มิงกาลาบาห์ เมียนมาร์ ( 10 ) อย่างไรก็ตาม เสียง morning call เช้าวันรุ่งขึ้นดังขึ้นเวลา 04.00 น. จนเริ่มเป็นเสียงที่เคยชินสำหรับคณะทัวร์ไปแล้ว หลายราย เริ่มกระวีกระวาดลงไปดูการปล่อยบัลลูนที่สนามใกล้ๆ โรงแรม แต่พบว่าดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจ มีหมอกค่อนข้างหนาปกคลุมไปทั่ว การปล่อยบัลลูนต้องงด จึงทะยอยกันกลับมาด้วยความไม่สมหวัง สำหรับผม ซึ่งเคยเห็นการปล่อยโคมลอยบ่อยๆ ในสมัยเด็ก กลับคิดว่า ไม่เป็นไร ไม่ได้ดูบัลลูน แต่เคยดูโคมลอยทดแทนก็แล้วกัน ![]() เช้าวันนี้ คณะทัวร์ได้พร้อมกันเพื่อรอขึ้นเครื่องบินไปยังสนามบินเฮโฮ รัฐฉาน ยังมีนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่แห่งอื่นอีก เช่น เมืองมัณฑะเลย์ ย่างกุ้ง หรือไปยังเมืองอื่นในรัฐฉาน เช่น เชียงตุง ลาเฉียว ก็มี บรรยากาศจึงคึกคักเป็นพิเศษในเช้าวันนี้ ![]() พอได้เวลา เครื่องบินของบริษัท Yangon Airways จากเมืองย่างกุ้ง บินมาถึงสนามบินยองอู ก่อนที่จะรับผู้โดยสารต่อไปยังสนามบินเฮโฮ รัฐฉาน เป็นลำดับต่อไป ซึ่งรัฐฉานนี้ เป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในบรรดารัฐทั้งหมดของประเทศพม่า ![]() ว่าถึงการโดยสารเครื่องบินสำหรับผม บทที่จะไม่มีก็ห่างเหินไปมาก ครั้นพอได้เดินทางกันจริงๆ กลับประดังเข้ามาแทบจะรายวัน แถมเป็นเครื่องจากหลากบริษัทด้วยสิ แต่เป็นที่ต่างประเทศนะ ![]() ด้วยระยะเวลาบินเพียงลูกอมคนละสองเม็ดที่สายการบินนำมาแจกให้ผู้โดยสาร ชาวคณะได้เดินทางมายังสนามบินเฮโฮโดยสวัสดิภาพ แต่ตอนนี้ขอดูโฉมแอร์โฮสเตสไปพลางๆ ก่อน ![]() สนามบินเฮโฮ เป็นสนามบินขนาดเล็ก แต่รองรับบริการจากเครื่องบินหลากบริษัท ซึ่งล้วนแต่ใช้เครื่องกังหันใบพัดทั้งสิ้น เรียกว่าไม่แตกต่างกันสักนิดเรื่องยี่ห้อเครื่อง ต่างเพียงชื่อสายการบินที่ให้บริการเท่านั้น แถมเป็นสายการบิน low cost ทั้งหมดอีกด้วย ![]() ครั้นคณะทัวร์ขึ้นรถพร้อมหน้ากันเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าทัวร์และไกด์ ช่วยกันสรุปรายการนำเที่ยวประจำวันนี้โดยมิรอช้า เป็นรายการนั่งเรือล่องทะเลสาบกันทั้งวัน โดยแวะชมที่ วัดผ่องต่ออู วัดงาเพจอง สวนผักลอยน้ำ โรงงานผ้าทอใยบัว และโรงงานผลิตบุหรี่ไชโย สำหรับเส้นทางที่จะต้องเดินทางข้ามเขาไปนั้น มีปลายทางที่เมืองใหญ่ของรัฐฉาน คือเมืองตองยี ซึ่งรวมทั้งเป็นปลายทางรถไฟสายย่างกุ้ง - มัณฑะเลย์ แยกจากชุมทางทาซีอีกด้วย หัวหน้าทัวร์กล่าวหยอกเอินว่า วันนี้ไกด์อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะนำชมบ้านของตัวเอง ทั้งๆ ที่บ้านอยู่จริงนั้น เมืองเชียงตุง