เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
29 เมษายน 2552
 
 
ละคร ลูกไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 9 ต่อ

ตอนที่ 9 (ต่อ)
ตฤณไปทำงานวันรุ่งขึ้น ก่อนจะเข้าห้องคุณคณิต เห็นพวกแก้วตากำลังเม้าท์กับเพื่อนร่วมงาน เพราะแอบมองกำพลกับน้ำหนึ่งอยู่ในห้องคณิต?? กำพลมาค้ำประกันให้น้ำหนึ่ง ตฤณหงุดหงิดแม่พวกนี้เต็มที จึงเปิดประตูเข้าห้องคณิตไป คณิตมองตฤณด้วยสายตาตำหนิที่พรวดพราดเข้าห้องมา
"ผมจะมาร่วมชดใช้หนี้กับน้ำหนึ่งครับ" ตฤณยัดซองเช็คใส่มือน้ำหนึ่ง มองกำพลที่นั่งข้างๆด้วยสายตาขุ่นขวาง มารตีที่นั่งข้างคณิตรีบบอก
"สายไปนิดหนึ่งนะคุณตฤณ หนึ่งพาคนมาค้ำประกันแล้ว"
น้ำหนึ่งยื่นซองเช็คคืนให้ตฤณ แต่ตฤณไม่รับ กลับพรวดพราดออกจากห้องคณิตไปด้วยท่าทีไม่พอใจ...
ตฤณกลับมาที่โต๊ะทำงานของเขา หยิบโน่นทำนี่ แต่ ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร แล้วชะงักเมื่อเสียงน้ำหนึ่งดังมา
"กลับบ้านเมื่อไหร่จะโทร.บอกนะคะพี่พล" ตฤณรีบแอบมอง เห็นน้ำหนึ่งเดินมาส่งกำพล
"ไม่ต้องรอจนกลับบ้านก็ได้ วันไหนพี่ว่าง พี่ขอแวะมาทานข้าวเย็นกับหนึ่งบ้างนะ"
"ได้สิคะ ขับรถดีๆนะคะ"
เสียงนั้นทำให้ตฤณกลับมาทรุดนั่งอย่างหัวเสีย ไม่มีสติพอจะคิดออกว่าเขาควรทำงานอะไรก่อนหลัง...พอเงยหน้าขึ้น น้ำหนึ่งมายืนยื่นซองเช็คคืนให้เขา
"ขอบใจนะที่มีน้ำใจช่วยฉัน แต่ฉันทำสัญญาไปแล้ว หรือถึงยังไม่ทำ ฉันก็รับเงินนี่ไม่ได้"
"ผมไม่รับคืน ถ้าอยากคืน เอาไปคืนที่พ่อผมเอง" เขายัดซองใส่มือเธอ แต่เธอไม่ยอม "บอกแล้วว่าไม่รับคืน ตามไปคืนที่บ้านผมก็แล้วกัน"
"งั้นฉันจะออกไปถ่ายรูปที่ค้างไว้ก่อน เย็นนี้เจอกันที่บ้านคุณ"
น้ำหนึ่งเอาซองยัดใส่เป้ของเธอ หิ้วเดินหายไปทันที ตฤณได้แต่มองตามความดันทุรังของเธอ
ooooooo
ส่วนน้ำทิพย์อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ขณะนั่งทานอาหารในร้านแห่งหนึ่ง...ข่าวสังคมเขียนว่า... ฤทัยสงสัยมือดีส่งช่อซ่อนกลิ่นให้กลางรายการมาแล้ว ทำให้มาดามฤทัยสั่งไล่พยาบาลที่ต้องสงสัยออกจากโรงพยาบาลหมอชาตรีไปแล้ว...น้ำทิพย์อ่านข่าวแล้วตกใจมาก เมื่อรู้ว่าพยาบาลคนนั้นต้องตกงานเพราะเธอ...เมื่อเกิดอารมณ์โกรธขึ้นมา ถึงกับด่าฤทัย
"นังฤทัย...นังมารร้าย" น้ำทิพย์ลืมตัวลุกพรวดขึ้น เกิดอาการหน้ามืด กุมอกอย่างเจ็บปวด น้ำทิพย์พยายามคว้ายา จากกระเป๋า แต่ไม่ทัน ร่างทรุดลงกับพื้น คนในร้านและเจ้าของต่างวิ่งมา เมื่อมีเสียงร้องว่า คนเป็นลม...
