<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 พฤษภาคม 2552
 
 
ละคร ดิน น้ำ ลม ไฟ ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

ดินสุดซวยถูกตำรวจจับยัดห้องขังทั้งที่ไม่ใช่

มือมีดแทงเถ้าแก่ไช้เลี้ยง แต่มือมีดตัวจริงอย่างไอ้จ๋าย

กลับอยู่รอดปลอดภัย เพราะมันเส้นใหญ่รู้จักมักจี่ตำรวจที่นี่เป็นอย่างดี ซึ่งพอเฮียอู๋ที่ตามมากับลมพยายามเล่าความจริงกับตำรวจบนโรงพัก เหลือบไปเห็นไอ้จ๋ายเดินคุยกับสารวัตรและตำรวจที่จับดินมา เท่านั้นเองเฮียอู๋ก็ยุติ บอกลมว่าพูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ไว้ค่อยหาทางกันอีกที...

ทางด้านไฟ หลังจากตัดสินใจร่วมงานกับผู้พันแสวงในหน่วยสืบราชการลับ...คืนนี้เอง ไฟได้ปลอมตัวเป็นนักเที่ยวเข้าไปดูความเคลื่อนไหวของนักเลงสองกลุ่มที่บาร์แห่งหนึ่งย่านเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งบาร์นี้เป็นของปานศักดิ์...กวนอูนำทีมสมุนเข้ามาเชียร์มวยหญิงซึ่งเป็นหนึ่งในโชว์ที่ได้รับความสนใจจากทั้งนักเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

แต่แล้วเมื่อกวนอูไม่สบอารมณ์กับนักมวยหญิงที่ชกเหยาะแหยะ จึงตะโกนด่าพร้อมปาข้าวของใส่...มุมหนึ่ง อู๊ด ลูกน้องของปานศักดิ์ยืนดูสถานการณ์อย่างไม่ชอบใจ ก่อนผละไปกระซิบบอกซิตี๋ที่ปรึกษาของปานศักดิ์ว่า พวกไอ้กวนอูมันมาหาเรื่อง ซิตี๋จึงสั่งการทันที ให้อู๊ดบอกพวกเราเตรียมพร้อมไว้ ถ้ามีอะไรก็ปิดบาร์ลุยมันเลย

ไฟจับตาดูซิตี๋อยู่ในมุมมืด พอเห็นพวกมันเคลื่อนไหวอย่างไม่ชอบมาพากล ไฟรีบจับวิทยุสื่อสารรายงานผู้พันแสวงที่จอดรถซุ่มอยู่ด้านนอกว่าเหตุการณ์ที่นี่ค่อนข้างตึงเครียด คาดว่ากำลังจะมีเหตุ...จากนั้นผู้พันแสวงจึงกำชับลูกทีมทุกหน่วยให้เตรียมพร้อมปฏิบัติงาน

ในบาร์ กวนอูกับพวกยังเอะอะโวยวายไม่เลิก นักเที่ยวฝรั่งบางคนไม่พอใจ แสดงปฏิกิริยาออกมา ทำให้กวนอูขัดใจ จ้องจะเล่นงาน...ไฟทำเนียนเดินมาใกล้พวกกวนอูแล้วอาศัยจังหวะเผลอแอบใส่ห่อกระดาษลงในกระเป๋ากวนอูโดยที่กวนอูไม่รู้ตัว เพราะกำลังเข่นเขี้ยวจะเล่นงานนักเที่ยวฝรั่ง
ซิตี๋เห็นแล้วว่าพวกกวนอูตั้งใจมาป่วน จึงขยับออกมายืนปะปนกับนักเที่ยวจับตามองพวกมัน ไฟเลยได้โอกาสเดินเบียดด้านหลังซิตี๋แล้วหย่อนห่อกระดาษลงในกระเป๋าซิตี๋อย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเดินหนีหายไปในกลุ่มคน และมุ่งหน้าออกไปนอกบาร์

หลังจากไฟยกมือให้สัญญาณ กำลังตำรวจกรูกันเข้าไปในบาร์ทันที แล้วอีกไม่กี่อึดใจเสียงปืนก็ดังขึ้นหลายนัด ตามด้วยเสียงหวีดร้องของนักเที่ยวที่วิ่งกันวุ่นวาย...

ooooooo

ภายในหน่วยสืบราชการลับ เช้านี้ไฟกำลังเปิดเครื่องฉายสไลด์เพื่อฉายภาพจากกล้องที่ถ่ายเหตุการณ์ เมื่อคืนมา โดยมีผู้พันแสวง มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ดกับมิสเตอร์ สมิท ผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาตินั่งรวมอยู่ด้วย...หลังจากไล่ดูภาพไปพักหนึ่ง ผู้พันแสวงหยิบกล้องที่ไฟใช้ขึ้นมาพิจารณา และชมว่าคุณภาพใช้ได้ ไฟเสริมว่าเป็นกล้องสายลับที่เวิร์กมาก เทคโนโลยีแบบนี้แหละที่ผมต้องการ

ผู้พันแสวงบอกกับไฟด้วยว่า ยังมีเครื่องมือไฮเทค

อีกมากที่เอ็ดเวิร์ดจะจัดส่งมาให้ ขอให้กำจัดพวกค้ายาให้สิ้นซาก งบประมาณเท่าไหร่เท่ากัน...จากนั้นไฟเริ่มเปิดภาพนักเลงสองกลุ่มใหม่ทีละคน เริ่มจากกวนอู เจ้าพ่อดาวรุ่งแถวเยาวราช ซึ่งถูกจับได้เมื่อคืน คนต่อไปคืออาสี่ที่หนีรอดไปได้

"ไม่รู้รอดไปได้ยังไง ไอ้คนนี้ฉายาแมวเก้าชีวิต เคยอยู่มาหลายแก๊ง ตอนนี้มาอยู่กับกวนอู ฉลาด ใจเย็น เอาตัวรอดเก่ง" ผู้พันแสวงอธิบายประกอบ และมองถัดไปยังภาพของซิตี๋ ให้ไฟสังเกตมือซ้าย ไฟมองปราดเดียวก็รู้ว่าพิการ "ใช่ มันถูกตัดมือ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะอะไร"

"เท้าด้วยนะครับ รู้สึกว่าจะเดินเขยก"

"ไอ้นี่น่าสนใจ เพราะมันฉลาดมาก เป็นมันสมองให้ปานศักดิ์ ผมอยากให้คุณเข้าไปตีสนิทกับมัน"

"ปฏิบัติการเมื่อคืนก็เป็นการปูทางให้กับภารกิจที่ผมจะต้องทำใช่มั้ย" ไฟเริ่มมองทะลุ

"ถูกต้อง ห่อยาเสพติดที่คุณหยอดใส่ให้พวกมันเมื่อคืน เป็นข้อหาที่ผมต้องการจะทำให้พวกมันเข้าไปอยู่ในคุก และภารกิจที่คุณต้องทำก็คือการปลอมตัวเข้าไปเป็นนักโทษ แล้วหาทางตีสนิทเป็นพวกเดียวกับพวกมัน แล้วจากนั้นก็ดึงตัว

ผู้ชายที่ชื่อดินให้มาพบกับผม"

"ติดคุกด้วยเหรอครับ"

"ใช่ ยิงปืนนัดเดียวต้องได้นกสองตัวนะ"

ไฟพยักหน้ารับคำ พร้อมกับหยิบเอกสารการจับกุมของดินขึ้นมาอ่าน

ooooooo

ดินหมดอิสรภาพอย่างสิ้นเชิง หลังจากเฮียอู๋

กับเถ้าแก่ไช้เลี้ยงถอดใจไม่ยอมช่วยเหลือ เพราะเกรงอิทธิพลของนักเลงที่เป็นพวกเดียวกับตำรวจ แม้ลมพยายามอ้อนวอนแทบตายเพราะดินเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ทั้งคู่ก็ใจแข็งไม่เอาด้วยท่าเดียว

หลายวันต่อมา ไฟทำตามแผนของผู้พันแสวง ปลอมตัวเป็นนักโทษเข้าไปปะปนอยู่กับนักเลงที่ถูกจับจากบาร์ของปานศักดิ์ทั้งหมด และดินก็ถูกส่งตัวมาขังที่นี่ด้วยเหมือนกัน ในแต่ละคน ไฟเฝ้าสังเกตท่าทีของแต่ละคนด้วยความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มซิตี๋ หรือพวกกวนอู ที่เกิดเขม่นกันบ่อยครั้งถ้าไม่มีผู้คุมอยู่ใกล้ ส่วนดินที่ดูเคร่งขรึมไม่สุงสิงกับใคร ไฟคิดจะทดสอบความสามารถในการต่อสู้ จึงพยายามหาเรื่องทะเลาะวิวาทกับดิน ปรากฏว่าดินก็สู้คน ซัดกันนัว กว่าผู้คุมจะเข้ามาจัดการแยกทั้งคู่ออกจากกัน...

ข้างฝ่ายอาฟงหรือลมที่ไม่ค่อยเป็นหมัดมวย แต่แล้ววันนี้เมื่อจ๋ายกับยู่มารีดไถเงินจากเถ้าแก่เพ้งอีก โดยคนงานของเฮียเพ้งได้แต่ยืนดูตาแป๋วไม่กล้าเข้าช่วย ลมรู้สึกเจ็บใจนักเลงพวกนี้สุดๆ ที่มันทำแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ลมเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่ค่ายมวยศรีสงครามเพื่อขอฝึกมวย แต่ถูกนรสิงห์และพี่เลี้ยงนักมวยขัดขวาง ครูแก่เองพอฟังเหตุผลของลมที่ว่า จะฝึกมวยเอาไปสู้กับพวกนักเลงที่ชอบรีดไถ ก็เลยไม่อยากยุ่ง ไล่ลมไปที่อื่น
ขณะลมเดินหน้าเศร้าคอตกออกไป น้ำอดสงสารเขาไม่ได้ รีบเดินตามไปดักและเสนอตัวจะช่วยสอนมวยให้ ลมทำหน้าไม่เชื่อถือและบอกปัด น้ำหมั่นไส้เลยกระโดดเตะเปรี้ยงเข้าให้ จากนั้นก็โชว์วิชามวยอีกสามสี่ท่า ลมถึงกับเซถลา ไม่คิดว่าน้ำจะแรงเยอะเหมือนผู้ชาย พอน้ำขยับอีก ลมตกใจเลยเปิดแน่บไม่เหลียวหลัง ทิ้งน้ำยืนนิ่วหน้าไม่เข้าใจว่าหนีทำไม ทั้งที่เธออยากจะช่วย...

ส่วนที่โรงฝึกอาชีพภายในคุก วันนี้ไฟยังคงแกล้งหาเรื่องคนโน้นคนนี้ไปตามแผน โดยพยายามดึงดินเข้ามาร่วมวงด้วย พอซิตี๋กับอู๊ดเห็นฝีมือของดินกับไฟก็ทึ่งจัดด้วยความสนใจ และเกิดความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา

ooooooo

ปานศักดิ์กำลังยิ้มแย้มชื่นชมลูกสาวของตนที่สวยโดดเด่นอยู่บนปกนิตยสารเล่มหนึ่ง แต่แล้วอารมณ์ก็สะดุดเมื่อเห็นกินรีเฉิดฉายเข้ามาในรูปลักษณ์เดียวกันกับนิอรบนปกราวกับคู่แฝด กินรีตั้งใจจะมาอวดความสวยที่เหมือนดารา กลับถูกปานศักดิ์ต่อว่า และห้ามกินรีอยากสวยเหมือนนิอร เพราะนิอรเป็นลูกสาวของตน ถ้ากินรีหน้าตาเหมือนลูก ตนคงไม่เอามาทำเมีย

ว่าแล้วปานศักดิ์ลุกหนีไปอย่างสุดเซ็ง กินรีเองก็เซ็งพอกัน บ่นอุบว่าเอาใจไม่ถูก จากนั้นเดินเด้งไปทางห้องนั่งเล่น เจอสาวสวยนางหนึ่งกำลังปาลูกดอกด้วยฝีมือที่ยอดเยี่ยมเข้าเป้า

ทุกครั้ง กินรีแปลกใจว่าหล่อนเป็นใคร คิดไปคิดมากลัวจะเป็นเมียเล็กๆของปานศักดิ์ เลยแถเข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน ที่แขกไปใครมาต้องทำความเคารพ

นรากรมองกินรีแวบเดียวอย่างไม่สนใจ หันไปปาลูกดอกต่อ ทำเอากินรียัวะแทบเต้นและจะเข้าทำร้าย แต่กลายเป็นว่ากินรีกลับเป็นฝ่ายถูกนรากรจัดการด้วยลูกดอกจนฉี่แทบราด นิอรต้องเข้ามาห้ามนรากร ก่อนจะพากันออกไปคุยกับปานศักดิ์

นรากรเป็นลูกสาวของเชาว์ เมืองชล ซึ่งเป็นมือปืนของปานศักดิ์...หลังจากพ่อเสียชีวิต นรากรได้รับความช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนจากปานศักดิ์จนเรียนจบตำรวจ และเธอเพิ่งกลับจากญี่ปุ่นหลังจากไปฝึกศิลปะป้องกันตัวเพิ่มเติม นิอรรู้จักมักคุ้นกับนรากรดี แต่อยู่คุยกันครู่เดียวนิอรก็ต้องขอตัวไปกองถ่าย

เมื่ออยู่กันตามลำพัง นรากรขอบคุณปานศักดิ์ที่ช่วยฝากงานให้เธอ ปานศักดิ์ดูมีลับลมคมใน ก่อนพูดขึ้นว่า

"เธออาจจะยังไม่รู้ ฉันขอบอกเธอเอาไว้ก่อนนะ ว่าอย่าให้นิอรรู้เป็นอันขาดในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับงานของเรา"

"ค่ะ รับทราบ"

"ที่เรียกมาวันนี้ก็มีเรื่องจะให้ช่วย"

"เรื่องที่เฮียซิตี๋อยู่ในคุกใช่ไหมคะ"

"นั่นแหละ ฉันอยากจะให้เธอช่วยวางแผนชิงตัวซิตี๋กับคนอื่นๆออกมา"
"ได้ค่ะ" นรากรรับคำแข็งขันในทันที ปานศักดิ์ถึงกับชะงักเล็กน้อย หลิ่วตามองนรากรที่กล้ารับปากทำในสิ่งที่ไม่น่าจะทำสำเร็จได้ง่ายๆ

ooooooo
ในคุก ดินแม้จะเป็นคนเงียบๆไม่ชอบสุงสิงกับใคร แต่เมื่อใดมีใครมาคุกคามดินก็สู้ยิบตา ขณะที่ไฟเองก็วางตัวก้าวร้าวพยายามหาเรื่องต่อยตีกับขาใหญ่ อย่างพวกกวนอู และสามารถเอาชนะได้ไม่ยาก ไฟและดินจึงอยู่ในสายตาของซิตี๋ที่ต้องการหานักเลงมือดีมาเข้าพวกด้วย

เช้าวันหนึ่ง นรากรมาขอเยี่ยมซิตี๋...สองคนพูดคุยกันด้วยเรื่องแหกคุก ซึ่งนรากรนัดหมายวันเวลาปฏิบัติการไว้เสร็จสรรพก่อนจะกลับออกไป...

ทางด้านลมกับหมวยเล็ก นับวันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยิ่งแน่นแฟ้น ซึ่งเฮียเพ้งเตี่ยของหมวยเล็กก็รับรู้ มีปรามๆหมวยเล็กบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับห้าม แต่แล้วในค่ำคืนที่ฝนตกพรำๆก็เกิดเหตุร้ายกับหมวยเล็กที่กำลังจะกลับบ้าน หมวยเล็กถูกจ๋ายกับยู่ พร้อมเพื่อนนักเลงอีกสี่คนฉุดกระชากไปข่มขืน โดยที่ชาวบ้านแถวนี้เห็นเหตุการณ์แต่ไม่ยอมช่วยเหลือ เพราะกลัวตนเองจะเดือดร้อน กระทั่งลมเห็นหมวยเล็กหายไปนานผิดปกติจึงออกตามหา

ลมได้ยินเสียงหมวยเล็กร้องขอความช่วยเหลือ เขาวิ่งเข้าไปเตะต่อยพวกนักเลง แต่ก็สู้พวกมันไม่ได้ ลมถูกยู่เอาไม้ฟาดจนสลบ ส่วนหมวยเล็กที่กรีดร้องไม่หยุดก็ถูกหนึ่งในกลุ่มนักเลงบีบคอจนเธอขาดใจตาย...ลมฟื้นขึ้นมาก็พบว่าพวกนักเลงหนีหายไปหมดแล้ว ทิ้งไว้แต่ร่างไร้วิญญาณของหมวยเล็ก ลมเสียใจร้องไห้คร่ำครวญอย่างหมดอาย ก่อนจะอุ้มศพของหมวยเล็กกลับไปบ้าน เฮียเพ้งเห็นศพลูกสาวก็แทบล้มทั้งยืน ร้องไห้น้ำตาทะลักทะลาย ท่ามกลางสายตาหลายคู่ ของชาวบ้านที่มามุงดู

