126 .. ถาม-ตอบเรื่องบุญบาป
ถาม-ตอบเรื่องบุญบาป
ป้าเข้าไปอ่านกระทู้ ใน เว็บ guru.google มีคนถามกระทู้เรื่องบุญ-บาป และมีหลายท่านตอบกระทู้ได้น่าสนใจ
ป้าจึงขอนำมาเผยแพร่นะคะ เผื่อบางท่านจะยังไม่เคยอ่านกระทู้นี้
กระทู้ถามว่า
ระหว่างคนที่ชอบเข้าวัดทำบุญ แต่ก็ทำบาป กับ คนที่ไม่เคยทำบาป แต่ก็ไม่เคยเข้าวัดทำบุญ
อย่างไหนจะบาปมากกว่ากัน อยากรู้จริงจริง ช่วยบอกทีนะคะ
คำตอบจากหลายท่าน มีว่า.......
@ คนที่ชอบเข้าวัดทำบุญ แต่ก็ทำบาป นี่จะบาปเยอะกว่านะครับ ทั้งๆที่รู้มั้ง ส่วนคนทีไม่เคยทำบาป แต่ก็ไม่เคยเข้าวัดทำบุญ น่าจะบาปไม่เยอะ แต่เขาจะไม่ค่อยมีบุญเหมือนกัน
@ ทำบุญย่อมได้บุญ ทำบาปก็ได้บาป เอาหักล้างกันไม่ได้ครับ
@ บุญ - บาป ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ในวัดนะจ๊ะ คนที่ไม่เคยเข้าวัดเลย แต่เป็นคนดีไม่เบียดเบียนใคร ก็ย่อมไม่มีบาป คนที่คอยช่วยเหลือคนอื่น หรือแม้แต่เมตตาสงสารคนอื่น คิดกับคนอื่นแต่ในทางที่ดี ก็เกิดบุญกุศลได้โดยไม่ต้องเข้าวัดเลย
ไม่ว่าบาป หรือบุญ คุณควรรู้ ว่าเกิดอยู่ ที่ใจ อย่าไขว้เขว จะอยู่ซ่อง อยู่บ่อน นอนโรงเจ จะเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด สุดแต่ใจ
แค่ทำดี คิดดี มีสติ แต่ดำริ อยู่ในกรอบ คิดชอบไว้ ย่อมเกิดบุญ ได้เสมอ อย่าเผลอไป เหมือนเพชรใส ถูกป้ายขี้ ยังมีแวว
@ น่าจะเป็นเข้าวัดแต่ทำบาป นะค่ะ
แต่คนที่เข้าวัดบ่อย ๆ จากประสบการณ์ของตัวเองส่วนใหญ่ จะเป็นคนน่าคบนะค่ะ เพราะได้ฝึกจิตใจระดับหนึ่งแล้ว เช่นการนั่งสมาธิ มีสติก่อนทำอะไร พระท่านมักสอนอย่างนั้น พอปฏิบัติไปเรื่อยๆ ใจจะเย็นลง แต่เข้าวัดแล้วยังทำบาปอีกไม่ค่อยเห็นนะคะ ถ้ามีจริง แสดงว่าใจยังไม่นิ่งพอ อันนี้ก็น่าเห็นใจนะคะ
ส่วนคนไม่เคยทำบุญเลย แต่ก็ไม่เคยทำบาป น่าสงสารค่ะ เพราะถึงเป็นคนดีมากๆ แต่ยังไม่เจอของดีจริงๆ เช่น เข้าวัดนั่งวิปัสนา ถ้าทำได้ คงจะเป็นคนที่น่ารักมากทีเดียว
@ อันที่จริงปัจจุบันนี้คนในวัดเองก็ยังทำบาปเลยนะ
@ การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดเสมอไป หรอกนะจ๊ะ การดำเนินชีวิตประจำวันของเรา บางทีก็ได้ทำบุญโดยไม่รู้ตัว เช่น การลุกให้เด็ก / สตรี / คนชรา นั่งบนรถเมล์ ก็ถือว่าเรามีความ "เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่" เป็นการทำบุญอย่างหนึ่งค่ะ
การเข้าวัดนั้น จะทำให้เรามีจิตใจที่สะอาดมากขึ้น สงบมากขึ้น คิดแต่สิ่งดีดี พอออกจากวัดก็จะทำให้เรามีความคิดที่จะทำดีมากขึ้นค่ะ
สรุป ....การทำบุญหรือทำบาป มันอยู่ที่เจตนาค่ะ การกระทำด้วยเจตนาที่ดี ก็จะได้บุญค่ะ
@ ผมขออธิบายแบบนี้นะครับ
การทำบุญ มี 3 ระดับ คือ ทาน ศีล ภาวนา
ระดับที่ 1 ทาน หมายถึง การให้ เป็นการละความตระหนี่ถี่เหนียว ที่เสมือนยางไม้สกปรกออกไปจากจิตใจเรา มี 3 ระดับ เรียงจาก ได้บุญน้อย ไปมาก คือ
1. อามิสทาน คือ การให้แบ่งปันสิ่งของทั่วไป (แบ่งเป็น การให้กับคนทั่วไป / ให้คนดีมีศีล / ให้กับพระ / ให้สังฆทาน / ทำวิหารทาน)
2. ธรรมทาน คือ การให้ความรู้ ให้คำปรึกษา ให้กำลังใจ
3. อภัยทาน คือ การไม่ถือโทษโกรธเคือง เมื่อมีคนทำผิดต่อเรา
ระดับที่ 2 การรักษาศีล จะได้บุญมากกว่าการทำทานทุกชนิด เพราะเป็นการละเว้นซึ่งความชั่ว มีดังนี้
1. ศีล 5 เป็นศีลพื้นฐานที่คนที่เรียกตัวเองว่า พุทธศาสนิกชน ควรปฏิบัติ 2. ศีล 8 หรือศีลอุโบสถ 3. ศีล 10 สำหรับสามเณร 4. ศีล 227 สำหรับพระสงฆ์ 5. ศีล 311 ข้อ สำหรับภิกษุณี
ระดับที่ 3 ภาวนา ระดับนี้เป็นการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ผลบุญที่ได้รับจึงมากและบริสุทธิ์กว่า การทำบุญด้วยวิธี 2 ระดับแรก
1. การสวดมนต์ เป็นการระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ทำให้จิตใจผ่องใส มีสติ เกิดปัญญาระดับเริ่มต้น เปรียบเสมือนการใช้ยาทาในการรักษาโรค
2. การนั่งสมาธิ มี 2 แบบคือ
- สมถะกรรมฐาน ทำให้มีสติ - วิปัสนากรรมฐาน ทำให้มีสติ และเกิดปัญญา
การทำบุญ 2 ระดับแรกเป็นประจำ ผลบุญจะส่งเสริมให้ไปเกิดใหม่บนสวรรค์ ส่วนการทำบุญระดับที่ 3 เป็นประจำ จะส่งผลให้ไปเกิดบนชั้นพรหม ซึ่งเป็นชั้นที่สูงกว่าสวรรค์มากกว่านั้น ถ้านั่งสมาธิจนได้ฌาณเพียงครั้งเดียว ก็เป็นสิ่งการันตีได้เลยว่า เกิดมาในชาติต่อไปจะต้องได้เกิดในชั้นพรหมอย่างแน่นอน
การทำบาป เกิดจากการที่เราทำตามกิเลส คือ โลภ โกรธ หลง โดยจะตัดสินว่าบาปหรือไม่นั้น คนทั่วๆไปจะดูจาก ศีล 5 ครับ ถ้าเป็นการกระทำใดที่ขัดต่อ ศีล 5 จะถือว่าบาปเสมอ
นอกเหนือจากนั้น ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป เช่น ถ้าตั้งปฏิญาณว่า จะรักษาศีล 8 แล้วรักษาไม่ได้ หรือบวชเป็นพระ แล้วไม่สามารถรักษาศีล 227 ได้ อย่างนี้ก็จึงเรียกว่าบาปครับ
บาป เอง ก็มีระดับความหนักเบาเช่นกันครับ เรียงจาก บาปน้อย ไปบาปมาก ดังนี้
ระดับที่ 1 การทำบาปจากการหลงผิด การทำบาปในระดับนี้จะเป็นผลให้เกิดใหม่ เป็นสัตว์ดิรัจฉานครับ ตัวอย่าง
1. ฆ่าแพะไปบูชายันต์ เพราะหลงผิดคิดว่า พระเจ้าต้องการ
2. ปล้นเงินคนรวยแจกจ่ายเงินคนจน เพราะหลงผิดว่า การทำแบบนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
3. บางลัทธิเชื่อว่า สมสู่กับสาวพรหมจรรย์จะให้เทพพอใจ
4. โกหกเพื่อให้คนอื่นๆสบายใจ
5. ต้องดื่มสุราเพื่อเข้าสังคม
ระดับที่ 2 การทำบาปจากความโลภ การทำบาปในระดับนี้ เป็นผลให้ไปเกิดในชั้นเปรต นั่นคือ สัตว์อสุรกายผู้หิวโหย ตัวอย่าง