น้ำหนึ่งเสร็จจากการถ่ายรูปแล้วยังไม่กลับบ้าน ตรงไปยังบ้านตฤณตามที่ได้นัดไว้ ขณะที่นั่งรอที่ห้องรับแขก ชาตรีกับฤทัยกลับมา จึงทักทาย น้ำหนึ่งรายงานตัวพร้อมชื่อ ฤทัยบอกจำได้แล้ว เธอคือคนทำกล้องตกน้ำจนตฤณต้องช่วยออกค่ากล้องให้นี่เอง น้ำหนึ่งหน้าจืดลงแล้วยื่นซองเช็ควางที่โต๊ะ
"หนูไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้แล้วค่ะ แต่ตฤณไม่ยอมรับเงินนี้คืน หนูเลยเอามาคืนด้วยตัวเอง"
หมอชาตรีมองน้ำหนึ่งอย่างชื่นชม และรู้สึกถูกชะตากับ เด็กผู้หญิงคนนี้มาก
"ทำไมหนูถึงไม่ยอมให้ตฤณช่วยออกค่าเสียหายด้วยล่ะ" ชาตรีหยั่ง
"ตฤณไม่ได้เป็นคนใช้อุปกรณ์ เขาเป็นแค่คนเขียนเรื่อง ถ้าให้เขามาร่วมรับผิดชอบด้วยก็คงไม่ยุติธรรมค่ะ"
"อืมม์..." ชาตรียิ้มอย่างพอใจ "หนูเป็นคนรักความยุติธรรมนะ พ่อแม่หนูสอนมาดีจริงๆ"
"พ่อแม่หนูทำงานอะไรหรือจ๊ะ" ฤทัยซัก
"พ่อหนูเป็นหมอ ส่วนแม่เป็นชาวสวนค่ะ" ชาตรีฟังนึกถึงน้ำทิพย์ รีบถามทันที
"แม่เป็นชาวสวนเหรอ สวนอยู่ที่ไหน"
"นครชัยศรีค่ะ" คำตอบของน้ำหนึ่งทำเอาชาตรีกับ ฤทัยอึ้งไป พอจะถามต่อ เสียงตฤณดังมา
"น้ำหนึ่ง" ตฤณตรงมาหาน้ำหนึ่ง "ไม่นึกว่าคุณจะมาถึงนี่เลยนะ"
"ก็คุณให้ฉันเอาเงินมาคืนให้ที่นี่เอง ฉันก็มาแล้วไง"
ตฤณไหว้พ่อแม่ กอดท่านทั้งสองคนละข้าง แล้วบอกพ่อแม่
"ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่ได้โทร.มาบอกก่อน พ่อกับแม่คงงง จู่ๆก็มีคนเอาเงินมาคืนให้"
"หายงงแล้วจ้ะ กำลังสัมภาษณ์กันอยู่พอดี" ฤทัยบอกลูกชาย...น้ำหนึ่งมองพ่อแม่ลูกบ้านนี้ แล้วสะท้อนใจในครอบครัว ตัวเอง จึงรีบขอลากลับ ตฤณเสนอว่า อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน
"ไม่ดีกว่า ฉันห่วงแม่" น้ำหนึ่งหันไปทางท่านทั้งสอง "หนูกลับก่อนนะคะ" น้ำหนึ่งยกมือไหว้ ชาตรีรีบให้ตฤณไปส่งเพื่อน...ชาตรีกับฤทัยมองตามหลังลูกชายไปส่งเพื่อน ชาตรีเอ่ยขึ้น
"ไม่เคยเห็นตฤณพาเพื่อนผู้หญิงมาที่บ้านเลย สงสัยน้ำหนึ่งจะเป็นคนพิเศษของลูกเราละมั้ง"
"เด็กคนนี้คงไม่ใช่สเปกของตฤณหรอกค่ะ ฉันรู้จักลูกชายเราดี" ฤทัยมองตามน้ำหนึ่ง ไม่ชอบใจนัก
ตฤณเดินมาส่ง น้ำหนึ่งขอบใจ ส่งเธอแค่นี้ก็พอ ตฤณอ้างว่าพ่อสั่งให้ไปส่งน้ำหนึ่ง เธอยืนยันว่าเธอกลับเองได้...ขณะจะเดินออกไป มือถือดังขึ้น น้ำหนึ่งรับหน้าตื่น บอกว่าจะไปเดี๋ยวนี้ ตฤณเองตกใจถามว่ามีเรื่องอะไร...น้ำหนึ่งบอกว่าแม่เข้าโรงพยาบาล ตฤณรีบตามเธอไปด้วยทันที
ooooooo
เมื่อน้ำทิพย์ลืมตาตื่นขึ้น? พบตัวเองนอนบนเตียง ในโรงพยาบาล ประสพจึงเล่าว่า เจ้าของร้านอาหารเห็น เบอร์เขาในมือถือน้ำทิพย์จึงโทร.หา เขาจึงรีบให้เอายา ในกระเป๋าน้ำทิพย์ให้อมก่อน ถ้าช้าไปน่ากลัวจะแย่ น้ำทิพย์ยังคิดว่า ตายเสียได้มันน่าจะทรมานน้อยกว่า ประสพจึงได้แต่เตือนไม่ให้คิดอะไรมาก เห็นแก่ลูกสาวที่รักแม่มาก
เมื่อน้ำหนึ่งกับตฤณมาถึงจึงวิ่งไปหาแม่? ซักถามแทบไม่หายใจ แม่บอกว่าแม่สบายขึ้นแล้ว หันไปมองตฤณ ถามลูกสาวว่าใครมาด้วย จึงแนะนำว่าตฤณเป็นเพื่อนร่วมงาน แม่ถามขึ้นว่า เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่า ประสพจึงบอก
