เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
24 เมษายน 2552
 
 
ละคร ลูกไม้เปลี่ยนสี ตอนที่ 7

ตอนที่ 7
น้ำหนึ่งยอมขึ้นรถไปกับตฤณเพื่อปรึกษาเรื่องงานว่าจะเริ่มต้นที่ไหน พอตฤณเสนอว่าสีลม น้ำหนึ่งกลับออกความเห็นว่าอยากไปถนนข้าวสาร สองคนเลยเถียงกันอีกยก ก่อนที่ตฤณจะจอดรถที่ป้ายรถเมล์ แล้วสรุปเอาดื้อๆว่าพรุ่งนี้ห้าโมงเย็น ให้น้ำหนึ่งไปรอเขาที่หัวมุมถนนสีลม
"ตกลงคุณไม่ไปส่งฉันที่บ้านแล้วเหรอ"
"โอ๊ย...บ้านนอกขนาดนั้นผมไปไม่ถูกหรอก ขึ้นรถกลับเองก็แล้วกัน"
"ดีเหมือนกัน ฉันก็ไม่อยากให้คนอย่างคุณรู้จักบ้านฉัน ฉันจะไปที่ถนนข้าวสารคืนวันมะรืนนี้ด้วย สองทุ่มพบกันที่สี่แยกคอกวัว ถ้าคุณไม่มาฉันจะทำงานคนเดียว"
ตฤณยักไหล่อย่างยียวนโดยไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด น้ำหนึ่งลงจากรถ ปิดประตูยังไม่ทันจะก้าวพ้นออกมา ตฤณก็ออกรถอย่างเร็วและแรงจนเสียงล้อครูดถนนดังเอี๊ยดเฉียดเท้าน้ำหนึ่งไปนิดเดียว
"อีตาบ้า...ไฮโซหัวดื้อ" น้ำหนึ่งตะโกนด่าไล่หลัง ตฤณจอดรถกะทันหัน เปิดกระจกยื่นหน้าตะโกนตอบกลับมา "ยัยบ้านนอกหัวแข็ง"
น้ำหนึ่งถึงกับเหวอไปอย่างนึกไม่ถึง...
ooooooo
พอกลับมาถึงบ้านสวน น้ำหนึ่งรอคอยพ่ออย่างกระวนกระวาย ทันทีที่ประสพขับรถเข้ามาจอด น้ำหนึ่งรีบย่องไปหา บอกว่ามีเรื่องอยากปรึกษาพ่อ แต่ต้องไปคุยกันที่ท่าน้ำเพราะไม่อยากให้แม่รู้
น้ำหนึ่งเล่าเรื่องงานให้พ่อฟังก่อนขอความช่วยเหลือจากพ่อให้บอกแม่ว่าพรุ่งนี้กับมะรืนนี้เธอต้องไปกรุงเทพฯ ไปทำงานกลับดึก ประสพต้องคิดหาวิธีก่อน และให้น้ำหนึ่งเลือกไปได้แค่วันเดียว พ่อไม่อยากให้แม่สงสัย...
แล้วเย็นวันต่อมา ตฤณจึงไปรอน้ำหนึ่งเก้อที่ถนนสีลม จะโทร.ตามก็ไม่รู้เบอร์ บ้านก็ไม่รู้จัก สุดท้ายตฤณต้องกลับบ้านด้วยความหงุดหงิด แถมยังต้องมาเจอแม่ฤทัยนัดทีมงานนิตยสารมาสัมภาษณ์อีก ฤทัยคะยั้นคะยอจะให้ตฤณร่วมสัมภาษณ์และถ่ายรูป แต่ลูกชายไม่เล่นด้วย ขอตัวเดินหนีไปดื้อๆ
ครั้นถึงเวลาอาหารค่ำพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ฤทัยจึงบ่นตฤณทำให้แม่หน้าแตกยับเยิน เล่นตัวไม่ยอมถ่ายรูปลงหนังสือ ตฤณบอกแม่ว่า ตอนนั้นไม่มีอารมณ์จะทำอะไร และแม่ก็รู้ว่าเขาไม่ชอบออกสื่อที่ไหน ฤทัยจึงติงว่า ลูกจบนิเทศแต่ไม่ชอบออกสื่อได้ยังไง สมัยนี้ต้องพรีเซนต์ตัวเองให้คนรู้จัก ถึงจะดัง...
