<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 พฤษภาคม 2552
 
 
ละคร ลูกไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 11

ตอนที่ 11
วันนี้หลังจากเสร็จงานข้างนอก คณิตกับมารตีทีมงานที่ใกล้ชิดกลับเข้ามายังสำนักงาน คณิตบอกมารตีว่า คืนนี้เขาจะพาเธอไปฉลองให้หายเหนื่อย... พอถึงบริษัท แปลกใจที่ปิดไฟมืดสนิท แต่พอไฟสว่างพรึบขึ้น เสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ดังกระหึ่มขึ้นจากปากพนักงานที่ทยอยกันมา...
เมื่อเพลงจบ แก้วตายกเค้กออกมาให้มารตีเจ้าของวันเกิดเป่าเค้ก...พร้อมเสียงปรบมือ มารตีบอกเมื่อเช้ายังไม่เห็นใครว่าอะไร เซอร์ไพรส์มาก แก้วตารีบบอกคุณคณิตออกไอเดีย คณิตถือของขวัญมาให้พร้อมอวยพร หลายคนมองของขวัญกล่องเล็ก คิดไปว่าเป็นแหวนเพชร เพราะรู้
ความสัมพันธ์ของทั้งสองดี แก้วตาอวยพร ต่อด้วยพนักงานจากทุกแผนก ขอให้มารตีสวยและรวยเสน่ห์ตลอดไป...
ในจำนวนนั้น ตฤณหอบของขวัญมามอบให้มารตีด้วยหัวใจอันลุ่มหลงรักอย่างโงหัวไม่ขึ้น...จากนั้นมารตีตัดเค้กแจกทุกคน
"ได้เค้กกันหมดแล้วใช่ไหม" คณิตร้องถาม
"ลืมฉันไปอีกคนรึเปล่าคะ" เสียงดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง คุณไปรยาเดินมา คณิตเห็นเมียตัวเองมา ถึงกับครางชื่อเมียอย่างอยากจะตาย...ไปรยาอวยพรมารตี แล้วชวนออกไปอีกทางเพื่อมอบของขวัญ
"ในฐานะเจ้านาย ฉันขออวยพรให้เธอมีความสุขในวันเกิด" มารตีรับของขวัญอย่างหวาดๆ พวกกำลังกินเค้กจ้องตาเป็นมัน กลัวมารตีจะได้ของแข็งมากกว่า...โดยเฉพาะคณิตเสียวสันหลัง กลัวเมียของเขาจะทำเอาวงแตก ไปรยายิ้มแต่กัดฟันหลายกร้วม
"ในฐานะภรรยาเจ้านายเธอ หรือในฐานะของเงินที่จ่ายให้เธอเป็นค่าข้าวค่าน้ำ ค่านมลูกของทุกชีวิตในที่นี้ รวมถึงคณิตด้วย ฉันขอเตือนว่าถ้าอยากอยู่อย่างสงบ และไม่เป็น
ต้นเหตุให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะตกงานละก็ อยู่ห่างคณิตไว้"
ไปรยายิ้มหวานแต่ขมในที "ฉันจะให้เธอทำงานที่นี่ต่อไป แต่หยุดขโมยของฉันกินซะที นี่คือการเตือนกันดีๆนะ อย่าให้ถึงกับต้องสั่งสอน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น วงการน้ำหมึกจะไม่มีที่ให้เธอทำมาหากิน"
ไปรยาวางมือที่ไหล่มารตี คนอื่นเห็นเป็นเรื่องคุยกันดีๆ แต่มารตีถูกบีบจนหน้าย่น ตอกย้ำคำพูดของเธอ ก่อนจะผละไป...
มารตีหน้าตูมเข้ามาคล้องแขนคณิตชู้รักให้พาเธอไปพักที่ห้องทำงานเขาด้วย แต่คณิตต้องพาไปรยากลับ ตฤณตาลุกวาวตามไป มารตีขอตัวเข้าห้องน้ำ ตฤณไปยืนรอด้วยความอดทน พอมารตีออกมา ตฤณถามว่ามารตีอยากออกไปสูดอากาศดาดฟ้าไหม มารตีไม่สนใจ เธอขอตัวกลับ เขาขอไปส่ง
เมื่อตฤณพามารตีไปถึงหน้าบริษัท...น้ำหนึ่งเดินมาเห็นทั้งสอง ถึงกับชะงักตกใจ...
ตฤณขับรถมาส่งมารตีที่คอนโดฯของเธอ จะขึ้นไปส่งถึงห้อง มารตีห้ามไว้ กำลังจะเดินขึ้น เธอเห็นรถคณิตวิ่งมาจอด จึงรีบเดินหนี ตฤณรีบขวางคณิตที่ก้าวตามมารตี ห้ามคณิตไว้ บอกว่ามารตีไม่อยากคุยกับเขา แต่คณิตกลับไล่ตฤณกลับ บอกว่ามันเรื่องของคณิตกับมารตี ตฤณบอกว่าเกี่ยวแน่ เมื่อกี้ภรรยาของคณิตมา คนในบริษัทจะมองพี่มารตียังไง คณิตกับตฤณเริ่มเถียงกัน เรื่องของเจ้านายกับตฤณ หาว่าเขาทำไม่ถูก มารตีจึงก้าวมาบอกตฤณว่า ส่งเธอแค่นี้พอแล้ว ขอบใจตฤณแล้วเข้าคอนโดฯไป คณิตยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนตามมารตีเข้าไป
ตฤณมองตามเห็นทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากกันอึดใจ แล้วก็พากันเข้าไปในคอนโดฯอย่างยินยอมพร้อมใจ...ตฤณยังไม่ละความพยายาม วิ่งตามไปเตือนมารตีก่อนเข้าลิฟต์ว่า อย่าไปเชื่อคณิต เขากำลังหลอกพี่ แต่มารตีกลับไล่ให้ตฤณกลับไป...แล้วทั้งสองก็ปิดประตูลิฟต์ทันที
ตฤณกลับบ้านด้วยหัวใจที่แหลกสลาย...ข่มตานอนเท่าไหร่ก็นอนไม่หลับ เอากลอนของใจเดียวมาอ่าน...บทกลอนนั้นรำพันถึงความเจ็บปวด เมื่อสาวเจ้าคอยหนีหน้า เพราะเจ้าไม่เคยเห็นใจในความรัก...แล้วยังปักใจมั่นในใครบางคน... ตฤณล้มตัวลงนอน ได้แต่ตั้งคำถามในความเหงาคนเดียว...
