<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 พฤษภาคม 2552
 
 
ละคร ลูกไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 12 ต่อ

ตอนที่ 12 (ต่อ)
ตฤณนั่งทำงานในบริษัท พอนึกอะไรขึ้นมาตงิดๆในใจ จับมือถือขึ้นมาจะโทร.หลายครั้ง แต่ก็เปลี่ยนใจ แต่พอตัดสินใจกด แก้วตาก็มาขัดจังหวะ ยิ้มร่าซักถามว่าเมื่อคืนหลงป่ากับน้ำหนึ่ง บรรยากาศเป็นใจขนาดนั้น มีอะไรกันรึเปล่า ว่าแล้วแก้วตายังทำมือไม้ประกบคู่ ตฤณร้องว้ากใส่ หาว่าคิดสกปรก น้ำหนึ่งเขามีแฟนแล้ว เขาไปทำงานกันเกิดอุบัติเหตุ แทนที่จะเห็นใจกลับมาดูถูก
แก้วตาหน้าม้านแต่ไม่เลิก กลับไปตั้งกลุ่มนินทาว่าแค่นี้มีโมโห สงสัยมีอะไรกันแน่ หลายคนเห็นด้วย แต่หลายคนก็อยากหลงป่ากับตฤณ จะปรนนิบัติเขาทั้งคืน...
น้ำหนึ่งนอนรักษาไข้กับแม่ทิพย์ พอโทรศัพท์ดังขึ้น ทิพย์ซักว่า คงเป็นตฤณโทร.มา แต่กลับเป็นคุณคณิต น้ำหนึ่งจึงขอลางานสามวัน ตอนนี้เป็นไข้หนัก คณิตให้ลาทันที บอกว่าที่โทร.มาเป็นห่วง อยากไปเยี่ยมแต่ติดงาน จึงขอให้หายไวๆ
คณิตวางสายอย่างกระหยิ่มในห้องทำงาน พอเงยหน้า สะดุ้งสามเฮือก มารตียืนหน้าตูมใส่
"เบื่อรตีแล้วหรือ ถึงได้มองหาเหยื่อรายใหม่" คณิตทำไม่รู้เรื่อง "รตีได้ยินนะคะคุณโทร.หาใคร รตีขอไว้สักคนได้ไหม น้ำหนึ่งไม่ใช่สเปกของคุณ...ยอมรับใช่ไหมว่าคุณกำลังจะเขี่ยรตี"
"เฮ้อ...อย่าคิดเป็นเด็กๆสิ เราล่มหัวจมท้ายกันมาเท่าไหร่แล้ว ผมจะทิ้งรตีได้ไง อย่าชวนทะเลาะ ทำงานกันดีกว่า" ว่าแล้วพยายามดึงและดันมารตีออกนอกห้อง แล้วปิดประตู มารตียืนเคว้ง มองประตูอย่างไม่สบอารมณ์...
ส่วนทิพย์ เมื่อรู้ว่าคณิตเจ้านายน้ำหนึ่งโทร.มา จึงค่อนขอดว่า ช่างห่วงลูกน้องจริงๆนะ น้ำหนึ่งแก้แทนว่า เขาห่วงทุกคนแหละ แต่บอกแม่ว่า...มันก็แปลก หมู่นี้ใจดีผิดปกติ ไม่เฮี้ยบเหมือนเมื่อก่อน...ว่าแล้วเอนตัวลงนอน ไม่คิดอะไร แต่แม่ทิพย์กลับคิดอย่างไม่ไว้ใจ
ooooooo
เมื่อเห็นตฤณนั่งเหงาริมสระน้ำคนเดียว ชาตรีจึงเข้าไปนั่งกับลูก ถามถึงน้ำหนึ่ง ตฤณบอกไม่รู้ พ่อจึงเตือนให้โทร.ไปถามข่าวเพื่อนบ้าง ตฤณกลับบอกว่า น้ำหนึ่งมีคนดูแลแล้ว แค่เรื่องหลงป่า คนที่บริษัทก็เม้าท์กันไปทั่ว ไม่อยากให้เรื่องมันลามไปกว่านี้ ชาตรีกลับสอนลูกชายว่า จะไปแคร์คนอื่นทำไม เมื่อเรามี ความรู้สึกดีๆกับใครสักคน น่าแสดงความรู้สึกให้เขาเห็น น้ำหนึ่งไม่สบาย เราแสดงความห่วงใย ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก
"จริงสินะครับ ผมจะไปอายคนอื่นทำไม งั้นผมโทร.หาเขาเลยดีกว่า"
ตฤณหยิบมือถือขึ้นมา แล้วต้องชะงัก
"ไม่ต้องโทร.หรอกตฤณ" เสียงแม่ดังมา แล้วโผล่มาถาม "น้ำหนึ่งเขามีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ"
จากนั้นก็แจงรายละเอียดให้สองพ่อลูกฟังว่า...ผู้ชายคนที่ไปรับน้ำหนึ่งพร้อมพ่อแม่ของเขานั่นแหละ ฤทัยรู้ว่าเขาสนิทกันเกินความเป็นเพื่อน แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องไปแย่งเขา
"ผมไม่เคยคิดจะแย่งใคร" ตฤณรีบปัดไป แล้วลุกขึ้นเดินหนีทันที
"งั้นก็ดีแล้ว ลูกแม่มีทางเลือกอีกมากมาย เลิกคิดถึงน้ำหนึ่งได้แล้ว เขาไม่เหมาะกับลูกหรอก"
"ทำไมต้องกีดกันลูกกับน้ำหนึ่งด้วย" ชาตรีประท้วง
ถึงตาฤทัยจะตอบโต้ระบายความรู้สึกว่า เธออยากให้ลูกตาสว่าง และไม่มีทางที่ครอบครัวเราทั้งสองจะลงรอยกันได้ ชาตรีให้ลืมอดีต ฤทัยย้อนทันที
"คุณลืมได้หรือคะ" คำถามนี้ทำให้ชาตรีกลืนน้ำลายลงคอลำบาก แต่ก็ตอบตามตรง
"ถ้าจะไม่ลืม ก็คงเป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจทิพย์มาก ผมอยากให้ตฤณกับน้ำหนึ่งเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของเรา บางทีทิพย์อาจจะให้อภัยผม เรื่องที่ผ่านมาก็ได้"
"อ๋อ...ที่แท้คุณคิดจะกลับไปสานสัมพันธ์กับน้ำทิพย์อีกใช่ไหมคะ"