ตฤณย้ำว่า เขาอยากอยู่เบื้องหลังมากกว่า ชาตรีเปลี่ยนเรื่องเพื่อปรับบรรยากาศ ถามลูกชายเรื่องไปถ่ายทำสารคดี ตฤณกลับยิ่งหน้ามุ่ย บอกว่ายัยบ้านนอกนั่นไม่มาตามนัด ฤทัยสงสัยว่าใครกัน "ยัยบ้านนอก"
"ก็ยัยหนึ่ง บัดดี้ที่ต้องทำงานด้วยกันไงครับ"
"ตายละ ลูกต้องทำงานกับเด็กบ้านนอกด้วยเหรอ ลูกต้องระวังตัวนะ อย่าให้มันคิดจะจับลูกล่ะ สาวบ้านนอกน่ะมักง่าย ถ้ารู้ว่าลูกแม่เป็นใครละก็มีหวังตาโต"
"โธ่...คุณอย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิ" ชาตรีท้วงฤทัยที่ออกอาการจนเว่อร์
"ผมก็ไม่ได้มองว่ายัยนั่นเขาจะร้ายกาจอะไรนักหรอกครับ เพราะดูท่าทางแม่เขาก็เป็นผู้ดีอยู่มากเชียวละครับ เสียแต่มีอะไรแปลกๆบ้าง"
"อะไรกัน ลูกไปรู้จักมักจี่กับแม่ของยัยคนนั้นด้วยเหรอ" ฤทัยซัก
"ก็วันรับปริญญาไงครับ ผมไปช่วยปฐมพยาบาลแม่เขาที่เจ็บแน่นหน้าอก แล้ววันที่คุณพ่อไปบรรยายที่โรงพยาบาล เราก็ยังเจอเขาอีก ไม่นึกว่าต้องมาเป็นบัดดี้กันด้วย โลกกลมจริงๆ"
"อ๋อ...เด็กคนนั้นนั่นเอง" ชาตรีพยักหน้าอย่างจำได้ "แปลกนะ จนป่านนี้พ่อยังรู้สึกสงสัยว่าหน้าเขาเหมือนใครสักคนที่พ่อเคยรู้จักมาก่อน"
ooooooo
ตกเย็นวันถัดมา ประสพวางแผนหลอกทิพย์ว่าต้องให้น้ำหนึ่งไปช่วยงานที่คลินิก เพราะเด็กที่เคาน์เตอร์ ลาหยุด พอสองพ่อลูกไปถึงคลินิกก็เจอกำพลซึ่งประสพนัดไว้มารออยู่ก่อนแล้ว ประสพไว้ใจกำพลอย่างมากให้เขาเป็นสารถีพาน้ำหนึ่งไปทำงาน และให้กลับมาส่งที่คลินิกก่อนเที่ยงคืน
เมื่อสองคนไปถึงสี่แยกคอกวัวซึ่งน้ำหนึ่งนัดตฤณไว้ กำพลเป็นห่วงน้ำหนึ่งทำท่าจะตามไปเป็นเพื่อนด้วย แต่น้ำหนึ่งเกรงจะไม่สะดวกในการทำงานเพราะเธอมีบัดดี้มาด้วย และมั่นใจว่าเธอดูแลตัวเองได้ อีกสองชั่วโมงเราค่อยกลับมาพบกันที่นี่ ให้กำพลเปิดมือถือไว้ตลอดด้วย
กำพลออกรถไปสักครู่ ตฤณก็โผล่มาตามนัด น้ำหนึ่งชมว่าเขาตรงเวลาดี ตฤณนึกโมโหที่เมื่อวานเขาไปรอเธอเก้ออยู่ที่สีลม จึงบอกว่าวันนี้เราจะไปสีลมกัน เพื่อเป็นการชดเชยที่เธอเบี้ยวเขา น้ำหนึ่งจะไม่ยอม อ้างว่าเธอมีเหตุจำเป็น อีกอย่างเธอก็บอกไปแล้วว่าจะมาถ่ายที่นี่ ไม่ใช่สีลม
"แล้วทำไมไม่โทร.บอก" ตฤณเริ่มหงุดหงิด
"ฉัน...ฉันไม่รู้เบอร์คุณนี่ วันนั้นเราลืมแลกเบอร์กัน จะโทร.ไปถามที่บริษัทก็ไม่ได้ เมื่อวานเป็นวันหยุดพอดี"
ตฤณยังอยากจะไปสีลม น้ำหนึ่งก็ยืนยันว่าเรานัดที่ถนนข้าวสาร ไหนๆมาถึงแล้วก็น่าจะทำที่นี่ก่อน ถ้าเธอถ่ายออกมาไม่ดีค่อยไปสีลมกับเขาวันหลัง ตฤณหาว่าน้ำหนึ่งเผด็จการ คงทำงานเป็นทีมกับใครไม่ได้ น้ำหนึ่งโกรธ ย้อนว่าเขานั่นแหละไม่รู้จักฟังเหตุผลของคนอื่น
"โอเค งั้นต่างคนต่างทำงานก็แล้วกัน ผมเขียนเรื่องของผม คุณถ่ายภาพของคุณไป แยกกันทำไปเลยก็แล้วกัน" ตฤณโมโหเดินหนีไป น้ำหนึ่งร้องเรียกก็ไม่หันกลับมา จึงต่างคนต่างไปทำ
ขณะน้ำหนึ่งถ่ายภาพย่านถนนข้าวสาร เธอเจอไกด์ผีสองคนกำลังวางแผนจะโก่งราคาค่ารถเอาเปรียบสาวฝรั่งสองคน น้ำหนึ่งทนไม่ได้ที่คนไทยจะทำเสียชื่อประเทศเลยตัดหน้าไกด์ผีไปดักบอกสาวฝรั่งทั้งสองให้รู้ตัว ทำให้สองหนุ่มไกด์ผีโมโหที่ชวดเงินเป็นพัน จึงจะเล่นงานน้ำหนึ่งให้ได้
น้ำหนึ่งวิ่งหนีชายสองคนอย่างไม่คิดชีวิต จนไปเจอตฤณพาเข้าหลบมุมแล้วแกล้งทำเป็นคู่รักกำลังพลอดรักกัน เลยรอดตาพวกมันมาได้
ทิพย์เห็นว่าดึกแล้วประสพกับน้ำหนึ่งยังไม่กลับ จึงโทร.เข้าไปที่คลินิก ปรากฏว่าสุดารับสาย ทิพย์แปลกใจเพราะประสพบอกว่าสุดาลางาน พอถามสุดาจนรู้ว่าน้ำหนึ่งไม่ได้มาที่นี่ ทิพย์จึงให้สุดาโอนสายไปที่ประสพ
ทิพย์โกรธจัดต่อว่าประสพหลอกเธอคนเดียวไม่พอ ยังสอนให้ลูกมาหลอกเธออีกคน ประสพให้ทิพย์ใจเย็น ลูก
ขอร้องให้เขาช่วย เพราะอยากได้งานนี้จริงๆ เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ยุ่งยาก ก็เลยต้องบอกเธอแบบนั้น
"คุณเห็นว่าฉันเป็นตัวการทำให้คุณยุ่งยากงั้นเหรอ"
"เปล่านะทิพย์ คุณอย่าคิดมากสิ ลูกโตแล้วนะ เขาช่วยเหลือตัวเองได้"
"งั้นคุณตามลูกฉันกลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าลูกเป็นอะไรไป ฉันจะไม่ให้อภัยคุณอีกเลย" ทิพย์วางสายฉับด้วยความโมโห
ด้านน้ำหนึ่งกับตฤณ คืนนี้เป็นอันว่ามาเสียเที่ยว งานไม่ได้ทำแถมยังต้องวิ่งหนีไกด์ผีสองคนกันจนลิ้นห้อย พอเข้ามานั่งในรถของตฤณ ตฤณใจดีให้น้ำหนึ่งยืมโทรศัพท์ติดต่อคนมารับ แต่น้ำหนึ่งโทร.ไม่ติดเพราะกำพลกำลังคุยโทรศัพท์กับประสพอยู่ ประสพให้กำพลรีบพาน้ำหนึ่งกลับบ้านด่วน ให้บอกน้ำหนึ่งว่าแม่รู้เรื่องแล้ว โกรธมากด้วย กำพลหนักใจเพราะตอนนี้น้ำหนึ่งไม่ได้อยู่ด้วยกัน? มือถือน้ำหนึ่งก็ไม่มี? แต่รับปากประสพว่าจะรีบไปเดินหาน้ำหนึ่งแถวถนนข้าวสาร
เมื่อติดต่อกำพลไม่ได้ ตฤณให้น้ำหนึ่งลองโทร.ไปที่บ้าน น้ำหนึ่งถึงกับหน้าเครียด
"ไม่ได้ แม่ฉันไม่รู้ว่าฉันออกมาทำงาน ส่วนเบอร์มือถือพ่อฉันก็จำไม่ได้"
"อะไรนะ ทำไมคุณจำเบอร์มือถือพ่อคุณไม่ได้"
"ก็ฉันไม่ค่อยได้โทร.เอง แล้วคุณล่ะ ถ้าไม่ได้เมมไว้ในเครื่องคุณจำเบอร์มือถือพ่อแม่คุณได้หรือเปล่า"
