สุขภาพดีด้วย ใบชาเขียว
ในปัจจุบัน กระแสความนิยมในการดื่มชาเขียวในประเทศไทยอยู่ในระดับสูงมากขึ้นจากการใช้สื่อประชาสัมพันธ์และการสร้างค่านิยมว่าเป็นของต่างประเทศประเทศหนึ่ง
วันนี้เราลองมาทำความรู้จักมากขึ้นว่า ใบชา เป็นอย่างไร มีประโยชน์อย่างไร
ในประเทศไทย มีการนำใบชามาใช้ในด้านสุขภาพมานานแล้ว โดยนำใบชามาต้มและใช้น้ำชาเป็น น้ำกระสายยาซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพของยา
การแบ่งประเภทของชา จะแบ่งใหญ่ๆได้ 2 ประเภท คือ ชาดำ และ ชาเขียว
ชาดำ ( Black Tea ) เรารู้จักชื่อกันโดยทั่วไปว่า ชาฝรั่ง ซึ่งทำโดยนำใบชามาหมักให้เกิดปฎิกริยากับสารสำคัญในใบชาจนได้ที่แล้วจึงนำไปทำให้แห้ง
ชาเขียว ( Green Tea ) รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ ของชาจีน เป็นชาที่นิยมดื่มในประเทศจีนและญี่ปุ่น วึ่งจะนำใบชาสดมาทำให้แห้งอย่างรวดเร็วในหม้อทองแดงและไม่ใช้ความร้อนมากเกินไป
คุณภาพของชาเขียว แบ่งตามระดับของยอดใบชา คือ
ใบชาชั้นหนึ่ง จะได้จากการเก็บใบชาคู่ที่ 1 และ คู่ที่ 2 จากยอด เรียกว่า บูอี๋
ใบชาชั้นสอง จะได้จากการเก็บใบชาคู่ที่ 3 และ 4 จากยอด เรียกว่า อันเคย
ใบชาชั้นสาม จะได้จากการเก็บใบชาคู่ที่ 5 และ 6 จากยอด เรียกว่า ล่ำก๋อง
โดยชาเขียวยังแบ่งลงไปอีก 2 ประเภท คือ
ชาคอ ( Breast tea ) ซึ่งดื่มแล้วจะชุ่มคอ
ชากลิ่น (Scented tea ) เป็นชาที่มีกลิ่นหอมชื่นใจ เกิดจากการอบด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดอื่น
การนำใบชาไปต้มจะเป็นการละลายสารสำคัญสารสำคัญหลายตัวออกมาจากใบชา เช่น
สารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีรสฝาดและอาจทำให้ท้องผูก สารอัลคาลอยด์ (Alkaloids) มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง
คาเฟอีน (Caffeine) เธโอฟีลลีน(theophylline) มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
ตามสรรพคุณโบราณกล่าวว่า น้ำชามีรสฝาด ชุ่มคอ มีสรรพคุณฝาดสมาน แก้ท้องร่วง ท้องเสีย ขับปัสสาวะ บำรุงธาตุ ทำให้คึกคักมีชีวิตชีวา
การดื่มชาในปริมาณมาก อาจมีผลเสียคือ ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ใจสั่นเนื่องจากสารคาเฟอีนในชา อาจทำให้ท้องผูก และเกิดอาการเหน็บชาหรือโรคโลหิตจางได้เนื่องจากขาดวิตามินบีหนึ่งและธาตุเหล็ก ตามผลรายงานการวิจัยพบว่า สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ในชาเขียวอาจยับยั้งการดูดซึมวิตามินบีหนึ่งและธาตุเหล็กจากทางเดินอาหาร ทางองค์การอนามัยโลกจึงแนะนำว่าควรดื่มชาในระหว่างอาหาร
การดื่มชาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปจะเป็นคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้สุขภาพดี อายุยืน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลายอย่างเช่น โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด