20 ..7 วิธีตายอย่างสบายใจ #3
7 วิธีตายอย่างสบายใจ #3
อักษรแห่งความเย็น พาสู่ความเห็นอันเป็นกลาง เมื่อรู้จักว่างแล้วคิด เรียกว่า คิดจากความว่าง
เนื่องจากสาระ 7 วิธีตายอย่างสบายใจ ค่อนข้างจะยาว ป้าจึงขอแบ่งย่อยเป็น 3 ตอน ค่ะ
ท่านใดมีเวลาน้อย จะดูแค่ผาดๆผ่านๆเฉพาะหัวข้อ
ก็ไม่ว่ากันค่ะ
บล๊อกนี้ เป็นตอนที่ 3 ............. สำหรับ 7 วิธีตายอย่างสบายใจ #1 กรุณา กดที่นี่ค่ะ
..และ 7 วิธีตายอย่างสบายใจ #2 กรุณา กดที่นี่ค่ะ
6. ฝึกสติก่อนหลับ
หากหมอบอกว่า คุณเหลือเวลาอีกไม่มาก นั่นก็คือคุณไม่มีทางพยากรณ์ว่า การหลับครั้งใดจะเป็นการหลับครั้งสุดท้าย ไม่มีสิ่งใดเป็นหลักประกันว่า หลับลงครั้งต่อไปคุณจะได้ตื่นขึ้นมาอีกหรือเปล่า
แม้สำหรับคนที่บอกตัวเองว่ายังอยู่ได้อีกนาน เขาก็ยังหลับทั้งคิด ว่าจะต้องตื่น แต่ลงเอยตอนเช้า ก็ทิ้งร่างที่ปราศจากวิญญาณ เป็นภาระให้คนข้างหลังช่วยกันแบกลงจากเตียงไปเข้าโลง
แต่ละวัน มีการตายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ใช่ว่าแค่สิบคน ใช่ว่าแค่ร้อยคน ใช่ว่าแค่พันคน แต่นับได้เป็นแสน !
ฉะนั้นการฝึกสติเสีย ในขณะที่ยังมีสติให้ฝึก จึงเป็นนโยบายที่ดีที่สุด นับว่ารอบคอบสูงสุด
การหมดสติเพื่อหลับ กับการหมดสติเพื่อตาย มีความเหมือนกัน คือ หมดสติ ฉะนั้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแห่งการใกล้หมดสติ หากพยายามตั้งสติไปจนถึงเสี้ยววินาทีสุดท้าย ย่อมเป็นกำไร ย่อมเป็นการกลั่นค่าของชีวิตมาใช้จนถึงที่สุด
สติที่ยอดเยี่ยมทางพุทธ คือ สติระลึกรู้ความไม่เที่ยง ความมีอันต้องดับไป
เมื่อกำลังรู้สึกถึงสิ่งใด ก็ควรรู้ให้ชัดว่า สิ่งนั้นเป็นสมบัติของความตาย ไม่ใช่สมบัติของตัวตน และก่อนสติใกล้ดับ ไม่ว่าดับเป็นหรือดับตาย สิ่งที่เหลือให้ระลึกได้ชัด ไม่มีอะไรเกินไปกว่าลมหายใจอีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงให้ระลึกถึงลมหายใจบ่อยๆ เป็นการสร้างความคุ้นชินไว้กับสิ่งที่จะเป็นสรณะได้ ทั้งยามอยู่และยามไป
หากระลึกนึกถึงลมหายใจ ว่าเฮือกนี้อาจเป็นเฮือกสุดท้ายที่คุณจะรู้ กับทั้งระลึกว่า คุณอาจไม่รู้สึกถึงลมหายใจไหนๆอีก นั่นเท่ากับเป็นการซักซ้อมเตรียมตายได้ ใกล้เคียงของจริง
ขอให้สังเกตดูเถิด หากมีสติรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออกได้อย่างสบาย แม้ก้าวลงสู่ความหลับในบัดนั้น ก็เหมือนครึ่งหนึ่งของสติยังไม่ขาดสายหายไปไหน แม้ต้องเกิดนิมิตฝัน ก็เป็นนิมิตฝันอันสวยงาม แต่หากจะไม่เกิดนิมิตฝัน ก็เหลือแต่ความว่างอันแสนสบายของจิตอันสว่างรุ่งโรจน์อยู่
ถ้ายังมีโอกาสหลายคืนก่อนตาย แล้วคุณใช้ทุกคืนให้เป็นประโยชน์โดยไม่ทิ้งขว้าง คุณจะทราบว่า ในนาทีเข้าด้ายเข้าเข็ม จวนเจียนสิ้นเลือดสิ้นเนื้ออยู่นั่นเอง ไม่มีอะไรในโลกเป็นที่พึ่งให้กับคุณได้ดีกว่า กำลังสติ ผู้มีสติก้าวลงสู่ความตาย คือผู้สบายใจว่า ตนมีที่พึ่งให้ตัวเองแน่
7. ปล่อยวางทุกสิ่ง
สภาพที่เหมือนยังอยู่ได้อีกนาน จะชวนให้หลงนึกว่า ทุกสิ่งเป็นจริงไปหมด อะไรๆเป็นของคุณไปหมด คุณจะไม่มีสักแวบที่เอะใจคิดว่า เวลาในชีวิตเหลือน้อยลงทุกวินาที ทีละคืบทีละคลาน
กระทั่งเวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ นับได้เป็นวัน หรือนับได้เป็นชั่วโมง เมื่อนั้นสภาพใกล้ตายจะฟ้องชัดว่า กายใจในชาตินี้ หาใช่สมบัติที่แท้จริงของคุณไม่ แม้ชีวิตยังไม่ใช่ของคุณ แล้วอะไรในชีวิตที่ควรอ้างว่า เป็นของคุณเล่า?