เช้าขึ้นเฮียเพ้งกับลมจัดงานศพหมวยเล็กตามประเพณีจีน...หลังเสร็จเรื่องงานศพหมวยเล็ก ลมตัดสินใจกลับไปที่ค่ายมวยศรีสงครามของครูแก่อีกครั้ง ลมมุ่งมั่นจะฝึกวิชามวยให้ได้เพื่อไปแก้แค้นให้หมวยเล็ก แต่ไม่ได้บอกเหตุผลกับน้ำที่อาสาจะเป็นครูฝึกสอนให้

ส่วนในคุก ซิตี๋ตีสนิทไฟได้อย่างง่ายดายและทำการนัดหมายเรื่องแหกคุกในวันพรุ่งนี้ ครั้นถึงเวลานัด ไฟก็ ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับพวกกวนอู โดยดินถูกดึงเข้ามาร่วมวงด้วย เนื่องจากกวนอูเข้าใจว่าไฟและดินเป็นพวกเดียวกัน แล้วจากนั้นเรื่องก็ลุกลามใหญ่โตจนเจ้าหน้าที่ควบคุมไม่อยู่ ซิตี๋และพรรคพวกฉวยโอกาสนี้รีบพังประตูแล้วหนีออกไป ไฟ ดิน และคนอื่นๆพากันวิ่งตาม

ด้านหลังคุก รถตู้ที่นรากรส่งมารอรับพวกซิตี๋จอดรออยู่แล้ว พวกซิตี๋ขึ้นรถได้ก็เร่งไฟกับดินให้ขึ้นมาด้วย ดินละล้าละลัง แต่พอเห็นผู้คุมและตำรวจไล่กวดมา ดินก็ตัดสินใจโดดขึ้นรถหนีรอดไปได้ ขณะที่นักโทษอื่นๆที่วิ่งตามกันมาดิ้นรนขัดขืนกลุ่มเจ้าหน้าที่ ส่วนพวกกวนอูพากันวิ่งหนีแยกย้ายไปท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายนั้น

รถตู้ชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นว่าข้างหน้ามีด่านตำรวจ แล้วเลี้ยวหนีเข้าซอยไปจอดในมุมเปลี่ยว ทุกคนในรถรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักโทษเป็นชุดปกติ จากนั้นซิตี๋สั่งการให้ทุกคนลงจากรถกระจายกันหนี โดยให้อู๊ด ไฟ และดิน ตามเขามา ส่วนคนอื่นๆแยกไปอีกทาง

ไม่นานนัก กลุ่มของซิตี๋ก็จับรถอีกคันไปต่อ โดยไฟเป็นคนขับ ระหว่างทางเกิดสวนกับรถของพิษณุที่นั่งมากับอาคม สองตำรวจได้ยินวิทยุสื่อสาร
รายงานว่ามีกลุ่มคนร้ายแหกคุกบางขวางกำลังมุ่งหน้าไปยังถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ขอกำลังพลทุกหน่วยที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเร่งสกัดด่วน

สองตำรวจเหลือบเห็นไฟในรถคันที่สวนไป พิษณุจึงเลี้ยวกลับรถกะทันหัน แล้วเหยียบคันเร่งตามไล่ล่า พร้อมกับพูดประชดนิคมว่า

"สะใจไหมล่ะ เห็นไหมว่าคุกก็ทำอะไรคนอย่างมันไม่ได้ คนอย่างมันสมควรที่จะตาย"

"หมวดอย่าเอาอารมณ์มาเกี่ยวกับเรื่องงานสิครับ" นิคมติง

"คุณต่างหากที่งมงายอยู่กับสิทธิมนุษยชนจนตามไม่ทันไอ้พวกเดนสังคม คอยดู คราวนี้มันไม่รอดแน่"

รถพิษณุไล่ล่ารถของซิตี๋กระชั้นชิด แต่แล้วพิษณุกลับหักรถเลี้ยวเข้าซอย ก่อนจะไปโผล่ขวางรถของซิตี๋ไว้ รถสองคันประจันหน้ากันในระยะไม่เกินร้อยเมตร ซิตี๋หน้าตื่น สั่งไฟกลับรถ อู๊ดรีบบอกว่าข้างหลังมีรถตำรวจตามมา

