YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
ความสัมพันธ์ พลังงาน และ contemporary dance

วันนี้จะขอพูดถึงความสัมพันธ์ และพลังงานในนั้น
เพราะชีวิตคือพลังงาน และต่างก็ดำเนินกันไปในข่ายใยของความสัมพันธ์

การเป็นนักเต้นทำให้มีโอกาสได้สัมผัสกับพลังงานในความสัมพันธ์นี้โดยตรง
โดยเฉพาะในการเต้นกับคนอื่น ที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของ body contact

มันเริ่มจากคำพูดของรุ่นพี่ในวงการเต้นที่เราเคารพรักคนหนึ่ง
เขาพูดถึงเรื่องพลังงานให้เราฟังอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เรายังเด็กๆ
โดยเฉพาะเรื่องของการปลดปล่อยพลังงานออกมาจากตัวเราในขณะเต้น
เราก็ฟังสนุกๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งมามีประสบการณ์ด้วยตัวเอง

ตอนนั้นเราต้องเต้น body contact กับเขา
body contact คือเทคนิคหนึ่งในการเต้น contemporary dance
อันเป็นเทคนิคหนึ่งในการเต้น contemporary dance
แปลตรงตัวคือเอา body (ร่างกาย) ของนักเต้นสองคนขึ้นไปมา contact (ติด) กัน
ซึ่งในระหว่างนี้จะมีการถ่ายเทน้ำหนักซึ่งกันและกัน มีการดึง และการพิง
มีการยก และการรับน้ำหนัก เล่นกับโมเมนตัมของร่างกาย
ซึ่งไม่ใช่แค่ของเรา แต่ของอีกคนที่เราเต้นด้วยนั้นด้วย
การเต้นแบบนี้ต้อง “ฟัง” จังหวะจะโคนของอีกฝ่ายหนึ่งให้ดี
ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องเปิด “เปลือก” ของเราออก เพื่อให้อีกคนสามารถ “อ่าน” ได้ด้วย

(เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น .. ให้ลองทำการทดลองต่อไปนี้ดู
1.หาคู่เต้น เอ้ย คู่ทำการทดลอง ถ้าจะให้ดีควรเป็นคนที่มีรูปร่างใกล้เคียงกัน
2.ยืนหันหน้าเข้าหากัน ระยะห่างไม่เกินหนึ่งฟุต
3.ยื่นมือมาหนึ่งข้าง แล้วจับมือกันไว้ ต้องเป็นข้างเดียวกันนะ
4.เอนตัวทิ้งน้ำหนักไปด้านหลัง มือข้างที่จับกันจะดึงกันไว้ แล้วทั้งคู่จะไม่ล้ม
5.หลับตาแล้วรู้สึกถึงน้ำหนักการดึงของอีกคน เราจะค่อยๆ รู้สึกว่าแขนของคู่เรา เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราเอง
6.ลืมตาขึ้น ยังคงรักษาการดึงนั้นไว้อยู่ แล้วค่อยๆ ย่อขาลงนั่งยองๆ ช้าๆ
7.ถึงตอนนี้เราจะต้องอ่าน “จังหวะ” การย่อ และ “น้ำหนัก” การดึงของอีกคนให้ดี ถ้าไม่ไปพร้อมๆ กัน เท่าๆ กัน ก็จะล้ม
8.ถ้าใครคนหนึ่งปล่อยมือตอนนี้ อีกคนจะล้มทันที 
ถ้าไม่ล้ม แปลว่าเรายังไ่ม่ไว้ใจกันและกันมากพอ นั่นคือ ไม่เปิด ไม่อ่าน ไม่ฟัง)

