สัตว์เล็กในป่าใหญ่ - บทที่ 4



ข้ามทุ่งหญ้าไป ใต้กองใบไม้
ชนบทตื่นขึ้นต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ
ฮูเร! เจ้าชายจอมขโมยมาถึงแล้ว
เสียงนกตัวเล็กๆร้องเพลงเจื้อยแจ้ว
ทั้งแกล้วกล้าและหล่อเหลา
ช่างเป็นภาพที่มหัศจรรย์
แต่เมื่อเขามาเยือนท่าน
จงเก็บทรัพย์สินมีค่าให้มิดชิด

แสงอาทิตย์สาดส่องประกายลงไปในลำธารซึ่งเคยเงียบเหงาและปกคลุมด้วยน้ำแข็งมาตลอดฤดูหนาว สายลมอุ่นๆที่พัดมาจากทางใต้ทำให้หิมะละลายหยาดหยดลงบนดอกหญ้า ทุกหนทุกแห่งตื่นขึ้นต้อนรับฤดูใบไม้ผลิโดยพร้อมเพรียงกัน ดอกแดฟโฟดิลสีทองและดอกนาร์ซิสซัสสีทองอ่อนที่อยู่เคียงข้างกันขึ้นเป็นดงราวกับยืนยามอยู่ระหว่างพุ่มไม้ใบเขียวตลอดปีของป่ามอสฟลาวเวอร์ ที่ทนทานผ่านช่วงหน้าหนาวที่ยาวนานมาได้และฟื้นคืนชีพเขียวขจีขึ้นมาใหม่เมื่อฤดูใบไม้ผลิย่างกรายมาอีกครั้งหนึ่ง

กอนฟฟ์กลับจากปราสาทโกตีร์พร้อมความสำเร็จอีกครั้งหนึ่ง มันเดินช้าๆผ่านเข้าไปในเขตป่าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยดอกไม้ กระติกไวน์ที่คาดเอาไว้ตรงบริเวณเข็มขัดเส้นแบนใหญ่กระเพื่อมไหวไปมาตามจังหวะก้าวเดิน มันส่งเสียงโหวกเหวกร้องเพลงต้อนรับฤดูใบไม้ผลิไปตลอดทาง

คักคู คักคู สวัสดีแด่เพื่อนๆ
จากเจ้าหนูแสนกลที่ท่านรู้จัก
ไปนอนพักที่บ้านอื่น
เป็นเทคนิคที่มักทำกันบ่อยๆ
แต่ข้าเชี่ยวชาญมากกว่าท่าน
คักคู คักคู สวัสดีแด่เพื่อนๆ

เลือดฉีดไปทั่วร่างของกอนฟฟ์ราวกับน้ำที่กำลังไหลรินอยู่ในลำธาร มันรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความสุขและหัวเบาสบายจนอดไม่ได้ที่จะกระโดดตีลังกา นานๆครั้งก็จะดึงขลุ่ยที่ทำจากต้นอ้อออกมาจากเสื้อคลุมที่สวมอยู่แล้วเป่าเป็นเพลง อย่างสนุกสนาน ฉลองการมีชีวิตรอดมาจนถึงเช้าที่อากาศสดใสเช่นวันนี้ กอนฟฟ์กู่ร้องก้องฟ้าขณะกระโดดลงไปนอนบนปอยหญ้าหนา เหงื่อไหลพร่างพรูราวกับน้ำในลำธาร ท้องฟ้าเหนือหัวเป็นสีฟ้าใส แตะแต้มด้วยเมฆบางๆสีขาวลอยเคว้งคว้างตามกระแสลมที่พัดผ่านมา มันจินตนาการว่าจะเป็นอย่างไรหนอถ้าได้ขึ้นไปนอนผึ่งรับแสงแดดอ่อนๆอยู่บนก้อนเมฆสีขาวเล็กๆนั้น

“วู๊อออออออ! ซูม บั๊มป์ วู๊ฟฟฟ! ถอยไปห่างๆเจ้าเมฆก้อนใหญ่” กอนฟฟ์ทำท่ายึดกอหญ้าที่นอนอยู่เอาไว้แน่นขณะเหวี่ยงตัวไปทางซ้ายทีขวาทีราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนเมฆก้อนน้อยบนท้องฟ้า

มันมองเห็นทหารวีเซอร์สองตัวที่อยู่ในเสื้อเกราะของโกตีร์เมื่อสายไปเสียแล้ว เจ้าทหารลาดตระเวณยืนค้ำหัวมันด้วยท่าทางเป็นงานเป็นการ

