ตอนที่ 123 – บินลัดฟ้าเพื่อหาเธอ (อีกครั้ง)...
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย ****
ที่กองถ่ายรายการ Infiniti Girls ช่วงพักเบรคตอนบ่าย ฮวางโบนั่งมองดูนาฬิกาข้อมือด้วยท่าทางกระสับกระส่าย ก่อนตัดสินใจกระซิบบอกอึนยี “พี่คะ ชั้นคิดว่า ชั้นคงต้องจะอยู่ถ่ายต่อฉากตอนจบไม่ได้น่ะค่ะ”
อึนยีทำหน้างงๆแล้วถามกลับทันที “ทำไมล่ะ?”
เธอตอบด้วยสีหน้าที่กังวลใจ “ชั้นต้องไปถึงสนามบินกิมโปอย่างช้าที่สุดตอน 6 โมงเย็นค่ะ”
“6 โมงเย็นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วเธอได้ตั๋วเรียบร้อยแล้วหรือเนี่ย?”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ”เธอตอบด้วยสีหน้ากังวล
“งั้นทำไมถึง...(ไปสนามบินล่ะ)?”
“คือชั้นลงชื่อไว้ในรายชื่อผู้โดยสารสำรองน่ะค่ะถ้าเกิดมีใครยกเลิกการเดินทางกระทันหัน ชั้นก็อาจจะโชคดีก็ได้”
“นี่เธอ คิดว่ามีเธอคนเดียวรึไงที่ลงชื่อไว้เป็นผู้โดยสารสำรองน่ะ?”
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชั้นต้องรีบไปรอที่สนามบินให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไงค่ะ เผื่อว่าชั้นจะได้เป็นคนแรกในรายชื่อไงคะ...”
“นี่ฮวางโบ ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในระหว่างการทำงานน่ะจ๊ะ เธอก็รู้ใช่มั้ย ว่าการทำแบบนี้มันดูไม่สมกับเป็นมืออาชีพเลยนะ?”
ฮวางโบก้มหน้าด้วยความรู้สึกละอายใจก่อนจะตอบเสียงอ่อยๆไปว่า “ชั้นรู้ค่ะพี่”
อึนยีบ่นแกมต่อว่านิดๆ “เฮ้อ...เธอนี่เป็นเอามากจริงๆเลยนะ”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูหดหู่ว่า “ใช่ค่ะ...ชั้นรู้ตัวดี”
อึนยีมองหน้าโบด้วยความเข้าใจ “วิ้ว...เอางี้แล้วกัน..เธอไปบอกโปรดิวเซอร์รายการแล้วกันว่าเธอมีธุระต้องต้องรีบไป...ในธุรกิจบันเทิงแบบนี้มีหลายคนที่อาจจะมีสองงานชนกันได้...เขาน่าจะเข้าใจใช่มั้ย?”
“......”
อึนยีก้มลงมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะพูดต่อไปว่า “ชั้นว่าเรายังมีเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง บางทีพวกเราน่าจะถ่ายทำเก็บส่วนที่เหลือได้หมดภายในชั่วโมงนึงนะ”
“ชั้นใม่ควร...จะทำอะไรแบบนี้ใช่มั้ยคะ?” เธอตอบด้วยความรู้สึกผิด เพราะนิสัยจริงของเธอแล้ว คือเรื่องงานมาก่อนสิ่งอื่นใด หากไม่มีอะไรหนักหนาจริงๆเธอคงไม่ทำเช่นนี้แน่นอน
“แน่นอน..แต่ยังไงชั้นคงไม่สามารถจะบอกเธอว่าควรจะทำอะไรอีกต่อไปแล้วล่ะ...”
หญิงสาวทำหน้ากังวลพร้อมกับพูดรำพึงว่า “ป่านนี้เขาคงกำลังตั้งตารอชั้นอยู่แน่ๆเลย”
อึนยีทำหน้าเคืองหน่อยๆก่อนจะร้องออกมาว่า “อ้ากกส์ ดูเธอสิ นี่เธออาจจะจมน้ำตาตัวเองตายไปเลยก็ได้นะ! นี่เธอรักเขามากขนาดนั้นจริงๆเหรอนี่?”
ฮวางโบตอบน้ำตาซึ่งกำลังไหลอาบแก้มว่า “.ใช่ค่ะ”
“โอ พระเจ้า เธอนี่ช่างน่าสงสารสุดๆเลยอ่ะ”อึนยีกล่าวด้วยความอ่อนใจ
ที่ลานจอดรถด้านนอกสถานที่ถ่ายทำรายการ IG
ฮวางโบซึ่งนั่งอยู่บนรถและกำลังคาดเข็มขัดนิรภัยพูดว่า “ขอบคุณสำหรับทุกอย่างน่ะค่ะพี่”
อึนยีซึ่งยืนอยู่ข้างๆรถรีบพูดเตือนว่า “ขับรถระวังๆหน่อยล่ะ ถ้าเธอรีบร้อนมากเกินไปอาจจะเกิดปัญหาขึ้นมาได้นะ”
ฮวางโบพยักหน้า “ทราบแล้วค่ะ...พี่สาวที่เคารพ”
“ขอบคุณพระเจ้าที่การถ่ายทำมันเสร็จทันเวลาพอดี..เอาล่ะรีบไปได้แล้ว” อึนยีว่า
“โอเคค่ะ พี่ช่วยสวดขอพรให้ชั้นได้ที่นั่งด้วยแล้วกันนะคะ”
อึนยีพูดยิ้มๆว่า “ชั้นสวดให้ได้นะ แต่มันขึ้นอยู่กับพระองค์ว่าจะรับฟังคำสวดขอพรจากชั้นรึเปล่าน่ะสิ เนี่ยละปัญหา”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนว่า “งั้นพี่ก็ช่วยกรุณาตั้งใจสวดให้หนักๆเลยนะคะพี่..อย่าทำเป็นเล่นๆเพราะเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองน่ะ รู้หรือเปล่า”
อึนยีถามยิ้มๆว่า “ต๊าย ยังมาทำปากดี ยังไม่รับไปอีก เร็วเข้า สายแล้วน่ะ ?“
“ชั้นจะไปเดี๋ยวนี้แล้วล่ะค่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกไปจากที่นั่น
สนามบินกิมโป ที่เคาน์เตอร์เช็คอินบริเวณหน้าประตูขึ้นเครื่อง.... ฮวางโบยืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าเคาน์เตอร์ หญิงสาวเผลอกัดเล็บตัวเองเนื่องจากความเครียดในขณะที่สายตาก็จ้องมองไปที่นาฬิกาบนกำแพงซึ่งบอกว่าขณะที่เป็นเวลา 6:50 pm
เธอสวดมนต์อ้อนวอน.”พระผู้เป็นเจ้า...ได้โปรดกรุณา ลูกด้วยเถอะค่ะ..ช่วยให้ลูกได้ไปด้วย ลูกรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังขอ..ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลย...แต่ยังไง...ท่านไม่ได้ยินคำสวดขอพรของลูกและไม่คิดจะช่วยลูกบ้างเลยหรือคะ...? ลูกรู้ว่าพวกเราสองคนไม่ได้มาพบกันโดยบังเอิญ...ใช่มั้ยคะ? พระองค์จงใจส่งเขามาให้กับลูก...อย่างนั้นใช่มั้ยคะ? แล้วดูตอนนี้สิคะว่าท่านได้ทำให้ลูกตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นแบบนี้
ดังนั้นท่านต้องรับผิดชอบกับเรื่องอย่างเต็มที่ เพราะว่าท่านทำให้เราสองคนมาอยู่ด้วยกัน..ลูกรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหมือนเด็กๆ...แต่...ลูกก็เป็นลูกของพระองค์คนนึง...ดังนั้นลูกยังทำตัวเป็นเด็กในสายตาของท่านก็คงไม่ผิดอะไร...ได้โปรดช่วยลูกด้วยเถอะนะคะ”
เธอชำเลืองมองนาฬิกาบนกำแพงอีกครั้งซึ่งขณะนี้เป็นเวลา 6:58 pm แล้ว ”โอ พระเจ้า ได้โปรดเถอะค่ะ จวนจะหมดเวลาอยู่แล้ว!!! พวกเขากำลังจะประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้วค่ะท่าน!!!”