"มันคนละประเด็นกันนะฤทัย ผมบอกกี่ครั้งกี่หนแล้ว ว่าระหว่างผมกับทิพย์ไม่มีวันเป็นไปได้อีกแล้ว แต่ถ้าลูกเราพอใจจะคบกับลูกของเขา เราก็น่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ"
ชาตรีลุกขึ้นเดินหนี ฤทัยมองตามทั้งเจ็บใจและหวาดระแวงมากขึ้น
ooooooo
วันนี้ ตฤณเอาหนังสือที่บัญชาเขียนในนามปากกา "ใจเดียว" มาให้เขาเซ็นถึงบ้าน บอกว่าเป็นหนังสือที่ใจเดียวเขียน และเขาซื้อสะสมไว้ บัญชามองตฤณแล้วบอกว่า ที่เขาถ่อมาถึงบ้านนี้เพื่อจะให้เซ็นหนังสือเท่านั้นหรือ...บัญชาถามแล้วตั้งหน้าเซ็นให้ แต่หูคอยฟังคำตอบ
"ที่จริงมันเป็นแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง แต่ผมอยากมาขอบคุณที่ช่วยให้ผมผ่านช่วงเวลาเลวร้ายมาได้ตลอด...ช่วยผมมาหลายครั้ง เวลาผมทุกข์ใจ ก็ได้หนังสือคุณนี่แหละเป็นเพื่อนปลอบใจ...คุณเอาความเศร้ามาเป็นพลังในการเขียนไงครับ ผมได้รู้ว่าความเศร้ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด"
"งั้นดีเลย เธอมาอ่านเรื่องใหม่ของฉันดีกว่า จะได้ช่วยกันวิจารณ์ว่ามันเป็นยังไง"
บัญชาพาตฤณเข้าไปในห้องทำงานของเขา...แล้วเอากระดาษที่เป็นต้นฉบับมาให้ตฤณอ่าน...พอเงยหน้าขึ้น ร้องบอกบัญชาทันที
"โอ้โฮ...สุดยอดเลยครับ คุณใจเดียวบรรยายเรื่องความรักได้ลึกซึ้งกินใจจริงๆ"
"เธอกำลังมีความรักใช่ไหม" ตฤณอ้อมแอ้มว่า เขายังไม่แน่ใจ บัญชาสั่งทันที "จงอย่าไม่แน่ใจ ถ้ารักแล้วให้มั่นใจไปเลย ไม่งั้นเธออาจเสียโอกาสดีๆไปอย่างฉัน" ตฤณฟังแล้วคิดตาม...
ooooooo
วันนี้น้ำหนึ่งเตรียมตัวจะไปทำงาน ทิพย์ถามลูกสาวด้วยความห่วงว่า หายไข้ดีแล้วหรือ น้ำหนึ่งยืนยันว่าหายพร้อมทำงานได้แล้ว ทิพย์ส่งห่อของให้ บอกว่าแม่ฝากเสื้อกั๊กไหมพรมที่แม่ถักเอง เป็นของขวัญให้หมอชาตรีที่ช่วยรักษาแม่เป็นอย่างดี ประสพออกความเห็นว่า หน้าที่ชาตรีต้องรักษาคนไข้อยู่แล้ว
"ถ้าไม่ใช่เพราะจรรยาบรรณก็เพื่อเงิน หรือจะนอกเหนือกว่านั้น อันนี้ต้องถามเจตนากันอีกที"
ทิพย์หันขวับมาถามหมอประสพว่า...เขาพูดอะไรแบบนั้น น้ำหนึ่งมองหน้าพ่อแม่แล้วบอกว่าจะไปแล้ว...นั่นกำพลเอารถมารับน้ำหนึ่งเข้ากรุงเทพฯด้วย
เมื่อกำพลพาน้ำหนึ่งขึ้นรถไปแล้ว ทิพย์บ่นว่า ถ้ากำพลเทียวไปมาอย่างนี้ น้ำหนึ่งจะเปิดใจกับตฤณได้ยังไง ประสพติงว่า เรื่องหัวใจให้เป็นเรื่องของลูกดีกว่า ทิพย์เต้นผางอีกครั้งว่า เธอบอกแล้วว่าอย่ามาขัดขวางสิ่งที่เธอตั้งใจ ต้องทำให้สำเร็จ และจะไม่ยอมให้ผิดพลาดอีก...ประสพฟังแล้วได้แต่ถอนใจ...
เมื่อน้ำหนึ่งไปถึงที่ทำงาน ตฤณมาถามเรื่องป่วยไข้ แล้วต่อว่าจะมาทำงานทำไมไม่บอก จะเอารถไปรับที่บ้านสวน...น้ำหนึ่งฟังแล้วเริ่มแปลกใจ จึงถามย้ำ
"เมื่อกี้ฉันฟังผิดหรือเปล่า คุณน่ะเหรอจะมารับฉัน"
"อ๋อ คุณฟังผิดไปแล้วจริงๆ คุณมีคนตามรับส่งอยู่แล้วนี่"
ตฤณว่าแล้วนั่งลงทำงาน น้ำหนึ่งยื่นของฝากจากแม่ให้
"เอ้า นี่แม่ฉันฝากมาให้พ่อคุณ ที่ท่านช่วยรักษาแม่เป็นอย่างดี" ตฤณรับมาอย่างแปลกใจ
ครั้นตกเย็นตฤณกลับถึงบ้าน จึง เอาของให้ชาตรี เขารีบฝากขอบคุณน้ำทิพย์กับน้ำหนึ่งด้วย "แล้วก็...อย่าบอกแม่เขาเรื่องนี้นะ พ่อไม่อยากให้เขาซักไซ้เรื่องน้ำหนึ่งอีก" ตฤณรับคำทันที
เมื่อชาตรีอยู่ในห้องนอน เขาเอาเสื้อกั๊กมาดู แล้วอดมีความรู้สึกผิดต่อทิพย์ไม่ได้
"ขอโทษนะทิพย์ ผมทำร้ายคุณไว้มาก ผมจะชดใช้สิ่งที่ทำกับคุณไว้ให้มากที่สุด"
ชาตรีหันไปมองมือถือ แล้วตัดสินใจกดหาทิพย์ทันที ทิพย์เองถึงกับอึ้งไป เมื่อเสียงชาตรีขอพูดกับเธอ...ทิพย์พึมพำชื่อชาตรีออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
"ทิพย์เหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ สำหรับเสื้อกั๊กที่ฝากมาให้ผม ผมใส่ได้พอดีเลย นึกไม่ถึงว่าคุณจะถักด้วยมือคุณเอง"