"พี่รตี...ทำไมพี่รตีถึงเห็นเขาดีกว่าผม"
ooooooo
น้ำหนึ่งมาทำงานในบริษัทเอกสยาม แปลกใจที่ไม่มีใครเห็นตฤณมาทำงาน พองานเสร็จเดินออก
มานอกห้องสวนกับคณิต พอรู้ว่าจะกลับ คณิตจึงเล่นบทตื๊อขอไปส่ง น้ำหนึ่งบอกจะแวะไปธุระก่อน เขาจะขอไปส่งอีก น้ำหนึ่งเห็นท่าไม่ดี จึงปฏิเสธแล้วไหว้ลาทันที...คณิตมองตามด้วยสายตามั่นหมายน้ำหนึ่งเต็มที่ มารตีแอบมองเห็น ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาเช่นกัน...
น้ำหนึ่งมาที่บ้านตฤณ อยากรู้ทำไมไม่ไปทำงาน เขานอนที่สนามหญ้า เอาหนังสือกลอนของใจเดียวมาอ่านจน
ง่วงหลับ มีหนังสือใจเดียวปิดหน้า น้ำหนึ่งเดินมาดึงหนังสือออกมาอ่าน เป็นกลอนรำพันเรื่องหัวใจแตกสลาย ปลิดปลิวเป็นใบไม้ หัวใจตรอมตรม...ตฤณลืมตาขึ้น
"โอ๊ย...น้ำเน่าชะมัด" ตฤณลุกขึ้นคว้าหนังสือ น้ำหนึ่งว่าต่อ "นึกไม่ถึงว่าคุณจะผิดนัดเพราะอกหัก" ทั้งสองจึงตั้งหน้าเถียงกัน ตฤณจึงประกาศ
"ผมไม่ได้โดดงาน แต่ผมลาออกแล้ว"
น้ำหนึ่งนิ่งครู่หนึ่ง จึงบอกว่าดีแล้ว เธอจะไปโพนทะนาให้ทั่วว่า คุณลาออกเพราะรักคุดมารตีคนสวย น้ำหนึ่งเดินหนี ตฤณวิ่งตาม ร้องห้ามอย่าไปโพนทะนาบ้าๆอย่างนั้น เพราะมันไม่จริง น้ำหนึ่งย้อนว่า ถ้าไม่จริง ทำไมต้องลาออก?...ตฤณกลับตอบอ้อมแอ้มหาว่าคณิตไม่มีความเป็นหัวหน้าที่ดี
"คุณไม่อดทน เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงาน วันนั้นฉันเห็นคุณออกไปกับมารตี คุณคณิตส่งคุณไปรยาแล้ว ตามคุณทั้งสองไป อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...คงเกิดศึกชิงนางขึ้นแน่ๆ คุณเป็นฝ่ายแพ้ยับเยิน เพราะคุณคณิตไปกับมารตี เลยอกหักพาลไม่ไปทำงาน...แค่นี้ก็อ่อนแอ แล้วยังริอยากเป็นนักเขียน"
เมื่อตฤณบอกเขาไม่หวั่นไหวหรืออ่อนแอ น้ำหนึ่งจึงท้าพิสูจน์
"งั้นก็พิสูจน์ ถ้าพรุ่งนี้ไปทำงานได้ แสดงว่าไม่จริง...ฉันรอต้นฉบับคุณอยู่นะ" ว่าแล้วน้ำหนึ่งสะบัดเนื้อตัวจะกลับ ตฤณขอไปส่ง น้ำหนึ่งบอก เธอมีมอเตอร์ไซค์รออยู่แล้ว...
น้ำหนึ่งเดินออกมาหามอเตอร์ไซค์ที่จอดรอ พอดีรถเก๋งคุณฤทัยขับมา ลดกระจกมองน้ำหนึ่งอย่างรังเกียจ ก่อนปิดกระจกขับไปยังประตูบ้าน น้ำหนึ่งแปลกใจในท่าทีฤทัย...ก่อนจะขึ้นมอเตอร์ไซค์ออกไป ส่วนฤทัยเมื่อจอดรถแล้ว ตรงไปหาตฤณทันที จึงซักถามเอาเรื่อง พอรู้ว่าน้ำหนึ่งมาหาตฤณพูดเรื่องงาน ฤทัยจึงสั่งเฉียบ...อย่ายุ่งกับเด็กคนนี้ มาตามผู้ชายต้อยๆ คิดจะจับลูกแม่ไม่ว่า...ตฤณบอกแม่ว่าหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีคนหนึ่ง แม่ถามด้วยสายตาว่า ลูกไม่ไปทำงานใช่ไหม
"วันนี้ผมไม่มีแก่ใจทำงานครับ ยังคิดไม่ตกว่าจะกลับไปทำต่อหรือเปล่า"
"งั้นก็ไม่ต้องไป งานกระจอก เงินเดือนต่ำ ลาออกแล้วแม่จะฝากงานดีกว่านี้ จะเอาตำแหน่งอะไรบอกมาเลย" ฤทัยมองท่าทีลูกชายอย่างไม่สบายใจ
ooooooo
วันนี้ตฤณมาที่ทำงาน วางต้นฉบับให้น้ำหนึ่ง พร้อมสำทับว่าเขาไม่ได้ผิดนัดน้ำหนึ่งแล้วนะ...แต่พอเห็นมารตีเข้าไปในห้องทำงาน จึงรีบตามเข้าไป มารตีทักว่าตฤณไม่ได้มาทำงานเมื่อวาน ไม่สบายหรือเปล่า ตฤณตอบทันทีว่า พี่รตีน่าจะรู้ว่าเพราะอะไร มารตีพลิกงานออกมา บอกว่าเธอไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถามเรื่องต้น ฉบับที่น้ำหนึ่งตามหา แต่ตฤณกลับฟื้นเรื่องเมื่อวาน วอนให้พี่มารตีเลิกกับคณิตเถอะ ภรรยาเขามาแสดงตัวที่นี่
"พี่คณิตป้อนคำหวานอะไรให้อีกครับ พี่ถึงได้เชื่อเขา ยอมเขาทุกอย่าง..."