เธอหันไปถามเจ้าหน้าที่เช็คอินว่า “ไม่มีผู้โดยสารที่ยกเลิกการเดินทางเพิ่มแล้วหรือคะ?”
พนักงานสาวตอบ “ยังไม่มีนะคะ...เราเพิ่งให้ที่สำรอง 2 ที่นั่งไปกับสองคนที่มาก่อนหน้าคุณน่ะค่ะ”...
“ถ้างั้น...ชั้นก็เป็นคนต่อไปใช่มั้ยคะ?”เธอถามด้วยสีหน้าอย่างมีความหวัง
“ใช่ค่ะ เพราะว่าเราต้องทำตามคิว ใครมาก่อน ได้สิทธิก่อนค่ะ.”..
ฮวางโบก้มลงมาองนาฬิกาข้อมือและเห็นว่าเป็นเวลา 7:08 pm จึงถามต่อไปว่า “ คุณปิดประตูขึ้นเครื่องตอนกี่โมงคะ?”
พนักงานสาวเหลือบตามองดูเวลาก่อนจะตอบว่า “คุณต้องขึ้นเครื่องอย่างน้อย 20 นาทีก่อนเวลาเครื่องบินขึ้น...และคุณยังต้องใช้เวลาในการเช็คอินกระเป๋าสัมภาระของคุณด้วยนะคะ”...
เธอตัดพ้ออยู่ในใจ <20 นาทีก่อนเครื่องออกงั้นเหรอ? พระเจ้า นี่มันบ้าชัดๆ>
ทันให้นั้นเองเสียงโทรศัพท์ที่เคาน์เตอร์ก็ดังขึ้นมา
“สวัสดีค่ะ สนามบินกิมโป ดิฉันโอฮานิรับสายค่ะ” เจ้าหน้าที่รับสาย
ฮวางโบได้แต่ยืนลุ้นด้วยความกระวนกระวาย...
เสียงเจ้าหน้าที่พูดกับปลายสายต่อไปว่า “โอเคค่ะ...คุณทราบใช่มั้ยคะว่า...ถ้าคุณยกเลิกตั๋วของคุณตอนนี้ คุณจะไม่สามารถหาที่นั่งในไฟลท์ถัดไปได้นะคะ?”
ฮวางโบยืนหัวใจเต้นตูมตามด้วยความลุ้นสุดขีด “ช่วยรีบๆกันหน่อยได้มั้ย”
“โอเคค่ะ” เสียงพนักงานตอบก่อนจะหันมามองฮวางโบและพูดกับคนที่ปลายสายว่า “ขอโทษนะคะ คุณกรุณารอชั้นซักครู่นะคะ? ชั้นจะต้องออกบัตรโดยสารขึ้นเครื่องใหม่.” ขณะที่พูดก็รัวนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดก่อนจะพูดต่อไปว่า “โอเคค่ะ...อีกสักครู่ชั้นจะโทรกลับไปนะคะ” หลังจากวางสายก็หันมาพูดกับฮวางโบว่า “คุณได้ที่นั่งแล้วนะคะ...ขอเวลาชั้นอีกซักครู่ค่ะ”
เธอยืนอึ้งพูดไม่ออกด้วนความดีใจและโล่งใจสุดๆ “ ขอบคุณพระเจ้า และพี่อึนยีด้วยค่ะ!!!”
ภายในเครื่องบินซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังโตเกียว ฮวางโบพูดกับตัวเอง ”ชั้นกำลังไปหาเธอ...ไม่ต้องห่วงเรื่องที่จะมารับชั้นที่สนามบินหรอกนะ...ชั้นสามารถหาทางไปที่โรงแรมได้ด้วยตัวเอง
”นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วสินะที่ชั้นขึ้นเครื่องบินไปหาเธอ...ไม่เคยมีซักครั้งที่ชั้นจะไม่ตื่นเต้นและรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในท้องตลอดเวลา...”
