากถางและได้รับการสนับสนุนค่อนข้างน้อย ต่อมาในภายหลังเขาจึงได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามของบิดาแห่งวิทยาการจรวด
ก็อดเดิร์ดได้รับสิทธิบัตรจากผลงานของเขารวมทั้งสิ้น 214 รายการ ในจำนวนนี้ 83 รายการได้รับในระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่ ศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ดซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1959 ได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา รวมถึงแอ่งก็อดเดิร์ดบนดวงจันทร์
ที่บ้านเกิดของเขาคือเมืองวอร์เชสเตอร์ ได้ตั้งโรงเรียนประถมศึกษาชื่อ โรงเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็อดเดิร์ด ขึ้นในปี ค.ศ. 1992
ห้องสมุดโรเบิร์ต เอช. ก็อดเดิร์ด ที่มหาวิทยาลัยคลาร์ก ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการและของสะสมของก็อดเดิร์ด ด้านนอกห้องสมุดมีสิ่งก่อสร้างแสดงถึงทิศทางการบินของจรวดเชื้อเพลิงเหลวลำแรกของก็อดเดิร์ด
ภาควิชาวิศวกรรมเคมีที่สถาบันโพลีเทคนิควอร์เชสเตอร์ ตั้งอยู่ที่อาคารก็อดเดิร์ดฮอลล์ ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา
ปี ค.ศ. 1967 โรงเรียนมัธยมศึกษา โรเบิร์ต เอช. ก็อดเดิร์ด ตั้งขึ้นที่เมืองรอสเวลล์ สัญลักษณ์ประจำโรงเรียนคือ "จรวด" นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย โรเบิร์ต เอช. ก็อดเดิร์ด ที่เมืองเกลนโดรา แคลิฟอร์เนีย เมืองลิทเติลตัน โคโลราโด และเมืองปรินซ์จอร์จเคาน์ตี้ แมรีแลนด์
สำหรับพื้นที่ที่ก็อดเดิร์ดทดสอบการยิงจรวดเชื้อเพลิงเหลวเป็นครั้งแรก ปัจจุบันเป็นสนามกอล์ฟ Pakachoag ที่เมืองออเบิร์น แมสซาชูเสตต์ ได้ติดตั้งรูปปั้นพร้อมป้ายอนุสรณ์ของก็อดเดิร์ดเป็นที่ระลึก
ตรงนี้เป็นโซนกิจกรรมพิเศษนะคะ แต่ไม่ได้เข้าชมค่ะ เวลามีน้อยง่าา เดี๋ยวต้องไปอีกมิวเซียมหนึ่งค่ะ
ซึ่งที่นี่จะมีโรงภาพยนตร์ IMAX ฉายเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับอวกาศ โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 8.50 เหรียญสำหรับผู้ใหญ่ และ 7 เหรียญสำหรับเด็ก หรืออยากจะลองฝึกบินกับเครื่อง Simulator ก็ต้องจ่ายเงินเข้าไปลองฝึกเช่นกันนะคะ แล้วแต่โปรแกรม ตกประมาณ 7-8 เหรียญ แต่ถ้าแค่เข้าไปชมการจัดแสดงในส่วนต่างๆ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะสมิธโซเนียนเป็นมิวเซียมที่ไม่เก็บค่าเข้าชมเลยแม้แต่แห่งเดียวค่ะ
จากนั้นเราก็ไปที่ห้อง 207 Explore the Planet นะคะ
ซึ่งภายในก็จะมีเรื่องราวการค้นพบดาวต่างๆ ตั้งแต่สมัยอดีตเลยหละค่ะ
อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสำรวจดวงดาวต่างๆ นะคะ
มีจำลองระบบสุริยะด้วยค่ะ
ส่วนนี้ก็จะเป็นข้อมูลของดาวพุธ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในดาวเคราะห์ชั้นใน หรือใหญ่เป็นอันดับแปดในระบบสุริยะ ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์เร็วที่สุดด้วยเวลา 88 วันค่ะ
มีมุมสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวอื่นๆ ด้วยนะคะ
เครื่องมือในการสำรวจดวงดาวต่างๆ ค่ะ เห็นแล้วคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศ มาที่นี่ต้องถูกใจแน่ๆ เลย เราน่ะเสียด๊าย เสียดาย อยากอยู่ต่อค่ะ สงสัยต้องไปเที่ยวเองสักรอบ แหะๆ
บนเพดานมีแขวน...น่าจะเป็นดาวเทียม..เอาไว้ให้ดูด้วยนะคะ
ส่วนนี่จะเป็น Stardust เป็นแคปซูลที่ใช้เก็บตัวอย่างดาวหาง Wild 2 และ ฝุ่นผงระหว่างดวงดาวด้วยนะคะ
เดินออกมาด้านนอก ก็เจอร้านขายของที่ระลึกอีกร้านค่ะ จะมีของเยอะกว่าตรงมุมแรกที่เจอนะคะ แต่ก็ยังน้อยกว่าชั้นล่างค่ะ