นักเต้น contemporary dance จะถูกฝึกให้สังเกต “พลังงาน” ของอีกฝ่ายมาโดยตลอด
จนหลายครั้งเวลาเดินเข้าไปในห้องซ้อม ถ้ามีเพื่อนคนใดคนหนึ่งอารมณ์ไม่ปกติ
แม้เจ้าตัวจะไม่แสดงอะไรออกมา แต่นักเต้นคนอื่นๆ ก็จะสัมผัสได้ไม่ยาก แม้ว่าเจ้าตัวจะแสร้งทำเฉยๆ ก็ตาม
คิดจะอ่านอารมณ์ใคร บุคลิกของใคร ก็อ่านเวลาที่เขาเต้นนี่แหละ ชัดนัก ปิดอะไรไม่ได้เลย
นักเต้น โดยเฉพาะนักเต้น contemporary dance จึงกลายเป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกของคนอื่น
และถูกความรู้สึกของคนอื่นมากระทบความรู้สึกของตัวเราได้ง่ายดายเช่นกัน
กับคนอื่นที่ไม่ใช่นักเต้นอาจไม่เท่าไหร่ แต่จะรู้สึกได้มากกับเพื่อนนักเต้นด้วยกันเอง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับคนที่เคยเต้นด้วยกัน

การต้องรับส่งลูกกันให้ถูก การเต้นกับเพลงที่ไม่มีจังหวะแต่ต้องเต้นให้พร้อมกัน
และการต้องเชื่อมโยงร่างกายให้เหมือนเป็นคนเดียวกันให้ได้นั้น
ครูสอน contemporary dance คนแรกในชีวิตบอกไว้ว่า .. เราต้องหายใจไปด้วยกัน
ตอนนั้นยังเด็ก เราก็คิดว่าบ้า นักเต้น 8 คนใน piece มันจะไปหายใจพร้อมกันได้ยังไง
โตมาจนถึงตอนนี้ ประสบการณ์จึงสอนให้รู้ว่ามันทำได้จริง และต้องทำด้วย
คนที่เต้นด้วยกัน แม้หันหลังให้กันและเต้นด้วยกันในความเงียบก็ยังเต้นพร้อมกันได้
เพราะพลังงานสื่อสาร และเชื่อมโยง จนรู้สึกถึงกันได้แม้อยู่กันคนละฟากเวที
เพื่อนนักเต้นมันจึง “ใกล้ชิด” มากกว่าเพื่อนร่วมงานประเภทอื่น
เพราะเราต้องเรียนรู้กันและกันไปจนถึงจังหวะการหายใจ
และทางโยคะก็บอกว่า ลมหายใจคือสะพานเชื่อมต่อระหว่างร่างกาย จิตใจ และความรู้สึก