"ฉันดีใจที่คุณหมอชอบ...ฉันถักเองจนได้ สมัยเรียนเราเรียนกันหนักจนไม่มีเวลาถักให้" ทั้งสองคนเงียบงัน จนทิพย์ เอ่ยขึ้นก่อน "อาทิตย์นี้คุณหมอว่างไหมคะ ฉันอยากชวนคุณกับตฤณมาเที่ยวบ้านสวนของเรา" ชาตรีเริ่มนึกถึงบ้านสวนของทิพย์ที่เคยไป "อยากให้คุณช่วยพูดกับประสพด้วยว่า ระหว่างเราไม่มีอะไร เพราะรายนั้นเขาปั้นปึ่งอยู่ ก็คงคิดว่าเรื่องเก่าๆของเราจะหวนคืนละมั้ง มันเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เหรอคุณหมอ"
"ครับๆ ผมจะยืนยันกับหมอประสพเองว่าผมบริสุทธิ์ใจกับเรื่องของเรา"
"ขอบคุณค่ะ แล้วพบกันค่ะ" ทิพย์วางสายลง แม้จะยิ้มอย่างพอใจ แล้วก็นิ่งคิดถึงความหลังอันเจ็บแสบนั้น...
ส่วนชาตรียังงุนงงไม่หายกับคำชวนของทิพย์...ถอดเสื้อกั๊กพับใส่ลิ้นชักร่วมกับอัลบั้มสมัยเรียนหนังสือ อดเอาอัลบั้มออกมาดูไม่ได้ แล้วลูบไล้ภาพของทิพย์และคิดถึงความหลังอันสดใสเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน...
เมื่อมาทำงาน น้ำหนึ่งก็ต้องมาอยู่อพาร์ตเมนต์ในกรุงเทพฯ พอตกเย็นน้ำหนึ่งแปลกใจที่แม่ทิพย์โทร.จากบ้านสวน บอกเรื่องเชิญชวนชาตรีไปเที่ยวบ้านสวน ทั้งๆที่เมื่อก่อนแม่ไม่ชอบให้ใครมาบ้านสวน ทิพย์บอกลูกสาว
"เดี๋ยวนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไป แม่บอกยังไงก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ หนึ่งชวนตฤณก็แล้วกัน แม่โทร.ชวนหมอชาตรีไว้แล้ว" น้ำหนึ่งรับคำ กล่าวสวัสดีแม่...วางสายแล้ว น้ำหนึ่งก็ยังอดคิดแปลกใจไม่ได้
แล้วน้ำหนึ่งก็ทำตามแม่สั่ง ไปชวนตฤณที่โต๊ะทำงาน เขาย้อนถามว่า ทำไมต้องมาชวนเขาด้วย...น้ำหนึ่งบอกแม่ให้ชวน เพื่อตอบแทนที่ตฤณช่วยเธอ
"แล้วแฟนคุณไม่ว่าอะไรเหรอ"
"นี่คุณ...ฉันไม่เคยมีแฟนนะ"
"ไม่ใช่แฟนแล้วอะไรล่ะ กิ๊กเหรอ"
"ฉันไม่มีแฟน ไม่มีกิ๊กบ้าบอทั้งนั้น ถ้าคุณคิดว่าพี่พลเป็นแฟนฉันละก็ คิดผิดคิดใหม่ได้ เพราะฉันคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีเท่านั้นย่ะ" ว่าแล้วเดินหนี ตฤณมองตาม พอใจในคำตอบน้ำหนึ่งที่ไม่มีแฟน...
ooooooo
ชาตรีตื่นแต่เช้าจะเข้าห้องน้ำ? ฤทัยตื่นงัวเงียขึ้นมาถามว่าจะไปไหน? ชาตรีบอกให้ฤทัยนอนต่อเถอะ
เขาจะไปดูคนไข้เคสพิเศษ ฤทัยเตือนว่าวันนี้วันอาทิตย์ ทำไมต้องไปทำด้วย เขายืนยันว่า เป็นคนไข้พิเศษจริงๆ ชาตรีรีบเข้าห้องน้ำไป
จากนั้นหลังแต่งตัวเสร็จ จึงรีบมาขึ้นรถตฤณที่คอยอยู่ ทางหน้าบ้าน เมื่อพ่อขึ้นรถ ตฤณถามสองสามคำแล้วออกรถไปทันที...ฤทัยมองตามรถสามีกับลูก เดินไปถามแม่บ้านที่เก็บสำรับที่ชาตรีกับลูกชายกิน แม่บ้านก็ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกไปไหน บอกแต่ไปชานเมือง ฤทัยยังสงสัยต่อไปว่า ไปชานเมือง ทำไมพ่อลูกต้องไปด้วยกัน...
เวลาผ่านไปไม่นานนัก รถของตฤณก็คลานเข้าไปในบ้านสวนของทิพย์ ชาตรีลงรถมองไปรอบๆ นึกถึงความหลังที่หลายอย่างเริ่มเปลี่ยนไป ทิพย์รีบมาต้อนรับ เชิญเข้าบ้าน ชาตรีบอกว่าที่นี่ยังร่มรื่นเหมือนเดิม ทิพย์จึงยืนยันว่า ที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...
"ฤทัยไม่มาด้วยเหรอคะคุณหมอ"
"เมื่อคืนฤทัยทำงานดึก ก็เลยยังไม่ตื่น อีกอย่างเขาไม่ค่อยสบายด้วย"
ทิพย์ยิ้มพอใจ...จากนั้นเสนอให้สองพ่อลูกลงเรือไปชมสวนก่อน...แล้วค่อยกลับมาทานกลางวัน
ทิพย์พาชาตรีและประสพลงเรือลุงทองดีพายชมสวน เสียงคุยกันระหว่างทิพย์กับชาตรี แล้วหัวเราะกันอย่างมีความสุข ทำให้ประสพยิ่งใจคอห่อเหี่ยวหนักขึ้น...
หลังจากการนั่งเรือชมสวน ขณะที่ประสพมานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ? ชาตรีมาคุยด้วย? แล้วเริ่มต้นด้วยเรื่องน้ำทิพย์ ที่ยังคาใจกันอยู่...ชาตรีบอกว่าเรื่องของเขากับทิพย์จบกันไปแล้ว? เราต่างมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ที่ชาตรีทำก็เพื่อไถ่บาปที่เคยทำไว้ ประสพบอกว่า ยี่สิบกว่าปีมานี้เขาดูแลทิพย์อย่างดี แต่สิ่งที่เขาทำไม่มีวันที่จะชดเชยสิ่งที่ทิพย์สูญเสียไปได้เลย... ชาตรีพยายามบอกถึงอาการของทิพย์ว่า ผ่าตัดเสร็จ เธอจะดีขึ้นเหมือนปกติ ระหว่างให้ยาและเฝ้าดูอาการนี้ เขาจะดูแลทิพย์เหมือนคนไข้คนหนึ่ง ไม่เอาสัมพันธ์เก่าๆมาเกี่ยวข้อง? ตอนนี้เราต่างก็รู้ว่าครอบครัวของเราเป็นยังไง