มารตีไม่ฟัง สั่งงานทันทีว่า เสาร์อาทิตย์นี้เธอต้องไปธารน้ำหลงกับน้ำหนึ่ง ทำสกู๊ปคนค้าของป่า คุณคณิตติดต่อฝ่ายอุทยานและหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว ตฤณโพล่งขึ้นว่า พี่จะกำจัดเขาออกนอกทางหรือ มารตีไม่ฟัง บอกว่าเธอกำลังสั่งงานเขา ตฤณรีบยอมรับคำสั่งมารตีทุกประการ...
ตฤณกลับออกไปแล้ว มารตีได้แต่ทอดถอนใจในความดึงดันที่ไม่ยอมเลิกราของตฤณ...
ooooooo
ในที่สุดตฤณกับน้ำหนึ่งก็ขึ้นรถตู้ของบริษัทมุ่งหน้าไปยังหุบเขาธารน้ำหลง...ตฤณหอบเครื่องมือทำสกู๊ปคนค้าของป่า ด้วยท่าทางเลื่อนลอย ปล่อยให้ น้ำหนึ่งแบกกล้องและขาหยั่งลงจากรถคนเดียว... หลังจากเจ้าหน้าที่อุทยานมาต้อนรับอำนวยความสะดวกแล้ว...เมื่อได้เวลาก็เริ่มทำงาน...
เริ่มด้วยการพาชมของป่าต่างๆ ลานสมุนไพร ต้นไม้ กล้วยไม้นานาพันธุ์ ตฤณจดบันทึกและซักถามหารายละเอียด ส่วนน้ำหนึ่งถ่ายภาพพืชพันธุ์ไม้ ดอกไม้ป่าไม้ใบในแต่ละแนวป่า จดชื่อและถ่ายไว้ในมุมใกล้ไกลไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพื่อการนำเสนอที่สมบูรณ์ต่อไป...
เมื่อได้ข้อมูลและภาพเป็นที่พอใจแล้ว เจ้าหน้าที่พาไปพบชาวป่าที่มีชีวิตอยู่กับป่าทั้งหลายตลอดเวลา ตฤณมักอยู่ในอาการเหม่อบ่อยครั้ง จนน้ำหนึ่งต้องสะกิดหลายครั้ง จนเธอเป็นห่วง เพราะบางครั้งที่สอบซักถามชาวบ้านอยู่ดีๆ ตฤณกลับหนีไปยืนเซ่ออยู่อีกทาง ต้องตามดึงกลับมาฟังและทำความเข้าใจ ก่อนจะนำไปเขียนให้คนอ่านได้รู้
หลังกลับมาพักผ่อนที่บ้านพัก...ตฤณได้แต่เหม่อด้วยท่าทางซื่อบื้อบ้อท่า น้ำหนึ่งทนไม่ไหว เดินมาประจันหน้าถาม
"คุณยังลืมพี่มารตีไม่ได้อีกหรือ"
"ลืมได้ไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับคุณ อย่ามายุ่งกับผมดีกว่า"
"ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก เพราะเราทำงานคู่กัน ฉันเห็นคุณไม่มีสมาธิทำงานเลย"
"ก็ไม่ต้องทำงานด้วยกันสิ"
"ไม่ทำด้วยก็ได้ กลับไปคราวนี้ ฉันจะบอกพี่รตีให้"
"อยากบอกใครก็เชิญตามสบาย" ตฤณตอกฉอดๆ หน้าตาย
"นี่ฉันพูดด้วยดีๆนะ ทำไมต้องกวนประสาทกันอย่างนี้ นายนี่มันห่วยแตกจริงๆ"
แล้วตบะของทั้งสองก็แตกดังโพละ เมื่อเธอด่าเขาห่วยแตก พูดด้วยปวดหัว เขาให้ไปไกลๆ น้ำหนึ่งประกาศก้อง กลับไปนี่เธอจะขอแยกคู่ ไม่ทำงานร่วมกับเขาตลอดชาติ... น้ำหนึ่งเดินหนีเข้าป่า...ตฤณจะตามไป แต่กลับเดินกลับยังเรือนพัก
น้ำหนึ่งเดินหนีเข้าป่าด้วยความแค้น ตั้งใจจะแกล้งตฤณให้ประสาทรับประทานบ้าง...น้ำหนึ่งเดินเข้าป่าลึกไปเรื่อยโดยไม่รู้ตัว....
ขณะตฤณนั่งเขียนอะไรในห้องพัก เจ้าหน้าที่มาเคาะประตูเรียก จะพาไปทานอาหาร แล้วบอกว่าคุณน้ำหนึ่งไม่อยู่ที่ห้อง เดินตามหาทั่วไปไม่พบ แถวนี้นอกนั้นมีแต่ป่าทั้งนั้น ตฤณเริ่มเอะใจ เพราะตอนนี้ตะวันเริ่มจะคล้อยต่ำมากแล้ว...
