สวัสดีฮ้าบบบบบบบบ
สรุปการเขียนบล็อกสัปดาห์ที่ 31 มกรา - 4 กุมภา
(สัปดาห์นี้เดินทางเลยได้อัพน้อยนะคะ เดี๋ยวดูก่อนว่าถ้าเสาร์หรืออาทิตย์โปร่งๆ อาจจะอัพเพิ่มอีกหนึ่งเอนทรี่ละกันค่ะ แหะๆ)
หลังจากรีวิวทริปดูไบกับ Alshaya Food Tour มาแล้วดังนี้
วันนี้ก็น่าจะเป็นรีวิวสุดท้ายของทริปนี้แล้วนะคะ (ที่จริงมีร้านอาหารอีกสองสามร้าน...แต่ไม่น่าจะมีเวลาทำแล้วแหละ แหะๆ) นั่นก็คือสนามบินดูไบขาออกและไฟลท์บินขากลับ EK370 นั่นเองงงงงงง
สำหรับก่อนกลับ ทางเจ้าภาพก็พาไปรับประทานอาหารที่ร้านนี้ค่ะ ซึ่งอยู่ติดกับร้านพิงค์เบอร์รี่นะคะ อาหารจะออกแนวสุขภาพหน่อยค่ะ ขนมอร่อย แต่จานหลักมีทั้งอร่อยกับเฉยๆ นะฮับ
นี่คือรูปหมู่ระหว่างบล็อกเกอร์และฟู้ดดี้ส์ของไทยกับอินโดนีเซียค่ะ
จากนั้นก็กลับไปที่โรงแรมเพื่อขึ้นรถไปสู่สนามบินค่ะ มีที่ใส่กระเป๋าลากตามรถไปเช่นเคยนะคะ
จากนั้นก็นั่งรถไปไม่นานค่ะ ก็จอดที่ชั้นล่างนี่เลยค่ะ จากนั้นก็เดินเข้าประตูตรงนี้ไปนะคะ แต่พอเข้าไปก็เจอเคาน์เตอร์ที่ว่างเปล่า ก็เลี้ยวขวาเดินไปกัน แล้วก็ไปตามทางเลื่อนจนทะลุไปอีกอาคารนะคะ
เข้าไปในอาคารแล้วก็เดินเข้าไปด้านในค่ะ ผ่านเครื่องอะไรสักอย่างด้วยก็ไม่รู้ค่ะ ว่าจะกลับมาดูก็ไปๆ มาๆ ไม่มีเวลาเลยไม่ได้มาดูหละ
มองไปทางขวามือจะมีจอยักษ์อยู่ คิดว่าน่าจะบอกว่าไฟลท์ไหนเช็คอินเคาน์เตอร์ไหนหละค่ะ
เราก็เดินตามคนอื่นๆ ต่อไป แหะๆ จนไปเจอเคาน์เตอร์เช็คอินนะคะ ฝั่งขวามือมีคิออสก์สำหรับเช็คอินเองด้วยค่ะ แต่ไม่ได้ใช้ เพราะเช็คอินกันมาแล้ว ไปโหลดกระเป๋ากันอย่างเดียวค่ะ
พวกเราก็โหลดกระเป๋ากันที่เคาน์เตอร์นี้ค่ะ
หลังจากโหลดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็เดินตรงต่อไปตามป้าย All Departure Gate ค่ะ จนไปเจอเกทและเจ้าหน้าที่ที่จะตรวจบอร์ดดิ้งพาสพร้อมพาสปอร์ตนะคะ
จากนั้นจะผ่านตม.ค่ะ (ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะห้ามถ่ายน่ะนะคะ) จากนั้นก็ดูเกทค่ะ EK370 วันนั้นใช้เกท B25 นะคะ ซึ่งจะขึ้นบันไดเลื่อนหรือลิฟท์ก็ได้ค่ะ
ลิฟท์ที่นี่ขนาดใหญ่มาก สะดวกกรณีที่จะเอารถเข็นเข้าไปด้วยนะคะ คิดว่าเค้าน่าจะอนุญาตให้เอารถเข็นเข้าไปในลิฟท์ด้วยนะคะ สะดวกดีค่ะ จุคนได้เยอะด้วย
ดูจากรูป ถ้า A1-24 ต้องนั่งรถไฟไปอีกเทอร์มินัลหนึ่งหละค่ะ (คือเอาเป็นว่าดูป้ายละกันค่ะ เพราะสนามบินที่นี่ใหญ่มากๆ น่ะนะคะ)