กอนฟฟ์ยิ้มทะแม่งๆขณะเดียวกันก็กังวลกับกระติกไวน์ที่ติดตัวอยู่ “เอ้อ..อ้า ฮ่าฮ่า สวัสดีสหาย ข้ากำลังบินอยู่บนเมฆ เห็นไหม….”
ทหารตัวที่โตกว่าใช้ด้ามหอกเขี่ยมัน “ลุกขึ้น เจ้าต้องไปที่ปราสาทโกตีร์”
เจ้าหนูจอมขโมยยักคิ้วให้พวกทหารอย่างร่าเริง “ท่านคงไม่ได้พูดว่าโกตีร์นะ!! โอ้ ดีจังเลย! ฟังนะสหาย กลับไปเถอะและช่วยบอกพวกเขาด้วยว่าวันนี้ข้าไม่ว่าง แต่ข้าจะรีบไปพรุ่งนี้แต่เช้าเลย”

ปลายหอกที่จ่อติดอยู่ที่คอหอยทำให้กอนฟฟ์ไม่อาจพูดต่อไปได้ ทหารที่ตัวเล็กกว่าใช้เท้าเตะเข้าที่ตัวของมัน “ลุกขึ้นเคี๋ยวนี้นะ เจ้าหนู เรารู้แล้วว่าเนยแข็งและไวน์เอลเดอเบอร์รี่ของเราที่หายไปบ่อยๆในฤดูหนาวไปอยู่ที่ ไหน เจ้าจะต้องรับโทษที่บังอาจเข้าไปขโมยของที่โกตีร์”

กอนฟฟ์ค่อยๆยืนขึ้น วางอุ้งมือลงบนหน้าท้องแล้วมองเจ้าทหารสองตัวสลับกันไปด้วยท่าทางเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย “ข้านี่นะขโมย? ขอโทษทีเถอะขอรับ ท่านรู้หรือเปล่าว่าหัวหน้าคนครัวอนุญาตให้ข้ายืมของต่างๆจากห้องเสบียงของเขา? ความจริงข้าตั้งใจจะตอบแทนเขาด้วยตำราอาหารของข้า ข้ารู้ว่าเขายังขาดตำราดีๆอีกหลายอย่าง”

เจ้าวีเซอร์ตัวใหญ่แผดเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “จะให้ข้าบอกอะไรไหม เจ้าหัวขโมย? หัวหน้าพ่อครัวสาบานว่าจะถลกหนังเจ้าด้วยมีดขึ้นสนิมแล้วเอาส่วนที่เหลือของเจ้าไปย่างเป็นอาหารเย็นกินให้อร่อยทีเดียว”

กอนฟฟ์พยักเพยิดอย่างเห็นด้วย “ดีเลย ข้าหวังว่าเขาคงจะเก็บไว้ให้ข้าบ้างนะ…โอ๊ย!!”

เจ้ากอนฟฟ์ซึ่งถูกขนาบด้วยหอกสองเล่มออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังปราสาทโกตีร์

แสงอาทิตย์อ่อนๆสาดส่องผ่านเหล็กดัดหน้าต่างบานสูงเข้ามา น้ำหยดติ๋งๆจากกำแพงห้อง นานๆครั้งมาร์ตินได้ยินเสียงร้องรัวๆของนกกระจาบดังแว่วมาจากพื้นที่ราบด้านนอกที่อยู่ไกลออกไปจากคุก เขารู้ว่าฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว หน้าของเขาผอมกลวง ร่างกายก็ผอมโซ แต่นัยน์ตาของเขายังลุกโชนเป็นประกายเหมือนเดิม

มาร์ตินลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปรอบๆห้องขัง ด้ามดาบที่หักกระทบหน้าอกของเขาเป็นจังหวะ ตอนนี้เขารู้สึกว่ามันหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขานับได้สิบห้าก้าวไม่ว่าจะเดินไปทางไหน—จากประตูไปที่ผนังห้องหรือจากผนังห้องด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง เขาเดินนับก้าวเช่นนี้มาหลายครั้งแล้วตั้งแต่วันและสัปดาห์เคลื่อนคล้อยไปเป็นเดือนและจากเดือนกลายเป็นหลายเดือน ห้องที่จินจิเวียร์ถูกคุมขังก็อยู่ไกลเกินกว่าจะพูดคุยกันได้ และนอกจากนี้ยังจะทำให้พวกทหารยามไม่พอใจได้ พวกมันเคยสั่งตัดอาหารและน้ำตอนที่เขาพยายามจะพูดกับจินจิเวียร์มาครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้มาร์ตินเริ่มคิดว่าเขาคงถูกลืมแล้วและจะถูกทิ้งให้ตายอยู่ในคุกนี้ เขายืนรับแสงอาทิตย์อุ่นๆและพยายามไม่คิดถึงโลกภายนอกที่มีท้องฟ้าสดใสและดอกไม้สวยงาม

“โยนไอ้เจ้าปีศาจน้อยตัวนี้เข้าไปข้างในเร็วๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเอาอาหารมาให้ทีละคน โอ๊ย! หน้าแข้งข้า!”

