ประโยชน์ของข้าวสารดอกเล็ก (สมุนไพร)
ชื่ออื่น ๆ : เมือยสาร(ชุมพร) เคือคิก(สกลนคร) ข้าวสารดอกเล็ก(กรุงเทพฯ)
ชื่อสามัญ : -
ชื่อวิทยาศาสตร์ : raphistemma hooperianum Decne.
วงศ์ : ASCLEPIADACEAE

ลักษณะทั่วไป

  • ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ลำต้นมีความสูง เกลี้ยง และมียางสีขาว
  • ใบ : จะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะรูปไข่ หรือรูปไข่แกมขอบขนาน ตรงปลายใบของมันจะแหลมเป็นหางยาว ส่วนขอบใบจะเรียว โคนใบเว้าทั้ง 2 ข้างจะห้อยเป็นรูปติ่งหู มีความกว้างประมาร 2-10.5 ซม. และยาวประมาณ 4-15 ซม.เนื้อในจะบาง ตรงด้านบนที่โคนเส้นกลางใบจะมีขนสั้น ๆ และจะออกเป็นกระจุก ก้านใบเรียวเล็กและยาว ประมาณ 2-7 ซม.
  • ดอก : จะออกเป็นช่อตามง่ามใบ มีขนาดเล้ก มีกลิ่นหอม ก้านช่อดอกยาวประมาณ 0.25-5.55 ซม. และมีก้านดอกยาวประมาร 1.25-3.5 ซม. ส่วนกลีบรองกลีบดอกรูปนั้นรูปไข่ปลายมน ยาวประมาร 3-4 มม. ตรงโคนจะเชื่อมติดกัน กลีบดอกนั้นจะมีอยู่ 5 กลีบ มีสีขาวก็จะกลายเป็นสีเหลืองอ่อน ส่วนดคนจะเชื่อมติดกันเป็นท่อยาวราว ๆ 8-9 มม. ตรงปลายจะแยกออกเป็น 5 กลีบ จะมีลักษณะยาวกว่าท่อดอกเล้กน้อย ที่ปลายของกลีบนั้นจะมีสีแต้มสีม่วงและจะบานเต็มที่มีความกว้างประมาณ 2.5-3 ซม.
  • เกสร : เส้าเกสรนั้น จะมีสีขาว และยาวประมาณ 10-13 มม.
  • ผล : ลักษณะผลจะเป็นฝักรูปไข่ แกมขอบขนานยาวราว 14 ซม.

การขยายพันธุ์ : โดยการนำมาเมล็ดมาเพาะ ชอบขึ้นตามชายป่าดิบทั่ว ๆ ไป

ส่วนที่ใช้ : ผล และดอก

สรรพคุณ :

  • ผลและดอก ใช้เป็นอาหาร ส่วนในเมล็ดจะมี cardiac glycoside ที่เป็นพิษ

อ้างอิง : พจนานุกรม สมุนไพรไทย ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม



ขอบคุณข้อมูลจาก samunpri.com




Create Date : 03 สิงหาคม 2557
Last Update : 3 สิงหาคม 2557 4:05:46 น.
Counter : 432 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

vnize
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



สิงหาคม 2557

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
3 สิงหาคม 2557
All Blog