”ในครั้งแรก ชั้นค่อนข้างจะระมัดระวังสงวนท่าทีมากกว่าที่จะคาดหวังอะไรจากเธอ...ชั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ใจของชั้นมันสั่นอยู่ภายในนั้นคืออะไรกันแน่...เพราะว่าตอนนั้นชั้นรู้สึกกลัวมาก...”
“ชั้นคิดว่าชั้นต้องการจะยึดติดกับความกลัวนั้นเอาไว้...เพราะชั้นกลัวว่าเธอจะลืมชั้นไปแล้ว....ชั้นได้แต่รู้สึกขอบคุณ ที่ชั้นสามารถไปหาเธอได้ก็เพราะรายการเรียลลิตี้โชว์...”
“สำหรับตอนนี้...ชั้นกำลังเดินทางไปหาเธอโดยปราศจากความกลัวหรือการระมัดระวังสงวนท่าทีใดๆทั้งสิ้น...ชั้นก็แค่อยากจะอยู่กับเธอเท่านั้น...”
”ชั้นรู้สึกขอบคุณที่ชั้นสามารถไปหาเธอ...ซึ่งเป็นฝ่ายที่มาหาชั้นทุกๆคืนโดยตลอด...ถึงแม้ว่าเธอจะหลับสนิทเป็นตายหลังจากที่เจอหน้าชั้นได้ไม่กี่นาที...แต่ยังไงการที่ชั้นได้เห็นเธอนอนอยู่ข้างๆ...ทำให้ชั้นรู้สึกขอบคุณ...และเสียใจในเวลาเดียวกัน...”
“ชั้นเสียใจที่ชั้นไม่สามารถจะทำให้เธอมีความสุขได้อย่างเต็มที่ก็เพราะความทะเยอทะยานส่วนตัวของชั้น...ชั้นเสียใจที่ชั้นไม่สามารถจะช่วยเธอได้ในตอนนี้...”
“แต่ถึงอย่างไร...ชั้นก็ยึดติดกับเธอราวกับคนโง่...เพราะชั้นเชื่อว่าชั้นได้ให้พลังความแข็งแกร่งกับเธอเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน...เช่นเดียวกับที่เธอได้มอบความสุขให้แก่ชั้นมากยิ่งขึ้นเวลาที่เธออยู่กับชั้น...”
“เราสองคนต่างเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง....เมื่อพวกเราอยู่ด้วยกัน...ฮวางโบ เฮจุงที่ปราศจากคิมฮยอนจุงอยู่เคียงข้างก็เหมือนกับ...มีเพียงครึ่งคนเท่านั้น....”
”ซารางเฮ ชิลลางผู้น่ารักและแสนดีของชั้น...”
ที่โตเกียว ฮยอนจุงกำลังทานอาหารค่ำช่วงดึกอยู่กับสมาชิกวง SS501 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับโรงแรมที่พักของพวกเขา ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเข็คดูด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“นี่คุณมาไม่ได้จริงๆหรือฮะ? แล้วนี่ผมยังติดต่อคุณทางโทรศัพท์ไม่ได้อีกน่ะ....T_T” เขาคิดในใจพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างแรง
ยองแซงถามขึ้นมาว่า “นายอิ่มแล้วเหรอ?”
“หา? อืม..ใช่ อิ่มแล้วล่ะ” ลีดเดอร์พูดพลางมองดูโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
แก้มป่องถามด้วยความห่วงใย “นี่นายเป็นอะไรไปรึเปล่าน่ะ?”
“ชั้นสบายดี ไม่มีไรหรอก” เขาตอบออกไป แต่ในใจมันกลับว้าวุ่นปั่นปวนจนบอกไม่ถูก.