มาร์ตินกำลังหมกมุ่นอยูกับความคิดของตัวเองจนไม่ได้สังเกตว่าทหารยามกำลังนำนักโทษตัวหนึ่งเข้ามาที่ห้องขังของเขา

“โอ๊ย!!! ปล่อยหูข้านะ ไอ้ปีศาจ เปิดประตูเร็วๆก่อนที่มันจะกัดใบหูข้าขาด”
“อ๊าวส์..โอ๊ะ มันหยิกข้า! จับมันให้อยู่นิ่งๆ ข้าจะได้หากุญแจสะดวกๆ”

มีเสียงร้องตะโกนและเสียงแกรกกรากขณะที่ลูกกุญแจถูกใส่เข้าไปในล็อคประตู มาร์ตินเผ่นไปที่ประตูทันทีแต่ถูกชนล้มลงโดยร่างๆหนึ่งที่ถูกผลักถลาเข้ามาในห้อง ร่างนั้นล้มทับซ้อนลงไปบนตัวเขาแล้วกลิ้งไปนอนหงายอยู่ด้วยกันขณะที่ประตูถูกกระแทกปิดลงอีกครั้งหนึ่ง ทั้งสองนอนอยู่ด้วยกันเงียบๆจนสียงฝีเท้าของพวกทหารยามเงียบหายไปทางระเบียง มาร์ตินขยับตัวช้าๆให้ร่างที่เกยอยู่บนร่างเขากลิ้งหลุดไป เจ้าของร่างนั้นหัวเราะคิกๆ นักรบหนูลากร่างของเพื่อนร่วมห้องขังไปตรงที่มีแสงสว่างเพื่อจะมองได้ชัดๆ

กอนฟฟยิ้มอย่างกว้างขวาง เป่าขลุ่ยของมันเป็นจังหวะสั้นๆแล้วเริ่มต้นร้องเพลง

ข้ารู้จักเจ้าหนูที่อยู่ในห้องขังนี้
มานานกว่าร้อยปีแล้ว
หนวดของเขายาวระพื้น
และแผ่ไปจนถึงหู
ดวงตาของเขาขุ่นมัว ฟันก็ร่วงหลุดไป
ขนของเขากลายเป็นสีเทาเงิน
“ถ้าปู่ของข้าอยูที่นี่” เขากล่าว
“สงสัยว่าเขาจะพูดว่าอย่างไร?”

มาร์ตินหันหลังพิงกำแพงห้อง อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้เจ้าตัวประหลาดตัวนั้น “งี่เง่า ปู่ของหนูที่อายุร้อยปีจะพูดอะไรได้ล่ะ? ข้าชื่อนักรบมาร์ติน เจ้าล่ะชื่ออะไร?”
กอนฟฟ์ยื่นอุ้งมือมาข้างหน้า “นักรบมาร์ติน อืมม์ มาร์ติน ท่านดูแข็งแรงดีนะ แต่ก็น่าจะอ้วนได้อีกนิดหน่อย ข้าคือเจ้าหัวขโมยกอนฟฟ์ หรือจะเรียกข้าว่าเจ้าชายจอมขโมยก็ได้นะ สหาย”

มาร์ตินสัมผัสมือกับเจ้ากอนฟฟ์อย่างอบอุ่น “เจ้าชายจอมขโมย เจ้าตัวมีขน เจ้าจะเป็นพระราชาแห่งฟากฟ้าก็ได้นะตราบที่ข้ามีเพื่อนร่วมห้องขังไว้พูดคุยด้วย เจ้าโดนข้อหาอะไรล่ะ?”
กอนฟฟ์ทำหน้านิ่ว “ข้าจะเล่าให้ฟังถ้าท่านจะหยุดบีบมือข้าก่อน”

แล้วทั้งสองก็นั่งลงเคียงกันบนกองฟาง เจ้าหัวขโมยนวดอุ้งมือของมันไปมาขณะเล่าว่า “พวกมันจับได้ว่าข้าแอบเข้าไปขโมยเนยแข็งกับไวน์เอลเดอเบอร์รี่ที่ห้องเสบียง แต่ไม่ต้องกังวลหรอกนะ สหาย ข้าเปิดกุญแจในปราสาทโกตีร์นี่ได้ทุกดอกแหละ เราคงไม่ต้องอยู่ที่นี่นานนักหรอก ไว้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”

“เจ้าหมายความว่าเจ้า…ว่าเรา..ออกไปจากที่นี่ได้งั้นหรือ? ทำได้อย่างไ? เมื่อไหร่? แล้วก็จะไปไหน?” เสียงของเขาสั่นด้วยความตื่นเต้น

กอนฟฟ์เอนกายพิงกำแพงพร้อมกับหัวเราะลั่นออกมา “วาว..สหาย อย่าเร่งรีบนักสิ! อย่าวิตกไปเลย ทันทีที่ข้าเตรียมการณ์เสร็จเราก็จะกล่าวลาคุกแฉะๆนี้เลย แต่ก่อนอื่นให้ข้าเลี้ยงดูท่านเสียก่อน พวกมันน่าจะละอายใจที่ให้ท่านกินแต่ขนมปังกับน้ำเท่านั้น”

มาร์ตินยักไหล่แล้วลูบท้องแฟบเหี่ยวของเขาไปมา “หึ—จะเอาอะไรมากไปกว่านั้นล่ะ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ยังได้กินขนมปังกับน้ำบางวัน เจ้ามีอะไรจะให้ข้ากินหรือ? นมสดๆหรือเค้กข้าวโอ๊ตหรือไง?”
“เสียใจนะ สหาย ข้าไม่มีทั้งนมและเค้กข้าวโอ๊ต มีแต่เนยแข็งกับไวน์เอลเดอเบอร์รี่ ใช้ได้ไหมล่ะ?” เจ้ากอนฟฟ์ถามอย่างกังวล

มาร์ตินพูดอะไรไม่ออกเมื่อกอนฟฟ์เปิดเสื้อคลุมออกปล่อยให้เนยแข็งและกระติกไวน์แบนๆร่วงลงมา

“ข้ามักจะเก็บของพวกนี้สำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หรือเพื่อการแลกเปลี่ยนเป็นบางครั้ง ท่านกินเลยนะ ส่วนข้ากินมาบ้างแล้วละ”

โดยไม่ต้องรอให้เชิญเป็นครั้งที่สอง นักรบมาร์ตินกัดกินเนยแข็งคำโตและดื่มไวน์อั้กๆ เจ้าหนูจอมขโมยสั่นหัวอย่างประหลาดใจเมื่อทั้งเนยแข็งและไวน์หมดไปอย่างรวดเร็ว

“ช้าๆหน่อย สหาย เดี๋ยวท่านจะไม่สบายนะ กินช้าๆ”

มาร์ตินพยายามที่จะกินให้ช้าลงตามคำแนะนำแต่ก็รู้สึกยากมาก เพราะเขาได้อาหารไม่พอเพียงมานาน เขาถามกอนฟฟ์ระหว่างกินอาหารว่า “บอกข้าหน่อยซิ ข้ามาเจออะไรเข้าที่นี่? ข้าเป็นเพียงนักรบที่สัญจรผ่านมาเท่านั้นเอง ข้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับป่ามอสฟลาวเวอร์และแมวป่าพวกนั้น”

กอนฟฟ์เกาหนวดแกรกกราก “ขอข้าคิดก่อนว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนดี นานนมเนก่อนที่ข้าจะเกิดป่ามอสฟลาวเวอร์ทั้งหมดและดินแดนอื่นๆอีกมากมายอยู่ภายใต้การปกครองของลอร์ดเวอร์เดาก้า ที่เรียกกันว่าท่านลอร์ดแห่งตาพันดวงและสมญานามอื่นๆอีก วันหนึ่งเขายกกองทหารเดินทางจากตอนเหนือมาแถบนี้
คิดว่าเขาคงสนใจป้อมปราการป้อมนั้น แต่สำหรับพวกเราชาวมอสฟลาวเวอร์เห็นว่ามันเป็นเพียงซากสลักหักพังธรรมดาเท่านั้น แต่เวอร์เดาก้าคงเห็นอะไรบางอย่างที่นี่ เขาก็เลยอพยพกันมาหมดแล้วซ่อมแซมมันจนดูดี ตั้งชื่อว่าปราสาทโกตีร์แล้วตั้งตัวเองเป็นผู้ปกครองโดยไม่มีใครคัดค้าน พวกชาวมอสฟลาวเวอร์เป็นพวกรักสงบอยู่แล้ว และไม่เคยได้เจอกองกำลังนักรบและแมวป่ามาก่อน เวอร์เดาก้าจึงทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่เขาก็ฉลาดพอตัว เขายอมให้พวกสัตว์อย่างเราอยู่ในดินแดนนี้ได้ต่อไปใต้การปกครองของเขา และทำไร่ทำนาไปโดยส่งผลผลิตที่ได้ครึ่งหนึ่งให้เขาในรูปภาษีเพื่อเอาไว้เลี้ยงกองทหารของเขา”