ต้องนั่งเครื่องบินต่อไปอีกนานร่วมชั่วโมง ![]() จากเฮโฮไปไม่เท่าไหร่ เส้นทางเริ่มคดเคี้ยวลัดเลาะไปตามไหล่เขาของรัฐฉาน โดยมีเส้นทางรถไฟสายตองยี แล่นสลับกันไปมา ![]() บางช่วง มีการปรับปรุงเส้นทางเพื่อลดค่าโค้งผ่านภูเขา ทำให้เส้นทางแบ่งออกเป็นสองเส้นแยกต่างหาก โดยที่ยังมีรถวิ่งบนเส้นทางแต่ละสายโดยไม่ปะปนกันอีกด้วย ![]() มีอยู่ช่วงหนึ่ง เส้นทางรถไฟได้แยกขวาข้ามสะพานไปยังอีกฝั่งหนึ่งของหุบเขา เสียดายที่คว้ากล้องมาบันทึกภาพไว้ไม่ทันครับ เพราะมีคนงานอยู่กลุ่มใหญ่ทำหน้าที่บำรุงทางอยู่ช่วงนั้นด้วย มาเปิดดูจาก google earth ยิ่งเสียดายหนักเข้าไปอีก เพราะเป็นสะพานรถไฟอันมีชื่อเสียงนามว่า Bava Than Tha Yar Bridge ซึ่งทางรถไฟพอข้ามสะพานแล้ว จะโค้งซ้ายวนต่ำ ลอดตัวสะพานอีกทีหนึ่ง สู่เมืองตองยีต่อไป ขอยืมภาพจาก google earth ครับ ![]() แล้วถนนก็ลดลงต่ำสู่บริเวณที่ราบสูง อันเป็นที่ตั้งของเมืองฉ่วยยอง ต้องขออภัยที่เรียกชื่อลำลองไปก่อนนะครับ ชื่อจริงอาจเรียกไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า shwenyaung ![]() ปั๊มน้ำมันเริ่มมีให้เห็นประปราย ![]() รถอีแต๋นสไตล์พม่า ต่างจากของบ้านเราตรงที่เราวางเครื่องแนวขวาง ส่วนของเขาวางตามแนวนอนครับ ![]() รถอีหอบ เหมือนๆ กับของบ้านเรา เพราะมาจากต้นตำหรับของชาวญี่ปุ่น ![]() ที่น่าทึ่งไม่เหมือนใครตรงที่ขบวนของทั่นอธิบดีกรมทางนี่แหละ เดินลอยชายยกฝูงผ่านตลาดหน้าตาเฉย ![]() ผ่านชุมชนเมืองฉ่วยยองได้สักพัก รถก็เลี้ยวขวาสู่เส้นทางเข้าเมืองยองฉ่วย อันเป็นเมืองท่าต้นทางล่องทะเลสาบอินเล ![]() เส้นทางสายนี้เป็นเส้นทางลาดยางสองเลน มีรถราวิ่งสวนไปมาแทบไม่ขาดสาย แต่มีอยู่ช่วงหนึ่ง รถต้องหยุดรอให้รถที่สวนทางมาวิ่งมาก่อน เพราะข้างหน้ากำลังมีการซ่อมบำรุงทางพอดี ![]() เห็นวิธีการซ่อมบำรุงทาง ยังเป็นการซ่อมปะผิวจราจรแบบเก่าครับ ซึ่งบ้านเราได้เปลี่ยนไปใช้วิธีซ่อมบำรุงแบบแอสฟัลติกหมดแล้ว ![]() อาจเป็นเพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไม่มาก ประหยัดงบประมาณกระมัง ? ![]() มีคนงานผู้หญิงด้วยแฮะ ![]() แล้วเราได้มีโอกาสเห็นทะเลสาบอินเลเป็นครั้งแรก แต่ปลายทางยังอยู่อีกไกล ![]() มีการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งอีกด้วย ![]() จอดรถเพื่อชำระเงินค่าเข้าชมทะเลสาบอินเลกันก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวมาเป็นคณะ หรือแบกเป้มาคนเดียว ต้องชำระไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เงินที่ได้ ไม่ได้เอาไปใช้ที่ไหน ก็บำรุงแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆแหละ ซึ่งเราจะได้เห็นกันต่อไป สังเกตธงของรัฐฉาน คงจะเป็นที่สนใจของรัฐบาลเมียนมาร์มาก มีการขอยืมไปใช้โดยเปลี่ยนจากรูปวงกลมสีขาว เป็นดาวขาวแทน ข้อนี้ผมว่าเองนะ ฮ่า... ![]() มาถึงเมืองยองฉ่วยแล้วครับ ต้นทางท่าเรือล่องทะเลสาบอินเล ![]() หน้าตาของเมืองก็ประมาณนี้แหละ จะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่าครึ่งค่อน ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวฝรั่งมังค่ามากกว่า ![]() หัวหน้าทัวร์ปล่อยอิสระให้ชาวคณะลงไปซื้อข้าวของเบ็ดเตล็ดที่ร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่ติดแอร์นะครับ แว่บลงไปดูพักหนึ่ง นึกดีใจทีมีขนมขบเคี้ยวจากเมืองไทยวางขายกันหลายยี่ห้อ ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อย เมื่อเทียบกับของที่ผลิตจากโรงงานในประเทศเขา หรือ มาจากประเทศจีน ![]() และเราได้มาถึงท่าเทียบเรืออันมีเรือหลากสี หลายบริษัทที่จอดรอรับลูกค้าครับ หลังจากนั้น ต่างออกแรงยกข้าวของบนรถมากองเรียงกันเพื่อลงเรือบริการไปยังโรงแรมที่พักในคืนนี้ แต่เจ้าของกระเป๋า ต้องทนรอนแรมในเรือไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในทะเลสาบกันแทบทั้งวัน ก่อนที่จะมาเจอกระเป๋าของตัวเองในตอนเย็น ซึ่งมานอนรอที่โรงแรมตั้งนานแล้ว ![]() แผนที่สังเขปบริเวณทะเลสาบ พร้อมที่ตั้งของจุดที่น่าสนใจ จุดที่เรากำลังยืนอยู่ ด้านบนสุดของแผนที่ครับ ![]() กำลังมองหาเรือที่จองไว้ให้เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือสำหรับนักท่องเที่ยว 4 ลำ และเรือที่ขนกระเป๋าไปยังโรงแรมโดยเฉพาะ อีก 1 ลำ ![]() เรือเหล่านี้ ปกติหากใช้ขนผู้คนไปมาในทะเลสาบ ผู้โดยสารจะนั่งรวมกันที่ท้องเรือนั่นแหละ ความจุเรือราวเที่ยวละ 20 คน หากเป็นเรือสำหรับนักท่องเที่ยว จะจัดเก้าอี้นั่งไว้ให้ลำละ 5 คน และต้องจัดชูชึพให้สวมครบทุกที่นั่ง ผ้าห่มกันละอองน้ำ และร่มกันแดดคนละคันอีกด้วย ผู้โดยสารที่สวมชูชีพแล้ว เห็นสะดุดตาตั้งแต่ไกลเชียวล่ะ ![]() ขอยืมภาพจากน้องมาโชว์ให้เห็นถึงส่วนที่เป็นหางเรือ จะเป็นหางสั้น ไม่หางยาวแบบของบ้านเรา เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาใบพัดติดพันสาหร่ายน้ำจีดในทะเลสาบที่มีอยู่มากมาย ส่วนเครื่องยนต์นั้นเป็นเครื่องเบนซินครับ ด้วยรูปแบบลำเรือที่ออกแบบเหมือนมีดดาบโบราณ ทำให้เรือพุ่งฉิวออกไปได้ไม่ยาก ![]() จากท่าเรือ เราจะแล่นไปตามคลองอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะออกสู่ผืนน้ำอันกว้างขวางของทะเลสาบอินเล ![]() โดย: สมาชิกหมายเลข 4507140
![]() |
บทความทั้งหมด
|