แล้วจู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น แต่เบอร์ที่ขึ้นบนหน้าจอกลับเป็นสายที่ไม่เขาไม่รู้จัก เขาเอียงคอมองดูเบอร์บนหน้าจออย่างุนงงพร้อมกับนึกในใจว่า <ใครกันนะที่โทรมาตอนนี้...? > และยังคงจ้องดูโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นโดยไม่รับสาย
ยองแซงเห็นเข้าจึงถาม “นายจะไม่รับสายเหรอ?”
ฮยอนจุงส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับชูโทรศัพท์ให้ส่อง “ชั้นไม่รู้จักอ่ะ เบอร์แปลกๆ ใครก็ไม่รู้”
“งั้นเหรอ? “ ว่าแล้วยองแซงก็ยื่นหน้าเพื่อดูที่หน้าจอแล้วบอกว่า..”ดูเหมือนสายนี้จะโทรมาจากในประเทศญี่ปุ่นนะ?”
“ญี่ปุ่น? ที่นี่อ่ะนะ? “
“นายก็รับสายซะสิ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นใครน่ะ”
ลีดเดอร์ลังเลเล็กน้อยก่อนตัดสินใจกดรับสาย “โมชิโมชิ สวัสดีครับ” (ในภาษาญี่ปุ่น)...?
ที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะก่อนมีเสียงพูดตอบมาว่า...”อืมม...นี่ชั้นเองน่ะ?”
น้ำเสียงของเขายิ่งตื่นเต้นดีใจที่ปลายสายคือคนที่เขารอมานาน “บูอินหรือฮะ?”
“ใช่จ้ะ”
“คุณอยู่ที่ไหนฮะ?”
“ที่โรงแรมน่ะจ้ะ”
“โรงแรม?” ชายหนุ่มรีบชำเลืองมองดูผู้จัดการก่อนจะถามด้วยเสียงที่เบาๆลงว่า “โรงแรมไหนฮะ?”
“นิว โอตานิจ้ะ”
เขายิ้มกว้างจนแทบเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ “ งั้น..คุณก็อยู่ที่นี่แล้วสิฮะ?”
ฮวางโบหายใจออกมาเฮือกใหญ่ราวกับโล่งอกแล้วตอบไปว่า “ชั้นคิดว่าชั้นจะตายไปซะแล้ว หลังจากที่พยายามดิ้นรนมาหาเธอที่นี่น่ะ”
“ว่าแต่ มันเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ของคุณฮะ?” เขาอดถามไม่ได้ในเมื่อเขาพยายามติดต่อเธอมาครึ่งค่อนวัน มันทำให้วันทั้งวันไม่เป็นอันทำอะไรทั้งสิ้น
“ชั้นรีบมากน่ะจ้ะ...ชั้นก็เลยไม่มีเวลาขอเปิดบริการโรมมิ่งน่ะ”
“อืมม...โอเคฮะ....อีกไม่นานผมใกล้จะกลับแล้วล่ะ ไม่สิ..ผมกลับเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า...ผมจะไปหาคุณที่นั่นภายในอีกไม่อึดใจ รอผมอยู่ที่นั่นน่ะฮะ!”
ทันทีที่วางสาย เขาหันไปพูดกับพี่ผู้จัดการ
“ผมจะขอตัวกลับตอนนี้เลยนะฮะ” พูดจบพลางหยิบแจ็คเก็ตและหมวกอำพรางใบโปรดเพื่อเตรียมตัวกลับ
พี่ผู้จัดการได้ยินก็ถามทันทีว่า “อะไรนะ อิ่มแล้วเหรอ? นายเหนื่อยมากจนต้องรีบกลับขนาดนี้เลยรึ?”