“แล้วไม่มีใครลุกขึ้นคัดค้านบ้างเลยหรือ?” มาร์ติขัดขึ้น

กอนฟฟ์สั่นหัวอย่างเศร้าๆ “มีสิ แม้แต่ตอนนี้ก็เถอะ พวกผู้เฒ่าผู้แก่ก็ยังหวาดกลัวที่จะเล่าให้ใครฟังถึงความโหดร้ายที่เวอร์เดาก้ากับลูกสาวของมันกระทำต่อผู้ที่คิดกบถ พวกที่รอดจากการถูกฆ่าหมู่ไปได้ก็ถูกจับใส่คุกปล่อยให้ตายไปเอง ข้าได้ยินมาว่าพ่อแม่ข้าก็ถูกขังคุกเหมือนกัน แต่ข้าก็ไม่รู้แน่ว่าเป็นยังไง เมื่อปราบพวกกบถจนราบคาบแล้ว เวอร์เดาก้าก็แสดงความเป็นนักปกครองที่ชาญฉลาดด้วยการสงบศึกกับพวกสัตว์ที่อยู่ในป่าทั้งหมด อนุญาตให้อยู่ทำนาทำสวนได้ต่อไปใต้ร่มเงาของเขา เขาสัญญาจะปกป้องพวกเราจากข้าศึกที่อาจจะมาจากทางเหนือ ตอนนั้นพวกเราเหมือนกึ่งๆเป็นทาสของเขา และยังรวมตัวกันไม่ติด ไม่มีใครรู้ยุทธวิธีการรบและพวกนักรบของเราก็หมดสิ้นไปแล้ว พวกที่เหลืออยู่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่เขาสั่ง เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาเวอร์เดาก้าล้มป่วยลงและมอบหมายให้ลูกสาวของเขาดูแลอาณาจักรของเขาแทน นางทซาร์มิน่าผู้นี้โหดร้ายและชั่วช้าเหมือนปีศาจผิดไปจากพ่อของนาง พวกเราถูกบังคับให้ทำงานในทุ่งนาหนักขึ้นกกว่าเดิม และได้รับการแบ่งปันอาหารไม่เพียงพอ พวกตัวเม่นเช่นเบน สติกเกิลกับครอบครัวไม่กล้าอพยพหนีออกไป เขาจะไปที่ไหนได้ล่ะในเมื่อมีลูกเล็กๆอีกตั้งสี่ตัวเช่นนั้น? แต่ต่อมาเมื่อสถานการณ์เลวร้ายขึ้นทุกทีพวกสัตว์ต่างๆก็หลบหนีออกจากนิคมเข้าป่าไป ยิ่งมีสัตว์เหลืออยู่ในนิคมน้อยลงเท่าไหร่ นางทซาร์มิน่าก็ยิ่งบีบบังคับให้ทำงานหนักมากขึ้นเท่านั้น ข้าบอกท่านแล้วไงว่าเรื่องมันน่าเศร้ามาก”

เขานั่งอยู่คียงข้างกันเฝ้ามองลำแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านลงมาบนพื้นห้องขัง มาร์ตินส่งไวน์ให้กอนฟฟ์ “เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเจ้าแมวป่าที่ชื่อจินจิเวียร์บ้างไหม?”

กอนฟฟ์ดื่มไวน์แล้วส่งคืนให้มาร์ติน “ข้ารู้ว่าเขาไม่เคยมีส่วนร่วมในการฆ่าใครต่อใคร พวกเราก็ได้แต่หวังว่าเวอร์เดาก้าจะให้จินจิเวียร์ครอบครองอาณาจักรต่อจากเขา เขาน่าจะเป็นผู้ปกครองที่ดีถึงจะเป็นแมวป่าเหมือนกันก็เถอะ แต่ถ้าพูดถึงนางทซาร์มีน่าน้องสาวของเขา นางเป็นปีศาจเราดีๆนี่เอง ใครๆพูดกันว่านางชั่วร้ายยิ่งกว่าเวอร์เดาก้าเป็นไหนๆ แต่ข้าเพิ่งได้ยินข่าวใหม่ตอนที่ข้าเข้าไปที่โกตีร์เร็วๆนี้ว่าผู้เฒ่ากรีนอายส์ตายแล้วและลูกชายของเขาถูกจำคุกอยู่ที่นี่ ซึ่งหมายความว่าตอนนี้เลดี้ทซาร์มีน่ากลายเป็นผู้ปกครองอาณาจักร”

มาร์ตินพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าทั้งเห็นและได้ยินเลยแหละ จินจิเวียร์ถูกขังอยู่ในคุกไกลออกไปแถวปลายระเบียง ข้าเคยพยายามพูดกับเขาแต่มันไกลเกินไป“ นักรบหนูทุบกำแพงด้วยอุ้งมืออย่างท้อแท้
“ทำไมถึงไม่มีใครทำอะไรสักอย่างเลยล่ะ กอนฟฟ์?”

