###### รีวิว National Air and Space Museum สถาบันสมิธโซเนียน วอชิงตัน ดี.ซี. ######



สวัสดีคร่าาาาาาาาาา














วันนี้มาพาเที่ยวอเมริกากันต่อนะคะ กับอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของกรุงดีซีค่ะ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์การบินและอวกาศ (หรือเห็นบางเว็บก็เรียกว่าพิพิธภัณฑ์ยานบินและยานอวกาศ) สถาบันสมิธโซเนียนนั่นเองค่ะ ซึงที่จริงก็ยังมีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ของสถาบันสมิธโซเนียนที่มีชื่อเสียงนะคะ นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์ธรรมชาตินั่นเอง แต่จะพาเที่ยวในเอนทรี่ต่อไปนะคะ

ซึ่งหากใครไปเที่ยวที่นี่ ทางเราเองก็ขอแนะนำให้ไปตั้งแต่เช้า ไปต่อคิวก่อนเวลาเปิดสัก 15 นาทีนะคะ เพราะพอใกล้เวลาเปิดคนจะมาเข้าคิวกันเต็มเลยหละค่ะ หุๆ



สำหรับข้อมูลของที่นี่ อันแรกนำมาจากวิกิฯ นะคะ ดังนี้ค่ะ


พิพิธภัณฑ์ยานบินและอวกาศแห่งชาติ (อังกฤษ: National Air and Space Museum; NASM) แห่งสถาบันสมิธโซเนียน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของสถาบันสมิธโซเนียน ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นแหล่งรวมวัตถุที่เกี่ยวข้องด้านอากาศยานและอวกาศยานที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์รวมการวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีการบินและอวกาศการบิน รวมถึงกิจการด้านวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ ภูมิศาสตร์เกี่ยวกับโลก และภูมิฟิสิกส์ เครื่องบินและอวกาศยานส่วนใหญ่ที่ตั้งแสดงที่นี่เป็นเครื่องต้นแบบหรือเครื่องสำรองของเครื่องที่ใช้งานจริงทั้งสิ้น



และข้อมูลจากลิงก์นี้ดังนี้ค่ะ

ในกรุงวอชิงตัน สถานที่ท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาเรียนรู้ที่ใหญ่และเป็นที่รู้จักมากที่สุด คือสถาบันสมิธโซเนียน ซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี 1846 โดยรัฐบาลให้ทุนส่วนหนึ่ง ร่วมกับเงินกองทุนจากพินัยกรรมของ James Smithson นักวิทยาศาสตร์ของอังกฤษ สถาบันสมิธโซเนียน ยังเป็นกลุ่มพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีพิพิธภัณฑ์ต่างๆรวมกันถึง 19 แห่ง จึงเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญ ที่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงวอชิงตันต้องไปชม

โดยส่วนใหญ่ อาคารเหล่านี้ ตั้งอยู่รายรอบ The Mall ซึ่งเป็นสนามหญ้ากว้างขวาง ที่ทอดยาวอยู่ระหว่างอาคารรัฐสภา กับอนุเสารีย์วอชิงตัน ถ้าคุณใครอยากทราบข้อมูลทั้งหมดของสมิธโซเนียน ควรเริ่มต้นที่อาคารหลังแรก Information Center ซึ่งสร้างด้วยอิฐสีแดงแบบโบราณเป็นรูปทรงคล้ายปราสาทที่เห็นโดดเด่นแต่ไกล

ที่นี่จะฉายภาพยนตร์ความยาว 20 นาทีแนะนำให้รู้จักประวัติและพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดในเครือของสมิธโซเนียน แล้วต่อจากนั้น หากคุณสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถเจาะลึกไปทีละพิพิธภัณฑ์ได้ เพราะมิวเซียมแทบทุกแห่ง อยู่ใกล้ๆ กัน และการเดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดินก็สะดวก เพราะสามารถเลือกลงได้สองถึงสามสถานีในละแวกนั้น





ส่วนพิพิธภัณฑ์การบินฯ แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่มีคนเข้าชมมากที่สุดในโลกนะคะ พอถึงเวลาเปิด ก็จะต้องมีการสแกนกระเป๋าและตัวก่อนเพื่อความปลอดภัยค่ะ







ให้ดูแผนผังของที่นี่คร่าวๆ ก่อนเลยนะคะ







ซึ่งชั้นล่างของที่นี่ก็จะมีเครื่องบินต่างๆ โชว์อยู่มากมายเลยนะคะ ตื่นตาตื่นใจน่าถ่ายรูปมากค่ะ









แต่วันนั้นเราขึ้นไปที่ชั้นบนก่อนค่ะ ด้วยบันไดเลื่อนทางซ้ายมือนะคะ







ขึ้นไปก็เลี้ยวเดินไปทางโซนซ้ายค่ะ เพื่อจะพาไปดู..อ่าเรียกว่าอะไรดี ยานอวกาศ ซึ่งจะมีทางเดินให้เข้าไปชมภายในได้ด้วยนะคะ







ก่อนเดินไปถึงยานอวกาศ จะมีจุดขายของที่ระลึกจุดเล็กอยู่ด้วยค่ะ (แต่มีร้านใหญ่กว่านี้ที่ชั้นล่างและชั้นใต้ดินนะคะ)







ส่วนที่เราจะได้ดูจะเป็นส่วนตรงกลางยานนะคะ 







ซึ่งโซนฝั่งซ้ายนี้ (กรณีหันหน้าเข้าอาคาร) ด้านชั้นล่างก็จะมีการแสดงยานอวกาศอื่นๆ ด้วยนะคะ









เข้าไปดูข้างในกันค่าา เดินเข้าไปกลางยานเลย ก็จะมีกระจกใสๆ ให้ดูภายในตามภาพเลยนะคะ







ฝั่งซ้ายจะมีแผงควบคุม และมีตัวครอบสำหรับการอาบน้ำบนยานอวกาศตามภาพเลยค่ะ

ซึ่งเนื่องจากจากการอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักของมนุษย์อวกาศกับการโคจรรอบโลก ทำให้การใช้ชีวิตมีความแตกต่างกับการอยู่บนโลกซึ่งอยู่ในสภาพที่มีน้ำหนักน่ะนะคะ ดังนั้นวิธีการอาบน้ำของคนที่อยู่ในอวกาศจึงมีด้วยกันสองวิธี (อ้างอิงข้อมูลจากลิงก์นี้นะคะ)

การอาบน้ำ

วิธีการอาบน้ำของนักบินอวกาศมี 2 วิธี คือ การใช้ฝักบัวอาบน้ำ และการใช้ผ้าขนหนู สำหรับวิธีแรกนั้นห้องน้ำจะมีลักษณะเป็นทรงกระบอกด้านบนติดเพดาน ด้านล่างติดพื้นมีท่อขดเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 90 ซม. โดยเมื่อเริ่มอาบน้ำน้ำจากฝักบัวจะถูกฉีดไปทั่วร่างกาย และเครื่องดูดอากาศก็จะดูดน้ำและสบู่ที่ติดตัวนักบินผู้อาบและผนังห้องเพื่อประหยัดน้ำ

ส่วนวิธีที่ 2 การใช้ผ้าขนหนู จะเป็นการใช้วิธีฉีดน้ำจากท่อจ่ายน้ำลงบนผ้าขนหนูผืนเล็ก ซึ่งน้ำจะติดบนผ้าทำให้เหมือนมีเจลบางๆ ติดที่ผ้า เมื่อแตะผ้าไปบนร่างกายน้ำก็จะติดผิวและกระจายไปเป็นบริเวณกว้าง จากนั้นก็จะใช้สบู่ทาทั่วตัวเช่นเดียวกัน แล้วเช็ดน้ำสบู่ออกโดยผ้าขนหนู









โดยเราก็ไปหารูปตัวอย่างจากเว็บเดิม ได้มาดังนี้ค่ะ







ส่วนอีกฝั่งก็จะมีในส่วนของการขับถ่ายด้วยนะคะ ข้อมูลจากเว็บเดิมดังนี้ค่ะ


การขับถ่าย

บนพื้นโลกมีห้องสุขาบนอวกาศก็เช่นเดียวกัน ซึ่งภายในมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการปัสสาวะ โดยมีรูปร่างเป็นกรวยสำหรับเก็บปัสสาวะ อากาศจะถูกดูดผ่านกรวยเพื่อดึงปัสสาวะเข้าไปเก็บในถุงภายในกรวยซึ่งถุงนี้จะถูกเปลี่ยนทุกวัน ส่วนของเสียที่เป็นของจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ต่างหาก ก่อนถูกนำไปทำให้แห้งและเก็บกลับไปยังโลกเพื่อวิเคราะห์







ส่วนนี่น่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหารนะคะ ข้อมูลจากเว็บเดิมเช่นเคยนะฮับ


การรับประทานอาหาร

ในยุคแรกๆ นั้น มนุษย์อวกาศจะต้องรับประทานอาหารที่ถูกบดจนมีสภาพกึ่งเหลว โดยการบีบใส่ปากรับประทาน ต่อมาในยุคที่มีกระสวยอวกาศ มนุษย์อวกาศจึงได้รับประทานอาหารที่จัดใส่ในภาชนะพร้อมอุปกรณ์ในการรับประทานเช่นเดียวกับที่นั่งทานบนพื้นโลก 