“ฮะพี่ ผมว่าคืนนี้ผมคงจะรีบเข้านอนเร็วซักหน่อย ไม่ไหวจะเพลียฮะ” ฮยอนจุงตอบโดยไม่มองหน้า
“โอเค” พี่ผู้จัดการตอบเขาและหันหน้าไปพูดกับเมมเบอร์ทั้ง 4 ว่า “พวกนายก็ควรจะรีบเข้านอนเหมือนกันนะ”
จุนเบบี้แย้งว่า “ขอเวลาให้พวกเรานั่งเล่นตรงนี้ต่อไปอีกหน่อยไม่ได้หรือฮะ? แล้วอีกสักแปล๊บ พวกเราก็จะตามกลับไปที่โรงแรมฮะ”
“ขออีกซักชั่วโมงนึงแล้วกันนะฮะพี่” ม้ามินรีบช่วยต่อรองทันที
ลีดเดอร์ช่วยขอร้องพี่ผู้จัดการอีกแรงหนึ่งว่า “ปล่อยให้พวกเขาสนุกกันต่อไปอีกหน่อยเถอะฮะ วันนี้พวกเราก้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
จากนั้นเขาก็หันกลับไปบอกกับ 4 หนุ่มว่า “เฮ้ พวกนายสนุกกันต่อได้แต่อย่าให้ดึกเกินไปนักล่ะ พรุ่งนั้ยังมีงานรอพวกเราอยู่อีกเพียบน่ะ”
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะพร้อมกับแอบเหล่ยองแซงนิดๆ เขากระซิบบอกกับยองแซง “ชั้นขอคุยอะไรกับนายข้างนอกแป๊บนึงได้มั้ย?”
“...? “ <คุยอะไร ท่าทางงานจะเข้าชั้นอีกแล้วซิน่ะ>
ที่ด้านนอกร้านอาหาร ลีดเดอร์เริ่มเกริ่น “ก่อนอื่น ชั้นต้องขอโทษนายน่ะ ที่ชั้นคอยกวนนายอยู่เรื่อย ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อนายเป็นผู้ช่วยพระเอกอย่างชั้น ก็ควรจะช่วยให้ตลอดเข้าใจชั้นด้วยน่ะ”
ยองแซงพูดด้วยความเหนื่อยหน่าย “นี่นาย คิดว่าชั้นไม่มีชีวิตส่วนตัวเหมือนคนอื่นบ้างรึไง เอะอะอะไรก็ชั้น ทำไมนายไม่ไปให้คนอื่นเป็นผู้ช่วยพระเอกมั่ง ฮึ”
“แต่ว่าชั้นอยากให้นายเป็นนี่นา แล้วอีกอย่างตอนนี้นายก็ไม่มีธุระอะไรเร่งด่วนนี่นา” ฮยอนจุงทักท้วง
ยองแซงว่า “นี่. ฟังน่ะ ชั้นก็มีเพื่อนเหมือนกันนะ ชั้นก็อยากไปสังสรรค์ส่องสาวตามภาษาของชั้นบ้างสิ แล้วนี่อะไร ทำไมนายคอยแต่จะเอาชั้นไปเกี่ยวกับเรื่องของนายอยู่เรื่อย มันเรื่องบ้าบออะไรเนี่ย”
“ใม่เอาน่า นายต้องช่วยพวกเราให้ตลอดด้วยสิ นายเคยให้สัญญาเอาไว้แล้วนี่นา ใช่ป่ะ ชั้นจำได้น่ะ”
“แต่ทำไมชั้นถึงต้องให้นายยืมโทรศัพท์ด้วยล่ะ ฮึ?”
“แล้วนายจะให้ชั้นทำยังไงล่ะ? ในเมื่อบูอินไม่ได้เปิดโรมมิ่งโทรศัพท์ของเธอเอาไว้อ่ะ”...