ตฤณพาเจ้าหน้าที่ไปที่ที่เขาทะเลาะกับหนึ่งเมื่อชั่วโมงที่แล้ว...ขณะเดียวกัน เมื่อเริ่มจะมืดน้ำหนึ่งเริ่มคิดจะเดินกลับ แต่จำไม่ได้ว่ามันทิศทางไหน...มองไปมีแต่ป่าเหมือนๆกัน น้ำหนึ่งดึงมือถือขึ้นมากด แต่กดเท่าไหร่ เดินไปกดทางไหน ก็ไม่มีสัญญาณ น้ำหนึ่งหวาดหวั่นขึ้นมา ร้องลั่นขึ้น
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วยค่ะ ฉันอยู่นี่" ไม่มีเสียงตอบ เสียงแมลงดังระงมมากขึ้นในราวป่า...
อีกด้านหนึ่ง...ตฤณกับเจ้าหน้าที่เดินไป ฉายไฟส่องทาง ตะโกนหา "น้ำหนึ่ง" เป็นระยะ...เมื่อมาถึงทางสามแยก เจ้าหน้าที่มากันตฤณไว้???? เสนอว่ากลับกันก่อนดีกว่า...ทาง
สามแพร่งไม่รู้ว่าน้ำหนึ่งไปทางไหน ขืนเดินไปเรื่อยๆ เราจะหลงทางเสียเอง
"นี่มันมืดแล้วนะครับ??? หนึ่งหลงอยู่ในป่าคนเดียว อันตรายมาก"
"หนึ่งยังไปไม่ไกลหรอกครับ แล้วป่าแถบนี้ ไม่มีสัตว์ ดุร้าย เรากลับที่พัก แล้วหาคนมาช่วยดีกว่า" ตฤณมองไปในความมืดด้วยความเป็นห่วงน้ำหนึ่ง ขณะถูกเจ้าหน้าที่ดึงตัวกลับ...
เมื่อถึงที่พัก เจ้าหน้าที่พาตฤณมาดูแผนที่ ชี้ว่าเส้นทางนี้เดินเลาะลงไปจะเจอน้ำตก เราจะตามหาได้ง่ายขึ้น เจ้าหน้าที่ให้ตฤณรอ เขาจะไปตามเจ้าหน้าที่จากหมู่บ้านมาช่วย
ตฤณเดินพล่านอยู่คนเดียว เขาเริ่มเป็นห่วงน้ำหนึ่งอย่างแท้จริง จนทนนิ่งไม่ไหวแล้ว เขาไม่อาจปล่อยให้น้ำหนึ่งต้องมาตายในป่าคนเดียว...ตฤณเดินไปส่องไฟดูแผนที่อีกครั้ง... แล้วกระชับไฟฉาย กระติกน้ำ ออกเดินไปทันที
ooooooo
น้ำหนึ่งตอนนี้อยู่ในสภาพอิดโรยและหวาดกลัวมาก เดินโซซัดโซเซมาตามทางเล็กๆในป่า อาศัยไฟจากมือถือส่องนำ นอกจากเสียงสัตว์นานาจากป่าดิบแล้ว นานๆจะมีเสียงหวีดหวิวจากงูนานาชนิด แล้วน้ำหนึ่งถึงผวา เมื่อนกเค้าแมวร้องขึ้น...แล้วเห็นแววตาสัตว์วาวขึ้นเมื่อต้องแสงไฟจากมือถือ น้ำหนึ่งร้องลั่นวิ่งหนี จนกิ่งไม้เกี่ยวหน้า เหนี่ยวเสื้อจนขาดเห็นเลือดซิบๆ แล้วไฟในมือถือดับวูบลง น้ำหนึ่งร้องคร่ำครวญว่า ทำไมแบ็ตมาหมดตอนนี้ด้วย...
เสียงสัตว์ป่าร้องหวีดขึ้น น้ำหนึ่งตกใจถอยกรูดไปชนของหนักๆ ตกใจหวีดร้องให้คนช่วย มือป่ายไปอีกทีก็รู้ว่าก้อนหินใหญ่ จึงเอาหลังพิงสูดลมหายใจ ลำคอแห้งผากกระหายน้ำเต็มที่...เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้า...
น้ำหนึ่งลืมตาขึ้นอีกครั้ง...ได้ยินเสียงอะไรดังแว่วๆมา แล้วบอกตัวเอง "เสียงน้ำไหล" จึงยันตัวลุกขึ้น รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวและแข้งขา เดินช้าๆไปตามเสียงน้ำไหล...
ในขณะที่ตฤณเดินมาถึงทางสามแพร่ง...เขาเลือกเดินไปทางหนึ่งอย่างเสี่ยงทายว่า จะเป็นทางเดียวกับที่น้ำหนึ่งเลือกหรือไม่?
ooooooo
ขณะเดียวกันที่บริษัทเอกสยาม คณิตคุมทุกคนช่วยกันปิดต้นฉบับอยู่ในห้องทำงาน มารตีหน้าตื่นเข้ามาดึงคณิตมาอีกทาง ไม่ให้คนอื่นได้ยิน
"เกิดเรื่องใหญ่แล้ว...เจ้าหน้าที่ป่าไม้โทร.มาบอกว่าน้ำหนึ่งหายเข้าไปในป่า ตฤณก็ฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตามน้ำหนึ่งด้วยตัวเอง"
"เฮ้ย...แล้วเจ้าหน้าที่ออกตามหาหรือเปล่า??? ตอนนี้ค่ำแล้วนะ" คณิตก็เริ่มวิตก
"เขาบอกว่า ต้องรอฟ้าสางค่อยไปตามหา ขืนเข้าไปตอนนี้โอกาสเจอยากมาก" มารตีเครียด
"แต่เราคงต้องบอกพ่อแม่ของทั้งสองคนด้วย" คณิตสั่ง ตัวเองก็ขยับแต่หันรีหันขวาง...