ในอวกาศของเหลวจะติดอยู่ในภาชนะที่ใส่ได้เพราะแรวตึงผิวของของเหลว แต่เมื่อกระแทกออกจากภาชนะก็จะเป็นก้อนลอยคว้าง มนุษย์อวกาศสามารถดื่มน้ำได้โดยการใช้หลอดดูด

เมนูอาหารที่มนุษย์อวกาศรับประทานนั้นมีหลากหลายชนิด โดยในแต่ละวันจะต้องให้พลังงานเฉลี่ย 3,000 กิโลแคลอรี่ ซึ่งจัดว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง เนื่องจากการใช้ชีวิตในสภาพที่ไร้น้ำหนัก จึงต้องใช้กำลังมากกว่าปกติในการทำกิจกรรมต่างๆ ที่สำคัญสัดส่วนของสารอาหารที่นักบินอวกาศควรได้รับก็จะต่างจากตอนที่อยู่บนโลกเพื่อชดเชยการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่อยู่ในอวกาศ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมถอย กล้ามเนื้อขาเสื่อมถอยเนื่องจากการขาดแรงดึงดูด การสูญเสียแคลเซียม 







หลังจากชมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็มาดูจุดขายของที่ระลึกจุดย่อยกันค่ะ มีของหลายอย่างน่ารักน้าาา เรายังสอยมาตั้งเยอะค่ะ







จากนั้นก็ยังอยู่ชั้นสองค่ะ เข้าไปสู่ห้องที่เกี่ยวกับการคิดค้นการบินของพี่น้องตระกูลไรท์กันนะคะ







มารู้จักกับพี่น้องตระกูลไรต์กันนะคะ ข้อมูลจากวิกิฯ เช่นเคยค่ะ

พี่น้องไรต์ (อังกฤษ: Wright brothers) ได้แก่ ออวิลล์ ไรต์ (19 สิงหาคม พ.ศ. 2414 (ค.ศ. 1871) - 30 มกราคม พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948)) และ วิลเบอร์ ไรต์ (16 เมษายน พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) - 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912)) เป็นผู้ที่ยกย่องให้เป็นสองคนแรกที่ได้ออกแบบและสร้าง เครื่องบิน ที่มีเครื่องยนต์กับต้นแบบของเครื่องบินที่ใช้ได้จริง


การบินอยู่บนท้องฟ้าถือว่าเป็นความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ และเป็นเวลาหลายศตวรรษที่มนุษย์หาวิธีที่จะบินให้ได้ ในปี ค.ศ. 1483 จิตรกรและนักวิทยาศาสตร์เอกของโลกเลโอนาร์โด ได้ริเริ่มการบินขึ้นเป็นครั้งแรก โดยการใช้ปีกนกขนาดใหญ่ที่เขาประดิษฐ์ขึ้น ติดเข้ากับแขน และร่อนลงมาจากที่สูง ซึ่งทำให้ลูกศิษย์ของเขา ผู้ที่ทำการทดลองบินต้องตกลงมาขาหัก

แต่นั้นก็เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น ต่อมาในปี ค.ศ. 1903 สองพี่น้องตระกูลไรท์ได้สร้างเครื่องบินลำแรกของโลกได้เป็นผลสำเร็จ ตั้งแต่นั้นมา กิจการบินก็มีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น จนกระทั่งทุกวันนี้

สองพี่น้องตระกูลไรท์ประกอบไปด้วย วิลเบอร์ ไรท์ เกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1867 ที่เมืองมิลล์ วิลลี่ รัฐอินเดียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา และออร์วิล ไรท์ เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1871 ที่เมืองเดยตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกัน บิดาของเขาเป็นนักบวชชื่อว่า มิลตัน ไรท์ (Milton Writhe) ส่วนมารดาชื่อว่า ซูซาน ไรท์ (Susan Writhe) ทั้งสองได้รับการศึกษาเพียงแค่ชั้นมัธยมเท่านั้น หลังจากออกจากโรงเรียนแล้ววิลเบอร์ได้เปิดโรงพิมพ์ และร้านซ่อมจักรยานขึ้นที่ เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ และเมื่อออร์วิลเรียนจบก็ได้มาทำงานในร้านซ่อมจักรยานของวิลเบอร์ ทั้งสองมีความใฝ่ฝันที่จะบินอยู่ตลอด เวลา ต่อมามีข่าวการทดลองเครื่องร่อนในเยอรมนี ของลิเลียนธาล แต่การบินครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้ลิเลียนธาล ต้องเสียชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ยังมีความสนใจเรื่องการบินต่อไป











ทั้งสองได้เขียนจดหมายไปยังสถาบันสมิทโซเนียนเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการบิน ก่อนที่ทั้งสองจะตัดสินใจสร้างเครื่องบิน เขาได้ร่วมมือกันประดิษฐ์รถจักรยานที่มีปีกขนาดใหญ่ รวมถึงเครื่องยนต์ขึ้นเพื่อทดสอบการบินขั้นแรกจากการศึกษาเรื่องการบินมาพอสมควร 


ในปี ค.ศ. 1900 ทั้งสองจึงตัดสินใจสร้างเครื่องบินลำแรกขึ้น โดยเครื่องบินของเขามีลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อน ทำด้วยโครงเหล็ก ส่วนปีกทำด้วยผ้า และใช้เครื่องยนต์ขนาด 12 แรงม้า ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองบินระยะสั้น ๆ เพียง 1-2 นาที เท่านั้น อีกทั้งยังไม่สามารถควบคุมทิศทางการบินได้ 


ต่อมาทั้งสองได้เดินทางกลับไปที่เมืองเดย์ตัน เพื่อสร้างเครื่องบิน ลำที่ 2 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และมีรูปร่างที่เปลี่ยนไป เมื่อสำเร็จเขาได้นำไปทดลองบินเช่นเคย แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่าง คือ เครื่องบินมีขนาดใหญ่ไป ทำให้มีน้ำหนักมากไม่สามารถขึ้นบินได้ ทั้งสองพยายามปรับปรุงข้อบกพร่องทั้งหลายที่มีอยู่ เขาสร้างเครื่องบินขึ้นอีกหลายลำ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกท้อแท้ แต่ก็ยังทำการค้นคว้าต่อไป







ในปี ค.ศ. 1902 ทั้งสองได้สร้างอุโมงค์ลมขึ้นตามคำแนะนำของออคตาฟ ชานุท ซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับความกดอากาศ ทั้งสองได้นำ การทดลองภายในอุโมงค์ลมมาปรับปรุงเครื่องบิน ทั้งสองได้เพิ่มหางเสือเข้าทางด้านหน้า และด้านหลังของตัวเครื่อง เพื่อควบคุม ทิศทางการบิน ปีกของเครื่องบินเป็นปีก 2 ชั้น ขนาดประมาณ 32 ฟุต สามารถขยับขึ้นลงได้ เขานำเครื่องบินลำที่ 3 ทดลองขึ้นบิน ที่คิลล์ เดฟวิลล์ ฮิลล์ ทั้งสองได้ทดลองบินอยู่นานถึง 39 วัน และทดลองบินกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในการควบคุมทิศทางของเครื่องบิน และระยะเวลาที่เครื่องบินอยู่บนอากาศ 

ต่อมาทั้งสองได้ปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีน้ำหนักเบาขึ้น เพื่อให้บินอยู่ในอากาศได้นาน และสูงขึ้น ทั้งสองได้ติดต่อบริษัทผลิตเครื่องยนต์ที่มีขนาด 8 แรงม้า และมีน้ำหนักประมาณ 160 ปอนด์ แต่ไม่มีบริษัทใดสนใจเลย ดังนั้นทั้งสองจึงลงมือประดิษฐ์เครื่องยนต์ขึ้นด้วยตนเอง เครื่องยนต์ที่ทั้งสองทำขึ้นมีขนาด 12 - 16 แรงม้า น้ำหนัก 170 ปอนด์ 

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1903 ทั้งสองได้นำเครื่องบินทดลองที่มีขนาดลำตัวยาว 21 ฟุต สูง 10 ฟุต ส่วนปีกมีความยาว 40 ฟุต 4 นิ้ว น้ำหนักรวมประมาณ 605 ปอนด์ แต่ก็ต้องประสบปัญหาเพราะสภาพอากาศไม่ดี ทำให้ทั้งสองมีความคิดว่า เครื่องบินของเขาต้องมีล้อเพื่อขึ้นบินได้โดยไม่ต้องอาศัยลมฟ้าอากาศ นอกจากนี้ทั้งสองยังได้สร้างทาง วิ่งขึ้นของเครื่องบิน (Run Way) ความยาว 600 เมตร ขึ้น และทำการทดลองบินในวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ. 1903 แม้ว่าจะ มีล้อ แต่ก็ยังต้องใช้คนผลักอยู่ดี ดังนั้นเครื่องบินของทั้งสองจึงต้องปรับปรุงอีกครั้ง โดยครั้งนี้เครื่องบินของพวกเขามีล้อของรถ บรรทุก ที่เชื่อมต่อด้วยโซ่เข้ากับเฟืองของเครื่องยนต์ ทำให้สามารถวิ่งขึ้นได้เองโดยไม่ต้องอาศัยแรงลมหรือแรงคนผลัก เขาได้ ทดลองขึ้นบินวันที่ 14 ธันวาคมปีเดียวกันที่รัฐนอร์ท คาโรไลนา (North Carolina) โดยมีวิลเบอร์เป็นคนขับเครื่องบินแต่ไม่ประสบความสำเร็จ 