“ฮาาา...อะไรกันนักกันหนาเนี่ย “<.ให้ตายเหอะโรบิ้น ให้ดิ้นเหอะโรเบิรต์ ทำไมต้องเป็นช้านนนด้วยน่ะ>
ฮยอนจุงแบมือออกมาแล้วรีบพูดทันที “รีบๆหน่อยแล้วส่งโทรศัพท์ของนายมาซะดีๆ เธอกำลังรอชั้นอยู่ที่โรงแรมคนเดียว”
“ทำไมนายถึงได้...เป็นไอ้ตัวแสบขนาดนี้(วะ)”
ลีดเดอร์อมยิ้มพร้อมกับพูดว่า “อย่าเหวี่ยงไปหน่อยเลยน่า เอางี้ละกันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ชั้นจะตั้งชื่อลูกคนแรกของเราว่า “ยองแซง”…เลยนะ โอเคป่ะ”
“อะไรนะ? นายจะเอาชื่อชั้นไปตั้งชื่อลูกคนแรกของนาย แล้วนายจะไม่จับเขามาตีทุกวันแลยเหรอ ฮึ?” ยองแซงว่า
สีหน้าของลีดเดอร์เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจังพร้อมกับพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “พูดอย่างงั้นได้ไง ทำไมชั้นถึงต้องตีลูกของตัวเองด้วยล่ะ ในเมื่อลูกชั้นเขาออกจะน่ารัก พ่อก็หล่อ แม่ก็สวย ดังนั้น นายก็จงภูมิใจไว้ด้วยน่ะ โอเคน่ะ ชั้นไปล่ะ?”
ที่โรงแรมนิว โอตานิ ฮวางโบกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวที่ล๊อบบี้และจ้องมองไปที่บริเวณทางเข้า ในชั่วขณะที่เธอก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือนั้น เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าถี่ๆเหมือนคนกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ และทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าฮยอนจุงสามีสุดที่รักยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
หญิงสาวหัวใจแทบจะหยุดเต้นไปชั่วครู่ด้วยความดีใจและตื่นเต้นสุดๆ...!
คุณสามีซึ่งยืนยิ้มจนเห็นฟันทักทายว่า “ยินดีต้อนรับสู่มหานครของญี่ปุ่นฮะ”.
“เธอต้องชมชั้นให้หนักๆเลยนะ งานนี้”เธอเอ่ยขึ้นทันที
“คนดีของผม คุณทำได้ดีมากเลยฮะ เดี๋ยวผมมีรางวัลให้น่ะฮะ”
หญิงสาวค่อยๆยิ้มออกมาอย่างช้าๆพร้อมกัยบอกว่า “เธอต้องรับรู้เอาไว้เลยนะว่า...ชั้นได้ทุ่มเททำอย่างดีที่สุด....เพื่อที่จะได้มาถึงที่นี่อ่ะ...”
ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมกับถามว่า “นี่อย่าบอกน่ะว่าคุณลงทุน...นอนขวางประตูทางออกขึ้นเครื่องจริงๆอ่ะ?”
“หุหุ” หญิงสาวกัดริมฝีปากเพื่อพยายามกลั้นหัวเราะสุดฤทธิ์ก่อนตอบไปว่า “ที่จริงแล้ว...ชั้นไม่สามารถจะทำอย่างที่เธอบอกได้เพราะว่ามีคนจำชั้นได้เพียบเลยน่ะ”
“งั้น...คุณวิ่งไปด้วย...ตอนที่อยู่บนเครื่องบินรึเปล่าฮะ?”
หญิงสาวได้แต่ยิ้มและส่ายหน้าเมื่อได้ฟังมุข 4-D ของคุณสามี...
“ถ้างั้น...จริงๆแล้วคุณทำอะไรลงไปมั่งฮะ ลองบอกผมหน่อยซิ?”
หญิงสาวไม่ตอบ <ชั้นก็วิ่งพล่านไปทั่วตลอดทั้งวันนี้เลยไงล่ะ...ตอนนี้ชั้นแทบจะหายใจไม่ออกแล้วน่ะ...>
“หืมม..ว่าไงล่ะฮะ?” ชายหนุ่มถามย้ำเมื่อไม่ได้มีคำตอบใดๆจากภรรยา
และแล้วตาของฮวางโบก็ค่อยๆหรี่ลงช้าๆและก็วูบไปในที่สุด.....
“...!!!” <คุณเป็นอะไรไปน่ะ บูอิน>
โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอมรีมิกซ์ ตอนต่อไป
ประเดิมลงบ้านหลังใหม่น่ะคะ บ้านที่พวกเรามีส่วนร่วมทำมันขึ้นมา ยาย(นาจา)
Create Date : 25 พฤศจิกายน 2553 |
|
9 comments |
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2553 20:46:56 น. |
Counter : 1059 Pageviews. |
|
|
|