ตฤณอึ้งไปเหมือนกัน ได้แต่มองมือถือแล้วเกาหัวแกรกๆ สุดท้ายตฤณต้องขับรถไปส่งน้ำหนึ่งที่คลินิกหมอประสพ พอมาถึงปรากฏว่าคลินิกปิดเงียบ ประสพกลับออกไปพักใหญ่แล้ว เขาร้อนใจรีบไปช่วยกำพลตามหาน้ำหนึ่ง แต่น้ำหนึ่งไม่รู้ บ่นหน้าจ๋อยๆ ไหนพ่อว่าจะรอกลับบ้านพร้อมกัน
"นี่เที่ยงคืนกว่าแล้ว พ่อคุณอาจจะกลับไปรอที่บ้านแล้วก็ได้"
"เป็นไปไม่ได้ พ่อต้องรอฉันกลับพร้อมกัน เพื่อไม่ให้ แม่สงสัย"
"ทำไมแม่คุณถึงเข้มงวดนักนะ" ตฤณสงสัย
"แม่คงรักฉันมากเกินไปน่ะ"
"แล้วคุณจะทำยังไง จะกลับบ้านก่อนหรือรอพ่อคุณที่นี่"
"ขอยืมโทรศัพท์อีกทีได้ไหม ฉันจะลองติดต่อเพื่อนดู บางทีคราวนี้อาจจะโทร.ติดก็ได้"
ตฤณยื่นมือถือให้ น้ำหนึ่งกดเบอร์กำพลอีกครั้ง พอฟังเสียงมีสัญญาณดัง น้ำหนึ่งดีใจแทบกระโดด กำพลเองก็ดีใจ แล้วส่งมือถือให้ประสพคุย
"หนึ่งลูกพ่อ อยู่ไหนลูก"
"หนึ่งอยู่หน้าคลินิกพ่อค่ะ เพื่อนที่ทำงานด้วยกันขับรถมาส่ง เพราะหนึ่งติดต่อพี่พลไม่ได้เลยค่ะ"
"แม่เขารู้เรื่องแล้วนะ?? พ่อเลยมาช่วยปลัดกำพลตามหาลูก"
น้ำหนึ่งตกใจ ถามพ่อว่าเราจะทำยังไงกันดี ประสพให้ น้ำหนึ่งกลับไปบ้านให้แม่สบายใจก่อน อาจจะถูกแม่ดุนิดหน่อย แล้วพ่อจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด น้ำหนึ่งรับคำก่อนวางสายด้วยสีหน้ากังวล
"คุณช่วยขับไปส่งฉันที่บ้านหน่อยได้ไหม ขับช้าๆนะ จะได้รอพ่อฉันไปด้วย"
ตฤณทำตามโดยดี จนกระทั่งมาถึงหน้าบ้านสวน สีหน้าน้ำหนึ่งยิ่งเครียดกว่าเดิม เมื่อเห็นบ้านยังเปิดไฟสว่างอยู่
"นี่เหรอบ้านคุณ ลึกลับซับซ้อนยังกับแดนสนธยา
ขับมาเองคงมาไม่ถูก" ตฤณหันมองน้ำหนึ่งนั่งนิ่งไม่ตอบ จึงโบกมือไปมาตรงหน้าเธอ "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมคิ้วเป็นปมอย่างนั้นล่ะ ไม่ต้องกลัวหรอก เดี๋ยวผมขึ้นไปช่วยพูดกับแม่คุณเอง"
น้ำหนึ่งเห็นเงาของทิพย์เดินออกมานอกชาน เธอรีบหันบอกตฤณ
"อย่าดีกว่า คุณรีบกลับไปก่อนเถอะ ยิ่งคุณอยู่จะยิ่ง โดนซักเปล่าๆ"
"คุณจะไม่ให้ผมเข้าไปสวัสดีท่านเลยเหรอ"
"ตอนนี้คงไม่เหมาะ ไว้วันหลังก็แล้วกัน รีบไปก่อนที่แม่จะลงมา ขอบคุณนะที่มาส่ง"
น้ำหนึ่งรีบลงจากรถ แล้วโบกมือไล่ให้ตฤณออกรถไป ทิพย์ลงบันไดมาเห็นหลังรถตฤณไวๆ สีหน้าไม่พอใจ
อย่างมาก ก้าวพรวดๆมาฉุดแขนกึ่งลากน้ำหนึ่งขึ้นบนบ้านไปชำระความ
"แกโกหกฉันว่าไปทำงาน แล้วยังกลับค่ำมืดดึกดื่นมากับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ทำไมถึงทำตัวเหมือนผู้หญิงข้างถนนไม่มีผิด"
"หนึ่งออกไปทำงานนะจ๊ะแม่ เพียงแต่อาจจะไม่ใช่งานที่คลินิกพ่ออย่างที่บอกแม่ไว้"
