ชื่ออื่น ๆ : มกโคดม มุทโคดม(ภาคใต้) ข้าวป้างนก ข้าวป้างหางช้าง(ภาคเหนือ) เกาเลี้ยง ฮวงซู่ (จีน) จังหันมะพุด สมุทรโคดม (ภาคกลาง)
ชื่อสามัญ : Negro Guinea Grass, Millet Grass,Sorghum,
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Sorghum vulgare Pers.
วงศ์ : GRAMINEAE
ลักษณะทั่วไป
- ต้น : เป็นพรรณไม้จำพวกหญ้า ลำต้นนั้นจะกลมและมีความสูงประมาณ 3-4 เมตร จะเห็นได้ชัดเจนตามบริเวณข้อจะมีขนสั้นสีน้ำตาล
- ใบ : จะออกสลับกัน ตัวใบนั้นแคบเป็นเส้นยาวประมาณ 50 ซม. กว้างประมาณ 4 ซม. ตามท้องใบจะไม่มีขนแต่จะมีผงสีขาวนวล เส้นตรงกลางใบจะแข็ง ปลายใบขอลมันแหลมคม ขอบใบและหลังใบจะมีขนสั้น ๆ
- ดอก : จะออกเป็นช่อตรงปลายยอด ยาวประมาณ 30 ซม.
- เมล็ด(ผล) : ผลที่แก่จะมีเนือ้แข็ง ผิวภายนอกจะเป็นมัน จะมีลักษณะกลมเท่าเมล็ดพรกไทย โผล่พ้นออกมาจากเปลือก ส่วนเมล็ดจะมีสีน้ำตาลออกเทา จะมีแป้งมาก
การขยายพันธุ์ : โดยใช้เมล็ด
ส่วนที่ใช้ : เมล็ด และรากใช้เป็นยา เมล็ดจะเก็บเมมื่อต้นแก่แล้วฟาดเก็บเมล็ดตากแห้งเก็บไว้ใช้ ส่วนรากนั้นจะใช้สด หรือแห้งก็ได้
สรรพคุณ :
- เมล็ด ใช้แห้ง 30-60 กรัม ต้มน้ำกิน จะมีรสชุ่ม บำรุงกายและให้พลังงาน รักษาโรคอหิวาตกโรค บิด ฝาดสมานลำไส้และกระเพาะอาหาร ช่วยขับปัสสาวะไม่มีพิษ
- ราก ใช้แห้งประมาณ 15-30 กรัม และสด 30-60 กรัม ต้มน้ำกินจะมีรสชุ่ม ใช้ขับปัสสาวะ ห้ามโลหิต ระงับอาการหอบ สามารถรักษาปวดกระเพาะอาหาร ไอหอบ ตกโลหิตหลังคลอด สงบประสาท และยังช่วยในการเร่งคลอดทารก
ข้อห้ามใช้ : สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทาน
ตำรับยา
1. สตรีคลอดบุตรยาก นำเอารากที่แห้งในที่ร่ม เผาให้เป็นเถ้านำมาบดให้เป็นผง ใช้รับประทานครั้งละ 6 กรัม ผสมกับเหล้า
2. ระบบการย่อยอาหารของเด็กไม่ดี ควรใช้เมล็ดที่แห้งแล้วประมาณ 30 กรัม นำมาคั่วจนเหลืองลูกพุทธา (Zizyphus jujuba Mill. Var inermjin (Bge.)Rehd) คั่วจนเกรียม รวมกันบดเป็นผง กินวันละ 2 ครั้ง
3. เจ็บกระเพาะอาหาร หรือเจ็บปวดบริเวรหน้าอก ใช้รากสดต้มน้ำกินตอนอุ่น ๆ
4. สตรีที่ตกโลหิตหลังคลอด ให้ใช้รากสดประมาณ 7 ต้น ผสมกับน้ำตาลทรายแดงประมาณ
15 กรัม แล้วต้มน้ำกิน
5. รักษาโรคประสาท ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ให้ใช้รากที่แห้งประมาณ 30 กรัม เหง้าว่านน้ำเล้ก (Acorus gramineus soland.) หญ้าปล้องจีน (Juncus effuses L.) ชนิดละ 15 กรัม ใบไผ่ขมจีน (Pleioblastus amarus(Keng) Keng f.) 5 ใบ ใช้ต้มน้ำกิน
6. รักษาอาการไอ หอบ ให้ใช้รากแห้งประมาณ 15 กรัม ตุ๋นน้ำตาลแล้วใช้กรวดกิน
อ้างอิง : พจนานุกรม สมุนไพรไทย ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก samunpri.com