ทั้งสองจึงทำการทดลองขึ้นบินอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1903 โดยมีออร์วิลเป็นผู้ขับเครื่องบิน ซึ่งครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีสามารถบินอยู่ในอากาศได้นานถึง 15 วินาที และบินได้ไกลถึง 200 ฟุต สูงจากพื้นดิน 850 ฟุต เขาได้พัฒนาเครื่องบินจนสามารถบินได้ 59 วินาที และไกล 852 ฟุต ความเร็ว ในการบิน 31 ไมล์ ทั้งสองได้นำเครื่องบินไปจดสิทธิบัตร และได้พัฒนาเครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปี ค.ศ. 1908 ทั้งสองได้สร้างเครื่องบินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำเร็จ โดยเครื่องบินลำนี้มีความยาว 28 ฟุต ความยาวปีก 40 ฟุต น้ำหนัก 322 ปอนด์ ใช้เครื่องยนต์ 20 แรงม้า สามารถบินได้เร็ว 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีที่นั่งสำหรับผู้โดยสารอีก 1 ที่นั่ง นับว่า กิจการบินมีความเจริญก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่ง ในปีเดียวกันนี้วิลเบอร์ได้ทดลองบินข้ามทวีปไปยังประเทศฝรั่งเศสได้สำเร็จ และในปี ค.ศ. 1909 ออร์วิลได้บินข้ามช่องแคบอังกฤษได้สำเร็จ









วิลเบอร์เสียชีวิตในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1912 ด้วยโรคไทฟอยด์ ส่วนออร์วิลเสียชีวิตในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ทั้งสองเสียชีวิตที่เมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา







จากนั้นเราก็ไปดูอีกห้องค่ะ ซึ่งมีเรื่องราวของเบสซี่ โคลแมน นักบินหญิงผิวสีคนแรกของกองทัพสหรัฐด้วยนะคะ



เอาเรื่องราวจากลิงก์นี้มาให้อ่านกันค่ะ


ช่วงฤดูร้อนปี 1922 เป็นวันที่สภาพอากาศดูสดใสเป็นปกติ คลื่นวิทยุมีการรายงานข่าวถึงการทดสอบเครื่องบินรุ่นใหม่โดยมีชาวเมืองนิวยอร์กยืนมุงกันอยู่บนพื้นโลก ก่อนจะมีการรายงานข่าวตามมาว่า “เครื่องยนต์ 220 แรงม้า L.F.G ได้ทำการบินผ่านเหนือน่านฟ้าอย่างไร้ข้อติดขัดใดๆ ครับผม!!” ผิวเผินอาจจะดูเหมือนเป็นวันปกติที่ไม่มีอะไรพิเศษ ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่านี่เป็นการทดสอบนักบินหญิงผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ‘Bessie Coleman’ ผู้สามารถทำลายขนบธรรมเนียมเดิมและกลายเป็นแรงบันดาลให้แก่สาวๆ ทั่วโลก


Bessie เป็นบุตรสาวคนที่ 10 ของครอบครัวชาวไร่ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของรัฐเท็กซัส ในช่วงที่โรงเรียนปิดระหว่างฤดูเก็บเกี่ยว เธอก็มักจะวุ่นอยู่กับการหาหนังสือในห้องสมุดและนำมาศึกษาต่อด้วยตนเอง สำหรับเธอแล้ว ‘มหาวิทยาลัย’ ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของชีวิต ช่วงแรกเธอต้องทำงานในร้านซักรีดเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอม ทว่าเธอสอบตกในเทอมแรกสุดระหว่างศึกษาอยู่ที่ Langson University รัฐโอคลาโฮม่า เมื่อทางที่คิดไม่เป็นไปตามที่หวัง เธอจึงเปลี่ยนแผนมาอาศัยอยู่กับญาติที่เมืองชิคาโก้ ในระหว่างนี้เธอก็ยังคงหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานเป็นช่างทำเล็บอยู่ในซาลอนแห่งหนึ่ง



สงครามโลกครั้งที่ 1 ปะทุขึ้น…

ในช่วงเวลานั้นเองที่เธอได้เห็นภาพเครื่องบินของกองทัพเป็นครั้งแรก ทำให้เธอรู้สึกว่า… นี่คือหนทางที่เธออยากจะเป็นและเฝ้าตามหามาโดยตลอด เธอพยายามติดต่อโรงเรียนสอนการบินหลายต่อหลายแห่งในสหรัฐฯ แต่เธอกลับถูกปฏิเสธอย่างไม่ใยดีด้วยเหตุผลหลักที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงผิวสี แต่โชคดีที่มีสถาบันแห่งหนึ่งในฝรั่งเศสตอบรับให้เธอเข้าไปศึกษาได้ ช่วงปี 1920 ที่เธอได้ย้ายไปอาศัยอยู่ที่เมือง Le Crotoy เธอเป็นนักเรียนหญิงเพียงคนเดียวในละแวกนั้นที่มีเชื้อสายเป็น แอฟริกัน-อเมริกัน อีกทั้งเธอยังต้องเดินเท้าไกลกว่าวันละ 16 กิโลฯ เนื่องจากเธอไม่มีทุนพอสำหรับค่าเดินทาง

แต่ด้วยความตั้งใจจริงทำให้เธอสอบผ่านคอร์ส 10 เดือนได้ในเวลาแค่ 7 เดือน และได้รับใบอนุญาตการบินจาก Fédération Aéronautique Internationale

หลังจบหลักสูตรเธอหวังอยากจะกลับมารับใช้ชาติที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ทว่าเธอกลับถูกทางการปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย และไม่มีใครว่างพอที่จะมาสอนงานผู้หญิงได้… แต่ไม่มีอะไรจะหยุดเธอไว้ได้เธอเดินทางกลับไปที่ยุโรปอีกครั้ง แต่คราวนี้เธอมาในฐานะนักเรียนการบินผาดโผน เธอได้ฝึกวิชาอยู่ในฝรั่งเศสและเยอรมนีจนเธอสามารถผันตัวมาเป็นนักบินผาดโผนได้สำเร็จ มีผู้คนมากมายยอมจ่ายเงินเพื่อมารับชมฝีมือลีลาการบินผาดโผนของเธอ หลังจากนั้นได้ไม่นานเธอก็กลายเป็นกระแสข่าวโด่งดั่งไปทั่วทั้งฝั่งยุโรปและฝั่งสหรัฐฯ

“ฉันแค่บอกตัวเองว่าเราต้องลอง พอได้ลองแล้วเราก็พบว่าตัวเองสามารถทำได้สำเร็จจริงๆ ฉันไม่เคยรู้สึกปลาบปลื้มเท่านี้มาก่อน เมื่อมีคนมาบอกว่ามีผู้หญิงผิวสีที่เป็นนักบินแล้วนะ!! และฉันจะบอกให้ว่าเราไม่เคยได้ใช้ชีวิตจริงๆ หลอก ถ้าเราไม่ลองบินออกไปดูซักครั้ง” Bessie ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อท้องถิ่น

ทว่าในปี 1926 ก็ได้เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น Bessie ประสบอุบัติเหตุระหว่างทำการแสดงบินผาดโผน ระบบถีบตัวนักบินขัดข้องไม่ทำงาน เธอสูญเสียการควบคุมก่อนที่เครื่องจะตกลงสู่พื้นดินจากความสูงระดับ 3,500 ฟุต ภายในปีนั้นเองที่มีผู้คนมาร่วมงานไว้อาลัยเธอมากกว่า 10,000 คน เรื่องราวของเธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนอีกมากมาย ถึงขนาดที่ William Powell ได้เปิดโรงเรียนสอนการบินโดยใช้ชื่อว่า Bessie Coleman Aero Club และต่อมาในปี 1977 กลุ่มนักบินหญิงชาวแอฟริกัน – อเมริกัน ของกองทัพสหรัฐฯ ได้ทำการจัดตั้งกลุ่ม Bessie Coleman Aviators Club ขึ้นมาเพื่อเป็นการสนับสนุนให้กับคนรุ่นหลังที่มีความสนใจในด้านการบิน โดยเฉพาะหญิงสาวชาวแอฟริกัน – อเมริกัน







ภายในห้องเดียวกันก็ยังมีเรื่องราวของ อะมีเลีย แมรี แอร์ฮาร์ต (อังกฤษ: Amelia Mary Earhart; 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 — หายสาบสูญ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2480; ทางการประกาศว่าเสียชีวิต 5 มกราคม พ.ศ. 2482) นักบินชาวอเมริกัน ได้ชื่อว่าเป็นนักบินสตรีคนแรก ๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยนะคะ ข้อมูลนำมาจากวิกิฯ บอกไว้ว่า เธอเป็นสตรีคนแรกที่ขึ้นบินในฐานะผู้โดยสารข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และต่อด้วยการบินเดี่ยวเองเป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2475

พ.ศ. 2478 ได้บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากฮาวายสู่แคลิฟอร์เนีย อีกสองปีต่อมาอะมีเลียได้พยายามทำสถิติในการบินรอบโลก แต่ได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ เหนือน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก ในระหว่างทำการบินรอบโลกเมื่อปี พ.ศ. 2480


อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต เกิดที่เมืองแอตชิสัน รัฐแคนซัส ที่บ้านของอัลเฟรด โอตีสผู้เป็นปู่ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางและเป็นผู้ได้รับการนับหน้าถือตาในเมืองนี้ ปู่ของอะมีเลียไม่พอใจในตัวบุตรชายชื่อเอดวินซึ่งเป็นบิดาของเธอ กล่าวกันว่าการไม่ลงรอยกันแทบทุกเรื่อง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวของอะมีเลียแตกแยก และน่าจะมีผลต่อจิตใจในวัยเยาว์จนทำให้เธอกลายเป็น "ทอมบอย" เล่นซนอย่างเด็กผู้ชายและหันมาสนใจในการบินเมื่อเติบโตขึ้น

เมื่ออายุ 10 ขวบอะมีเลียได้เห็นเครื่องบินเป็นครั้งแรกที่รัฐไอโอวา แต่ก็ไม่สนใจเท่าใด ในปี พ.ศ. 2457 บิดาซึ่งได้งานดีเป็นผู้บริหารการรถไฟซึ่งทำให้ฐานะทางการเงินของครอบครัวดีขึ้นถูกให้ออกจากงาน เอมีผู้มารดาจึงพาอะมีเลียฝากเข้าเรียนชั้นมัธยมปีสุดท้ายที่ชิคาโกและเรียนจบในปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2461 เธอฝึกงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่เมืองโทรอนโต แคนาดาที่ซึ่งพี่สาวอาศัยอยู่ แต่ปีต่อมาอะมีเลียก็เข้าเรียนเตรียมแพทย์ในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและก็เลิกเรียนกลางคันเพื่อติดตามบิดาและมารดาไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย และที่เมืองลองบีชนั่นเองที่อะมีเลียและบิดาได้ไปชมการบินผาดโผนและขึ้นบินในวันรุ่งขึ้นเป็นเวลา 10 นาที

อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต เริ่มเรียนการบินครั้งแรกสนามบิน "คินเนอร์" เมืองลองบีชโดยครูการบินชื่อแอนิตา สนูก นักบินสตรีรุ่นบุกเบิก และหกเดือนต่อมาเธอก็ซื้อเครื่องบินปีกสองชั้นยี่ห้อ ""คิสเซลแอร์สเตอร์" ชั้นสีเหลืองเมื่อ วันที่ 22 ตุลาคม 2465 และตั้งชื่อว่า "แคนารี" หรือนกขมิ้นและทำการบินสูงได้ถึงระดับ 14,000 ฟุต(4.2 กิโลเมตร)ทำลายสถิติโลกสำหรับนักบินสตรี ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2466 อะมีเลีย แอร์ฮาร์ตก็ได้รับใบอนุญาตการบินนานาชาติ

รายได้ในการบินสูงไม่มาก อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต จึงได้ขาย "คะแนรี" แล้วซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อ "คิสเซลโรดสเตอร์" ใหม่สีเหลืองแล้วขับพามารดาซึ่งเพิ่งหย่ากับบิดาไปอยู่ที่เมืองบอสตันเพราะได้งานทำที่นั่น เธอสมัครเป็นสมาชิกสมาคมการบินแห่งชาติสาขาบอสตัน อะมีเลียได้ลงทุนสร้างสนามบินเล็ก และเป็นตัวแทนขายเครื่องบินคิสเซลไปด้วย ในขณะเดียวกันก็เขียนบทความเกี่ยวกับการบินลงในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในท้องถิ่น อะมีเลียได้รับการยกย่องจากหนังสือพิมพ์ว่า เป็นนักบินสตรีที่ดีที่สุดในสหรัฐ แต่ก็มีผู้ไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะนักบินที่มีประสบการสูง


เครื่องบินลอกฮีด เวกา 5 บี บินโดยอะมีเลีย แอร์ฮาร์ต จัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์อากาศยานและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา

หลังจากชาลส์ ลินด์เบิร์ก บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นผลสำเร็จในปี พ.ศ. 2470 ได้มีสุภาพสตรีอเมริกันผู้มั่งคั่งคนหนึ่งชื่อ "แอมี เกสต์" ที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษประกาศว่า จะทำสถิติเป็นสตรีคนแรกที่จะบินหรือโดยสารเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก แต่เมื่อไตร่ตรองแล้วเห็นว่า มีอันตรายมากจึงเปลี่ยนใจประกาศตนเป็นผู้อุปถัมภ์โครงการแทน

อะมีเลีย แอร์ฮาร์ตได้รับการทาบทามให้เป็นผู้โดยสารบินรวมกับนักบินชายชื่อ วิลเมอร์ ชุลท์และผู้ช่วยนักบิน-ต้นหนชื่อหลุยส์ กอร์ดอน ทั้งสามคนได้บินออกจากชายฝั่งนิวฟาวด์แลนด์ด้วยเครื่องบิน ฟอกเกอร์ เอฟ 7 ไปถึงสนามบินเบอร์รีพอร์ทในประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2471 โดยใช้เวลาบิน 21 ชั่วโมง ในระหว่างบินอะมีเลียได้มีโอกาสขับและทำบันทึกปูมการบินซึ่งส่วนหนึ่งเขียนว่า "ใครก็แล้วแต่ที่พบซากเครื่องบินนี้ ได้โปรดทราบด้วยว่าเป็นเพราะฉันบินหลงในพายุไปหนึ่งชั่วโมง" ทั้งสามคนกลับมารับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยขบวนพาเหรดโปรยกระดาษเทปตามถนนในนครนิวยอร์ก ได้เข้าพบประธานาธิบดี "แคลวิน คูลิดจ์" ที่ทำเนียบขาว และโดยที่เธอมีรูปร่างละม้ายชาร์ล ลินเบิร์ก จึงได้รับสมญาว่า "เลดี ลินดี"

หนึ่งในทีมสนับสนุนโครงการมีบุรุษผู้มีชื่อเสียงและเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์คือ "จอร์จ พัทนัม" ซึ่งได้ทำทุกอย่างให้อะมีเลียเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับการบินที่อะมีเลียเป็นผู้เขียนและการเป็น "พรีเซนเตอร์"ให้แก่สินค้ามากมายหลายชนิด ทำให้ทั้งสองสนิทสนมและตกลงแต่งงานกันเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2474 แต่อย่างไรก็ดี อะมีเลียถือว่าการแต่งงานคือการเป็นหุ้นส่วนกัน และได้เขียนจดหมายบอกให้พัทนัมได้ทราบว่า เธอจะให้เขามีอิสระไม่จำเป็นต้องมีใจซื่อตรงต่อเธอ และเธอก็จะถืออย่างเดียวกัน และในปีที่เธอแต่งงาน อะมีเลียได้ทำลายสถิติบินสูงของนักบินหญิงด้วยความสูง 5.613 กิโลเมตร

และแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 อะมีเลียได้บินเดี่ยวทับเส้นทางที่ลินเบิร์กได้ทำการบินเที่ยวประวัติศาสตร์ด้วยเครื่องบิน "ลอกฮีด เวกา" เครื่องยนต์เดียว แต่เนื่องจากพายุ สภาพน้ำแข็งและเครื่องยนต์ทำให้เธอจำต้องร่อนลงจอดบนทุ่งหญ้าใกล้เมืองลอนดอนเดอร์รี ไอร์แลนด์เหนือแทน แต่ก็นับเป็นการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

ความสำเร็จทำให้อะมีเลียได้รับกางเขนกล้าหาญ (Distinguished Flying Cross) จากรัฐสภาอเมริกัน ได้เหรียญเกียรติยศจากรัฐบาลฝรั่งเศส ได้เหรียญทองของสมาคมภูมิศาสตร์แห่งชาติจากประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์

วันที่ 11 มกราคมอะมีเลีย เป็นคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากฮาวายมาแคลิฟอร์เนีย บินเดี่ยวจากลอสแอนเจลิสถึงเม็กซิโกซิตีและบินกลับมาลงที่นิวเจอร์ซี อะมีเลียเป็นครองสถิติการบินต่างๆ เป็นจำนวนมาก และในปี พ.ศ. 2478 เธอได้เข้าร่วมงานสอนที่มหาวิทยาลัยเพอร์ดิวเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาด้านเส้นทางการประกอบอาชีพแก่นักศึกษาหญิงเมื่อจบการศึกษา

อะมีเลีย แอร์ฮาร์ตได้รับเครื่องบิน "ลอกฮีด แอล-10อี อีเลกตรา" สนับสนุนโดยมหาวิทยาลัยเปอร์ดิวเมือเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2479 และได้เริ่มวางแผนการบินรอบโลก แม้จะไม่ใช่เป็นคนแรกแต่ก็เป็นการบินรอบโลกที่มีระยะทางไกลที่สุด (47,000 กิโลเมตร) โดยบินตามเส้นศูนย์สูตร แม้เครื่องอีเล็กตราจะได้ชื่อเป็น "ห้องทดลองบินได้" แต่การเตรียมทางด้านวิทยาศาสตร์กลับน้อยมาก ส่วนใหญ่เตรียมตามแนวของหนังสือเล่มต่อไปของอะมีเลีย "เฟรด นูแนน" แห่งลอสแอนเจลิส ได้รับเลือกเป็นต้นหนเนื่องจากมีประสบการณ์สูง และนูแนนเองรับงานก็เนื่องจากมีแผนที่จะตั้งโรงเรียนต้นหนการบินในฟลอริดา