"ผมรู้? หลายอย่างคุณกับทิพย์มันจบไปแล้ว? แต่กับลูก... ผมอยากรู้ว่าตฤณเป็นคนยังไง"
"ตฤณเป็นเด็กที่แปลกนะ" ชาตรีพยายามลำดับ "เขาชอบอะไรทางด้านศิลปะ ชอบวาดรูป ชอบอ่านวรรณกรรม ชอบเขียนหนังสือมาแต่เด็ก แถมเขียนเรียงความได้ดี? แต่งกลอนเก่ง จบทางสายศิลป์ แทนที่จะมีหัวมาทางพวกเรา" ประสพซักว่า เขาเลี้ยงตฤณมาแบบนี้หรือ? "ตฤณอ่อนไหว? ผมกับฤทัยไม่ค่อยอยากขัดใจเขา? แต่ก็ไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจตัว มีเหตุผล ไม่เหลวไหล ฉะนั้นเขาอยากทำอะไร ให้ทำโดยไม่ฝืนใจเขา"
"แล้วเรื่องการมีครอบครัวล่ะ" ประสพรุก ชาตรีอึ้งไปครู่ใหญ่
"เราไม่ฝืนใจเขา ไม่ขัดขวางถ้าจะเลือกใคร แต่เป็นธรรมดาพ่อแม่ ขอมีส่วนด้วยหน่อย ยิ่งลูกสาวก็ยิ่งจำเป็นไม่ใช่หรือหมอประสพ" ชาตรีมองประสพ แต่ประสพกลับมองไปทางตฤณกับน้ำหนึ่งที่อยู่กันอีกทาง
"ใช่...คุณคงไม่รู้หรอกว่า...น้ำทิพย์เขาคิดจะ...." ประสพชะงักเมื่อเสียงทิพย์ดังมา
"หมอสองคนคุยอะไรกันอยู่คะ" ประสพบอกไปว่า คุยเรื่องการรักษาคุณ ทิพย์จึงรีบปรามว่า อย่าชวนหมอชาตรีคุยเรื่องเครียดๆเลย...จากนั้นชวนไปเก็บส้มโอ
ส่วนตฤณกับน้ำหนึ่งชวนกันถ่ายรูปต้นไม้และผลไม้ที่กำลังงาม ตฤณถ่ายดะไปทุกอย่าง แล้วน้ำหนึ่งถามว่า เขารู้สึกยังไงที่แม่เชิญครอบครัวเขามาเที่ยวบ้าน? ตฤณบอกว่าคงทำให้การรักษาง่ายขึ้น
"แต่ผมสงสัยว่าพ่อแม่เราคงเคยสนิทกันมากนะ แต่ทำไมพวกท่านจึงดูมีฟอร์มเวลาเจอกัน เดี๋ยวเราช่วยกันถามพวกท่านดีไหม" น้ำหนึ่งย้อนว่า มีรางวัลไหม ตฤณตอบทันที "ไปอยู่ป่ากับผมอีกคืนไหม"
"รางวัลแบบนี้ไม่อยากได้เลย อีตาบ้าเอ๊ย" น้ำหนึ่งจะทุบตฤณ เขาวิ่งหนีไปวนไล่กันใต้ต้นไม้ น้ำทิพย์แอบมองเด็กทั้งสองอย่างพอใจ...แต่ไม่มีใครรู้ว่า ตอนนี้ฤทัยกำลังหงุดหงิดมากที่ไม่รู้สามีกับลูกหายไปไหน โทร.หาตฤณก็ไม่มีใครรับ เพราะมือถือของเขาทิ้งไว้ในรถ...มันทำให้ฤทัยประกาศคนเดียวว่า จะต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขาไปไหนกัน?
อีกมุมหนึ่ง ทิพย์กำลังให้ทองดีกับมาลัยช่วยกันเก็บส้มโอ เลือกที่สวยๆให้หมอชาตรี ซึ่งกำลังเอามือถือขึ้นมาดู เมื่อมีเสียงเรียก ชาตรียกขึ้นดู แล้วขอตัวจากทิพย์ไป...เมื่อดูชัดแล้ว? เห็นว่าฤทัยโทร.มา? เขากดตัดสาย? ลดเสียงใช้แรงสั่นสะเทือนแทน...เมื่อเขาไม่รับสาย ฤทัยก็ยิ่งเต้นเป็นเจ้าเข้า ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ? ทั้งพ่อทั้งลูกไม่รับสาย? ฤทัยเดินพล่านเป็นเสือติดจั่น...
ooooooo
ขณะที่น้ำหนึ่งไล่ให้ตฤณลงไปช่วยลุงทองดีจับปลา จับเป็นนานไม่ได้สักตัว น้ำหนึ่งหัวเราะขำๆ ทิพย์ยืนมองอยู่อีกทางกับชาตรี? ต่างเห็นว่าลูกเขาทั้งสองคนสนิทสนมกันดี แล้วทิพย์เอ่ยขึ้น
"ฉันอยากให้ตฤณมาดูแลชีวิตยายหนึ่ง คุณคิดว่ายังไงคะ"
"ผมดีใจมาก ถ้าครอบครัวของเราสองคนจะเกี่ยวดองกันจริงๆ"? ชาตรีหันไปทางประสพ? "แล้วคุณพ่อน้ำหนึ่งละครับว่ายังไง"
"ถ้าลูกกับทิพย์พอใจ ผมไม่ขัดข้องอะไรอยู่แล้ว"
"งั้นคุณคอยเชียร์ตฤณให้ยายหนึ่ง ส่วนฉันจะคอยเชียร์ยายหนึ่งให้ตฤณก็แล้วกัน" ทิพย์เสนอ ยิ้มอย่างเต็มหวัง...
หลังจากทองดีกับตฤณช่วยกันจับปลา แล้วพากันมาอวดความเก่งต่อหน้าผู้ใหญ่ ตฤณหันไปถาม เมื่อมองไปเห็นรถเข้ามาจอดอีกคัน...กำพลลงรถมายกมือไหว้กราดไปทั่ว ประสพรับไหว้ แล้วแนะนำกำพลให้รู้จักหมอชาตรีกับตฤณ
"ไม่ทราบว่าคุณอามีแขก? งั้นผมค่อยแวะมาใหม่ก็แล้วกันนะครับ" พอกำพลขยับ ทิพย์รีบห้ามไม่ให้กลับ คนกันเองทั้งนั้น แล้วหันไปสั่งตฤณไปอาบน้ำ สั่งน้ำหนึ่งไปหาเสื้อผ้าของพ่อมาให้เปลี่ยน น้ำหนึ่งเดินไปพร้อมตฤณ กำพลจะตามไป ทิพย์รีบเรียกไว้ สั่งให้ไปช่วยทำข้าวยำ สั่งหมอประสพไปช่วยเก็บส้มโอไปฝากหมอชาตรี...