เจ้าหัวขโมยจับจมูกของตัวเองและกล่าวด้วยเสียงเบาว่า “นั่งเงียบๆแล้วฟังข้า สหาย ตอนนี้เรากำลังวางแผนกันอยู่เพราะครอบครัวสุดท้ายในหมู่พวกเราหนีเข้าป่าไปแล้ว ครอบครัวทั้งหมดไปรวมตัวอยู่ด้วยกันในป่ามอสฟลาวเวอร์โน่นและกำลังฝึกหนักกันอีกครั้งหนึ่ง จิตวิญญาณเก่าๆที่เคยยอมแพ้หมดสิ้นไปแล้ว
เรามีพวกนากและกระรอกที่เป็นนักต่อสู้ รวมทั้งพวกเม่น ตัวตุ่นและอื่นๆเช่นพวกข้านี่แหละ เรามีแม้แต่ตัวแบดเจอร์ที่ชื่อ เบลลาแห่งบร็อคฮอลล์ ครอบครัวของนางเคยปกครองป่ามอสส์ฟลาวเวอร์ในสมัยก่อน ท่านจะต้องชอบนาง เราก่อตั้งสภาผู้ต่อต้านแห่งป่ามอสส์ฟลาวเวอร์หรือที่เรียกว่า คอริม ขึ้นมา โดยเอาอักษรตัวแรกมารวมกัน ฮาฮา เรากำลังเข้มแข็งขึ้นทุกวัน”

มาร์ตินเริ่มรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่ไหลพรูเข้าสู่ร่างกายของเขาอีกครั้งหนึ่ง “เจ้าคิดว่าพวกที่คอริมจะรู้ไหมว่าเราถูกคุมขังอยู่ที่นี่ เขาจะมาช่วยเราไหม?”
กอนฟฟ์ขยิบตาและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ชู้ว์วววววววววว อย่าพูดดังนัก คอยดูไปก็แล้วกัน”
มันส่งกระติกไวน์ให้มาร์ติน “บอกอะไรข้าหน่อยสิ เพื่อนยาก ทำไมเขาเรียกท่านว่านักรบล่ะ? ท่านมาจากที่ไหน? ที่ๆท่านอยู่เหมือนป่ามอสฟลาวเวอร์ไหม? ดีไหม?”

มาร์ตินวางกระติกไวน์ลง เอนกายลงนอนแล้วเพ่งมองขึ้นไปบนเพดาน “ที่ๆข้าจากมาไม่มีป่า มีแต่หิน หญ้าและภูเขา ที่เรียกกันว่าดินแดนทางเหนือ ข้าไม่เคยรู้จักแม่ พ่อเป็นคนเลี้ยงข้ามา พ่อข้าคือนักรบลูค—ครอบครัวข้าล้วนแต่เป็นนักรบ พวกเราอาศัยอยู่ในถ้ำและถูกพวกหนูทะเลขึ้นฝั่งมาโจมตีอยู่เป็นประจำ เราจำเป็นต้องปกป้องถ้ำและดินแดนของเรา มิฉะนั้นเราก็จะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ครอบครัวอื่นๆก็เหมือนกัน ข้ามีเพื่อนดีๆมากมาย เช่น ธรักค์ ผู้แข็งแรง แอโรว์เทล เฟลโดท์นักมวยปล้ำ ทิมบัลลิสโต”

มาร์ตินยิ้มน้อยๆเมื่อนึกถึงเพื่อนๆของเขา “อ้า ก็ไม่เลวนักหรอก กิจวัตรประจำของพวกเราคือกิน นอน แล้วก็ต่อสู้กับพวกศัตรู ตอนที่ข้าสูงพอที่จะยกดาบของพ่อได้แล้วข้าก็เริ่มฝึกใช้มัน”

