สะบายดี...จำปาสัก (ตอนสุดท้าย) หลังจากอิ่มเอมกับบรรยากาศภายในอุทยานบาเจียงจำปาสัก และน้ำตกผาส่วมกันแล้ว ถึงเวลาบ่ายคล้อย คณะทัวร์ก็ออกเดินทางจากอุทยานฯ วิ่งตียาวผ่านเมืองปากเซ กลับมาที่ด่านบ้านช่องเม็กล่ะครับ มาบรรจบกับแยกทางหลวงสาย 23 อีกครั้งหนึ่ง ก่อนเลี้ยวขวาลงจากภูเพียงบอละเวน มายังเมืองปากเซ ช่วงขากลับ ผมได้เห็นบริเวณโรงงานอันใหญ่โตของกลุ่มบริษัท ดาว จำกัด ซึ่งน้องเหลือง ไกด์ลาวประจำรถซึ่งเคยเป็นลูกจ้างบริษัทดังกล่าวช่วงเรียนหนังสือ บอกว่าเป็นโรงงานผลิตกาแฟผงใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกทีเดียว แต่ผมคิดว่าน่าจะมีมากกว่าโรงงานเดียวครับ เพราะกลุ่มบริษัทนี้ นอกจากจะมีโรงงานผลิตกาแฟผง และกาแฟสำเร็จรูปแล้ว ยังมีโรงงานผลิตชา ผลไม้อบแห้ง และโรงงานผลิตน้ำดื่มยี่ห้อ "ดาว" อีกด้วย สวนกับรถประจำทางสายกำแพงนครเวียงจันทน์ - ปากเซ - สาละวัน ในช่วงบ่าย โรงเรียนประถมสมบูรณ์ริมเส้นทาง มีขนาดกระทัดรัดคือชั้นละห้องเท่านั้น แต่มีทุกหมู่บ้าน ทำให้ผมนึกถึงหนังเรื่อง "ครูบ้านนอก" ขึ้นมาทันใด ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่ดูแล้วใหญ่โตพอๆ กับสาขาของโฮมโปรในบ้านเราครับ ผมว่าบริษัทนี้คงมีกิจการที่ใหญ่โต เพราะเห็นมีสาขาอยู่หลายแห่งในเมืองปากเซ เพิ่งเห็นห้างซูเปอร์สโตร์ของเมืองปากเซบ่ายวันนี้เอง แต่อยู่ห่างตัวเมืองพอสมควร จนผมคิดว่าหากจะเดินทางมาซื้อสินค้าแล้ว ต้องเป็นประเภทที่ตั้งใจมาซื้อจริงๆ นั่นแหละครับ กลับเข้าสู่ความจอแจของตัวเมืองปากเซอีกครั้งหนึ่ง ผ่านโรงแรมจำปาสัก แกรนด์ ที่อยู่โดดเด่นบนเนินริมแม่น้ำโขง จากห้องพักที่โรงแรมจำปาสัก พาเลส ก็มองเห็นกันได้ ได้เวลาอำลาเมืองปากเซแล้วสิครับ เมื่อรถทัวร์เริ่มข้าม "มัวมิดตะพาบ ลาว - ยี่ปุ่น" กลับสู่บ้านช่องเม็ก ตัวแม่น้ำโขงอันกว้างใหญ่ เป็นผลมาจากหมู่เกาะสี่พันดอนกั้นเอาไว้ก่อนเข้าดินแดนกัมพูชา ทำให้น้ำโขงที่นี่ไม่แล้งขาดช่วงเหมือนที่แห่งอื่น ขอบันทึกภาพเป็น "ที่ละนึก"ว่า ครั้งหนึ่ง ผมเคยนั่งรถยนต์ข้ามแม่น้ำโขง ผ่าน "ขัวมิดตะพาบ ลาว-ยี่ปุ่น" มาแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยู่ในดินแดนลาวทั้งหมดก็ตาม ขอบันทึกภาพย้อนไปทางฝั่งปากเซด้านใต้อีกสักนิด โดยมี "พูเพียงบอละเวน" ตั้งเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ ด้านซ้ายภาพ ก่อนแม่น้ำโขงจะหายลับจากสายตา อาคารหลังนี้ ตอนแรกที่ผมเห็นยังนึกว่าเป็นโรงแรมแห่งใหม่ แต่มาทราบภายหลังว่าเป็นบ่อนคาสิโน แต่โครงการล่มก่อนเปิดให้บริการ พี่ที่รู้จักกันบอกว่า อาจเป็นอาถรรพ์มาจากบริเวณที่ตั้ง อยู่ติดภูพระธาตุ ทำให้ขัดกับโชคลาภ ถึงแม้ว่าทิวทัศน์โดยรอบจะสวยงามมากก็ตาม เรื่องนี้ต้องฟังหูไว้หูก่อนนะครับ... เส้นทางแยกไปยังเมืองจำปาสัก และ "ปราสาทหินวัดพู" โดยมีเส้นทางต่อไปยัง "สามเหลี่ยมมรกต" (ไทย-ลาว-กัมพูชา) ได้อีกด้วย แต่ยังเดินทางไม่ค่อยสะดวกนัก เห็นภาพนี้ ทำให้ผมนึกได้ว่าเป็นวันหวย(ลาว)ออกนี่นา เพราะมีการตั้งโต๊ะเขียนโพยหวยแทบทุกหมู่บ้านเลย เสียงเฮฮาในรถเริ่มดังขึ้นอีก กระเซ้าเย้าแหย่กับน้องเหลืองเรื่องเลขเด็ดวันนี้ แล้วเลยเถิดไปถึงเรื่องอาหารการกิน ลงท้ายไปที่เห็ดเผาะ โดยมีข้อสรุปว่าหากต้องการ สามารถหาซื้อจากแม่ค้าที่ด่านบ้านวังเต่าในราคาท้องถิ่น ก่อนกลับเข้าสู่ประเทศไทย สภาพท้องนาเจิ่งน้ำ จากฝนที่กระหน่ำลงมาถึง 2 คืนซ้อนครับ ยังคิดอยู่ว่า ทางฝั่งอุบลราชธานีจะมีฝนตกอย่างนี้หรือเปล่าหนอ ? แล้วการเดินทางจากลาวตอนใต้ มาหยุดลงที่ด่านบ้านวังเต่า ก่อนที่รถจะมาถึงบ้านวังเต่า ทางคณะทัวร์ในรถได้มอบเงินสินน้ำใจซึ่งรวบรวมกันเองแก่น้องเหลือง ไกด์ลาวประจำรถ ที่พบหน้าเพียงสามวันแต่ทำให้สนิทสนมเหมือนพี่น้องที่คุ้นเคยกันมานานนับปี โดย ผอ.