น้ำหนึ่งเอาเสื้อผ้าของพ่อประสพมาให้ตฤณที่หน้าห้องน้ำ เขาว่าเสื้อตัวใหญ่ไป เธอรีบบอกว่าใส่ชั่วคราว เธอจะซักเสื้อผ้าให้เขา ตากครู่เดียวก็แห้ง ตฤณชมว่าน้ำหนึ่งก็เป็นแม่บ้านดีพอใช้ น้ำหนึ่งจึงขี่แพะไล่ว่า ไม่รู้จักน้ำหนึ่งซะแล้ว ยัดเสื้อใส่มือ ตฤณกลับจับมือเธอไว้ บอกว่าดีแล้ว เขาจะได้เอาเสื้อมาคืนวันหลัง ทำท่าจะดึงมือน้ำหนึ่งมาจูบ เธอขืนมือไว้ ปรามว่าอย่าทำแบบนี้ มันไม่ดี
"ก็เราเป็นแฟนกันนี่"
"ใครเป็นแฟนคุณ"
"คุณยังไม่ยอมรับผมอีกหรือ"
"เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน แล้วคุณก็ไม่เห็นเคยถามฉัน ฉันจะรับได้ไง"
"งั้นเราเป็นแฟนกันนะ"
"ขอกันง่ายๆยังงี้เลยเหรอ"
"ให้ผมไปขอแม่คุณก็ได้" ตฤณทำท่าจะไป น้ำหนึ่งดึงไว้
"นี่ จะบ้าเหรอ อย่านะ เดี๋ยวแม่ดุเอา"
"แม่คุณดูจะเชียร์เราสองคนอยู่ไม่ใช่เหรอ"
"คุณยังไม่รู้หรอก ภายนอกดูเหมือนสนับสนุน แต่ที่จริงท่านกำลังจับผิดเราสองคนอยู่ก็ได้"
"หรือว่าท่านเชียร์นายปลัดนั่น"
"ไม่ใช่หรอก แม่ไม่เคยสนับสนุนให้ฉันคบใครสักคน"
"แต่ผมจะทำให้แม่คุณสนับสนุนผมเป็นลูกเขยให้ได้ คอยดูสิ"
ตฤณมองน้ำหนึ่งยิ้มๆ? เมื่อเห็นเธอเดินหนีไปอย่างขวยเขิน
ooooooo
ชาตรีเดินมาหาประสพที่กำลังคัดส้มโอ? บอกเขาว่าพอแล้ว? ทานไม่หมดแน่? เพราะบ้านเขามีไม่กี่คน ประสพจึงให้ทองดีคัดต่อ เขาเดินไปกับชาตรี แล้วถาม ชาตรีตรงๆ
"คุณแน่ใจเหรอ? เรื่องที่จะสนับสนุนให้หนึ่งกับตฤณคบกัน"
"แน่ใจสิ" ชาตรีตอบไม่ต้องคิด "หรือว่าคุณมีอะไรขัดข้อง ระแวงสงสัยในตัวเจ้าตฤณ ก็บอกผมได้นะ"
"ไม่มีอะไรหรอก ตฤณเป็นเด็กดี ดูเหมือนเขาสองคนจะชอบกันจริงๆ เวลาอาจจะช่วยให้เรื่องราวต่างๆคลี่คลายไปในทางที่ดี"
"แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจะดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ" ชาตรีถาม ประสพยิ้มชนิดซ่อนความรู้สึก
"เขาสองคนคงต้องใช้เวลาศึกษาดูใจกันนานพอสมควร อาจจะหลายๆปี ซึ่งไม่แน่ว่าอาจจะมีใครสักคนเปลี่ยนใจไปก่อนก็ได้"
"คุณหมายถึงใคร ใครที่จะเปลี่ยนใจ" ชาตรีซักทันทีด้วยความอยากรู้ แต่เสียงทิพย์ร้องบอกมา
"ข้าวยำเสร็จแล้วค่ะ...คุณหมอ" ทั้งสองหมอหันไปเห็นทิพย์ยิ้มสดชื่น "เชิญที่โต๊ะอาหารได้เลยนะคะ หมอตรี หมอประสพ"
ประสพเดินกลับขึ้นบ้านไป ชาตรีมองตามอย่างยังคลางแคลงใจ...เมื่อทิพย์พาสองหมอมายังโต๊ะอาหาร เห็นน้ำหนึ่ง กำลังจัดของขึ้นโต๊ะ โดยมีตฤณกับกำพลช่วย และฟังการชมว่าฝีมือข้าวยำที่นี่ไม่มีใครเทียมทาน ชาตรีเสริมทันที
"เชิญลองที่นี่ รับรองติดใจฝีมือข้าวยำคุณอาทิพย์ ไม่เป็นสองรองใครเลยนะ"
"พ่อเคยลองฝีมือคุณอาทิพย์มาแล้วเหรอครับ" ตฤณถามจี้ ชาตรีกับทิพย์มองตากัน...ชาตรีบอกเสียงอ่อย "ไม่เคย" พร้อมๆกับทิพย์ที่บอก "เคย" ตฤณจึงซักต่อ "เคยหรือไม่เคยนะครับ"
ทั้งชาตรีและทิพย์ใบ้กิน ประสพจึงตอบแทน
"เมื่อก่อน ทิพย์เคยทำข้าวยำไปฝากเพื่อนที่มหาวิทยาลัย บ่อย หมอตรีไม่รู้หรอกว่าเป็นฝีมือใคร"
"พ่อไม่เคยเล่าให้หนึ่งฟังเลย ว่าแม่ทำข้าวยำเก่ง หนึ่ง เพิ่งได้เห็นเป็นบุญตา ก็เมื่อคุณอาหมอกับตฤณมาที่บ้านเราวันนี้แหละค่ะ" ตฤณฟังแล้ว หันไปทางหมอประสพ ก่อนถามพ่อชาตรี
"ว่าแต่คุณพ่อเรียนรุ่นเดียวกับคุณอาหมอประสพ แล้วคุณอาหมอประสพไปรู้จักคุณอาทิพย์ได้ยังไงล่ะครับ" ตฤณมอง ประสพกับทิพย์อึ้งกันอีกครั้ง แล้วทิพย์ก็ต้องตอบ
"จะรู้จักกันยังไง ไม่สำคัญหรอกจ้ะ สำคัญที่ว่า อาทิพย์ กับอาหมอน่ะยังซื่อสัตย์ต่อกัน ไม่มีใครทรยศใครก็พอแล้ว" ทิพย์ชำเลืองไป หมอชาตรีก้มหน้างุด รู้ตัวว่าถูกทิพย์เฉือนเข้าให้แล้ว
"จริงด้วยครับ คุณอาทิพย์" กำพลข่มตฤณ "บางทีเรื่องผู้ใหญ่ก็ไม่จำเป็นที่เด็กอย่างเราต้องไปรู้มากนัก"