ในวันเซนต์แพตริก พ.ศ. 2480 ทั้งสองได้ออกบินขาแรกจากโอกแลนด์ แคลิฟอร์เนียไปโฮโนลูลูและเริ่มบินต่อใน 3 วันต่อมาแต่ก็เกิดความเสียหายหนักควงบนพื้นเนื่องจากยางระเบิดขณะบินขึ้นทำให้ต้องส่งเครื่องกลับไปซ่อมแคลิฟอร์เนียและยกเลิกการเดินทาง เมื่อซ่อมเสร็จจึงเริ่มเดินทางใหม่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ในครั้งนี้เปลี่ยนเป็นการบินไปทางตะวันออกโดยเริ่มต้นที่ไมอามี หลังลงจอดหลายแห่งตามทางในอเมริกาใต้ อัฟริกาและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งสองก็ได้มาถึงเมือง "แล" (Lae) นิวกินีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน

การเดินทางได้ผ่านมาแล้วรวม 35,000 กิโลเมตร ยังคงเหลืออีก 11,000 กิโลเมตรซึ่งเป็นการบินเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก และในเวลา 24.00 น.ตามเวลากรีนิช ทั้งสองได้บินขึ้นจากเมืองแลเพื่อตรงไปยังเกาะฮาวแลนด์ที่เป็นแผ่นดินราบยาว 2 กิโลเมตร กว้าง 500 เมตร สูง 3 เมตรจากระดับน้ำ อยู่ห่าง 4,113 กิโลเมตรไปทางตะวันออก

จากการรายงานตำแหน่งครั้งสุดท้ายของอะมีเลียแจ้งว่าอยู่เหนือเกาะนูกุมานู อยู่ห่างจากต้นทางประมาณ 1,300 กิโลเมตร เรือยามฝั่งชื่อ ไอทัสกา ได้รับหน้าที่ติดต่อวิทยุและควบคุมการบินลงเมื่อเครื่องบินของอะมีเลียเข้าถึงระยะติดต่อได้ แต่จากการติดต่อด้วยวิทยุมีปัญหาสับสนการนำทางโดยวิทยุจึงไม่บรรลุผล ในขณะนั้นก็ปรากฏว่ามีเมฆมากกระจายตัวทอดเงาลงบนทะเลดูคล้ายเกาะมากมายไปหมด แม้การติดต่อด้วยคำพูดของอะมีเลียกับเรือยามฝั่งที่บ่งบอกว่าได้มาถึงที่หมายแล้วและรู้ว่าพลาดเป้าไป 9 ไมล์ทะเล ก็ไม่ปรากฏตัวเครื่องบินให้เห็น การติดต่อได้ต่อเนื่องกระท่อนกระแท่นอยู่หลายชั่วโมงสัญญานจึงขาดหายไป มีผู้ได้รับสัญญาณของอีเลกตราที่หายไปได้รอบๆ แปซิฟิก

สหรัฐฯ ได้ใช้เงินถึง 4 ล้านเหรียญในการค้นหาอะมีเลียทั้งทางน้ำและทางอากาศ เป็นการค้นหาที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งยุคนั้น จนกระทั่งในพ.ศ. 2483จึงได้พบโครงกระดูกส่วนหนึ่งของสตรีผิวขาวซึ่งมีลักษณะตรงกับอะมีเลีย บนเกาะนิคุมาโรโร ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะฮาวแลนด์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ไปประมาณ 300 ไมล์ รวมทั้งพบรองเท้าสตรี กับเครื่องวัดระยะทางหาเส้นรุ้งและเส้นแวงซึ่งมีหมายเลขตรงกับที่นูแนนใช้ในบริเวณใกล้กับที่พบโครงกระดูกด้วย







นอกจากนั้นภายในห้องเดียวกันก็มีการจัดแสดงต่างๆ อีกมากมายค่ะ คือ ถ้าคนชอบมิวเซียม เราว่าอยู่ได้ทั้งวันอ้ะ แต่เรานำทัวร์ไปก็...นะคะ มีเวลาไม่กี่ชั่วโมง ได้แต่ดูผ่านๆ หละ แหะๆ









บางอันก็จะมีให้เด็กๆ สามารถร่วมเล่นได้ด้วยนะคะ









อันนี้เป็นอีกห้องหรือด้านนอกนี่แหละค่ะ









ส่วนตรงนี้จะเป็นเรื่องราวของ Robert Goddard ผู้ค้นพบจรวดเชื้อเพลิงเหลวค่ะ 

ในวันที่ 16 มีนาคม ปี 1926 จรวดเชื้อเพลิงเหลวลูกแรกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เสมือนเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการบินสำรวจอวกาศ

ในช่วงนั้นนักวิทยาศาสตร์พยายามหาวิธีเพิ่มศักยภาพจรวดให้มีแรงขับดันสูง จากที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งเป็นหลัก ก็หันมาใช้จรวดเชื้อเพลิงเหลว (Liquid-Fuel) และผู้นำในการคิดค้นทดลองคือ Robert Goddard เขาอุทิศตนเองเกือบทั้งชีวิต ไปกับการวิจัยพัฒนาจรวดให้ดีมากขึ้นตามลำดับ ใช้เวลากว่า 17 ปีในการพัฒนาจรวดจนสามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นผลสำเร็จ จรวดของเขาให้แรงขับดันต่อหนึ่งหน่วยเชื้อเพลิงมากกว่าจรวดก่อนๆเป็นอย่างมาก


การขนส่งอวกาศและการสำรวจอวกาศหลังจากนั้นจึงนำผลงานของเขามาใช้กันเป็นบรรทัดฐาน นอกจากผลงานทางด้านจรวดแล้ว เขายังมีสิทธิบัตรมากมายเป็นของตัวเองถึง 200 ชิ้น รวมถึงจรวดหลายท่อน (Multistage rockets) ที่เมื่อใช้หมดไปแล้วก็จะปลดทิ้งลงทะเลเป็นลำดับอย่างที่เราเห็นกันตามข่าวอีกด้วย

การสร้างจรวดเชื้อเพลิงเหลว มีความสำคัญต่อการสำรวจอวกาศพอๆกับการบินครั้งแรกของสองพี่น้องตระกูลไรท์เลยทีเดียว เพราะเมื่อนำนวัตกรรมสองอย่างนี้รวมกัน จึงทำให้เกิดการค้นพบใหม่ๆมากมายเกี่ยวกับดาราศาสตร์ รวมถึงความลับของเอกภพ




ข้อมูลนำมาจากวิกิเช่นเคยนะคะ

โรเบิร์ต ฮัทชิงส์ ก็อดเดิร์ด (อังกฤษ: Robert Hutchings Goddard, Ph.D.; 5 ตุลาคม ค.ศ. 1882 - 10 สิงหาคม ค.ศ. 1945) เป็นอาจารย์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันที่ริเริ่มการค้นคว้าจรวดที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวในการควบคุม เขายิงจรวดลำแรกของโลกที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1926 จากนั้นระหว่างปี ค.ศ. 1930-1935 เขาทดสอบยิงจรวดหลายลำที่ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 885 กิโลเมตร/ชั่วโมง (550 ไมล์ต่อชั่วโมง) งานของเขานับเป็นการปฏิวัติในวงการสำรวจอวกาศ แต่ทฤษฎีของเขามักถูกเยาะเย้ยถากถางและได้รับการสนับสนุนค่อนข้างน้อย ต่อมาในภายหลังเขาจึงได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามของบิดาแห่งวิทยาการจรวด






ก็อดเดิร์ดได้รับสิทธิบัตรจากผลงานของเขารวมทั้งสิ้น 214 รายการ ในจำนวนนี้ 83 รายการได้รับในระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่ ศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ดซึ่งตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1959 ได้ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา รวมถึงแอ่งก็อดเดิร์ดบนดวงจันทร์

ที่บ้านเกิดของเขาคือเมืองวอร์เชสเตอร์ ได้ตั้งโรงเรียนประถมศึกษาชื่อ โรงเรียนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็อดเดิร์ด ขึ้นในปี ค.ศ. 1992

ห้องสมุดโรเบิร์ต เอช. ก็อดเดิร์ด ที่มหาวิทยาลัยคลาร์ก ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการและของสะสมของก็อดเดิร์ด ด้านนอกห้องสมุดมีสิ่งก่อสร้างแสดงถึงทิศทางการบินของจรวดเชื้อเพลิงเหลวลำแรกของก็อดเดิร์ด

ภาควิชาวิศวกรรมเคมีที่สถาบันโพลีเทคนิควอร์เชสเตอร์ ตั้งอยู่ที่อาคารก็อดเดิร์ดฮอลล์ ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่เขา

ปี ค.ศ. 1967 โรงเรียนมัธยมศึกษา โรเบิร์ต เอช. ก็อดเดิร์ด ตั้งขึ้นที่เมืองรอสเวลล์ สัญลักษณ์ประจำโรงเรียนคือ "จรวด" นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนประถมศึกษาตอนปลาย โรเบิร์ต เอช. ก็อดเดิร์ด ที่เมืองเกลนโดรา แคลิฟอร์เนีย เมืองลิทเติลตัน โคโลราโด และเมืองปรินซ์จอร์จเคาน์ตี้ แมรีแลนด์

สำหรับพื้นที่ที่ก็อดเดิร์ดทดสอบการยิงจรวดเชื้อเพลิงเหลวเป็นครั้งแรก ปัจจุบันเป็นสนามกอล์ฟ Pakachoag ที่เมืองออเบิร์น แมสซาชูเสตต์ ได้ติดตั้งรูปปั้นพร้อมป้ายอนุสรณ์ของก็อดเดิร์ดเป็นที่ระลึก







ตรงนี้เป็นโซนกิจกรรมพิเศษนะคะ แต่ไม่ได้เข้าชมค่ะ เวลามีน้อยง่าา เดี๋ยวต้องไปอีกมิวเซียมหนึ่งค่ะ


ซึ่งที่นี่จะมีโรงภาพยนตร์ IMAX ฉายเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับอวกาศ โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 8.50 เหรียญสำหรับผู้ใหญ่ และ 7 เหรียญสำหรับเด็ก หรืออยากจะลองฝึกบินกับเครื่อง Simulator ก็ต้องจ่ายเงินเข้าไปลองฝึกเช่นกันนะคะ แล้วแต่โปรแกรม ตกประมาณ 7-8 เหรียญ แต่ถ้าแค่เข้าไปชมการจัดแสดงในส่วนต่างๆ ไม่ต้องเสียค่าเข้าชม เพราะสมิธโซเนียนเป็นมิวเซียมที่ไม่เก็บค่าเข้าชมเลยแม้แต่แห่งเดียวค่ะ







จากนั้นเราก็ไปที่ห้อง 207 Explore the Planet นะคะ









ซึ่งภายในก็จะมีเรื่องราวการค้นพบดาวต่างๆ ตั้งแต่สมัยอดีตเลยหละค่ะ







อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการสำรวจดวงดาวต่างๆ นะคะ







มีจำลองระบบสุริยะด้วยค่ะ







ส่วนนี้ก็จะเป็นข้อมูลของดาวพุธ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในดาวเคราะห์ชั้นใน หรือใหญ่เป็นอันดับแปดในระบบสุริยะ ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์เร็วที่สุดด้วยเวลา 88 วันค่ะ







มีมุมสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวอื่นๆ ด้วยนะคะ 







เครื่องมือในการสำรวจดวงดาวต่างๆ ค่ะ เห็นแล้วคนที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอวกาศ มาที่นี่ต้องถูกใจแน่ๆ เลย เราน่ะเสียด๊าย เสียดาย อยากอยู่ต่อค่ะ สงสัยต้องไปเที่ยวเองสักรอบ แหะๆ









บนเพดานมีแขวน...น่าจะเป็นดาวเทียม..เอาไว้ให้ดูด้วยนะคะ







ส่วนนี่จะเป็น Stardust เป็นแคปซูลที่ใช้เก็บตัวอย่างดาวหาง Wild 2 และ ฝุ่นผงระหว่างดวงดาวด้วยนะคะ







เดินออกมาด้านนอก ก็เจอร้านขายของที่ระลึกอีกร้านค่ะ จะมีของเยอะกว่าตรงมุมแรกที่เจอนะคะ แต่ก็ยังน้อยกว่าชั้นล่างค่ะ

แล้วก็จะเห็นพวกบรรดาเครื่องบินต่างๆ ที่อยู่ทางด้านปีกขวาของตึกนะคะ (หันหน้าเข้าหามิวเซียมอะนะ)











มีห้องเกี่ยวกับการบินในสงครามด้วยค่ะ แต่ไม่มีเวลาเข้าไปดูแล้ว เสียดายมาก







ใกล้ๆ กันจะมีส่วนของห้องนักบินให้เข้าไปดูด้วยนะคะ ตรงนี้เด็กๆ เยอะเชียวหละค่ะ







ส่องไปที่ชั้นหนึ่งนะคะ จะเห็นช็อปขายของที่น่าจะใหญ่ที่สุดแล้วหละค่ะของมิวเซียมนี้นะคะ









เข้าไปเก็บภาพของที่ระลึกบางส่วนที่มีขายนะคะ หลายอันน่ารักมากเลย เห็นแล้วอยากได้ง่าาาา









แต่เราจะลงบันไดเลื่อนไปที่ชั้นใต้ดินซึ่งเป็นชั้นเซลส์ค่ะ คือจะมีทั้งของลดราคาพิเศษ (มีมุมของมัน) กับของที่ไม่ลดราคาหละนะคะ 















สรุปสำหรับที่นี่นะคะ


ก็เป็นอีกหนึ่งมิวเซียมที่น่าสนใจหละค่ะ สำหรับใครที่ชอบสายนี้ แนะนำให้อยู่อย่างน้อยครึ่งวันค่ะ เพราะการมีเวลาแค่หนึ่งถึงสองชั่วโมงไม่พอแน่นอนค่ะ แล้วก็เป็นอีกที่ที่ใครที่อยากได้ของที่ระลึกเฉพาะทาง (ที่เกี่ยวกับการบินและอวกาศ) ก็ต้องหาซื้อที่นี่เท่านั้นค่ะ





ปฏิทินธรรม




วันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2561

1. ทำบุญตักบาตร ณ วัดพุทธบูชา (กิจกรรมจัดทุกวันเสาร์แรกของเดือน)



วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์
2561
 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)

1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น. 


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
https://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447


2. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯhttps://web.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/




วันอาทิตย์ที่ 11 และ 25 กุมภาพันธ์ 2561 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)

1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts





วันศุกร์และเสาร์ที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2561

1. ขอเชิญร่วมงานบุญประจำปี กิจกรรม “เข้าวัด(หอพระ) ตักบาตร ฟังธรรม”ณ หอพระพุทธธรรมทิฐิศาสดา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต.ในโอกาสครบ 1 รอบ 12 ปี การก่อตั้งชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐานแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ .
กำหนดการ
วันศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 17.00 น. ลงทะเบียนผู้ร่วมงาน17.30 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็น-นั่งสมาธิ18.00 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตโต วัดบุญญาวาส อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี (สาขาวัดหนองป่าพงที่ 130)19.30 น. ถาม-ตอบปัญหาธรรม20.00 น. เสร็จพิธี.วันเสาร์ ที่ 17 กุมภาพันธ์ 256107.00 น. ลงทะเบียนผู้ร่วมงาน07.30 น. ตักบาตรพระเถระกรรมฐาน บริเวณรอบหอพระฯ08.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ณ ห้องกลาง หอพระฯ08.30 น. ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์10.00 น. แสดงพระธรรมเทศนา โดยหลวงตาศิริ อินทสิริ วัดถ้ำผาแดงนิมิต อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น11.30 น. ถาม-ตอบปัญหาธรรม12.00 น. เสร็จพิธี



วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 (จัดทุกอาทิตย์ที่สามของเดือน)
1. 19 มีนาคม- ตักบาตร พระกัมมัฏฐาน และ ฟังพระธรรมเทศนา เวลา 7.00 น.
ณ ชมรมกลุ่มพุทธธรรมลานทอง หมู่บ้านลานทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
ดูรายละเอียดได้ที่ลิงก์นี้


วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 (กิจกรรมทุกเสาร์ที่ 4 ของเดือน)

1. ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารโดยพระเถระวัดป่ากรรมฐาน

เมตตารับบาตรโดย
เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ ศาลาปันมี มูลนิธิบ้านอารีย์



วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 24 และ 25 กุมภาพันธ์ 2561 (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน)

1. งานบุญประจำเดือน (ทุกเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน) ทำบุญบำรุงรักษาสวนแสงธรรม และถวายปัจจัยร่วมสร้างพิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ณ วัดป่าบ้านตาด

ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร











ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1469696+5769366=7239062/13076/1603





      Travel Blog 

credit Vote Banner : Oranuch_sri




Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2561 10:58:55 น. 47 comments
Counter : 2694 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณoranuch_sri, คุณThe Kop Civil, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณเริงฤดีนะ, คุณkae+aoe, คุณALDI, คุณJinnyTent, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณชีริว, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณกะว่าก๋า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณSweet_pills, คุณล้งเล้งลัลล้า, คุณmariabamboo, คุณlife for eat and travel, คุณเนินน้ำ, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณClose To Heaven, คุณไอเอิร์ธ, คุณtoor36, คุณKavanich96


 
พิพิธภัณฑ์บ้านเค้าคนให้ความสนใจกันเยอะดีเนอะ ต่างกับบ้านเราฝุดๆ


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:9:32:35 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog

แวะมาโหวตก่อนค่ะ..เดี๋ยวมาใหม่นะคะ


โดย: oranuch_sri วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:9:37:08 น.  

 
พิพิธภัณท์นี้น่าสนใจ มียานอวกาศด้วย
คนต่างประเทศเค้าสนใจเข้าชมกันเยอะเนอะ

ขอบคุณใจสีชมพูจ้ะ
วันนี้หมดตัวทั้งสองอย่างเลย
พรุ่งนี้มาจัดเต็มน้า

อัพใหม่แย้วววว



โดย: mambymam วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:10:11:39 น.  

 
น่าสนใจมากเลยครับ ถ้าได้เข้าไปข้างในผมอยู่ได้เป็นวัน ๆ เลย คนยุคก่อนเก่งกันจริง ๆ


โดย: The Kop Civil วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:10:56:12 น.  

 
เข็มม่วงหาซื้อได้ตามร้านต้นไม้จ้ะ
ดูร้านใหญ่ๆที่มีพันธุ์ไม้หลากหลายหน่อย
ต้นนี้ปลูกง่ายมากด้วยแหละ
ขอบคุณที่แวะชมคนแรกจ้ะ
จุ๊บๆๆ



โดย: mambymam วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:11:09:44 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog

พร้อมแปะหัวใจ ค่ะ


โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:11:28:05 น.  

 
โอ้โห...ที่นี่น่าสนใจมากครับคุณเต้ย
หมิงหมิงไปน่าจะชอบมากเลยครับ

แปะหัวใจให้เช่นกันนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:11:54:50 น.  

 
ไปไหนไปด้วยค่ะ
แอบเห็นของเล่น Satr Wars อยู่แวบๆ



สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog




โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:11:56:41 น.  

 
คิดถึงซีมาก ต้องชอบที่นี่สุดๆ แถมเจอเลโก้เข้าไป คงร้องอยากได้ๆ


โดย: kae+aoe วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:12:57:17 น.  

 
ถ้าได้เข้าไปคงไม่อยากกลับง่าย ๆ นะคะ


โดย: ALDI วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:16:21:12 น.  

 
มาโหวตให้พรุ่งนี้ค่ะ วันนี้ แปะใจให้ก่อนค่ะ

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 3 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:17:11:06 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 6 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

มามอบกล่องดวงใจ เอ้ย มอบหัวใจให้จ้า


โดย: ปลาแห้งนอกกรอบ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:18:23:10 น.  

 





โดย: mambymam วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:18:31:56 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 4 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

หัวใจบ้านนี้ใหญ่จุง
แสดงว่าเป็นที่รักของคนรอบข้าง

เรื่องราววันนี้ เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมากคุณเต้ย
มันเป็นเรื่องที่เราคุ้นเคยนะ
ทั้งได้เรียนเรื่องอวกาศ
ทั้งดูหนังเกี่ยวกับอวกาศ
มันเป็นอะไรที่น่าทึ่ง น่าตะลึงมากอ่ะ

ยิ่งไปเห็นชิ้นส่วนของจริงแบบนี้
นี่ถ้าสามหนุ่มสามมุมที่บ้านได้มีโอกาสไปที่นี่
คงจะพูดถึงไปหลายเดือน
เด็ก ๆ ผู้ชายจะชอบเรื่องราวเครื่องบินอ่ะเนอะ

คุณเต้ยสอยไรมาบ้างนิ
เป็นพี่ต้องสอยมาหลายชิ้นแน่นอน 5555



โดย: JinnyTent วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:19:19:24 น.  

 
ขำภาพเปิด 555 ต้องปิดกันขนาดนี้เลย เอาหน้าการ์ตูนมาแปะก็น่ารักไปอีกแบบ ดีกว่าเบลอเนาะ

โห เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้ามากที่สุดในโลกเลย ของจัดแสดงจริงจังมาก แบบนี้เองใครมาแล้วไม่ควรพลาด

ของขายพี่ชอบเสื้อสมิทโซเนี่ยน สวยดี

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ

พี่โหวตถูกหมวดล่ะนะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Food Blog ดู Blog
เป็ดสวรรค์ Literature Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Review Food Blog ดู Blog
The Kop Civil Movie Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

*** วันสุดท้ายคือ 31 พี่กะแล้วคนต้องแห่แหนไปกันช่วงปลายปี 30-31 นี้แหละ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:14:43 น.  

 
พิพิธภัณฑ์ต่างประเทศเขาทำดีเนอะ คนเข้าก็เยอะด้วย แต่ก่อนอื่นขอผมไปตั้งต้นจากการหัดเข้าท้องฟ้าจำลองก่อนนะครับ ยังไม่เคยไปเลย
อันนี้ระดับประเทศที่ส่งยานอวกาศเป็นว่าเล่นทำเอง คนล้นทะลักไม่ต้องสืบ
ได้ดูกระทั่งการใช้ชีวิตของนักบินอวกาศ (ถ้ามีนักบินสาวมาสาธิตอาบน้ำให้ดูด้วยจะดีมาก ......ไม่เอาลุงขนพรึ่บนั่น)
การอยู่ในอวกาศทำกิจวัตรหลายๆอย่างแบบบนโลกไม่ได้ มีเรื่องให้แก้ปัญหาเยอะมากเลย

นึกแล้วพี่น้องตระกูลไรต์ก็เพิ่งทำให้คนบินบนท้องฟ้าได้เมื่อร้อยกว่าปีก่อนเองนะครับ ช่วงหลังเทคโนโลยีมันไปเร็วจนคาดไม่ถึงจริงๆ (ชีริวที่เพิ่งจะเขียนบล็อกยุคโรมันมาได้กล่าวไว้เช่นนั้น)

....ทำไมบล็อกนี้ยาวเง้ล่ะเนี่ย เดี๋ยวต้องนั่งรถกลับบ้านต่อจ้า ขออ่านครึ่งเดียวก่อนโนะ (เชื่อเถอะกลับมาอีกที ...เปลี่ยนบล็อก!)


โดย: ชีริว วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:36:40 น.  

 
มาฝาก ด้วยค่ะ

ขอมาสั้นๆสักพักนะคะ เค้าให้ทำสอง
อย่างเป็นเดือนเนี่ย พี่ต้องเมาแน่เลยค่ะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:50:19 น.  

 
ข้อมูลเพียบๆค่ะ เป็นความรู้ดีเลย
ดีจังค่ะได้เข้าชมยานอวกาศด้วย
สนใจเรื่องการอาบฝักบัวด้วยละคุณเต้ย
แบบไม่ต้องถูรัยเลยเครื่องดูดน้ำดูดสบู่ไปหมดงั้นเหรอคะ
ดีเนอะ นี่ถ้ามีให้ลองด้วยก็ดีสิ
การขับถ่ายรึกินอาหารนี่ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะพอเดาๆได้
ที่นี่ใหญ่โตกว้างและเยอะค่ะ สมกับเป็นเมกา



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:23:43:13 น.  

 
โหวตครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:1:33:28 น.  

 
นั่งอ่าน ข้างบน ระยะแรกดูนักบินกินอาหารแคลลอรี่มาก
กับ อ่านประวัติพี่น้องตระกูไรท์

น่าสนใจมาก เขาทั้งสองมีความพยายามมากจริง ๆ ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

เป็นตัวอย่างที่ดีมากจริง ๆ

...

ส่วนนักบินหญิง ไว้อ่านวันต่อ
ไป แหะ ๆ ยาวเจ็ง ๆ

แต่น่าสนใจที่สุด คงจะเป็นเรื่อง
คนอยู่ในอวกาศ ใช้พลังงานเยอะ...

น่าจะมีคนทำห้องไร้สภาพน้ำหนักในบนโลก..แล้ว รับคน
ที่ร่างกายสมบูรณ์ หุ หุ.. ทั้งหลาย
ไปใช้บริการ รวมทั้งตัวผมด้วยพุงพลุ้ย ไปใช้บริการลด
ความอ้วน น่าจะลดไดดี

v


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:6:10:39 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับคุณเต้ย



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:6:21:06 น.  

 
จำได้ว่าชอบที่นี่มากเลยค่ะ ได้เข้าไปนั่งดูท้องฟ้าจำลองเค้าด้วย สนุกน่ารักมาก คนบรรยายอย่างฮา แต่ก็ให้ความรู้เต็มๆ อยากไปอีกจัง


โดย: Froggie วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:7:47:30 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog

เที่ยวกับคุณเต้ยสนุกและได้ความรู้ค่ะ
คุณเต้ยได้ชมยานอวกาศใกล้ชิด
นักบินอวกาศมีความอดทนและปรับตัวได้เก่งมากๆในการใช้ชีวิตนะคะ
น่าชื่นชมมากค่ะ

ขอบคุณคุณเต้ยสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:8:15:46 น.  

 
กะลังปั่นบล็อกให้วาซาบิอยู่ครับ วีรกรรมเยอะมากกกก ฮ่าๆๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:8:46:55 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Close To Heaven Review Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
ทีแรกคิดว่าน้องเต้ยรีวิวหนังstar war อิอิอิ ได้รับความรู้เพิ่มเลยค่ะวันนี้ที่น่าสนใจคือวิถีชีวิตของนักบิน คือทำไมเขาเก่งกันจัง คืออัจฉริยะมากๆๆเรามีชีวิตที่สะดวกสบายเพราะท่านๆเหล่านี้เนาะน้องเต้ย


โดย: ล้งเล้งลัลล้า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:8:52:03 น.  

 
ไปดูสาวฮ็อตตัวจริงเร้วววว
มีปีกบินปร๋อแล้วค่ะ บังๆเม้นท์นี้
ให้ด้วยเวลาเธอมานะคะ เอิ๊กกกก
ของคุณเต้ยก็เท่าของพี่แหละน่า
อาจจะแอบโตกว่าก็ได้
มันคงต้องได้มากกว่า 40 ดวงนะ
กว่าจะมีปีกได้ ของพี่ยังไกล



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:10:01:43 น.  