ความเกิดและความตายแห่งสรรพสิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ จักรวาลนี้เกิดมาได้อย่างไร และจะตายไปด้วยท่าไหน ก็ยังเป็นที่ถกเถียงในระหว่างนักวิทยาศาสตร์ ไม่รู้จบ คิดไปคิดมา คุณอาจได้คำตอบว่า ความไม่รู้ นั่นแหละที่ก่อให้มีการเกิดการตาย
ถ้ารู้ว่าจะแก้ไขไม่ให้ต้องตายได้ คุณคงรีบทำ แต่คิดไปคิดมา คุณจะเห็นทางเดียวที่ไม่ต้องตาย ก็คือ ต้องไม่เกิด เพราะเกิดขึ้นแล้ว อย่างไรก็หลีกหนีความตายไปไม่พ้น ต่อให้อาศัยเทคโนโลยีแช่แข็ง ต่อให้อาศัยเทคโนโลยีปลูกถ่ายอวัยวะ หรือต่อให้อาศัยเทคโนโลยีชะลอความแก่ใดๆ คุณก็ต้องพบกับ การคัดค้านจากก้นบึ้งของจิตใจ ไม่มีใครอยากทนจำเจอยู่กับความเป็นอมตะ อย่างไร้จุดหมายอยู่ดี
ธรรมชาติ คือ ธรรมชาติ เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยประกอบประชุมกัน แล้วไม่ช้าก็เร็วต้องดับลงเป็นธรรมดา ธรรมชาติแห่งความมีชีวิตก็เช่นกัน หาใช่ดำรงอยู่เพื่อเป็นอมตะไม่ ชีวิตดำรงอยู่ด้วยพลังของเหตุผล เมื่อหมดเหตุผลที่จะดำรงอยู่ ก็ต้องเสื่อมสลายไปสู่ความเป็นอื่นในที่สุด
บางคนทำใจได้ กับการตายจากไปของตัวเอง แต่กลับทำใจไม่ได้ กับการมีชีวิตอยู่ของคนข้างหลัง นั่นเป็นเครื่องชี้ว่า การทำใจควรครอบคลุมให้ทั่วหมด ไม่ใช่ทำใจได้ เฉพาะส่วนของตัวเอง แต่ต้องทำใจให้หายห่วงได้ กับการสิ้นไปของคนอื่นด้วย
แค่เอาตัวเองเป็นตัวตั้ง คุณก็คิดต่อได้แล้วว่า ตัวเราเป็นอย่างไร คนอื่นก็อย่างนั้น ในเมื่อคุณต้องตาย นึกหรือว่าคนอื่นจะอยู่รอดปลอดภัย พ้นจากเงื้อมมือของมัจจุราชไปได้? อย่างไรวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องตายตามคุณ หายไปจากโลกนี้ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่เหลือใครไว้ห่วงใครเลยสักคน
แม้ความมีความเป็นในอนาคตหลังความตายก็เช่นกัน ถ้ายังมีเกิดอีก ก็แปลว่ายังต้องมีตายอีก จึงควรรู้ให้ได้ก่อนสิ้นลมว่า ที่ต้องเกิดก็เพราะไม่รู้ หลงนึกว่ามีเราเคยเกิดมา และมีเรากำลังจะตายไป แถมสำคัญว่ามีเราไปเกิดใหม่อีก
เมื่อกลับความเห็นเสียได้ทัน เปลี่ยนจากความไม่รู้มาเป็นความรู้ ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีตัวคุณเกิด มีแต่กายใจชุดหนึ่งประชุมกันเกิด และที่กำลังจะต้องเผชิญ ก็หาใช่ความตายของคุณ มีแต่กายใจชุดหนึ่ง แยกตัวกัน สู่ความดับ เมื่อนั้นจิตย่อมเป็นอิสระที่จะดับลง โดยไม่ต้องสืบสายความเข้าใจผิดด้วยการอุบัติของจิตดวงใหม่ เข้าไปประชุมกับรูปกายใหม่ เพื่อชดใช้ความไม่รู้และความสำคัญผิดสืบๆไป
ความสบายใจที่เกิดจากการปล่อยวางได้ทุกสิ่ง ด้วยการกำจัดอวิชชา ด้วยการเปลี่ยนความไม่รู้เป็นความรู้แจ้ง นับเป็นความสบายใจขั้นสูงสุด เหมือนคุณได้ลิ้มอีกรสหนึ่งที่ประหลาด และแตกต่างไปกว่าเคย ขอเพียงรู้จักรสนั้นครั้งเดียว ก็แปลว่าคุ้มทั้งชีวิตคุณ แน่แท้แล้ว คุณจะไม่เสียดายแม้ต้องตายไปเดี๋ยวนี้
ความสบายใจ เป็นสิ่งแรกที่ ควรมี ระหว่างชีวิตยังไม่สิ้น
และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ ต้องมี ขณะกำลังสิ้นชีวิตลง
และป้ามี ซีดี MP3 เรื่อง ณ มรณา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ การเตรียมตัวตายก่อนตาย
..
หากท่านใดสนใจจะรับไปฟัง โปรดแจ้งที่อยู่ทางหลังไมค์นะคะ ป้าพร้อมจะแบ่งปัน
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 28 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 20 เมษายน 2556 21:46:00 น. |
|
121 comments
|
Counter : 9951 Pageviews. |
|
|
แต่ถ้าทำได้... การมีชีวิตอยู่ก็ดีงามขึ้นอีกมากเลยค่ะ