"เขาเป็นคนเดียวที่เคยช่วยคุณไว้ เมื่อตอนงานรับปริญญาไงล่ะทิพย์"
"อ้อ....ขอบใจนะที่พาหนึ่งมาส่ง?? แล้วขอบใจที่เคยช่วยฉันมาก่อนด้วย"
"คุณอาครับ...จะเป็นไรไหมครับ? ถ้าผมจะเสนอให้คุณอา ไปรักษากับคุณพ่อผม ท่านเป็นหมอที่รักษาโรคหัวใจโดยเฉพาะ ถ้าคุณอาตกลง ผมจะขอให้คุณพ่อดูแลคุณอาเป็นพิเศษ"
"พ่อเธอเป็นใคร" น้ำทิพย์ถามทันที
"คุณอาเคยได้ยินชื่อไหมครับ นายแพทย์ชาตรี วังวิเศษ"
ประสพกับน้ำทิพย์หันมามองหน้ากันทันที น้ำทิพย์ หายใจหอบ มือกุมหน้าอก ตวาดใส่
"ไม่ต้อง เธอกลับไปได้แล้ว ไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย อย่ามาเกี่ยวข้องอะไรกับน้ำหนึ่งหรือกับครอบครัวฉันอีก" ขาดคำ น้ำหนึ่งกับตฤณต่างตกใจมาก น้ำทิพย์สั่งลูกสาวซ้ำ "น้ำหนึ่ง ไม่ต้องไปทำงานแล้วนะ นับแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป กลับไปอยู่บ้านสวน ดูแลแม่ ก่อนแม่จะตายขออยู่ใกล้ๆลูก" น้ำทิพย์ หันมองตฤณตาขวาง "ไป...เธอไปให้พ้นหน้าฉันเลย"
ประสพรีบเข้าไปรวบมือน้ำทิพย์ไว้ ปลอบให้ใจเย็นๆ พักผ่อนเถอะ เขาจะพาตฤณออกไป...ประสพรีบพาตฤณกับน้ำหนึ่งออกไปข้างหน้าลิฟต์...แล้วประสพรีบแจงกับตฤณว่า อย่าไปสนใจแม่ของน้ำหนึ่ง มักมีอาการอย่างนี้ ขอบใจที่มาส่ง น้ำหนึ่ง ส่วนหนึ่ง เมื่อแม่เขามีอาการดีขึ้นแล้ว จะให้ไปลาออกด้วยตนเอง แล้วขอร้องไม่ให้บอกใครด้วย...ประสพบอกข้อข้องใจของน้ำหนึ่งว่า แม่เขาไม่สบาย ต้องการให้น้ำหนึ่งมาดูแล
"แต่ผมว่า คุณพ่อผมช่วยคุณอาได้นะครับ"
"ไม่ต้องหรอกตฤณ เธอกลับไปก่อนเถอะ ยังไงก็ขอบใจนะที่เป็นห่วง"
ลิฟต์เปิดออก ตฤณไหว้ลาแล้วเข้าลิฟต์ไป ประสพรีบดึงน้ำหนึ่งกลับไปด้วยกัน...เดินไม่กี่ก้าว น้ำหนึ่งขืนตัวหันมาถาม
"บอกหนึ่งหน่อยได้ไหมคะ ว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมให้ ตฤณมาเกี่ยวข้องกับพวกเรา"
"แล้วเรากับตฤณคิดยังไงกัน" ประสพย้อนถาม
"ไม่ได้คิดอะไรนี่จ๊ะ เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพิ่งทำงานได้เดือนกว่าเท่านั้นเองนะจ๊ะพ่อ แม่เขาคิดอะไรของเขา"
"เอาเป็นว่า..." ประสพมึนจนพูดไม่ออก "แม่เขาอยากให้หนึ่งอยู่ดูแลเขา ก็อยู่ไปละกัน หนึ่งชอบถ่ายรูป ชอบเขียน ว่างๆก็ทำไปส่งให้เขาเป็นตอนๆไปก็ได้ เรื่องเงินทองน่ะเราก็พอมีพอกินอยู่แล้ว"
"ไม่...หนึ่งอยากทำงานจ้ะพ่อ หนึ่งรักงานนี้มาก ก็ไหนพ่อเป็นคนที่เข้าใจหนึ่งมากที่สุดไงจ๊ะ"
"น้ำหนึ่ง...ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต่อรองนะ ถ้าแม่รู้ว่าเรายังยืนยันจะกลับไปทำงานทั้งที่เขาอาการหนักขนาดนี้ เขา
จะรู้สึกยังไง" น้ำหนึ่งฟังแล้วถึงกับอึ้ง ปิดปาก เดินไปอย่างเงียบๆ ประสพมองตามลูกสาวอย่างชอกช้ำกล้ำกลืน

เครดิต หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ



Create Date : 29 เมษายน 2552
Last Update : 29 เมษายน 2552 10:22:58 น. 0 comments
Counter : 283 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com