ดินมองข้างหน้า ประเมินสถานการณ์เช่นเดียวกับไฟ

"ลุยไปเลย..." ขาดคำของดิน ไฟก็เข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งพุ่งออกไป พิษณุเมื่อเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวก็อัดคันเร่งแล้วพุ่งตัวออกไปเช่นกัน ทั้งพิษณุ
และไฟต่างจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่นาทีสุดท้ายก่อนที่รถจะแล่นมาปะทะกัน พิษณุเป็นฝ่ายเปลี่ยนใจหักเลี้ยวหลบ ไฟพุ่งรถตรงดิ่งแล้วหายไปท่ามกลางแสงสลัวของถนนยามค่ำ พิษณุมองตามด้วยความเจ็บใจ และหงุดหงิดที่ตัวเองใจถึงไม่พอ

เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาอีก ซิตี๋โล่งใจ และชมไฟว่าแน่มาก จากนั้นก็บอกทางให้ไฟมุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนตัว...

ooooooo

ซิตี๋กับอู๊ดพาไฟและดินไปพบปานศักดิ์ที่บ้านในวันรุ่งขึ้น เมื่อเผชิญหน้ากับปานศักดิ์ ความแค้นในใจดินก็พลุ่งพล่าน แต่ต้องพยายามระงับมันเอาไว้ ทั้งที่อยากจะพุ่งเข้าไปฆ่ามันให้ตายคามือ

"คนแรกชื่อไฟ อีกคนชื่อดิน ฝีมือใช้ได้ คิดว่าถ้าเอาไว้ ใช้งานก็น่าจะมีประโยชน์" ซิตี๋แนะนำ ปานศักดิ์มองสองนักโทษแหกคุก แล้วสำทับเสียงเข้ม

"ถ้ามึงมาอยู่กับกู ต้องซื่อสัตย์ ถ้าทรยศ มึงตาย" ไฟและดินฟังนิ่ง "เอาละ พาไปพักที่เรือนหลังเล็กก่อน ไว้ค่อยคิดว่าจะให้มันทำอะไรกันดี"

อู๊ดลุกขึ้นทันที ให้ดินกับไฟตามมา พอถึงเรือนหลังเล็ก อู๊ดกำชับทั้งสองคนพักที่นี่ไปก่อน อย่าเพิ่งออกไปไหน

"ทำไม" ไฟถามทันที

"เพิ่งแหกคุกออกมา คิดเหรอว่าตำรวจมันจะยอมให้ เอ็งออกไปเดินเล่น"

"คนอื่นๆพักกันที่ไหน" ไฟซักอีกเพื่อเก็บข้อมูล

"พวกทำงานบาร์ นายเขาจะมีที่พักให้ต่างหาก อยู่ใกล้ แถวที่ทำงาน แต่ถ้าทำงานกับนายก็อยู่ที่นี่"

ไฟเดินเข้าไปสำรวจห้องกับอู๊ด ขณะที่ดินยืนมองไปที่บ้านใหญ่ แววตาครุ่นคิดถึงการแก้แค้น...

ขณะเดียวกัน ที่โกดังเก็บข้าวของเฮียเพ้ง ซึ่งน้ำใช้เป็นสถานที่ฝึกสอนวิชามวยให้ลม เฮียเก้ากับเฮียอู๋บังเอิญมาพบเห็นจึงถามเฮียเพ้งว่าลมฝึกวิชามวยไปทำไม ครั้นได้คำตอบว่าลมฝึกไปเพื่อแก้แค้นให้หมวยเล็ก สองเฮียนิ่งไปอย่างครุ่นคิด พอเฮียเพ้งบอกว่าตนจะช่วยลมอีกแรง และเอ่ยปากชวนสองเฮียด้วย ต่อไปพวกเราจะได้ไม่โดนพวกนักเลงรังแกง่ายๆเหมือนที่ผ่านมา สองเฮียจึงตกปากรับคำ จากนั้นพวกเขาก็มาช่วยกันอ้อนวอนขอเป็นลูกศิษย์ของน้ำ