เขาจับดาบหักที่แขวนอยู่ตรงคอ “ดาบเล่มนี้ได้เลือดจากศัตรูมามากมาย – ทั้งพวกหนูทะเล และหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ครั้งหนึ่งพ่อข้าได้รับบาดเจ็บต้องนอนพักอยู่แต่ในถ้ำ ฮ่า ข้าจำได้ว่าเราต้องต่อสู้ขับไล่ศัตรูกันตลอดทั้งหน้าร้อนเลย พ่อข้านอนอยู่ตรงปากถ้ำเตรียมอาหารไปพร้อมๆกับร้องตะโกนสอนข้าไปด้วย แล้ววันหนึ่งเขาออกเดินทางไปกับพวกนักรบผู้เฒ่า เพื่อไปเผชิญหน้ากับพวกหนูทะเลที่เพิ่งขึ้นฝั่งมา เขาต้องการจะทำลายล้างพวกหนูทะเลเหล่านั้นให้หมดไปเพื่อจะได้จบการต่อสู้เสียที เป็นความคิดที่กล้าหาญมาก ก่อนออกเดินทางเขามอบดาบเก่าแก่ของเขาให้ข้า เอาติดตัวไปแต่เพียงหอกกับโล่ห์เท่านั้น พ่อบอกให้ข้าคอยอยู่ปกป้องถ้ำและดินแดนของเรา เขาสั่งให้ข้ารอจนถึงปลายฤดูใบไม้ร่วงและถ้าถึงตอนนั้นเขายังไม่กลับมา ข้าจะทำอะไรก็ได้ที่เห็นว่าเหมาะสม”

กอนฟฟ์ผงกหัว “แต่เขาไม่ได้กลับมาใช่ไหม?”

มาร์ตินหลับตาลง “เขาไม่เคยกลับมาอีกเลย ข้าต้องต่อสู้ขับไล่ศัตรูผู้รุกรานอยู่ตามลำพัง ตอนนั้นแหละที่เขาเรียกข้ากันว่านักรบมาร์ติน แทนที่จะเรียกว่าบุตรชายของนักรบลูคเหมือนเก่า ข้ารอพ่ออยู่นานแม้แต่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปแล้ว แต่เมื่อข้าไม่เห็นประโยชน์อะไรที่จะคอยปกป้องถ้ำและดินแดนเหล่านั้นเพื่อตัวข้าเพียงคนเดียว ข้าจึงออกเดินทางไปทางใต้ตามลำพัง ถ้าข้าไม่ได้ถูกจับที่โกตีร์นี่ ป่านนี้ข้าไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”

เจ้าหัวขโมยลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ “ข้าดีใจที่เจ้ามาที่นี่ สหาย ข้าคงเบื่อแย่ถ้าต้องนั่งนิ่งๆอยู่ในห้องขังนี้คนเดียวและพูดกับตัวเอง ได้พูดคุยกับนักรบอย่างท่านดีกว่าเยอะ”

มาร์ตินส่งกระติกไวน์คืนให้กอนฟฟ์ “อืมม์ ข้าเองก็คิดว่าถูกขังอยู่กับจอมขโมยอย่างเจ้าก็ยังดีกว่าออกไปเดินทางร่อนเร่อยู่โดดเดี่ยว สหาย”




Create Date : 27 มกราคม 2555
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2556 13:01:36 น.
Counter : 1808 Pageviews.

18 comments
  
อนฺโธ ยถา โชติมธิฏฐเหยฺย

ขาดตาปัญญาเสียแล้ว ก็เหมือนคนตาบอด
เหยียบลงไปได้ แม้กระทั่งไฟที่ส่องทาง

ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างนำทางชีวิต ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:10:58:34 น.
  


สุขสันต์ทุกวันศุกร์ค่ะคุณตุ้ย

แปลได้ลื่นดีจัง ตะกี้เปิดอ่านบทที่ 1แล้วค่ะ
เวลามีน้อยคงต้องค่อยละเลียดไปเรื่อยๆ
เป็นงานเขียนที่ยืนยันถึงฝีมือจริงๆค่ะ

***ไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกเถียงกับผู้อื่นก็ได้***

รักษาสุขภาพ และอยู่กับสุขที่อิ่มเย็นนะคะ

โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:12:06:23 น.
  
ขอบคุณตุ้ยจังมากจ้ะ

ด้วยจินตภาพแสนเลิศล้ำดำเกิงฤทธิ์ .. สุดวิเศษ






ขอบคุณ ผู้จัดการออนไลน์


สิริสวัสดิ์ศุกรวารจ้ะ




โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:13:34:25 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย

แวะมายามบ่าย แถมง่วงนิดๆ ฮาาาา


พรุ่งนี้ก็พักผ่อนกันแล้วนะคะ^^
โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:14:42:28 น.
  
