เที่ยวฉ่ำฝน (ที่ไม่ใช่ธรรมดา) ตอนที่ 4 ![]() ออกจากชุมทางศรีราชาท่ามกลางอากาศเริ่มแจ่มใสขึ้น ทำความเร็วได้สักพักใหญ่ ขบวนรถพิเศษก็แล่นผ่านสถานีบางละมุง ![]() ที่บางละมุง จะมีคลังจ่ายก๊าซบ้านโรงโป๊ะ ของ ปตท. ซึ่งจ่ายก๊าซ LPG สู่ขบวนรถบรรทุกก๊าซ ไปส่งยังคลังต่างๆ ในภูมิภาค คือ ขอนแก่น นครสวรรค์ และลำปาง ซึ่งคลังเหล่านี้จะจำหน่ายก๊าซแก่ลูกค้าที่มารับซื้อและขนถ่ายไปยังคลังเก็บตามปั๊มต่างๆ ตลอดจนอัดลงถังบรรจุให้ร้านจำหน่ายก๊าซเพื่อนำไปใช้ในครัวเรือนด้วยครับ เท่าที่ทราบ จะไม่มีขบวนรถบรรทุกก๊าซไปยังคลังในภาคใต้เลย เข้าใจว่าขนส่งก๊าซทางเรือจะประหยัดกว่า ![]() มีการจอดแวะที่สถานีพัทยา เพื่อรับเสบียงอาหารว่างจากชมรมผู้สูงอายุเมืองพัทยา ซึ่งสนิทสนมกับผู้จัดทัวร์ แจกจ่ายให้ลูกทัวร์บนขบวนรถด้วยครับ และตั้งแต่สถานีพัทยาเป็นต้นไป จะมีแต่เสียงฆ้อนทุบกระบอกไม้ไผ่เป็นระยะๆ เพราะของที่นำมาฝาก เป็นข้าวหลามหนองมนมีขนาดเท่าเลนส์ซูมตัวเขื่องๆ ทีเดียว ![]() ![]() หลังจากลอดสะพานลอยถนนมอเตอร์เวย์ ที่พัทยากลางแล้ว ขบวนรถจะผ่านที่หยุดรถพัทยาใต้ครับ ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณหาดจอมเทียนมากที่สุด ![]() ด้วยเวลาที่กระชั้นเข้ามา ผู้จัดไม่ได้แวะสถานีวัดญาณสังวราราม และสวนนงนุชครับ ขบวนรถแล่นผ่านตลอดจนถึงสถานีบ้านห้วยขวาง แน่นอนครับ คงไม่ใช่ชื่อเขตที่อยู่ใน กทม. ![]() ![]() ขณะที่ทำความเร็วอยู่ดีๆ พขร.ได้ชักหวีดยาวและลงห้ามล้อฉุกเฉิน ทำเอาบรรดาลูกทัวร์ต่างชะโงกดูกันเป็นแถว พบตัวต้นเหตุซึ่งหยุดรถแทบจะเกยขบวนรถไฟ ตรงทางตัดนี้ ![]() อยากจะยกให้เป็นตัวอย่างเพื่อแก้ต่างว่า เวลามีอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถยนต์ตรงทางตัดทีไร สื่อมักจะพาดหัวสร้างสีสันขึ้นมาทันทีว่า ทางตัดไม่มีเครื่องอุปกรณ์กั้นทาง คนขับรถยนต์มองไม่เห็นรถไฟ จึงถูกชน แต่ไม่เคยมีสื่อใดคุ้ยหาสาเหตุกันจริงๆ ว่า คนเราสมัยนี้ หูแทบหนวก ตาแทบบอด ไม่รู้ ไม่สังเกต ไม่ทราบ และขาดวินัยการระวังความปลอดภัยขณะขับรถ ชีวิตถึงได้สั้นลงกว่าที่ควร ![]() เห็น พขร.ชี้นิ้วเป็นเชิงด่าไปที่คนขับรถยนต์ พร้อมด้วยสายตาที่ขุ่นเขียวเกือบทุกคู่ในขบวนรถ โฟกัสไปเป็นตาเดียว คงสะกิดความรู้สึกได้บ้างกระมัง ? ![]() ![]() เวลาราวบ่ายสามโมงเศษๆ ขบวนรถแล่นเข้าสู่สถานีชุมทางเขาชีจรรย์ ซึ่งมีทางรถไฟอีกสายหนึ่งแยกซ้ายจากที่นี่ไปยังนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง แต่ตอนนี้ ขอตรงเข้าสู่สถานีบ้านพลูตาหลวงก่อนครับ ![]() จากชุมทางเขาชีจรรย์ เส้นทางรถไฟจะข้ามถนนเลี่ยงเมืองสัตหีบ ก่อนเข้าโค้งสวยๆ นี้ แล้วค่อยๆ ชลอความเร็วเพื่อสู่สถานีบ้านพลูตาหลวง ![]() ผ่านโรงซ่อมรถโดยสาร JR West ที่ได้รับมอบจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนรถโดยสารชานเมือง โดยว่าจ้างเอกชนทำการปรับปรุงซ่อมแซมตัวรถ ![]() แต่อย่างไรก็ไม่ทราบครับ ผู้รับจ้างกลับทิ้งงาน คาราคาซังจนกระทั่งโรงงานกลายสภาพรกเป็นป่า เป็นระยะเวลานานร่วม 10 ปีแล้ว ![]() ![]() แล้วขบวนรถไฟพิเศษเข้าจอดเทียบชานชาลาสถานีบ้านพลูตาหลวง ปลายทางแห่งที่สองของคณะทัวร์นี้ โดยรถไฟจะจอดรออยู่ที่นี่ ปล่อยให้ผู้จัดนำลูกทัวร์ไปชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ที่ริมอ่าวเทียนทะเล ก่อนที่จะกลับมาขึ้นรถไฟเพื่อออกเดินทางกันต่อไป ![]() ตามแผนการที่กำหนดไว้แต่แรกนั้น ทางผู้จัดได้กำหนดให้ขบวนรถไฟไปส่งคณะทัวร์ถึงท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ แต่หลังจากประสานงานด้านรายละเอียดแล้ว ได้รับแจ้งว่า ทางรถไฟช่วงสถานีบ้านพลูตาหลวง เข้าไปยังบริเวณท่าเรือสัตหีบที่จุกเสม็ดนั้น ถูกปกคลุมไปด้วยบรรดาไม้พุ่มขนาดใหญ่ ไม่สามารถเดินรถเข้าไปได้ ผู้จัดจึงได้ปรับแผน โดยประสานกับทางฐานทัพเรือสัตหีบ จัดรถบัสมารอรับคณะทัวร์ที่หน้าสถานี เพื่อเดินทางต่อไปยังอ่าวจุกเสม็ดและศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลครับ ขึ้นรถพร้อมสรรพแล้ว ล้อหมุนได้เลย... ![]() ![]() รถบัส ออกจากสถานี ตรงไปยังสี่แยก กม.10 ผ่านโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา หน่วยงานทหารของกองทัพเรือ ก่อนเลี้ยวข้ามทางรถไฟไปท่าเรือสัตหีบ เข้าสู่ประตูทางเข้าหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล จะอยู่ในพื้นที่ของหน่วยงานแห่งนี้ครับ ![]() เห็นสภาพทางรถไฟไปยังท่าเรือฯ สัตหีบ แล้ว พอเข้าใจเหตุผลที่ว่า การจัดรถบัสไปรับคณะนักท่องเที่ยว จะสะดวกกว่า ก่อนที่ท่าเรือแหลมฉบังจะเปิดใช้งานนั้น เส้นทางรถไฟสายสัตหีบจะมาสิ้นสุดที่ท่าเรือพาณิชย์ฯ ตรงจุกเสม็ดครับ ซึ่งเป็นท่าเรือของทหารด้วย ในภายหลัง การขนส่งสินค้าต่างๆ จะไปอยู่ที่แหลมฉบัง การใช้งานท่าเรือแห่งนี้จึงเลิกโดยปริยาย ทำให้เส้นทางรถไฟเข้าสู่ท่าเรือฯ สัตหีบพลอยรกร้างไปด้วย แต่ยังมีการใช้เส้นทางเป็นครั้งคราว เพื่อให้ขบวนรถไฟขนตู้ ตญ.ใช้ทำปะการังเทียมมายังท่าเรือแห่งนี้ ก่อนนำขึ้นเรือไปถ่วงลงทะเลตามจุดต่างๆ ที่กำหนดกันไว้ล่วงหน้าต่อไป ![]() หลังจากวนเวียนไปตามถนนภายในหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง อีกเล็กน้อย รถบัสได้มาจอดที่ลานหน้าศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ริมอ่าวจุกเสม็ด ปล่อยให้คณะลูกทัวร์ลงเดินชมศูนย์อนุรักษ์ และพักผ่อนรับบรรยากาศในอ่าวกันตามอัธยาศัย ![]() ขอนำภาพโดยรอบบริเวณมาให้ชมกันก่อนนะครับ เสียดายตรงที่เป็นเวลาเข้าบ่ายคล้อย มีการย้อนแสง ชวนให้หน้ามืดไปหน่อย ![]() ตรงไปด้านหน้าจะเห็นเกาะหมู เกาะเตาหม้อ และเกาะพระ ตามลำดับ ด้านซ้ายสุดเป็นบริเวณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลเดช ซึ่งก่อสร้างเพิ่มเติม ในพื้นที่ท่าเรือจุกเสม็ดครับ ![]() กลุ่มอาคารของอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ซึ่งอู่แห่งนี้สามารถสนับสนุนการซ่อมทำเรือขนาดใหญ่ เช่น ร.ล.จักรีนฤเบศร, ร.ล.สิมิลัน, ร.ล.พุทธยอดฟ้า, ร.ล.นเรศวร, ร.ล.ตากสิน, ร.ล.เจ้าพระยา, ร.ล.บางปะกง,ร.ล.กระบุรี, ร.ล.สายบุรี เป็นต้น ถ้าหากรถไฟเข้าไปจอดบริเวณท่าเรือสัตหีบซึ่งอยู่ด้านหลังอู่ได้ อาจเห็นเรือหลวงจักรีนฤเบศร์ จอดเป็นสง่าอยู่บริเวณปลายท่า แต่ตอนนี้ ดูแค่เรือลำเลียงน้ำมันกันไปก่อน ฮ่าๆๆ ท่าทางจะจอดไว้ค่อนข้างนาน ดูภาพจาก google earth มีภาพเรือลำนี้ติดอยู่ด้วยครับ ![]() ![]() หันไปยังมุมมองด้านขวามือบ้าง จะเป็นหาดเทียนทะเล ซึ่งมีเวิ้งอ่าวที่สวยมาก ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ว่าการ อ.สัตหีบ และบริเวณฐานทัพเรือ ![]() กลับมาด้านใกล้ตัว จะมีเต่ายักษ์กาเมร่า รอให้นักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปโพสต์ท่าหน้ากล้อง ให้ลองฝีมือถ่ายภาพอิริยาบทต่างๆ ตามอัธยาศัย ![]() ในตอนต่อไป เราเปลี่ยนสถานที่ไปชมภายในศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกันดีกว่า ![]() ดูน่าสนุกจังเลยอ่ะค่ะ
โดย: Pum & Knott
![]() |
บทความทั้งหมด
|