 
นิคชอบหลายคนค่ะ แต่เชียร์นางอายหนึ่งเดียวเลยเพราะเดาว่าเก่งธชย ค่ะ
มารู้ว่าผิดตัวเอาตอนรอบท้ายๆก่อนเปิดหน้ากากนี่ละ
ไม่รุเป็นงัยค่ะชอบเชียร์รองแชมป์ 555
ขอบคุณนะคะ



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:10:18:11 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเต้ย

เมื่อคืนเผลอหลับไปตอน 4 ทุ่มครับ
ตื่นขึ้นมาปิดคอมอีกทีตอนตี 1 เลยนั่งเม้นท์ครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:11:17:07 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Pet Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
Kavanich96 Funniest Blog ดู Blog
ยังไงก็ได้ว่ามาเลย Travel Blog ดู Blog
ruennara Book Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
ข้ามขอบฟ้า Music Blog ดู Blog
Sai Eeuu Food Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



มีความวินเทจสูงมากค่ะที่นี่ คุณเต๊ยสบายดีนะคะ


โดย: mariabamboo วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:12:37:01 น.  

 
โหวตเรียบร้อยค่ะพี่เต้ย ไปมาเมื่อไหร่คะนี่ น่าพาเด็กไปด้วยมากๆเลยค่ะ ได้ทัั้งความรู้สนุกด้วย


โดย: life for eat and travel วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:12:40:26 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 5 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ

เห็นบ้านคุณแหม่ม หัวใจติดปีกด้วย
ชะแวปมาบ้านนี้ ติดปีกหรือยัง
แหม..คุณเต้ยก็ฮอตไม่ใช่เล่น
ใครบ้างไม่รู้จักคุณเต้ย
นักรีวิวรุ่นเก๊าและเก่าแห่งบล็อกแก๊งค์
อยู่ยงคงกะพันมาก

แว่ว ๆ จะหนีไปเขียนที่อื่นด้วย
ยังไงก็อย่าทิ้งบล็อกแก๊งค์นะ
พี่กลัวเหงา 5555

เพราะพี่คงไม่ไปเขียนที่ไหนแล้ว
ที่บล็อกก็แทบจะไม่ค่อยมีเวลาแล้วค่ะ
ที่บล็อกส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนบล็อกเก่า ๆ ซะมากกว่า
คนใหม่ ๆ ไม่ค่อยรู้จัก



โดย: JinnyTent วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:15:18:25 น.  

 
ขอบคุณโหวตด้วยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:16:31:25 น.  

 
สวัสดียามบ่ายจากพัทยาจ้า
มาสารภาพว่าใจหมด แปะเพลิน งื้อออออ
พรุ่งนี้มาแปะแต่เช้าจ้ะ คริๆ



โดย: mambymam วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:17:05:27 น.  

 
ตอนนี้ใช้การได้แล้วค่ะ
พี่ว่า chrome ตอบสนองการใช้งานได้ดีกว่า firefox และ IE นะคะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:05:33 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ  ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: **mp5** วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:16:14 น.  

 
มาแปะหัวใจให้คุณเต้ยครับ
ผมเองดูไม่เป็น และไม่ได้สังเกตเลยครับ
รู้แต่ว่าตั้งใจใช้ให้หมดหัวใจ 10 ดวงต่อวันครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:33:06 น.  

 
หูยยยย ช้ากว่าคนฮ็อตจริงตั้งหลายชั่วโมงค่ะ
ของคุณเต้ยก็จวนแล้วละ 40 ดวงก็บินแล้วค่ะ
ไปนับดูเร้ว

แต่ตอนนี้พี่มีงานเชียงรายมาต่อ แล้ว
วิ่งไปดูหน่อยจะ หาคนเจิม ไม่ต้องกลัวติดหนี้
เราเจอกันชาติหน้าแน่อยู่แล้ว กร้ากกกก
พรุ่งนี้มาช่วยเพิ่มความอิ๋ม เจงๆไม่ลืม
จิได้ช่วยกันบิน เผื่อจะได้มา
พร้อมกันสองอย่างค่ะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:20:35:32 น.  

 





โดย: mambymam วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:21:02:30 น.  

 
ผมเพิ่งดูมาวันนี้ หนังดีจริง ๆ ครับ มีลุ้นออสการ์เลย


โดย: The Kop Civil วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:21:28:36 น.  

 
ต่อๆจากเมื่อวานอ่านถึงไหนหว่า อ๋อ! คานาเดียนล็อบสเตอร์น่ากินมากครับ //ย้อนนานไปเฟ้ย!!

เรื่องการบินนอกจากยานอวกาศแล้วเขามีประวัติศาสตร์การบินที่น่าภาคภูมิใจมากมายเลยนะเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อว่าเรื่องบินๆเกิดที่ประเทศใหม่อย่างสหรัฐทั้งนั้นเลย (ไม่นับเครื่องบินของลีโอนาร์โดที่บินไม่ได้) จนสุดท้ายสหรัฐกลายเป็นชาติที่เก่งด้านอวกาศสุดๆ
หลายๆคนพวกเราไม่รู้จักรเองราว แต่พอย้อนกลับไปศึกษาก็ยิ่งอินกับพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นไปอีกนะครับ ยิ่งมีรูปถ่าย มีข้าวของเครื่อฝใช้ของจริงให้ดูด้วย
อีกหน่อยเทคโนโลยีจรวดคงไม่ใช้แค่เดินทางออกนอกอวกาศ แต่ใช้เดินทางข้ามทวีป หรือบินไกลๆ อย่างที่อีลอนมัสก์ตั้งใจจะเอากระสวย SpaceX แทนเครื่องบิน (จากไทยบินไปอเมริกาภายในครึ่งชั่วโมง นี่มันความฝันเลยนะ!)

พิพิธภัณฑ์ที่นั่นส่วนใหญ่ไม่ค่อยเก็บค่าเข้าชมเนาะ ให้บริจาคตามจิตศรัทธา


จากประวัติศาสตร์โรมันที่จับใส่ตารางนั่นผมก็ดันคัดมาแต่จักรพรรดิโหดๆจริงแหละ เพราะพวกนี้โดนจับไปทำหนังบ้างเกมบ้างเป็นตัวโกงบ่อย คนเลยรู้จักกันเยอะครับ 555 จริงๆจักรพรรดิดีๆก็มีเยอะนะ นอกจากออกัสตัส คอนสแตนติน ที่กล่าวถึงในบล็อกแล้วก็มี จักพรรดิมาร์คัส ออเรเลียส จักรพรรดิทราจัน ฯลฯ ที่คนรู้จักมากหน่อย
วิวัฒนาการของการปกครองจะคล้ายๆกันเกือบทุกที่เลยนะครับ อำนาจกระจายจากคนๆเดียว ไปกลุ่มๆหนึ่ง แล้วค่อยไปถึงประชาชนส่วนน้อย ประชาชนส่วนใหญ่ และอำนาจของผู้ปกครองมาจากไหน ก็จะให้ผลประโยชน์กับกลุ่มนั้นมากที่สุด ระบอบรวมอำนาจที่คนเดียวอย่างกษัตริย์/จักพรรดิ ได้คนดีก็ดีไป ได้โหดๆอย่างเนโรก็ตัวใครตัวมันจ้า

ขอบคุณที่เข้าไปตั้งใจอ่านบล็อกโรมันย้าวววยาวฮ้าฟ เอารักไป

คุณได้ทำการแปะ ♥ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: ชีริว วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:22:06:42 น.  

 


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:22:50:31 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ Travel Blog ดู Blog

โอ๊ยยย น่าไปมาก
อยากไปอย่างแรงอ่า
อยากพาลูกไปด้วย


โดย: Close To Heaven วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:23:28:44 น.  

 
โอ้ยยยย น่าไปเบลอนี้

ทำไมนึกถึงงาน Axe Apollo ที่เคยมาจัดที่เมืองไทยไงไม่รู้ในสถานที่นี้ แต่เพิ่มเติมคือมีมากกว่างานนั้นมาก


โดย: ไอเอิร์ธ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:23:35:11 น.  

 
เปิดมาภาพแรกผมเหวอเลย แมวต่อคิวกันเต็มไปหมด 555 ที่บอกว่า สแกนกระเป๋า เค้าตรวจจริงจังเลยใช่มั้ยครับ ไม่ใช่แบบของเราที่ทำเป็นพิธีเท่านั้นใช่มั้ยครับ

ดูแล้วสถานที่กว้างขวาง มีอะไรให้ดูเยอะ ดีแล้วที่มีจุดขายของที่ระลึกย่อยๆ แบบนี้ รวมที่เดียวคนมันจะกระจุก มีกระจายหลายๆ ที่มันก็ดักลูกค้าได้ด้วยล่ะนะ เรียกได้ว่าดีกับทุกฝ่าย

เนื้อหาแน่นดีครับ อันไหนที่เด็กๆ ร่วมได้ก็จะได้รับความนิยมหน่อยล่ะนะ เด็กๆ สนใจอยู่แล้วถ้าได้ร่วม โดยส่วนตัวผมชอบเรื่องดวงดาวครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:0:40:42 น.  

 
แปะๆเยิฟๆค๊าบบบ




โดย: mambymam วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:2:33:29 น.  

 
ส่งรักส่งยิ้มจ้ะเต้ย

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ สาวไกด์ใจซื่อ เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:5:32:18 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา:3:21:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
2 กุมภาพันธ์ 2561
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.