ทิพย์กระชากกึ่งผลักน้ำหนึ่งออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว "มันก็คือการโกหกฉันนั่นแหละ ฉันอุตส่าห์อบรมเลี้ยงแกมาให้เป็นกุลสตรี แต่แกกลับไม่รักดี ทำตัวเหลวไหลเหมือนไม่ใช่ลูกฉัน"
"หนึ่งจะใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปไม่ได้เลยหรือไงคะ"
"ฉันทำอย่างนี้ก็เพื่อปกป้องแกจากคนไม่ดีข้างนอก แต่แกมันไม่รู้จักสำนึก"
"ก็เพราะแม่ไม่ยอมเปิดใจให้หนึ่งทำสิ่งที่หนึ่งต้องการ แม่กักตัวหนึ่งอยู่แต่ในบ้าน เพื่อจะให้หนึ่งโง่ดักดานตาม
คนอื่นไม่ทันต่างหากล่ะ หนึ่งถึงต้องโกหกแม่"
ทิพย์ตบหน้าหนึ่งฉาดใหญ่ น้ำหนึ่งอึ้งงัน แม่ลูกมองหน้ากันน้ำตาคลอ
"ฉันเกลียดที่สุดก็คือคนหลอกลวง คนไม่จริงใจกัน แล้วนี่ลูกผัวฉันกลับมาหลอกฉันเสียเอง ฉันผิดหวังในตัวแกมาก"
"แต่ถ้าไม่บอกอย่างนั้น แม่ก็คงไม่ยอมให้หนึ่งไปใช่ไหมล่ะคะ"
"ยังจะมาเถียงอีก" ทิพย์จะเข้าไปตบซ้ำ ประสพมาถึงพอดี คว้าตัวทิพย์ไว้ บอกว่าหนึ่งไม่เกี่ยว เขาเองเป็นคน วางแผนทั้งหมด ทิพย์แค้นใจต่อว่าประสพเป็นพ่อที่แย่มาก พร้อมกับทุบตีเขาพัลวัน น้ำหนึ่งผวาเข้าขอร้องแม่ ถ้าจะตีพ่อ ขอให้ตีหนูแทน
"ไม่ต้องมาพูด แกมันลูกไม่รักดี"
"ลูกไม่ได้ไปทำเลวที่ไหนเลยนะทิพย์ ผมรับรองได้ว่าลูกเราเป็นคนดี ยัยหนึ่งออกไปทำงานจริงๆ ไหนคุณรับปากกับผมเองนี่ ว่าจะยอมให้ลูกออกไปทำงานข้างนอก"
ทิพย์นิ่งงันไปอย่างยอมรับ น้ำเสียงอ่อนลง "ฉันไม่ได้โกรธที่ยัยหนึ่งออกไปทำงาน แต่ฉันโกรธที่คุณกับลูกรวมหัวกันหลอกฉัน เห็นฉันเป็นตัวอะไร เพราะฉันถูกคนหลอกง่ายๆใช่ไหม"
ทิพย์กุมหัวใจอย่างเจ็บปวด น้ำหนึ่งตกใจ ประสพปราดเข้าไปประคองทิพย์ให้นั่งลง น้ำหนึ่งก็เข้าเกาะแม่แจด้วยความเป็นห่วง แล้วกราบที่ตักแม่ หลังจากประสพยอมรับผิดและขอโทษทิพย์
"หนึ่งก็ขอโทษค่ะ หนึ่งสัญญากับแม่ว่าถ้าไม่ได้งานนี้ หนึ่งจะยอมมาดูแลสวนอย่างที่แม่ต้องการ แล้วจะไม่สมัครงานอื่นอีก แม่อย่าโกรธหนึ่งเลยนะคะ"
ทิพย์อ่อนลง แต่ยังพูดโดยไม่มองหน้าทั้งพ่อลูก "ต่อไปนี้ใครจะไปไหนมาไหนก็บอกกัน ถ้าหายไปนานผิดสังเกตต้องตามหากันได้ คุณไปซื้อมือถือราคาไม่แพงมากให้ยัยหนึ่งสักเครื่องก็แล้วกัน"
ทิพย์ลุกเข้าห้องไปแล้ว สองพ่อลูกโผเข้าหากันด้วยสีหน้าสบายใจขึ้น
ooooooo
ตอนที่ 8
สายวันนี้ ขณะที่ตฤณขะมักเขม้นพิมพ์งานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ภายในห้องนอน จู่ๆฤทัยเปิดประตูพรวด-พราดเข้ามาพร้อมกับนิตยสารเล่มที่ตัวเองลงหน้าปก
"ตฤณ...ตฤณลูกแม่ มาดูนี่สิลูก"