น้ำทิพย์ที่บ้านสวนรับโทรศัพท์...ขณะที่กำพลมาอยู่ ทานข้าวด้วย กำลังจะลากลับ...น้ำทิพย์พอฟังเรื่องน้ำหนึ่งหายเข้าป่าเท่านั้น โทรศัพท์หล่น ตัวเองทำท่าจะลมใส่ ประสพผวามารับไว้ กำพลรีบมาช่วย...แต่ทำอะไรไม่ถูก เพราะน้ำทิพย์หมดสติไปแล้ว...
ครู่ใหญ่ต่อมา...หลังจากประสพเยียวยาน้ำทิพย์เต็มที่ จึงค่อยๆลืมตา ร้องหายายหนึ่ง ประสพห้ามไม่ให้ลุกขึ้น น้ำทิพย์ ดิ้น จะไปตามหายายหนึ่ง เมื่อถูกห้ามปรามอย่างหนัก น้ำทิพย์ ร้องขอ
"ช่วยพาไปหาชาตรี เขาต้องไปตามหาลูก..." เมื่อเห็นกำพลนั่งอยู่ด้วย น้ำทิพย์จึงบอกต่อ "ลูกชายเขาก็หายไปด้วย เขาคงจะไปตามหาลูกด้วย?? และที่สำคัญ? เขาสองคนอยู่ด้วยกันตามลำพัง"
"ผมจะไปตามหาน้ำหนึ่งให้เองครับ คุณอารอฟังข่าวอยู่ที่นี่ดีกว่า"
"ไม่ ฉันไม่อยากรอฟังข่าว ถ้าไม่มีใครพาไป ฉันจะขับรถไปเอง" น้ำทิพย์ยืนกราน ประสพมองตากำพลเชิงปรึกษา แล้วประสพถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะมองน้ำทิพย์
"งั้นคุณรับปากผมนะ ถ้าไม่ไหวต้องบอกผมทันที" ประสพจ้อง น้ำทิพย์พยักหน้าด้วยสายตามุ่งมั่น
ส่วนชาตรีกับฤทัย หลังจากได้รับโทรศัพท์บอกเรื่องตฤณก็หายเข้าไปตามหาน้ำหนึ่งด้วยอีกคน...แล้วความร้อนใจก็ส่งให้สองสามีภรรยานั่งมาในรถคันใหญ่ ฤทัยเร่งคนรถให้ขับเร็วๆ แต่ชาตรีปรามว่า ขับรถกลางคืนเร็วมากมันอันตราย ฤทัยบอกว่าลูกของฉันกำลังตกอยู่ในอันตราย ชาตรีปลอบว่า ลูกชายเราคงเอาตัวรอดได้
"เพราะยายเด็กน้ำหนึ่งนั่นแท้ๆ เลยทำให้ลูกเราเดือดร้อน ฉันจะให้ตฤณลาออกทันทีที่กลับมา จะได้ไม่ต้องทำงานด้วยกันอีก" ชาตรีฟังแล้วเบือนหน้าฝ่าความมืดนอกหน้าต่าง วิตกทุกข์ร้อนไปกับตฤณและน้ำหนึ่ง...
ooooooo
เสียงร้องเรียกหาน้ำหนึ่งของตฤณดังก้องไปในราวป่าอันมืดมิดนั้น...เขาเดินย่ำไปในความมืด พอมีอะไรสวบสาบด้านหลัง จึงรีบส่องไฟฉาย เห็นเป็นตอไม้ เขาเกิดสะดุดล้มลงขณะหมุนตัว พอลุกได้ ส่องไฟกวาดไป สะดุดกับเศษชิ้นส่วนเสื้อที่เกี่ยวติดกิ่งไม้
"น้ำหนึ่ง..." เขาเริ่มมีหวัง รีบเดินกะเผลกขาที่ล้มจนแพลงไปเร็วขึ้น พอได้ยินเสียงน้ำไหล จึงตะโกนสุดเสียงอีกครั้ง
"น้ำหนึ่ง...น้ำหนึ่ง...คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่า น้ำหนึ่ง"
ที่ริมลำธารไม่ไกลกันนัก น้ำหนึ่งนอนขดตัวหนาวสั่นอยู่ เมื่อแว่วเสียงตฤณร้องเรียก จึงชะงักเงี่ยหูฟังเสียงแข่งกับเสียงน้ำ...พอได้ยินเสียงเรียกน้ำหนึ่งอีกครั้ง มันฟังชัดมากแล้ว น้ำหนึ่งลุกพรวดดีใจจนเนื้อเต้น คิดว่ารอดตายแล้ว
"ฉันอยู่นี่...ฉันอยู่นี่" ว่าแล้วกระโดดโลดเต้นร้องเรียกเสียงดัง ไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร...จนหน้ามืดล้มลงนอนนิ่งกับพื้น...