ภาพจากการแสดง Folly of a Garden II เดือนสิงหาคม 2555 ค่ะ ภาพโดย GUEK Services

เมื่อหลายเดือนก่อนได้ทำแบบฝึกหัดอันหนึ่งซึ่งเราไม่ชอบเลย แต่รู้ว่ามันสอนอะไรเราได้หลายอย่าง
การเต้น contemporary dance มันสอนชีวิตเราได้จริงๆ แหละ
ไดเรคเตอร์ให้ท่าเซ็ทมาเซ็ทหนึ่ง ความยาวประมาณ 2 นาที เขาเรียก seed phrase
นักเต้นจะทำยังไงกับท่าเซ็ทนี้ก็ได้ จะเปลี่ยนมุม เปลี่ยนทิศ ทางไหนก็ได้ จะซ้ายขวาหน้าหลังได้หมด
และให้ทุกคนสแตนด์บายอยู่ที่ข้างๆ ห้อง ให้ตรงกลางเป็นเหมือน floor เต้นรำ
เพลงจะเปิดไป เมื่อใครพร้อมก็ให้เข้ามาเต้นตรงกลาง floor โดยมีกติกาเล็กน้อย นั่นคือ
คนที่เข้าไปใหม่จะต้องเข้าไปหาคนที่กำลังเต้นอยู่บน floor อยู่แล้ว และเต้นไปพร้อมกับเขา
และทั้งนี้ ถ้าใครคนหนึ่งรู้สึกว่าพอแล้ว ก็ให้หยุดเต้นได้ และกลับออกมายืนที่ข้างๆ floor
แต่คนที่ยังเต้นอยู่ก็ต้องเต้นต่อไปอย่าให้สะดุด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อ่านกติกาอยู่แล้วไม่น่ายาก เพราะมันก็คือท่าที่เรารู้ๆ กันอยู่แล้ว แต่ตอนทำจริงไม่ง่ายเลย
ลำพังแค่การเต้นให้พร้อมกันมันก็ท้าทายพอประมาณอยู่แล้ว
เพราะจังหวะเพลงไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่จังหวะการหายใจนี่แหละ
และการที่เราเต้นๆ อยู่ อยู่ดีๆ เพื่อวิ่งมาเต้นด้วย จากที่เต้นสบายๆ อยู่คนเดียว
เราก็ต้องฟังมันเต้นด้วย จะได้เต้นไปพร้อมกันได้
แล้วพอคนที่เต้นด้วยกันมา จู่ๆ คิดจะเดินออกก็เดินออกไปซะงั้น มันก็เล่นเอาเขวได้เหมือนกัน
ต้องปรับลมหายใจใหม่เพื่อที่จะกลับมาเต้นคนเดียวได้ โดยต้องไม่สะดุดด้วยนะ
ในคอมพานีเรามีกันอยู่ 6 คน ในแบบฝึกหัดที่ว่านี้ก็เป็นโอกาสที่ทำให้เราให้เต้นคู่กับเกือบทุกคน
แต่ละคนก็มี energy ต่างกันไป ซึ่งการ “ฟัง” แต่ละคนนั้น ก็ต้องต่างกันไปด้วย

รู้สึกเหมือนมันคุ้นๆ เรื่องของความสัมพันธ์ในชีวิตคนเราบ้างไหม
นี่แหละ มันสอนเราก็ตรงนี้ ว่าถ้า floor เต้นรำอันนั้นคือสนามชีวิต และเราเดินอยู่ในนั้น
อยู่มาวันหนึ่งก็มีใครก็ไม่รู้กระโดดลงมาร่วมทางกับเรา มาแชร์ energy กับเรา
เราตัดสินใจเปิด “เปลือก” ของเราออก และรับเอาพลังงานของเขามาสอดประสานเข้ากับของเรา
กลายเป็นชุดพลังงานก้อนใหม่ที่ห่อหุ้มคนที่เดินไปด้วยกัน เสถียรบ้าง ไม่เสถียรบ้าง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรชุดพลังงานเก่าของเราก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
และเมื่อวันหนึ่งคนคนนั้นเขาตัดสินใจที่เดินแยกทางจากไป
ชุดพลังงานที่ถักทอร่วมกันมันก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
แต่ถ้าชีวิตคือการเต้นรำบน floor เต้นรำ เราก็ต้องเต้นต่อไปให้ได้ แม้ว่าจะต้องเต้นคนเดียวก็ตาม