"แต่ปกติ...คนเราย่อมอยากจะรู้เรื่องเกี่ยวกับคนที่เราสนใจมากกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา" ตฤณว่าแล้วก็เหล่ไปเจอตากำพล ทั้งสองไม่มีใครยอมใครในที...ตฤณกำลังจะไปนั่งข้างน้ำหนึ่ง กำพลกลับนั่งลงก่อน จึงต้องไปนั่งตรงข้าม ชาตรีเร่งให้ตฤณลองชิม
"หนึ่ง...พี่ตักให้นะครับ" กำพลหันไปเอาใจน้ำหนึ่ง... ตฤณอ้อนน้ำหนึ่งเป็นการช่วงชิง
"ทานยังไงครับหนึ่ง สอนผมหน่อยสิ"
"ก็ตักข้าวมา แล้วใส่เครื่องทุกอย่างรวมกัน เอาน้ำบูดูราดลงไป แล้วปรุงรสด้วยมะนาวตามที่ตัวชอบ" ตฤณเริ่มทำ แต่เก้ๆกังๆจนน้ำหนึ่งต้องช่วยทำ...กำพลมองอย่างไม่พอใจ ทิพย์เห็นแล้วยิ้มอย่างรู้สึกสนุก...
ขณะเดียวกัน ฤทัยตั้งตารอสองพ่อลูกอยู่ที่บ้าน....แล้วก็รีบรับโทรศัพท์...เป็นทิพย์แอบมาอยู่อีกมุม โทร.หาฤทัย แล้วกรอกเสียงลงไปทันที เป็นดาบแรก
"สวัสดีจ้ะฤทัย นี่ฉันเอง" เสียงฤทัยอุทานน้ำทิพย์... "ความจำเธอยังดีเหมือนเดิมนะ เป็นยังไงบ้าง เห็นหมอชาตรีบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย"
"อ๋อ...เอ้อ...เอ๊ะ...หมอชาตรีบอกเหรอ...เมื่อไหร่"
"น่าเสียดายจริงๆเลยนะฤทัย ที่วันนี้เธอมาทานข้าวกลางวันกับครอบครัวของฉันที่บ้านสวนไม่ได้ เลยปล่อยให้สองพ่อลูกมากันตามลำพัง"
"ชาตรีกับตฤณ..." ฤทัยร้องเสียงหลงอย่างลืมตัว "อยู่ที่บ้านเธองั้นเหรอ น้ำทิพย์"
"ใช่สิ...อ้าว เขาไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอ"
"บะ...บอก...แต่ งานมันยุ่งเลยไม่ได้จำ" ฤทัยพยายามกัดริมฝีปากตัวเองไว้
"เย็นนี้พวกเขาอาจไม่ได้กลับไปกินข้าวกับเธอนะ เพราะตอนนี้กินกันท้องจะแตกอยู่แล้ว" ทิพย์หัวเราะหยันลงไป "บังเอิญฉันทำอาหารอะไรก็ถูกปากเขาสองคนพ่อลูกไปหมด โดยเฉพาะข้าวยำของโปรดของหมอตรี ไม่งั้นคงเสียชื่อแย่ อุตส่าห์คบหาสนิทสนม รู้อกรู้ใจกันมานาน ฉันนี่ยังเก่งเหมือนเดิมนะ เธอว่าไหมฤทัย" ทิพย์เดาแล้วก็เป็นจริงว่า ฤทัยกำโทรศัพท์แน่น จนแทบแตกร้าวไปคามือ ทิพย์จึงสรุป "เอาละจ้ะ ฉันต้องไปดูแลแขกทั้งสองคนแล้ว แล้วจะฝากข้าวยำฝีมือฉันไปให้กินก็แล้วกันนะ คงจำได้ว่า ชาตรีติดอก ติดใจฝีมือข้าวยำฉันมากแค่ไหน"
พูดจบรีบกดตัด แล้วยิ้มอย่างสะใจ...ทิพย์เดาไม่ผิด ฤทัยถึงกับกรีดร้องอย่างโหยหวน...
ooooooo
ตอนบ่าย...เมื่อสองพ่อลูกจะลากลับ ทิพย์พาประสพกับน้ำหนึ่งมาส่งสองพ่อลูกที่รถ โดยมีกำพลตามมาด้วย ทิพย์ส่งห่อข้าวยำให้ตฤณ บอกฝากข้าวยำให้คุณแม่ตฤณด้วย
"ขอบคุณครับ แม่ต้องชอบข้าวยำฝีมืออาทิพย์ อร่อยจริงๆ"
"แม่ของเธอคงจำรสมืออาได้อยู่แล้ว" ทิพย์กับตฤณมองชาตรีสีหน้าไม่ดีนัก เขาสะกิดลูกชายว่า รีบไปเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน พอทิพย์บอกว่าว่างเมื่อไหร่ก็เชิญมาเที่ยวอีก เข้าทางตฤณทันที
"ผมอาจว่างทุกอาทิตย์เลยได้ไหมครับ ผมอาจถือโอกาสมาส่งหนึ่งด้วย"
"ได้สิจ๊ะ อาอนุญาต" ทิพย์ยิ้มอย่างพอใจ ตรงข้ามกำพลที่ทนไม่ได้
"งั้นเราคงได้เจอกันอีกทุกอาทิตย์" กำพลมองสบตากับตฤณ
"คุณปลัดยังไม่กลับอีกหรือครับ" ตฤณทำเป็นเพิ่งเห็น
"ยังหรอกครับ ส่วนมากผมจะอยู่คุยกับหนึ่งจนค่ำ ถึงจะกลับ" กำพลมองตฤณอย่างไม่สน ชาตรีสะกิดตฤณให้ รีบไป เรามานานแล้ว เดี๋ยวแม่จะห่วง ตฤณหันไปบอกน้ำหนึ่ง
"ไปนะครับ...อาทิตย์หน้าจะมาใหม่" สองพ่อลูกพากันออกรถไป...ทิพย์มองตาม เก็บความโหยหาไว้เต็มอก...
แต่ทองดีกับมาลัยกินข้าวยำไป พูดถึงเจ้านายทิพย์ กับหมอชาตรีเมื่อสมัยก่อน มาถึงตอนนี้ได้แต่หวังว่า คงไม่มี ใครปล่อยให้ประวัติศาสตร์มันเกิดซ้ำรอยเดิมอีก...โดยเฉพาะมาลัยที่รู้ว่าคุณทิพย์นั้นเคยเจ็บปวดมาแล้วแค่ไหน...
ooooooo
ตะวันคล้อยต่ำ กำพลมองน้ำหนึ่งกำลังให้อาหารปลาที่ท่าน้ำ...น้ำหนึ่งยิ้มมีความสุข กำพลสังเกตเห็นน้ำหนึ่งยิ้มขำ เมื่อนึกถึงตอนตฤณตกน้ำ กำพลถามขำอะไร น้ำหนึ่งจึงบอกตอนตฤณจับปลาน่าขำ คนอยู่ แต่ในเมืองไม่เคยมาบ้านนอก