1. ฆ่าสัตว์ เพราะความสนุกสนาน หรือ เพื่อขาย
2. การลักขโมย ปล้น จี้ ทุกชนิด เพื่อเอามาเป็นของตนเอง
3. มีเพศสัมพันธ์แบบผิดต่อประเพณี เพราะความต้องการทางเพศ
4. การโกหก เพื่อให้ได้สิ่งที่ประสงค์ หรือเพื่อให้ตัวเองมีเครดิตน่าเชื่อถือ
5. การดื่มสุรา เพราะชอบในรสชาติหรืออาหารมึนเมา สนุกสนาน
ระดับที่ 3 การทำบาปเพราะความโกรธ การทำบาปในระดับนี้ ยังผลให้ไปเกิดในนรกขุมต่างๆ ตัวอย่างเช่น
1. การฆ่าสัตว์ เพราะความโกรธ
2. การทำลายทรัพย์สินผู้อื่น เพราะความโกรธ
3. การข่มขืน ด้วยความโกรธ
4. การโกหก เพื่อล่อหลอกมุ่งร่ายต่อคนอื่น เพราะความโกรธ รวมไปถึงอิจฉาริษยา
5. การดื่มสุรา เพราะความโกรธเป็นเหตุ เช่น การดื่มสุราย้อมใจเพื่อจะไปมีเรื่องทะเลาะวิวาท
นอกจากบาปทั้ง 3 ระดับ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า 'อนันตริยกรรม' คือ การทำบาปที่ประเมินค่าไม่ได้ มีดังนี้
1. การฆ่าบิดามารดาของตน
2. การฆ่าพระสงฆ์
3. การทำให้พระพุทธเจ้าถึงห้อเลือด
4. การทำให้หมู่สงฆ์แตกแยก
ถ้าได้ทำ 'อนันตริยกรรม' แล้วตายไป ต้องได้ไปเกิดในนรก และชดใช้กรรมเป็นเวลานาน จนประเมินค่าไม่ได้ โดยที่ไม่ได้ไปสวรรค์แน่นอน จนกว่าจะชดใช้กรรมจนหมด จึงกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง
สุดท้ายนี้ ถ้าจะเทียบ บาป บุญว่า ทำบุญใด ได้บุญมากเท่าใด ทำบาปไหน ได้บาปแค่ไหน ก็ขอให้เทียบตามภพภูมิที่จะไปเกิดครับ มากกว่านั้น บุญ บาป ที่สะสมมา ไม่ได้เป็นตัววัดโดยตรงว่า ตายไปแล้วจะไปเกิดในภพภูมินั้นๆเสมอไป แต่อยู่ที่จิตในขณะที่กำลังจะตายครับ
เช่น ในสมัยพุทธกาล มีสตรีผู้หนึ่งหมั่นทำบุญรักษาศีลมิได้ขาด แต่ก่อนตายได้สะดุดเท้าสามี ทำให้จิตใจเศร้าหมองเป็นอันมาก หลังจากนั้นไม่นาน มีเหตุให้นางเสียชีวิต ด้วยจิตใจที่เศร้าหมองดลบันดาลให้นางไปเกิดในขุมนรก แต่ด้วยบุญบารมีที่สะสมมาค้ำชูให้นางได้เพียงหย่อนเท้าลงไปแตะที่พื้นขุมนรกได้เพียง 7 วันเท่านั้น หลังจากนั้นนางได้ไปเกิดใหม่บนสวรรค์และได้รับความสุขตามที่สมควรได้รับ
จะเห็นได้ การสะสมบุญอาจไม่สำคัญเท่าจิตขณะที่กำลังจะตาย แต่มีผลกับระยะเวลาที่จะอยู่ในภพภูมินั้นๆ และการที่เราทำบุญบ่อยๆ หรือมากๆนั้น ก็จะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นที่จะนึกถึงบุญที่เราได้ทำ ในขณะจิตก่อนตายครับ.
นี่คือหลากหลายมุมมองจากในกระทู้ เพื่อนบล็อกอ่านแล้วจะคิดอย่างไรนั้นก็แล้วแต่จะพิจารณาค่ะ
ธรรมสวัสดี
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 24 มกราคม 2554 |
|
60 comments |
Last Update : 22 เมษายน 2556 17:06:45 น. |
Counter : 3901 Pageviews. |
|
|
|
สว้สดีค่ะป้ากุ้ก
ขอบคุณสำหรับธรรมะดีๆ และรูปสวยๆ ค่ะ