สำนักวิทยบริการ มข.เป็นผู้มอบให้ในรถ น้ำใจจากชาวคณะ สร้างความตื้นตันใจแก่ไกด์ลาวเป็นอย่างยิ่ง บอกว่าเดินทางครั้งนี้สบายที่สุด รถก็ใหม่ แอร์ก็เย็น แถมมีเครื่องเสียง โทรภาพในรถให้ดูชมอีกด้วย และซาบซึ้งใจคนไทยในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง และหวังว่าคงมีโอกาสได้รับใช้กันอีกในหนหน้า หรือหากไปเจอกันที่ ม.ขอนแก่นล่ะก็ ไม่มีการอดหยากปากแห้งแน่นอน น้องผมบอกว่า เงินสินน้ำใจที่ไกด์แต่ละรายได้รับนั้น จะนำไปเป็นเงินกองกลางเฉลี่ยให้แก่ไกด์ทุกรายนอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับด้วยครับ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบ้านวังเต่าของ สปป.ลาว ขณะที่ลูกทัวร์หายเข้าไปอยู่ในร้านปลอดภาษี "ดาวเฮือง" ส่วนไกด์กับผู้จัดทัวร์นั้น เข้าไปติดต่อด้านเอกสารเกี่ยวกับคณะผู้เดินทางเข้าออกประเทศและชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อนเข้าสู่ประเทศไทย และมีลูกทัวร์บางส่วน เข้าไปมุงดูและซื้อเห็ดเผาะจากแม่ค้า นำกลับบ้านตามที่พูดไว้ด้วยล่ะ ครั้นได้เวลา ทางผู้จัดทัวร์ได้ประกาศเรียกลูกทัวร์ทัวร์เข้ามารวมตัว แล้วนำลอดอุโมงค์เข้าสู่ด่านบ้านช่องเม็ก น้องผมเลยถือโอกาสร่ำลาน้องเหลือง ก่อนเดินตามคณะเข้าสู่ประเทศไทย ทราบจากน้องเหลืองว่า หลังจากที่คณะทัวร์กลับเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว บรรดาไกด์ลาวที่เสร็จภารกิจ จะชวนกันขึ้นรถสองแถวกลับสู่ปากเซ ไปพักผ่อน และรอรับงานใหม่กันต่อไป ได้เวลากลับเข้าสู่ประเทศไทยแล้วล่ะครับ กับบรรยากาศอีกนิดๆ หน่อยๆ ก่อนขึ้นจากอุโมงค์ ภาพที่ระลึกเมื่อกลับเข้าสู่ประเทศไทย ที่ด่านบ้านช่องเม็ก กับรถโดยสาร บขส.ระหว่างประเทศ ปากเซ - อุบลราชธานี ขณะรอผู้โดยสารกำลังผ่านกระบวนการข้ามด่านบ้านช่องเม็กเช่นกันครับ ยืนสูดอากาศยามเย็นขณะรอรถทัวร์ที่กำลังแล่นข้ามแดนตามมา พร้อมกับปรับความเคยชินกันใหม่ หลังจากขึ้นรถกลางถนนมาสองวันเต็มๆ รถจอดแวะให้รับประทานมื้อเย็นที่ร้าน "กกขาม" ริมแม่น้ำมูล ก่อนขับตียาวฝ่าสายฝนช่วง จ.ยโสธร - ร้อยเอ็ด นำลูกทัวร์ไปส่งที่ มข.ตามกำหนดการในเวลาเที่ยงคืนพอดี ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมจนจบเรื่องครับ ......................... ขอขอบคุณ - สำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เจ้าภาพการจัดทัศนศึกษาข้ามแดนในครั้งนี้ - ทีมงานบริษัท สไมล์ สไมล์ ทราเวล จากเมืองอุดรธานี ที่สามารถตะล่อมให้ลูกทัวร์สามารถเดินทางและเข้าชมสถานที่ต่างๆ ได้ตามกำหนดการ โดยไม่มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ - น้องเหลือง ไกด์ลาวประจำรถ ที่แนะนำสถานที่ต่างๆ ตลอดจนเรื่องน่ารู้สัพเพเหระต่างๆ ในเมืองลาว รวมถึงการอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่คณะทัวร์ด้วย - พี่น้องชาวลาวทุกคนที่ยังคงมีน้ำใจใสสะอาด บริสุทธิ์ใจต่อนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเยือน สะบายดีทุกท่าน |
บทความทั้งหมด
|