ไม่นานมานี้ศึกษาเรื่องออร่า ทำให้รู้ว่ามันคือเรื่องเดียวสนามพลังงานที่ออกมาจากร่างกายของคนเรานี่แหละ
อ่านไปเยอะๆ เข้าก็จำได้ว่าตอนเด็กๆ เขียนไว้ในบันทึกอกหักตามประสาความรักของเด็กสาวไว้ว่า
“ก่อนเธอจะเข้ามานั่งในหัวใจ เนื้อหัวใจมันก็เต็มดี
แต่พอเธอลุกออกไป ตรงที่เธอเคยนั่งมันกลายเป็นรู มันไม่เต็มเหมือนเดิม”
คิดๆ ไปมันกลายเป็นเรื่องเดียวกับเรื่องออร่านี่เลยแหละ
คนที่อยู่ใกล้กัน สนามพลังงานมันก็มาแชร์กันโดยไม่รู้ตัว ยิ่งสนิท ก็ยิ่งสอดประสานกันแน่น
ยิ่งรักกันมาก ไว้ใจกันมาก พลังงานของอีกคนก็เข้าไปอยู่ในสนามพลังงานของอีกคนหนึ่งมาก
บางทีมันจึงยากที่จะให้เลิกรู้สึกเจ็บปวด หรือหายจากความว้างโหวงในเวลาที่สูญเสียใครไป
เพราะเวลาที่คนที่เรารักตายจากไป หรือในเวลาที่คนที่เรารักเขาเลิกรักเรา
พลังงานของเขาที่เคยถักทอร่วมกันกับสนามพลังงานของเราก็จะหายไปด้วย
เราจึงรู้สึกว้างโหวง หดหู่ เปราะบาง และพร้อมจะแตกสลาย มันไม่ใช่เรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ
แต่เป็นเรื่องของพลังงานที่สามารถวัดได้จริง มันไม่ใช่สิ่งที่เราคิดไปเอง
ที่ว่าเวลาเยียวยาทุกสิ่งได้ นั่นคือ สนามพลังงานของเราต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมตัวมันเองนั่นเอง

กลับมาเรื่องการเต้น คนที่เต้นเข้าขากันได้ดี ก็คือพลังงานของเขาสอดประสานกันได้ดีนั่นเอง
บางทีพลังงานของคู่เต้นบางคู่กลับสอดประสานกันยิ่งกว่าคู่รักหลายๆ คู่เสียอีก
เพราะการเต้นคู่กันต้องอาศัยความไว้วางใจมากๆ เลย เราต้องมั่นใจว่าอีกคนจะไม่ทิ้งเรา
เราต้องวางใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าอีกคนจะร่วมขับเคลื่อนพลังงานนั้นไปด้วยกัน

ภาพการซ้อม Eat a Bitter Bloom การแสดงเดือนกันยายน 2555 ค่ะ ภาพโดย Arts Fission Company

การเต้นกับความรักมันน่าจะมีจุดร่วมกันตรงนี้ ไม่ใช่ในเชิงความรู้สึก แต่ในเชิงพลังงาน
ประสบการณ์การสัมผัสพลังงานทีว่านี้ เพิ่งผ่านมาในการแสดงที่เรากับเพื่อนอีกสี่ชีวิตเต้นด้วยกัน
ทุกครั้งที่บทเพลงเริ่มขึ้นว่า เรารู้สึกถึงความเต็มแน่น และความมั่นคง
เป็นพลังงานของพวกเราทั้งห้าชีวิตที่อัดแน่น ที่จะ hold กันและกันไว้
ย้อนกลับไปเมื่อเดืิอน ก.ค. ปีที่แล้ว เรากับเพื่อนอีกสองคนไปเต้นที่มาเลเซีย
ท่ายากมาก แถมยังต้องเปลี่ยนแปลงเสียกลางคันจากสี่คนเป็นสามคน
เปลี่ยนตอนตีสอง แล้วแสดงเย็นวันต่อมาเลย อันนี้กลัวจับใจเพราะท่าเทคนิคทั้งนั้น ถ้าพลาดคือบาดเจ็บลูกเดียว
แต่ตอนนั้นความเชื่อใจกัน ไว้ใจกัน และความรักที่มีต่อกันสำคัญมาก
เราผ่านมันมาได้เพราะการผสานสนามพลังงานนั้นไว้ได้จริงๆ
และมันก็ทำให้เรารักเพื่อนเราทั้งสองคนนั้นอย่างลึกซึ้ง มันคือความผูกพันในเชิงพลังงาน
เวลาอยู่ที่นี่ เนื่องจากห้องซ้อมมันเล็ก บางทีเต้นได้ทีละสองคน
ถ้าเรามีโอกาสได้เต้นกับเพื่อนสนิทของเราที่มาด้วยกัน เราก็สัมผัสถึงพลังงานที่ว่านี้ได้
เรียกได้ว่า เต้นด้วยแล้วอุ่นใจมากกว่าเต้นกับนักเต้นคนอื่นๆ ในคณะก็ว่าได้