"หนึ่งคิดยังไงกับนายตฤณกันแน่" กำพลถามอย่างเอาเรื่อง "หนึ่งดูสนิทสนมกับเขามาก"

"ก็เขาเป็นเพื่อนที่ดีนี่คะ เมื่อก่อนเป็นยังไง เดี๋ยวนี้ก็ไม่เปลี่ยน หนึ่งนับถือพี่พลเหมือนพี่ชายคนหนึ่งค่ะ"

"พี่รู้ว่าหนึ่งต้องตอบพี่อย่างนี้" กำพลหน้าจืดลงถนัดแล้วถอนใจยาว "แต่...พี่ยังหวังอยู่นะว่าสักวันหนึ่งจะเปลี่ยนใจ"

"โถ...พี่พล" แตะแขนเขาเบาๆ "อย่าทำหน้าเศร้าสิคะ ที่จริงเราคบกันแบบนี้ก็ดีแล้ว พี่พลมาหาหนึ่ง มาเยี่ยมคุณพ่อ คุณแม่ได้ตลอดเวลา เราเป็นเหมือนญาติที่คอยดูแลกันเสมอ"

"แต่พี่ยังไม่ยอมแพ้ไอ้หมอนั่นง่ายๆหรอกนะ เพราะพี่ถือว่าพี่มาก่อน ยังไงพี่ก็จะคอยดูแลหนึ่งอยู่ห่างๆ จะไม่ยอมให้นายนั่นทำให้หนึ่งเสียใจเป็นอันขาด"

"ขอบคุณค่ะพี่พล" น้ำหนึ่งมองกำพลอย่างซึ้งใจ ยื่นถังอาหารปลาให้เขา แล้วช่วยกันให้อาหารปลาต่อ แต่กำพลยังมองน้ำหนึ่งด้วยสายตาหม่นหมองตลอดเวลา....

