ชื่ออื่น ๆ : ข่า ข่าใหญ่ ข่าหลวง ข่าหยวก (เหนือ) เสะเออเคย สะเชย(กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน)
ชื่อสามัญ : Glalangal, Greater Galangal,Chinese Ginger
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Languas galanga Sw.,Alpinia galanga Stunz.
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
ลักษณะทั่วไป :
- ต้น : เป็นพรรณไม้ลงหัวจำพวก กะวาน เร่ว กะลา จะลงหัวใหญ่ ขาวอวบอ้วน เป็นพรรณไม้ที่ชอบขึ้นตามที่ลุ่ม
- ใบ : จะมีลักษณะรูปไข่ยาว จะออกสลับกันรอบ ๆ ลำต้นบนดิน ซึ่งจะเป็นกาบของใบหุ้มลำต้น ใบคล้ายพาย
- ดอก : ดอกเป็นช่อสีขาว แต้มด้วยสีแดงเล็กน้อย?จะออกเป็นช่อตรงปลายยอด และตรงช่อนั้นก็จะจัดอยู่ด้วยกันอยู่อย่างหลวมๆ ช่อที่อ่อนจะมีกาบสีเขียวอมเหลืองหุ้มมิด (spathe) ส่วนดอกสีขาวอมสีม่วงแดงนั้นจะบานจากข้างล่างขึ้นข้างบน
- ผล : จะมีลักษณะกลมโต และมีขนาดเท่าเม็ดบัว เมื่อแก่จะมีสีดำมีเม็ดเล็ก ๆ อยู่ภายใน จะมีรสขม เผ็ดร้อน
การขยายพันธุ์ : ข่าจะปลูกด้วยเหง้า หรือหน่อ จะปลูกได้ทุกฤดูกาล โดยการการแยกปลูกเป็นหลุม ๆ ละต้น ปลูกห่างกันราว ๆ 80 ซม. เผื่อให้มันแตกกอ และปลูกง่ายไม่มีศัตรูพืชรบกวน
ส่วนที่ใช้ : เหง้าอ่อนและแก่
สรรพคุณ :
- เหง้าแก่ นำมาตำให้ละเอียด ใช้ทาบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง กลากเกลื้อนใช้เป็นยารักษาภายนอก หรือจะตำใช้ทำกระสายเป็นเหล้าโรง ทารักษาอาการคันในโรคลมพิษ ทาบ่อย ๆ จนกว่าลมพิษนั้นจะหาย
- เหง้าแก่สดหรือแห้ง ใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด ให้ใช้ประมาณเท่าหัวแม่มือ ใช้สดประมาณ 5 กรัม และแห้งประมาณ 2 รัม นำมาทุบให้แตกแล้วต้มเอาน้ำดื่ม
- เหง้าสด ใช้รักษาเกลื้อน นำเหง้าสดมาฝนผสมกับเหล้าโรง หรือน้ำส้มสายชู หรือตำแล้วนำมาแช่แอลกอฮอล์ ใช้ทาที่เป็น และในเหง้ายังมี galangol ซึ่งเป็นน้ำมันและเป็น carid resin มีน้ำมันระเหยประมาณ 0.5-5% ประกอบก้วย cadinene,cineol,pinene,eugenol,methyl cinnamate,มี sesquiterpene และ dioxyflavonol
อื่น ๆ : นอจากจะใช้ประโยชน์ทางยาแล้ว ยังสามารถนำมาปรุงอาหาร เพื่อช่วยดับรสคาว หรือจะใช้เหง้าข่าแก่ป่นให้ละเอียดนำมาคั่วให้เหลืองใส่ข้าวต้มปลา เป็นเครื่องเทศเอามาผสมในเครื่องปรุงน้ำพริกแกงได้
อ้างอิง : พจนานุกรม สมุนไพรไทย ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม
ขอบคุณข้อมูลจาก samunpri.com