เตือนไข้หวัดใหญ่ H1N1 ระบาด แพทย์แนะฉีดวัคซีนป้องกัน

คอลัมน์ รายงานพิเศษ



ไข้หวัดจัดเป็นการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้นที่พบได้บ่อย จากการสำรวจจากสหรัฐอเมริกามีรายงานผู้ป่วยเป็นไข้หวัด ต้องได้รับการรักษามากกว่าหนึ่งพันล้านครั้งต่อปี ในประเทศไทยยังไม่รายงานตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่ไข้หวัดพบได้บ่อยในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานรับเลี้ยงเด็ก



นพ.พอพล โรจนพันธุ์ สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย ศาสตร์ ร.พ. รามาธิบดี เปิดเผยว่า ไข้หวัดส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่สามารถแพร่กระจายจากการไอและจาม การสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งจากจมูก ปาก และดวงตาหลังจากสัมผัสกับบุคคลที่เป็นโรค ซึ่งความเข้าใจที่ว่าเราอาจป่วยเป็นไข้หวัดได้ จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั้งร้อนและเย็นเป็นความเข้าใจที่ผิด



อาการไข้หวัดมักจะเกิดขึ้น 2-3 วันหลังจากการรับเชื้อ ผู้ป่วยจะมีน้ำมูกไหล จาม อ่อนเพลีย มีไข้ต่ำๆ หรือไอแห้งๆ อาจมีอาการนานถึง 1-2 สัปดาห์ ถ้ามากกว่านั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจ แต่หากมีไข้สูง หายใจลำบากร่วมกับผื่นหรืออ่อนเพลียมาก ควรพบแพทย์เนื่องจากอาจเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่ หรือการติดเชื้อไวรัสชนิดอื่นๆ



ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่มี 3 สายพันธุ์ใหญ่ๆ คือสายพันธุ์ เอ บี และซี กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ปีนี้น่าเป็นห่วง คาดจำนวนผู้ป่วยจะมากกว่าปี 2556 เชื้อต้นเหตุคือสายพันธุ์เอ H1N1 หรือ 2009 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-22 มี.ค. 57 พบผู้ป่วยทั่วประเทศ 23,899 ราย เสียชีวิต 24 ราย




กลุ่มอายุที่มากที่สุดคือ เด็กและเยาวชน จังหวัดที่พบสูงสุด ได้แก่ ลำปาง เชียงใหม่ ระยอง อุตรดิตถ์ และพะเยา เชื้อไข้หวัดนั้นจะระบาดมากที่สุดในช่วงฤดูหนาว แต่สถานการณ์ของปีนี้ยังมีรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ใหม่อยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยโรคปอดและหัวใจเรื้อรัง หรือผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปี มีโอกาสเกิดโรครุนแรงกว่าผู้ป่วยรายอื่น



ส่วนการป้องกันการติดเชื้อคือการรับวัคซีน โดยจะถูกผลิตใหม่ทุกปี เนื่องจากไวรัสเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา



ผู้ที่มีภูมิต้านทานบกพร่อง มีโรคประจำตัว ควรรับวัคซีนทุกปี ส่วนบุคคลที่ต้องการรับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดการป่วยของโรคในกรณีที่จะเดินทางไปในบริเวณที่แพร่กระจายของโรคอยู่ ขอรับบริการได้ที่สถานพยาบาลภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ก่อนเดินทาง 1 เดือน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ผลข้างเคียงของวัคซีนอาจมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย หรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อใน 1-2 วัน ส่วนยาต้านเชื้อไวรัสอาจพิจารณาโดยแพทย์ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง