Group Blog
กุมภาพันธ์ 2552

1
2
7
12
16
18
20
21
22
23
27
 
All Blog
แก้ไมเกรนด้วยวิธีธรรมชาติ
เรื่องของอาการปวดหัวดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่มันจะไม่ง่ายและน่ารำคาญมากขึ้นเมื่ออาการปวดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง บางรายถึงกับขนาดต้องกินยาแก้ปวดตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่หายขาดสักที โดยเฉพาะการปวดหัวไมเกรนที่ค่อนข้างรุนแรงจนคนที่เป็นบางคนนึกอยากจะตายเอา

การปวดหัวไมเกรนเกิดขึ้นเพราะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองและกะโหลกศีรษะหดและขยายตัวอย่างรวดเร็วจนเกิดการอักเสบ

อาการแรกที่จะเกิดขึ้น คือ ตามัว เห็นแสงวูบวาบ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงกระบอกตาน้อยลง บางครั้งอาจปวดจากขมับทั้งสองข้างแล้วจึงกระจายไปทั่ว หรือบางรายอาจเกิดร่วมกับ อาการคลื่นไส้อาเจียน หน้าซีด น้ำมูกไหล น้ำตาไหล ตลอดเวลา ซึ่งการกินยาแก้ปวดก็จะช่วยบรรเทาอาการได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

อาจารย์สาทิศ อินทรกำแหง ให้คำแนะนำในหนังสือ "ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต"(เล่ม 3) ว่า การแก้ปัญหาที่ถูกต้องและตรงจุดที่สุดคือการแก้ที่อาหาร เพราะรายงานการวิจัยหลายเรื่องพบว่า ผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนนั้นมักเป็นคนชอบกินเนื้อสัตว์มาก ๆ ทำให้ร่างกายมีกรดมากเกินไป

อาหารประเภทเนย เค้ก ไอศกรีม ช็อกโกแลต หรืออาหารหวานจัด ก็เป็นปัจจัยเสริมที่สำคัญ เพราะเมื่อเริ่มต้นป่วยด้วยโรคน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือ "ไฮโปไกลซีเมีย" แล้วโอกาสในการปวดหัวไมเกรนก็สูงขึ้น เพราะน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นสาเหตุหนึ่งของไมเกรน

ดังนั้น เพื่อให้ความทรมานเหล่านี้หายไปอย่างถาวร ก็ต้องเริ่มต้นใหม่ด้วยการปรับพฤติกรรม ซึ่งอาจารย์สาทิศให้คำแนะนำไว้ดังนี้

ทำดีท็อกซ์ติดต่อกัน 2 สัปดาห์ ถ้าทำแล้วรู้สึกว่าอาการดีขึ้นตั้งแต่สัปดาห์แรกจะหยุดทำเลยก็ได้

ออกกำลังกายอย่างแข็งขันทุกวัน

เมื่อปวดหัวรุนแรง ใช้ผ้าอุ่นประคบต้นคอและศรีษะ หรือใช้นิ้วหัวแม่มือนวดบริเวณกกหู ใบหู ขมับทั้งสองข้าง และนิ้วเท้าทุกนิ้ว

งดกาแฟและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุชนิด

งดน้ำตาลทรายขาวและแป้งขัดขาวอย่างเด็ดขาด

หากเกิดอาการหงุดหงิดจากการขาดน้ำตาล ให้ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ (หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วไป) 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2-3 แก้ว

ถ้าติดเนื้อสัตว์ให้งดเนื้อ นม ไข่ชั่วคราว ถ้ากินเจให้ตัดมี่กึ๊นออก เพื่อช่วยการย่อยให้ง่ายขึ้น (อาหารที่ย่อยยากเป็นต้นเหตุของการเกิดท็อกซินและเพิ่มอาการปวดศีรษะ)

ใช้สูตรอาหารชีวจิตอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงสองสัปดาห์แรก แล้วจึงเพิ่มเนื้อปลาได้สัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง

กินวิตามินเสริม คือ บีคอมเพล็กซ์ 100 มิลลิกรัม เฉพาะเวลาเช้า วิตามินบี 3 100 กรัม สามเวลาหลังอาหาร และโคโลไมต์ (แคลเซียมและแมกนีเซียม) 1 เม็ด หลังอาหารเช้าและเย็น


ข้อมูลจาก //www.geocities.com/lifebycheewajit/migrane.htm



Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2552 14:39:08 น.
Counter : 2651 Pageviews.

0 comments

Mimi-jaiko
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]