วันนี้เราพูดกลับไปกลับมาถึงเรื่องความรัก พลังงาน ความสัมพันธ์ และการเต้น
เพราะยิ่งวันยิ่งพบว่าสิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวโยงกัน และมีจุดร่วมกันอย่างแยกไม่ออก
ยิ่งประสบการณ์การเต้นที่เพิ่มพูน เราก็ยิ่งสัมผัสได้ชัดเจนขึ้นถึงความสัมพันธ์ในเชิงพลังงานนี้
เราเริ่มเข้าใจแล้วว่า การไว้วางใจใคร ก็คือการที่เรายอมเปิดให้พลังงานของคนนั้นเข้ามาอยู่ในพลังงานของเรา
และในความรักนั้น มันก็คือการที่เรายอมให้พลังงานของเรานั้นสอดผสานกัน
สนามพลังงานของเราจะไม่ใช่แค่ของเรา แต่จะมีพลังงานของใครคนนั้นสอดผสานอยู่ด้วย
เพราะฉะนั้น ระวังไว้ให้ดีก่อนจะยอมให้พลังงานนั้นเกิดการสอดผสานขึ้น เพราะเราจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
พลังงานของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าเขาคนนั้นจะถอนพลังงานนั้นไปแล้วก็ตาม
มันจะมีรู มีร่องรอยของพลังงานที่เคยอยู่ร่วมกัน และแม้ว่ามันจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้อย่างช้าๆ แต่มันก็จะไม่เหมือนเดิม

การเป็นนักเต้น โดยเฉพาะ contemporary dancer นั้น ต้องเล่นกับเรื่องสนามพลังงานดังที่กล่าวมาทั้งหมด
คนเป็นนักเต้นจึงยอมศิโรราบต่อการเชื่อมต่อกันของพลังงาน และจึงวางใจและรักคนที่เขาเต้นด้วยในเชิงพลังงาน
นักเต้น contemporary dance อาจไวต่อความรู้สึก อาจถูกมองว่าอารมณ์อ่อนไหว
แต่เพราะการเป็นคนอ่อนไหวนี่แหละ ทำให้สามารถที่จะรักใครได้อย่างหมดสนามพลังงาน

วันนี้ เราลองมาสังเกตการเชื่อมโยงสนามพลังงานของเรากับคนรอบๆ ตัวกันดูหน่อยไหม
น่าจะสนุก

:)




Create Date : 14 กันยายน 2555
Last Update : 14 กันยายน 2555 7:19:13 น. 3 comments
Counter : 2554 Pageviews.

 
แม้จะเป็นเรื่องการเต้น
แต่นำมาปรับใช้ในเรื่องความสัมพันธ์ได้เลยนะครับน้องเสี้ยว





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2555 เวลา:9:24:50 น.  

 
ชอบเรื่องที่เล่านะครับ

เรื่องเต้นหรือเรื่องศิลปะอะไรต่างๆเนี่ย เป็นเหมือนโลกอีกใบที่ผมไม่ค่อยจะเข้าใจเลยจริงๆ

ปล. กำลังสงสัยอยู่ว่าเจ้า 'พลังงงาน' ที่ว่าเนี่ย เชื่อมโยงผ่านหน้าจอกันได้ด้วยหรือเปล่า

เพราะอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกสะเทือนๆแปลกๆยังไงไม่ทราบครับ

:)



โดย: Amygdala IP: 161.200.100.2 วันที่: 15 กันยายน 2555 เวลา:18:22:35 น.  

 
คุณอมดล. ขอบคุณที่ยังมาเยี่ยมเยือนกันนะคะ เสี้ยวเชื่อว่า พลังงานแบบนี้มันส่งผ่านได้ทุกสื่อล่ะ ^_^


โดย: gluhp วันที่: 16 กันยายน 2555 เวลา:8:48:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
14 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.