ออกมาก็หาป้ายที่จะไปเกท B25 ต่อไปฮับ ระหว่างทางก็มีพวกร้านขายของเอง ร้านนั่งกินอยู่ด้วยนะคะ บางส่วนก็แยกตัวออกไปหาอะไรดริ๊งค์ ส่วนบางส่วนก็ช็อปปิ้งกันแล้วหละค่ะ (แต่ส่วนใหญ่ของที่นี่จะแพงกว่าทางยุโรปนะคะ)
เราเองได้เป็นอินทผลัมเคลือบช็อกโกแลต ร่วมซื้อกับว่านน้ำมาค่ะ นอกนั้นอย่างอื่นซื้อมาจากในเมืองหมดแล้ว (กระเป๋าหนักอึ้งกันเลยทีเดียว แหะๆ)
เกท B25 ขึ้นจอว่า EK370 Bangkok ถูกต้องแน่นอนแล้วนะค้าาาา
เดินผ่านบิสสิเนสคลาส เลยเก็บภาพมาหน่อยค่ะ บิสสิเนสคลาสของเครื่องรุ่นนี้เป็น 2-3-2 นะคะ ตามภาพเลยค่ะ
ส่วนของเราเป็น Economy Class ก็จะเป็น 3-4-3 แต่ช่วงท้ายลำจะเป็น 2-4-2 ค่ะ เรานั่งโรว์บีติดกับว่านน้ำและน้องอีกคนหนึ่งนะคะ
ชอบที่หน้าห้องน้ำมีที่ให้ดื่มน้ำด้วยอ้ะ ดีจัง
บอร์ดดิ้งพาส เอกสารเพื่อความปลอดภัยและเมนูอาหารสำหรับไฟลท์นี้ค่ะ
ตัวที่นั่ง ระยะห่างระหว่างเบาะอาจจะน้อยไปหน่อยสำหรับคนตัวสูงนะคะ แต่สำหรับเราโอเคค่ะ แต่ที่ไม่ practical คือถาดค่ะ พอกางออกมาแล้วมันเกยแบบนี้ง่ะ แต่พอรูปตอนกินข้าว ไม่ยักเกยนะคะ แต่นานจนลืมไปแล้วว่าทำไงอะค่ะ แหะๆ
memu มีให้เลือกสองเมนูค่ะ จัดเต็มพอควรนะคะ
จากนั้นสักพักก็เริ่มหยิบมือถือแล้วค่ะ จะเห็นสัญลักษณ์ Aeromobile ขึ้นนะคะ พร้อมข้อความบอกว่าเล่นเน็ตได้ฟรีเท่าไหร่ แต่เราไปจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเล่นเพิ่มค่ะ ซึ่ง..ขอบอกว่า ไปถาม FA หลายคนมาก ตอบไม่ได้ว่าทำไมเราใช้ไม่ได้ จนไปเจอแอร์คนเกาหลี เค้าถึงบอกวิธี (แต่จำไม่ได้แล้ว ดองนานจัด ขออภัย) จนเล่นได้ค่ะ
เพดานเครื่องมีทำเป็นดาวด้วยนะ โรแมนติกเชียวค่ะ อิอิ
สำหรับเอนทรี่นี้ก็คงเป็นเอนทรี่สุดท้ายแล้วนะคะ ส่วนร้านอาหารอีกสามร้าน (กินเองหนึ่งร้าน เจ้าภาพพากินอีกสองร้าน) ถ้ามีเวลาจะมารีวิวให้แล้วกันค่ะ แต่ไม่รับปากนะคะ แหะๆ
ขอบคุณ Alchaya สำหรับทริปนี้นะคะ รวมทั้งเพื่อนร่วมทริปทุกท่านค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ดีมากครั้งหนึ่งเลยหละค่ะ หวังว่าคงจะได้เจอกันอีกนะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1,469,696+3043131=4512827/12016/1055
ทุกสิ่งทถุอย่างสะดวกและทันสมัยสุดๆ
สายเการบินกห็น่าประทับใจมาก
โดยเฉพาะบิสสเนสคลาส นั่งแล้วเพลินมากมาย
ประทับใจมากจ้ะ จัดเป็นสายการบินในดวงใจพี่เลย
เลิฟฟฟฟๆๆ