ตฤณเดินมาใกล้ ร้องถามให้ชัดอีกครั้ง แต่ไม่มีเสียงตอบ...เขาเดินใกล้เข้ามาส่องไฟไปข้างหน้า กวาดไปรอบๆ ไม่พบร่องรอยอีก...ตฤณมองเห็นน้ำตกอยู่เบื้องหน้า...รีบเดินไปจนถึง กวาดไฟฉายมองไปรอบๆก็ไม่มีใคร จึงวักน้ำล้างหน้า...เดินกลับขึ้นมา...เกิดสะดุดกับอะไรบางอย่าง รีบส่องไฟดู
"น้ำหนึ่ง" ตฤณร้องขึ้นอย่างแตกตื่นและดีใจ...น้ำหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น เขารีบอุ้มน้ำหนึ่งขึ้น "น้ำหนึ่ง...เป็นอะไรไป น้ำหนึ่ง" น้ำหนึ่งปล่อยศีรษะคลอนไปมาอย่างไม่รู้สึกตัว ตฤณเอาหลังมือแตะหน้าผาก "แย่แล้ว ตัวร้อนจี๋เลย" ตฤณอุ้ม น้ำหนึ่งไปวางลงที่ลานหินเรียบๆ เสียงเพ้อครางออกมาสั่นพร่า
"ช่วยด้วย...ช่วยด้วย" ตฤณเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าตาให้
"น้ำหนึ่ง คุณเป็นยังไงบ้าง" น้ำหนึ่งหนาวสั่น เขาถอดแจ็กเกตห่มให้ เสียงเพ้อยังดังมา
"ช่วยด้วย...ฉันอยากกลับบ้าน พาฉันกลับบ้าน"
"ไม่ต้องห่วงนะหนึ่ง พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับบ้านเอง"
"พ่อจ๋า แม่จ๋า...หนึ่งหนาว...หนาวจังเลย"
"น้ำหนึ่ง อดทนไว้นะ ผมจะพาคุณออกไปจากที่นี่ให้ได้" เขากอดเธอแน่นให้อบอุ่น น้ำหนึ่งหยุดเพ้อแล้วนิ่งเงียบไป...
ooooooo
กลางดึกคืนนั้น เมื่อฤทัยกับชาตรีมาถึงบ้านพัก เจ้าหน้าที่อุทยานรีบมาต้อนรับถึงสองสามคน ฤทัยลงรถมาทักทายพร้อมกับเต้นเหยงๆใส่เจ้าหน้าที่ด้วยความโกรธที่ปล่อยให้ลูกเธอหายเข้าไปในป่า คาดโทษถึงจะเล่นงานเจ้านายทันที ถ้าลูกเธอเป็นอะไรไป เจ้า-หน้าที่แก้ว่า ได้เตือนพวกเขาแล้ว แต่เขาแอบไปเอง
ฤทัยสั่งให้ไปตามลูกเธอมาเดี๋ยวนี้ เจ้าหน้าที่ขอเป็นสว่างก่อน ฤทัยเก่งขึ้นมาทันที ประกาศว่า ถ้าพวกเขาไม่ไป เธอจะไปเอง ชาตรีรีบกล่อมให้ใจเย็น ทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกดีกว่า ฤทัยจะเถียง ต้องหันไปเพราะมีไฟหน้ารถฉายกราดมาจอดอีกคัน...นั่นคือรถของปลัดกำพล ประสพประคองน้ำทิพย์ลงมาจากรถ ประสพเดินไปหาชาตรีกับฤทัย ถามว่าตฤณเป็นยังไงบ้าง ฤทัยมองแล้วไม่อยากจะบอก
"ยังไม่เจอใคร ตฤณหายเข้าป่าเพราะเข้าไปตามหาน้ำหนึ่ง ปกติตฤณไม่ใช่คนเหลวไหลอย่างนี้"
"น้ำหนึ่งก็ไม่ใช่คนเหลวไหล" น้ำทิพย์คอแข็งขึ้นมาเช่นกัน "ฉันเลี้ยงลูกให้รับผิดชอบมาตลอด"
"ผมเข้าใจนะทิพย์ ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่" ชาตรีพยายามไกล่เกลี่ย
"ตฤณเป็นลูกชายคนเดียวของเรานะคะตรี ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้กับลูกของเราเลย"
"น้ำหนึ่งก็เป็นลูกของ..." น้ำทิพย์มองชาตรีอย่างปวดร้าว "ของฉัน...ฉันก็รักลูกของฉันเหมือนกัน"
เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจบอกทุกคนเพื่อความสบายใจ พวกเขาสองคนจะตามหาคนทั้งสองเอง พวกคุณรอฟังข่าวอยู่ที่นี่ น้ำทิพย์จะขอไปด้วย ประสพห้ามทันที ฤทัยสอดขึ้นว่า ทิพย์ไปมีแต่จะเป็นลมเป็นแล้ง...กำพลจึงอาสาเข้าไปกับเจ้าหน้าที่ทั้งสองด้วย...
น้ำทิพย์กุมอกเมื่อรู้สึกแน่นที่หัวใจ ประสพรีบพาไปพักในบ้านพักก่อน ชาตรีจะตามไปดูแล ฤทัยดึงไว้ บอกว่าสามีเขาดูแลอยู่แล้ว
ท้องฟ้าเริ่มสาง...น้ำหนึ่งหลับอยู่ในอ้อมกอดของตฤณ...เสียงนกร้องดังขึ้นมาจากเสียงแมลงกลางคืนที่เริ่มเบาลง...น้ำหนึ่งขยับตัวลืมตาตื่นขึ้น มองไปมาเห็นตัวเองอยู่ในอ้อมแขนของตฤณ ถึงกับดีดตัวร้องว้าย ผลักตฤณออกสุดแรง ตฤณดีใจที่เห็นเธอตื่นแล้ว
"น้ำหนึ่ง...คุณฟื้นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง"
"ไอ้คนเลว ไอ้คนชั่ว" น้ำหนึ่งตรงเข้าตบตีเป็นพัลวัน "คนฉวยโอกาส ไอ้พวกตัณหาจัด เลวที่สุด"
ตฤณตั้งตัวไม่ติด ได้แต่ขอให้ฟังก่อน แต่น้ำหนึ่งไม่ยอม ห้ามแก้ตัว ด่าพลางวิ่งหนี ตฤณวิ่งตาม...ยิ่งไล่ยิ่งหนีเร็วขึ้น... ไม่กี่ก้าว น้ำหนึ่งเกิดหน้ามืดขึ้นมาอีก หยุดลง แล้วเอนไปมา ตฤณเข้าประคองไว้ น้ำหนึ่งสั่งให้ปล่อย แต่ตกอยู่ในอาการป้อแป้ ตฤณพยายามอธิบายว่า เมื่อคืนเขาไม่ได้ทำอะไรเธออย่างที่เข้าใจ เขามาเจอเธอสลบด้วยพิษไข้ เลยเอาเสื้อห่มให้ แล้วเผลอหลับไปเท่านั้นเอง...