"แม่ทำไมไม่เคาะประตูก่อนล่ะครับ"
"แม่ตื่นเต้นนี่ รับรองลูกเห็นแล้วก็ต้องตื่นเต้นเหมือนกัน หันมาดูนี่สิ"
"ไว้ก่อนได้ไหมครับแม่ ผมต้องรีบส่งงานวันนี้"
"ไม่ได้ลูก ต้องดูเดี๋ยวนี้ แล้วค่อยทำต่อ" ฤทัยหน้าระรื่นยื่นนิตยสารจ่อไปตรงหน้าลูกชาย "นี่ไงรูปที่แม่ลงสัมภาษณ์ เมื่อวันก่อน...สัมภาษณ์พิเศษ ฤทัย วังวิเศษ ผู้กุมหัวใจหมอโรคหัวใจ...เป็นไงจ๊ะลูก แม่สวยไหม"
"ก็เหมือนตัวจริงนี่ครับ อืม...พาดหัวน่าสนใจนะครับ นึกออกแล้ว" ตฤณหันไปพิมพ์งานต่อทันที "ข้าวสาร...ราตรีไม่หลับใหลที่ทุกคนหลงใหล"
ฤทัยเซ็งที่ลูกชายไม่สนใจ ทำเสียงจิ๊กจั๊กอย่างไม่สบ อารมณ์ "ฮึ...ลูกคนนี้นี่ บ้างานเหมือนพ่อไม่มีผิด"
หลังจากอวดลูกชายแล้วไม่ได้ดังใจ ฤทัยถ่อไปถึงโรงพยาบาลเพียงเพื่อจะนำนิตยสารเล่มนั้นไปอวดชาตรี พอถึงหน้าห้องทำงานเจอผกามาศไม่ให้เข้าเพราะหมอชาตรีสั่งห้ามใครรบกวน ฤทัยไม่สนใจ กร่างว่าเป็นภรรยาหมอชาตรี เดินเบียดผกามาศเข้าไปทันที
ชาตรีกำลังดูฟิล์มเอกซเรย์หัวใจอยู่กับหมออีกสองสามคน ถึงกับชะงักเมื่อฤทัยเปิดประตูผลัวะเข้ามา
"มีอะไรฤทัย ใครปล่อยให้เข้ามา"
"อุ๊ยตาย ขอโทษค่ะ ไม่นึกว่าคุณกำลังคุยงาน นึกว่าว่างอยู่ซะอีก ฉันมีอะไรจะอวดคุณแน่ะค่ะ"
ฤทัยชูนิตยสารขึ้น แล้วเปิดให้ดูหน้าที่ลงสัมภาษณ์เธอ ชาตรีได้แต่พยักหน้าเฉยๆ แล้วโบกมือให้เธอออกไป แต่ฤทัยยังยืนตะบึงตะบอน ชาตรีจึงต้องเรียกผกามาศมาเชิญฤทัยไปรอที่ห้องรับรอง
ผกามาศรีบเข้ามาและแตะต้นแขนฤทัยเป็นเชิงเตือน ฤทัยกลับสะบัดหนีอย่างไม่พอใจ ครั้นออกจากห้องมาแล้วฤทัยยังมีหน้าต่อว่าผกามาศทำไมไม่บอกก่อนว่าหมอตรีกำลังติดประชุมอยู่
"มาศจะบอกแล้ว แต่บอกไม่ทันนี่คะ คุณฤทัยปรี่เข้าไปก่อน"
"นี่อย่ามาเถียงฉันนะ เธอบอกแค่ว่าคุณหมอสั่งห้ามรบกวน ฉันก็นึกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง"
"ค่ะ มาศผิดเองค่ะ เชิญคุณฤทัยไปรอคุณหมอที่ห้องรับแขกก่อนนะคะ"
"ไม่ต้องหรอกย่ะ ฉันไม่มีเวลา ฝากนิตยสารให้เขาอ่านด้วยก็แล้วกัน" ฤทัยกระแทกนิตยสารลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไป ผกามาศมองตาม พลางส่ายหน้า
"เนี่ยนะหลังบ้านคนเก่ง สร้างภาพจริงจริ๊ง"
ooooooo
ที่บ้านสวน น้ำหนึ่งกำลังสนใจนิตยสารที่ฤทัยลงหน้าปก และเปิดอ่านสัมภาษณ์หน้าในอย่างตั้งใจ ซึ่งตรงหน้าของน้ำหนึ่งยังมีนิตยสารอีกหลายเล่มวางเรียงราย...น้ำหนึ่งอ่านไปชมไปว่า ผู้หญิงคนนี้เก่งจัง ระหว่างนี้เอง ประสพเดินเฉียดเข้ามาถามน้ำหนึ่งว่าอ่านอะไร?