แล้วก็จะเห็นพวกบรรดาเครื่องบินต่างๆ ที่อยู่ทางด้านปีกขวาของตึกนะคะ (หันหน้าเข้าหามิวเซียมอะนะ)
มีห้องเกี่ยวกับการบินในสงครามด้วยค่ะ แต่ไม่มีเวลาเข้าไปดูแล้ว เสียดายมาก
ใกล้ๆ กันจะมีส่วนของห้องนักบินให้เข้าไปดูด้วยนะคะ ตรงนี้เด็กๆ เยอะเชียวหละค่ะ
ส่องไปที่ชั้นหนึ่งนะคะ จะเห็นช็อปขายของที่น่าจะใหญ่ที่สุดแล้วหละค่ะของมิวเซียมนี้นะคะ
เข้าไปเก็บภาพของที่ระลึกบางส่วนที่มีขายนะคะ หลายอันน่ารักมากเลย เห็นแล้วอยากได้ง่าาาา
แต่เราจะลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้นใต้ดินซึ่งเป็นชั้นเซลส์ค่ะ คือจะมีทั้งของลดราคาพิเศษ (มีมุมของมัน) กับของที่ไม่ลดราคาหละนะคะ
สรุปสำหรับที่นี่นะคะ
ก็เป็นอีกหนึ่งมิวเซียมที่น่าสนใจหละค่ะ สำหรับใครที่ชอบสายนี้ แนะนำให้อยู่อย่างน้อยครึ่งวันค่ะ เพราะการมีเวลาแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมงไม่พอแน่นอนค่ะ แล้วก็เป็นอีกที่ที่ใครที่อยากได้ของที่ระลึกเฉพาะทาง (ที่เกี่ยวกับการบินและอวกาศ) ก็ต้องหาซื้อที่นี่เท่านั้นค่ะ
ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561
1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447
2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/
วันอาทิตย์ที่ 11 และ 25 กุมภาพันธ์ 2561 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันศุกร์และเสาร์ที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2561
1. ขอเชิญร่วมงานบุญประจำปี กิจกรรม เข้าวัด(หอพระ) ตักบาตร ฟังธรรมณ หอพระพุทธธรรมทิฐิศาสดา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต.ในโอกาสครบ 1 รอบ 12 ปี การก่อตั้งชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐานแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .
กำหนดการ
วันศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 17.00 น. ลงทะเบียนผู้ร่วมงาน17.30 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น-นั่งสมาธิ18.00 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตโต วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี (สาขาวัดหนองป่าพงที่ 130)19.30 น. ถาม-ตอบปัญหาธรรม20.00 น. เสร็จพิธี.วันเสาร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 256107.00 น. ลงทะเบียนผู้ร่วมงาน07.30 น. ตักบาตรพระเถระกรรมฐาน บริเวณรอบหอพระฯ08.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องกลาง หอพระฯ08.30 น. ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์10.00 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยหลวงตาศิริ อินทสิริ วัดถ้ำผาแดงนิมิต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น11.30 น. ถาม-ตอบปัญหาธรรม12.00 น. เสร็จพิธี
วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 (จัดทุก อาทิตย์ที่สามของเดือน)
1. 19 มีนาคม- ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น.
ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน)
1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน
เมตตารับบาตรโดย
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์
วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 24 และ 25 กุมภาพันธ์ 2561 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)
1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด
ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1469696+5769366=7239062/13076/1603
credit Vote Banner : Oranuch_sri