ชู'เจริญภาวนา'บำบัดจิต-ปรับอีคิว แนะนำหลักสูตรสุขภาวะอารมณ์



นพ.เจมส์ วู จิตแพทย์จากไต้หวัน กล่าวในการประชุมนานาชาติด้านการสร้างเสริมสุขภาพครั้งที่ 21 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า กายและจิตเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกัน ความเครียดจึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ โดยพบว่าความเชื่อทางศาสนาพุทธ ในการกำหนดลมหายใจเข้าออก หรือการเจริญภาวนา ช่วยสร้างเสริมสุขภาพจิตได้ เรียกว่า "การสร้างเสริมสุขภาพผ่านสุขภาวะทางจิตปัญญา" ซึ่งบ่อยครั้งที่เราพบว่า ทั่วโลกมีความเครียด ซึมเศร้า และกดดันตัวเองจนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย หลายๆ ประเทศมีการทำสถิติออกมา พบว่าปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัวและจิตใจตนเอง ก่อความสับสนทำให้จิตคิดไม่เป็นระบบและนำไปสู่การทำร้ายตัวเองได้ ซึ่งอาจมีการดัดแปลงไปตามความเหมาะสมของประเทศ เช่น ไต้หวันอบรมผ่านแม่ชี พระสงฆ์ และประเมินพบว่า ร้อยละ 89 ของผู้ฝึกสามารถควบคุมสติได้ มักมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และมีเหตุมีผลในการไตร่ตรองเรื่องต่างๆ



"ปัญหาสุขภาพของมนุษย์ปัจจุบันมีเรื่องของสุขภาพจิตเกี่ยวข้องมากมาย เนื่องจากความใจร้อนและโทสะเป็นเหตุของความเครียด ทำให้เกิดผลที่ไม่ดีต่อสุขภาพกาย ซึ่งไต้หวัน ไทย และหลายๆ ประเทศ มีความเชื่อในหลักพุทธศาสนา การนั่งสมาธิและการเจริญภาวนา จึงเป็นเครื่องมือสำคัญของการสร้างเสริมสุขภาพจิต โดยอาศัยหลักคิดบวก ให้อภัย ปล่อยวาง มีเมตตาต่อผู้คิดร้าย และมีสติในการทำสิ่งต่างๆ" นพ.เจมส์กล่าว



รศ.นพ.ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ผอ.ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ม.มหิดล กล่าวว่า คนรุ่นใหม่ประสบปัญหาขาดสติในการจัดการจิตใจและความคิดตนเอง การจัดการทรัพยากรมนุษย์ตามกระแสสังคม โดยเน้นจัดระบบกลุ่ม ไม่ใช่การจัดระบบตามขั้นตอนของสภาพจิตใจตนเอง ม.มหิดลจึงต้องสอนหลักสูตรเรื่องจิตตปัญญา สร้างสุขภาวะทางอารมณ์ ์ให้ฉลาดพอที่จะจัดการตัวเองได้