"พ่อกลับมาแล้วเหรอคะ หนึ่งกำลังศึกษารูปแบบของนิตยสารหลายๆเล่มอยู่ค่ะ"
"หายใจเข้าหายใจออกเป็นงานเชียวนะ"
"ก็หนึ่งลูกพ่อนี่คะ ทำไมวันนี้พ่อกลับเร็วคะ"
ประสพไม่ทันสังเกตหน้าปกนิตยสารเล่มนั้น ยื่นมือถือเครื่องหนึ่งมาวางตรงหน้าน้ำหนึ่งแทนคำตอบ น้ำหนึ่งหยิบมือถือขึ้นมาดู ท้วงว่ามันไม่ใช่รุ่นที่ราคาไม่แพงอย่างแม่บอก รุ่นนี้ท่าทางจะหลายตังค์ด้วย
"นานๆพ่อจะซื้อของให้หนึ่งซะที ก็อยากจะให้ของดีๆ แล้วพ่อก็รู้ว่าหนึ่งเป็นคนรักษาของอยู่แล้ว"
น้ำหนึ่งเข้าไปกอดประสพไว้ด้วยความดีใจ "ขอบคุณค่ะพ่อ" ประสพมองซ้ายมองขวาอย่างระแวงกลัวทิพย์จะเห็น น้ำหนึ่งรู้ใจพ่อ รีบบอกว่า แม่ไม่ได้อยู่แถวนี้...
ooooooo
วันต่อมา ทั้งน้ำหนึ่งและตฤณนำงานที่ทำร่วมกันมานำเสนอต่อคณิต ปรากฏว่าคณิตพอใจมากและรับทั้งคู่เข้าทำงานในบริษัท หนุ่มสาวตื่นเต้นดีใจสุดๆ ถึงกับเผลอตัวลุกขึ้นจับมือกันกระโดดโลดเต้น
"เดือนหน้าพวกคุณเข้ามาเริ่มงานได้เลย แล้วก็ต้อง
เตรียมตัวสำหรับงานใหญ่ที่เราจะมอบหมายให้ไปทำด้วยกันในเร็วๆนี้"
สิ้นคำของคณิต ตฤณกับน้ำหนึ่งปล่อยมือจากกันทันที สีหน้าเหมือนไม่อยากทำงานด้วยกัน คณิตให้เหตุผลว่าพวกคุณเป็นคู่หูที่ทำงานเข้าขากันได้ดี ทั้งคู่กลับมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจ...
เมื่อลูกสาวคนเก่งได้ทำงานที่รักสมใจหวัง ประสพดีใจไม่น้อย เรียกทองดีกับมาลัยมาสั่งซื้อของเตรียมฉลองให้ น้ำหนึ่ง ขณะที่ทิพย์กลับเฉยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับขัดความต้องการของประสพ
ขณะที่คนอื่นๆตื่นเต้นเตรียมงาน ทิพย์ลุกหนีเดินขึ้นบ้าน แล้วต้องชะงักมองกองหนังสือของน้ำหนึ่ง สะดุดตากับภาพฤทัยบนหน้าปกนิตยสารเล่มหนึ่ง ทิพย์ถึงกับตะลึงงันไปอึดใจ ก่อนปราดเข้าไปหยิบนิตยสารขึ้นมาดู ด้วยสีหน้าดีใจปนแค้น "ฤทัย...นังฤทัย..."