สวัสดค่าพี่ตุ้ย
ตามมาอ่านเรื่องแปลต่อค่า

รักษาสุขภาพนะค่า
โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 27 มกราคม 2555 เวลา:15:02:01 น.
  


สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย

มาโหวตงานเขียนให้ก่อนค่่ะ
แล้่วจะกลับมาอ่านที่หลัง
วันนี้โดนหวัดเล่นงาน มึนหัวค่ะ
ขอพักเรื่องอ่านยาวๆไว้ก่อนนะคะ
นี่ขนาดระวัง ยังโดนเข้าจนได้

พี่ตุ้ยก็รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 28 มกราคม 2555 เวลา:0:37:31 น.
  




มาเจอคนขยันบ้านนี้อีกคนแล้ว...

เห็นผลงานของชาวบ้านชาวช่องแล้ว...

ให้นึก ละ อาย แก่ ใจ เหลือ เกิน...



อ่ะ... ขยันเสียให้เข็ด...



(แปลเป็นไทย... ว่า อิจฉา ค่ะ)



โดย: foreverlovemom วันที่: 28 มกราคม 2555 เวลา:2:14:01 น.
  


สวัสดียามเช้านะครับ พี่ตุุ้ย
ไม่ได้เข้ามาทักทายกันนาน
เพราะติดภารกิจอยู่ต่างจังหวัดครับ
วันนีมีโอกาสมาบ้าน เลยแวะมาทักครับ
เพื่อบอกว่า ระลึกถึงเสมอครับ
โดย: panwat วันที่: 28 มกราคม 2555 เวลา:10:09:19 น.
  
แวะมาเยี่ยมและละเลียดงานแปลต่อ
รวมทั้งทำการบ้านด้วยค่ะ

โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:11:03:22 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ดอยสะเก็ด Literature Blog ดู Blog
โดย: เวียงแว่นฟ้า วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:17:20:45 น.
  
แวะมาทักทายพร้อมโหวตให้คุณตุ้ยค่ะ Literature Blog นะคะ คืนนี้นอนหลับฝันดี..คิดถึงๆๆ ค่ะ
โดย: deeplove วันที่: 29 มกราคม 2555 เวลา:21:58:02 น.
  

เพิ่งล้างไตให้คุณแม่ด้วยเครื่องเสร็จ
เลยแวะมาอ่านค่ะพี่ตุ้ย
โดย: อุ้มสี วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:6:06:30 น.
  
อิอิอิ รีบตามมาอ่านคะ
ตอนนี้รู้สึกจะสั้นไปนิดนะคะพี่ตุ้ย
แต่ก็ยังเข้มข้นและน่าติดตาม
โดย: gymstek วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:9:41:02 น.
  
ชีวเตวาปิ สปฺปญฺโญ อปิ วิตฺตปริกฺขยา
ปญฺญาย จ อลาเภน วิตฺตวาปิ น ชีวติ

คนมีปัญญา ถึงสิ้นทรัพย์ ก็ยังเป็นอยู่ได้
แต่เมื่อขาดปัญญา ถึงจะมีทรัพย์ ก็เป็นอยู่ไม่ได้

ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขด้วยสติและปัญญา ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:10:33:50 น.
  
เทวว ตาต ปทกานิ ยตฺถิ สพฺพํ ปติฏฐิตํ
อลทฺธสฺส จ โย ลาโภ ลทฺธสฺส จานุรกฺขนา

ผลประโยชน์ทั้งปวง ตั้งอยู่ที่หลัก ๒ ประการ
คือ การได้สิ่งที่ยังไม่ได้ และการรักษาสิ่งที่ได้แล้ว

ใช้ปัญญาในทางที่ถูกที่ควร เพื่อผลประโยชน์ทั้งปวง ตลอดไป...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:13:42:33 น.
  


ผ้าไหมแสนงาม
ทอจากแมงมุมใยทอง มากกว่า 1 ล้านตัว
นักปั่นด้าย 80 คน ทอ 5 ปี


นำมาฝากคุณตุ้ยจังชื่นชมด้วยกันจ้า

โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 31 มกราคม 2555 เวลา:16:22:55 น.
  
สวัสดีค่ะพี่ตุ้ย สบายดีนะคะวันนี้
มาถึงตอนสี่แล้วต้องเร่งอ่านค่ะวา เดี๋ยวตามไม่ทัน


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:08:00 น.
  



แวะมาให้กำลังใจนักเขียนนิยายค่ะ...

จากนักแปลจ๊ะ ....





More Wild Flowers Comments




โดย: foreverlovemom วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:9:40:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มกราคม 2555

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com