ทิพย์อยู่บนบ้าน มองน้ำหนึ่งกับกำพลที่ริมน้ำ เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง...ประสพรู้ดีว่าทิพย์กำลังคิดอะไร จึงเดินมาเตือน

"ลูกไม่ใช่ตุ๊กตานะทิพย์...เขามีชีวิต ไม่ใช่จะจับเขาวางที่ไหนก็ได้"

"ฉันนึกว่าเราพูดกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก" ทิพย์จ้องประสพตาวาวไม่พอใจ

"ผมไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคุณมีจุดหมายอะไรในการแก้แค้น...แต่ก็ไม่อยากขัดใจคุณ"

"ฉันกำลังทำให้นังฤทัยมันร้อนรุ่ม ไม่เป็นสุข เพราะลูกชายมันมาติดพันยายหนึ่งจนโงหัวไม่ขึ้น ยิ่งตฤณมีคู่แข่งอย่างปลัดกำพลด้วยแล้ว ก็ยิ่งสนุกใหญ่"

"คุณคิดไปไกลถึงการแต่งงานแล้ว คุณจะยอมให้ตฤณกับหนึ่งแต่งงานกันเหรอ"

"ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน ถึงเวลาคุณจะรู้เอง" ทิพย์เดินหนี ประสพได้แต่กลุ้มและคิดจะปกป้องน้ำหนึ่ง ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง...เขาจะยอมให้ลูกมาเจ็บปวดไปกับการแก้แค้นของแม่ได้หรือ

ooooooo

ตฤณขับรถพาพ่อกลับบ้าน แต่พอถึงปากซอย จึงแอบรถจอดข้างทาง แล้วบอกพ่อให้พ่อขับรถเข้าไปก่อน ขืนกลับพร้อมกันแม่จะสงสัย เดี๋ยวเขาจะนั่งมอเตอร์ไซค์ ตามเข้าไป ชาตรียิ้ม ชมว่าลูกชายหัวใสเหมือนพ่อ...

ชาตรีขับรถกลับเข้าบ้าน ลงรถเดินลอยชายเข้าไป ถูกฤทัยกระชากแขน เกรี้ยวกราดใส่

"ไปไหนมาทั้งวัน โทร.หาเป็นร้อยๆครั้งไม่รับสาย รู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง อยู่ๆทั้งพ่อทั้งลูกหายไปจนค่ำมืด ติดต่อใครไม่ได้เลย"

"อ๋อ...ผมไปเยี่ยมคนไข้ แล้วไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงจากรถ มาเห็นอีกทีแบตฯก็หมดแล้ว"

"ไกลไหมคะ บ้านคนไข้คุณน่ะ"

"ก็ไกล อยู่ในสวน"

"แล้วตฤณล่ะ เห็นออกไปพร้อมกัน" ฤทัยกลั้นอารมณ์ แทบไม่อยู่

"ลูกออกไปพร้อมผม แต่ไม่ได้ไปที่เดียวกันนี่" ยื่นห่อข้าวยำให้เป็นการเอาใจ "ผมซื้อข้าวยำมาฝากด้วย เดี๋ยวนี้หาทานยาก เจ้านี้เขาต้นตำรับจริงๆ แล้วยังมีส้มโออีกเข่ง"

ฤทัยปัดห่อข้าวยำกระเด็น โพล่งออกมาแบบตลาดแตก

"ทำไมต้องโกหกฉันด้วย คุณกับลูกไปทานข้าวที่บ้านสวนน้ำทิพย์ แต่ไม่ชวนฉันสักคำ แล้วข้าวยำนี่ น้ำทิพย์ฝากมาใช่ไหม"

ชาตรีสะอึก...ครางออกมาจนได้ "คุณรู้ได้ไง"

"น้ำทิพย์โทร.มาถามฉัน ว่าทำไมฉันไม่ไปด้วย"

"ฤทัย...จะโกรธอะไรนักหนา..." ชาตรีพยายามดิ้น "ที่ผมไม่ชวนคุณ ก็เพราะเห็นว่าคุณนอนดึก ไม่ค่อยสบาย บ้านสวนน้ำทิพย์ก็ไกล ไม่ได้สะดวกสบายเหมือนบ้านเรา"

"ไม่ใช่แค่นั้นหรอกมั้ง คุณหมอชาตรี"

"คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า ฤทัย"

"นั่นไง คุณรู้ด้วยนี่ว่าฉันคิดอะไร ทำไมฉันจะไม่รู้"

"ฤทัย...หยุดคิดฟุ้งซ่านได้แล้วนะ ตลอดยี่สิบปีมานี้ พิสูจน์ความจริงใจของผมไม่ได้เลยหรือไง ว่าทุกอย่างที่ผมทำนั้นก็เพื่อคุณ เพื่อลูกทั้งนั้น...คุณคิดว่าผมเฝ้ารอเวลาที่จะได้พบน้ำทิพย์ เพื่อทรยศคุณงั้นเหรอ"

"แต่คุณโกหกฉัน โกหกมาตลอด ตั้งแต่ตอนน้ำทิพย์เป็นคนไข้ของคุณ เป็นแม่ของน้ำหนึ่ง แล้วยังเรื่องนี้อีก ทำไมคุณต้องปิดบังความจริง ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไร"

"ผมรู้ว่าผมทำผิดที่ไม่ได้บอกคุณ มีอะไรหลายอย่างที่ผมต้องปิดปากเงียบ แต่คุณต้องเข้าใจไว้ด้วยว่า ผมแคร์คุณ ไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ"

"ยิ่งปิด ฉันก็ยิ่งกังวล โดยเฉพาะเรื่องของน้ำทิพย์"

"ถ้าเป็นเรื่องทิพย์ คุณเลิกกังวลได้แล้ว ผมก็แค่ตอบสนองความมีน้ำใจของเขา เขาอยากขอบคุณที่ผมรักษาเขา ประคองเขาไว้ไม่ให้ต้องผ่าตัดเร็วนัก"

"แล้วทำไมต้องให้ตฤณไปด้วย"

"คุณก็น่าจะดูออกว่าตฤณคิดยังไงกับน้ำหนึ่ง...เรื่องของพวกเขา ผมคงปิดกั้นไม่ได้ ผมคิดว่าคุณไม่ควรทำอะไรผิด ทำบาปไปกว่าที่เราเคยทำกับทิพย์มาแล้ว"

"หมายความว่ายังไง" ฤทัยย่างสามขุมเข้ามาขอคำตอบ

"คุณฉลาดในเรื่องนี้มาแล้วฤทัย" ชาตรีเดินผละไป ฤทัยมองตาม ขบกรามแทบหัก

"ไม่มีทางหรอก...เรื่องอะไรจะปล่อยให้สองครอบครัวมาเกี่ยวข้องกันอีก" ฤทัยเริ่มคิดเดินหน้าต่ออย่างมั่นคง...

ooooooo

ต่อ

เครดิต //www.thairath.co.th



Create Date : 07 พฤษภาคม 2552
Last Update : 7 พฤษภาคม 2552 19:36:01 น. 0 comments
Counter : 199 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com