น้ำหนึ่งเริ่มนิ่ง น้ำเสียงอ่อนลง "ปล่อยฉันได้แล้ว" ตฤณปล่อยให้เธอยืน "ฉันไม่สบายเหรอ"
"ใช่...คุณจำได้หรือเปล่า"
"ฉันจำได้แค่ว่า มาถึงลำธารแล้วก็วูบไป หลังจากนั้น ฉันมีแต่ฝันร้าย"
"คุณเพ้อจนหลับไป"
"คุณเข้ามาตามหาฉันเหรอ"
"เปล่า...ผมเข้ามาเดินเล่น แล้วก็หลงมาเหมือนคุณนั่นแหละ" ตฤณไม่สบตา น้ำหนึ่งยิ้มอย่างรู้ทัน
"ยังไงก็ขอบใจนะ แล้วขอโทษที่เข้าใจผิดไป"
ตฤณจึงชวนพากันรีบหาทางออกจากที่นี่ เพราะน้ำหนึ่งยังมีไข้ เธอบอกว่าเธอออกไม่ถูก ตฤณบอกว่า ฟ้าสางแล้วคงหาทางออกง่ายขึ้น เขาจำแผนที่ได้ เดินเลาะไปตามลำธารก็เจอน้ำตก มีคนไปเล่นน้ำ มีเจ้าหน้าที่ประจำ...ตฤณเดินนำไปตามลำธาร พอเห็นเธอเซ รีบช่วยประคองดึงตัวไป เธอแอบเขิน... พอต้องข้ามลำธารเธอกลัวละอองน้ำ มันหนาว...ตฤณคิดครู่หนึ่งย่อตัวลงให้เธอขี่หลัง เร่งให้ขึ้นขี่ ไม่งั้นเขาเปลี่ยนใจ น้ำหนึ่งจำต้องขี่หลังเขาไป...เขาพาข้ามลำธาร น้ำหนึ่งรู้สึกประทับใจในความเสียสละของเขา...เดินข้ามลำธารไปมากแล้ว เธอถามว่า เขาเหนื่อยหรือเปล่า?
"ไหว...ยังไงผมก็ต้องพาคุณออกไปจากที่นี่ให้ได้ในวันนี้"
ตฤณแบกน้ำหนึ่งเดินต่อ หลังจากผ่านลำธารมาหลายครั้ง ได้ยินเสียงน้ำตก น้ำหนึ่งร้องขึ้นอย่างดีใจ...ตฤณย่อตัวให้เธอลง เขาเดินไปชะโงกมองแล้วหันมาบอกว่า...เราออกจากป่าได้แล้ว ทั้งสองกระโดดกอดกันอย่างลืมตัว พอนึกได้ น้ำหนึ่งผละออกมาตีหน้าเขิน...
น้ำหนึ่งมองไปข้างหน้า เธอยิ้มร่าเริ่มขึ้นมาทันที
ร้องเรียก "พี่พล..." ตฤณเงยหน้ามอง เห็นปลัดกำพลกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้งสองเดินมา กำพลวิ่งมาหาน้ำหนึ่ง เขาเข้ามาช่วยประคองเธอไว้ ปากถามว่าเจ็บตรงไหนไม่ขาดปาก เจ้าหน้าที่มาบอกตฤณว่า รีบกลับกันเถอะ พ่อแม่ของน้องๆมารออยู่แล้ว...
ooooooo
เมื่อกำพลประคองน้ำหนึ่งนำหน้าเจ้าหน้าที่และตฤณมาถึงบ้านพัก น้ำทิพย์รีบมากอดน้ำหนึ่ง ทักเสียงสั่นดีใจจนน้ำตาไหล แม่ลูกกอดกันแน่น ฤทัยผวามาหาตฤณ กอดลูกชายเหมือนจะขาดใจตาย ชาตรีมากอดลูกชายไว้ ดีใจที่ลูกปลอดภัย
น้ำหนึ่งมองครอบครัวตฤณอย่างอิจฉา แล้วผวามาหาพ่อประสพ แต่พ่อกลับเอามือกันไว้ เพราะแม่ทิพย์มองอยู่ ประสพสัมผัสน้ำหนึ่ง ถามขึ้นทันทีว่า ลูกเป็นไข้แน่แล้ว น้ำทิพย์ มาจับอีกที บอกว่าน้ำหนึ่งตัวร้อนจริงๆ กำพลรีบเสนอให้รีบพาน้องกลับก่อนดีกว่า...
น้ำทิพย์กับน้ำหนึ่งประคองกันไป ตฤณมองตามน้ำหนึ่งอย่างเป็นห่วง...ก่อนที่จะตามแม่กับพ่อไปเก็บของขึ้นรถ...
เมื่อกำพลขับรถมาส่งน้ำหนึ่งกับพ่อแม่แล้ว น้ำหนึ่งได้รับการเยียวยาอย่างดีที่สุด ประสพสั่งให้พักสักหนึ่งสัปดาห์ก็ไปทำงานได้ น้ำทิพย์ให้ประสพออกไป จะขอพูดอะไรกับ
ลูกสาว...แล้วน้ำทิพย์ก็ตั้งคำถาม
"น้ำหนึ่ง บอกแม่มาตามตรง เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า" หนึ่งย้อนถามว่าหมายถึงอะไร "อย่ามาย้อนถามแม่ ลูกโตเป็นสาวแล้ว น่าจะรู้ว่าหมายถึงอะไร"
"ไม่มีหรอกจ้ะแม่ ตฤณเขาคิดแต่จะช่วยหนึ่งอย่างเดียว เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ" น้ำทิพย์โล่งใจยิ่งขึ้นเมื่อน้ำหนึ่งบอกว่า เธอกับตฤณเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีเท่านั้น
"ถ้าจะเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน แม่ก็ไม่ว่าอะไร แม่ สนับสนุนด้วยซ้ำ แต่อย่าชิงสุกก่อนห่ามเด็ดขาด ถ้าแม่รู้จะไม่ให้อภัยลูกแน่"
"รับรองจ้ะ หนึ่งจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังในเรื่องนี้" น้ำทิพย์ ฟังแล้วพอใจ แต่น้ำหนึ่งยังไม่เข้าใจ...