เมื่อมีสมาชิกเพิ่มขึ้น แถมพวกเฮียๆยังมีตำรามวยจีนมาเพิ่มเติมด้วย จึงเกิดการผสมผสานระหว่างมวยไทยและมวยจีน ซึ่งลมคล่องแคล่วและหัวไวบวกกับมีพรสวรรค์เรื่องมวยจีนมากกว่าคนอื่น ขนาดน้ำเห็นแล้วยังอดทึ่งไม่ได้

ooooooo

สายวันนี้มีทีมงานจากนิตยสารเล่มหนึ่งนัดมาสัมภาษณ์นิอรที่บ้าน พอกินรีรู้จากกวางก็ดี๊ด๊าแต่งหน้าแต่งตัวลงมาต้อนรับ และบอกว่าตนเองเป็นพี่สาวของนิอร กวางถึงชะงักจะทักท้วง แต่กินรีทำตาขวางใส่ ก่อนไล่กวางออกไปจากห้องรับแขก

กินรีเริ่มจีบปากสนทนากับทีมงาน บอกว่านิอรไม่อยู่ แต่เธอสามารถทำแทนน้องได้ ทีมงานอ้ำอึ้งกันเล็กน้อยก่อน ท้วงว่า ตามประวัติที่รู้มาคุณนิอรเป็นลูกคนเดียว กินรีกลับบอกว่า อันนั้นประวัติในวงการ ประวัติจริงก็อีกเรื่อง ทีมงานฟังแล้วทำหน้างงๆ พอกินรีรุกเร้าจะขอถ่ายรูปและสัมภาษณ์ ทีมงานคนหนึ่งเลยตัดบทว่าเราตั้งใจมาสัมภาษณ์คุณนิอรคนเดียว สำหรับพี่สาวคงต้องเอาไว้วันหลัง กินรีเลยออกอาการหงุดหงิด ก็พอดีกวางเข้ามาบอกว่า คุณนิอรกลับมาแล้ว

ดินกำลังเดินสำรวจมุมต่างๆบริเวณบ้านเพื่อหาทางหนีทีไล่ในการแก้แค้นปานศักดิ์ จึงไม่ทันสังเกตว่านิอรขับรถเข้ามา กระทั่งเธอถอยรถเข้า
มากระแทกดินล้มลง ต่างคนต่างตกใจ นิอรจำได้ว่าเขาคือคนที่เจอกันสองครั้งแล้ว พอเธออุทานว่านาย...ดินยิ้มดีใจนึกว่าเธอจำเขาได้แล้ว แต่พอเขาทักถามกลับกลายเป็นว่าเธอจำได้เพราะเราเคยเจอกันที่ตลาดและกองถ่าย

"แล้วมาทำอะไรที่นี่" นิอรตั้งคำถาม

"ผมมาทำงาน"

"เป็นคนงานของคุณพ่อเหรอ"

"ครับ" ดินตอบเสร็จก็เดินเขยกออกไป เพราะเจ็บขาที่ถูกรถกระแทก นิอรสงสารเขาเหมือนกัน และยังคาใจเรื่องที่ เขาเรียกชื่อเล่น จึงตามไปซักถาม ดินฟังคำถามแล้วพยายามมองลึกเข้าไปในแววตาของนิอรด้วยความรู้สึกน้อยใจ แต่นิอร กลับไม่เข้าใจ

"นี่คุณไม่รู้จริงๆเหรอ"

"ตอบมาสิ ไม่ตอบแล้วฉันจะรู้ได้ยังไง"

"ไม่มีอะไรหรอกครับ" ดินตัดใจหันหลังกลับเดินเขยกออกไป นิอรมองตามขัดใจ อยากจะตามไปอีก พอดีกินรีโผล่ ออกมาขัดจังหวะ บอกกึ่งตำหนินิอรว่า

"นัดหนังสือดารามาสัมภาษณ์ไม่ใช่เหรอ เขามารอตั้งนาน หรือคิดว่าตัวเองดัง...แล้วก็เลยปล่อยให้คนอื่นเขารอ"

นิอรไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย เดินหนีเข้าบ้าน กินรีเบ้ปากหมั่นไส้ บวกกับไม่สบอารมณ์ที่ถูกทีมงานนิตยสารปฏิเสธ เลยบ่นอุบ

"นี่หล่อน รถน่ะจะจอดไว้ตรงนี้เลยใช่มั้ย ขับรถประสาอะไร อยากจะจอดตรงไหนก็จอด หน้าตาก็ไม่เห็นจะสวย สู้ฉันก็ไม่ได้ ไม่รู้ดังได้ไง"



Create Date : 12 พฤษภาคม 2552
Last Update : 12 พฤษภาคม 2552 13:40:58 น. 0 comments
Counter : 281 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com