เมื่อน้ำทิพย์ออกมาพบประสพ เขาเตือนให้น้ำทิพย์เลิกความตั้งใจของเธอเสีย ถ้ามัวมาระแวงอย่างนี้ น้ำทิพย์เองก็ไม่มีความสุข ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ
"ฉันบอกคุณแต่แรกแล้วนะประสพ" น้ำทิพย์ตาวาวไม่พอใจ "น้ำหนึ่งเป็นลูกฉันคนเดียว ฉะนั้น ฉันให้เขาเป็นยังไงมันก็แล้วแต่ฉัน คุณไม่มีสิทธิ์มาหวงห้าม"
"ยังไงเขาก็เป็นลูกนะ ผมทำให้เขาเกิด ผมทำคลอดกับมือ ผมเลี้ยงดูอุ้มชูเขามาด้วยความรักทั้งหมด ที่พ่อคนหนึ่งพึงให้ลูกได้"
"ประสพ...เราตกลงกันแล้วนะ คุณอย่าลืมสิ ขืนคุณมาทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อน้ำหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้คุณมาเกี่ยวข้องกับชีวิตเราสองคนอีก เพราะฉะนั้น จำไว้ถ้าฉันจะทำอะไร คุณอย่ามายุ่งดีกว่า"
"ผมไม่ยุ่งก็ได้...ถ้าคุณไม่ทำอะไรหักหาญน้ำใจลูกมากเกินไป"
"ลูกฉันนะคะประสพ ฉันรู้ว่าวันหนึ่งเขาจะยินดีที่แม่ทำ และเขาจะยินดีกับการเป็นเครื่องมือช่วยดับความแค้นให้ฉัน" น้ำทิพย์เดินลงไปในสวน ประสพมองตามด้วยความขมขื่นในชีวิตของเขาเอง
ooooooo
ฤทัยเองก็แสดงความเป็นเจ้าชีวิตตฤณเช่นกัน เธอสั่งให้ตฤณไปลาออกจากงาน งานที่ร่วมกับคนงี่เง่า มาทำงานให้แม่ดีกว่า ตฤณปฏิเสธทันที เขารักงานนี้ แล้วน้ำหนึ่งก็ไม่ได้งี่เง่า เขามีส่วนผิดที่ไม่ตั้งใจทำงานจนทะเลาะกับเธอบ่อย
"ไม่ต้องไปเข้าข้างยายเด็กคนนั้น ทำงานกับคนพรรค์นั้นไม่มีดีอะไรขึ้นมา ลูกไม่ลาออก แม่จะโทร.ไปบอกคุณไปรยาให้เอง"
"อย่านะครับแม่" ตฤณยืนกรานไม่ยอม
"ฤทัย คุณอย่าไปบังคับฝืนใจลูกเลย" ชาตรีมาขวางไว้ อีกคน
"คุณก็เห็นงานนี้มันเสี่ยงอันตรายแค่ไหน เงินเดือนนิดหน่อยไม่คุ้มกัน" ฤทัยเถียง ชาตรีไม่ยอม
"งานไม่ได้เสี่ยงอะไร ลูกเราโตดูแลตัวเองได้ ปล่อยให้เขารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง ที่จริงตฤณก็ผิดในงานนี้ ที่ฝืนคำสั่งเจ้าหน้าที่ ทำอะไรโดยพลการ"
"ใช่ครับ ผมผิดเอง" ตฤณรับผิดหน้าชื่น ฤทัยหมั่นไส้ หาว่าพ่อลูกเข้าข้างกัน ไม่เห็นใจแม่ที่ห่วง "แม่ครับผมขอโทษที่ทำให้แม่เป็นห่วง แต่ผมขอคิดเองบ้าง ผมอยากให้แม่เข้าใจงานของผม ผมจะทำงานนี้ต่อไป"
ฤทัยฟังแล้วสะบัดเสียงบอกว่า เมื่อไม่เห็นใจแม่ก็ตามใจ ว่าแล้วกระทืบเท้าเข้าห้องไป ชาตรีตบบ่าลูกชาย ปลอบว่า เดี๋ยวแม่ก็หายโกรธเอง...
คนที่เป็นแม่อีกคนอย่างน้ำทิพย์ก็ต้องรีบมากราบต่อหน้าโกศแม่ ร่ำร้องต่อแม่ว่า เธอสับสนมาก กลัวการแก้แค้นของเธอจะสร้างตราบาปให้น้ำหนึ่ง เพราะที่แท้เขาสองคนก็เป็นพี่น้องกัน หลังจากสารภาพด้วยความอ่อนแอแล้ว น้ำทิพย์กลับฮึดขึ้นมาอีก...
"แต่ทิพย์จะระวังให้มากกว่านี้...เขาสองคนเท่านั้นที่จะช่วยแก้แค้นนังฤทัยได้ นี่มันยังน้อยมาก เมื่อเทียบกับที่นังฤทัยเคยทำกับทิพย์ ทิพย์จะสั่งสอนมันให้มันรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด ที่เคยทำไว้กับทิพย์บ้าง"
ดวงตาของน้ำทิพย์ยังวาววามอาบอิ่มด้วยประกายไฟแห่งความอาฆาตแค้น...

ต่อ...

เครดิต หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


Create Date : 05 พฤษภาคม 2552
Last Update : 5 พฤษภาคม 2552 19:13:26 น. 0 comments
Counter : 232 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com