ตกกลางคืน ลานหน้าบ้านสวนสว่างไสวด้วยดวงไฟร้อยเรียงเป็นแถวสวยงาม ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อจากกำพล น้ำหนึ่งตื่นตาตื่นใจ รีบขอบคุณกำพล ไม่คิดว่าเขาจะทำให้เธอถึงขนาดนี้ กำพลถึงกับยิ้มแป้นภูมิใจ
"ที่ลงทุนทำทั้งหมดในงานคืนนี้ พรุ่งนี้คุณปลัดแวะมารับเงินด้วยแล้วกันนะ" คำพูดของทิพย์ทำเอากำพลหน้าเสีย
"เอ้อ...คือผม...ผมจัดงานให้น้ำหนึ่งด้วยความเต็มใจครับคุณอา"
"ขอบใจที่เป็นธุระให้นะ แต่ฉันไม่ชอบรบกวนให้ใครมาลงทุนกับฉัน"
ยิ่งฤทัยพูด กำพลก็ยิ่งหน้าเจื่อน น้ำหนึ่งสงสารรีบหันไปชวนกำพลเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
"พี่พลคะ เราไปทำปลาเผากันดีกว่าค่ะ" น้ำหนึ่งพากำพลออกไป ทิพย์มองตามอย่างไม่ชอบใจนัก
เมื่อได้ปลาเผามาแล้ว ทั้งคู่เอากลับมาที่โต๊ะ กำพลอยากเอาใจทั้งประสพและทิพย์ด้วย แต่ดูท่าทางทิพย์เมินๆเฉยๆ แล้วอิ่มก่อนใคร ขอตัวไปอาบน้ำนอน ให้ประสพอยู่เป็นเพื่อนลูก...ทันทีที่แม่เดินพ้นไป น้ำหนึ่งก็รีบกระซิบประสพ
"พ่อคะ เรื่องที่เราคุยกันว่าจะขอแม่ เราจะพูดคืนนี้เลยหรือเปล่าคะ"
"หนึ่งไปเลียบๆเคียงๆก่อนสิ แล้วพ่อจะช่วยพูดเอง รอให้แม่เขาอาบน้ำเสร็จก่อนจะได้อารมณ์ดี"
ท่าทางประสพจะคิดผิดเสียแล้วว่าทิพย์จะอารมณ์ดีหลังอาบน้ำ เพราะเมื่อทิพย์เข้าห้องก็รีบหยิบนิตยสารที่ฤทัยขึ้นปกมาดูอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วพึมพำออกมาอย่างเคียดแค้น
"เธอจะปล่อยให้นังนั่นลอยหน้าลอยตาประสบความสำเร็จในชีวิตล้ำหน้าเธอไปอย่างนั้นเหรอ เธอไม่มีวันตามพวกเขาทันแล้วนะน้ำทิพย์"
ทิพย์กำมือแน่น เล็บจิกเข้าเนื้อตัวเองจนสะดุ้ง จังหวะเดียวกับเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทิพย์รีบเก็บนิตยสารซ่อนไว้ทัน ก่อนน้ำหนึ่งเปิดประตูเข้ามา
"แม่จ๋า หนึ่งมีเรื่องสำคัญมากอยากคุยกับแม่ แม่อารมณ์ดีหรือเปล่าจ๊ะ"
"ทำไมต้องอารมณ์ดีหรือไม่ดีด้วยล่ะ"
"ก็...เอ้อ..." เห็นน้ำหนึ่งอึกอัก ทิพย์จ้องเขม็ง น้ำหนึ่งรวบรวมความกล้าพูดออกมา "ถ้าแม่สบายใจดี หนึ่งก็จะบอกว่า ที่หนึ่งได้งานครั้งนี้หนึ่งหวังจะทำงานให้เต็มที่ ซึ่งหนึ่งต้องพร้อมที่จะไปทำ เช้ามืดและกลับดึกได้ หนึ่งมั่นใจว่าหนึ่งดูแลตัวเองได้ ก็เลยอยากจะขออนุญาตแม่ไปเช่าห้องอยู่ที่กรุงเทพฯ และจะกลับบ้านในวันที่แน่ใจว่าไม่มีงานยุ่ง?? หรือไม่มีนัดทำงานแต่เช้าในวันถัดไป แม่จะยอมไหมจ๊ะ"
ทิพย์ฟังลูกทุกคำ แต่สติสตังเหมือนไม่อยู่กับตัว ครุ่นคิดถึงอดีตอันเจ็บปวดที่ถูกเพื่อนสนิทอย่างฤทัยหักหลัง เป็นนาน...จนน้ำหนึ่งสงสัย ต้องเขย่าแม่ที่กำมือแน่น ถามว่าแม่เป็นอะไร? ทิพย์กลับสะดุ้งหันมาตะปบมือน้ำหนึ่งและกดไว้แน่น น้ำหนึ่งมองด้วยความงุนงง ทิพย์เหมือนรู้สึกตัว มองลูกสาวด้วยแววตาอ่อนโยนลง
"มันจำเป็นใช่ไหม ที่หนึ่งจะต้องไปอยู่ห้องเช่า"
"จ้ะแม่ มันจำเป็นจริงๆจ้ะ"
"แล้วพ่อเราว่ายังไงบ้าง"
"พ่อเห็นด้วย และยอมตามความจำเป็นของลูกเสมออยู่แล้ว" ประสพก้าวเข้ามา น้ำหนึ่งหันไปเกาะแขนพ่อแล้วเขย่งหอมแก้มฟอดหนึ่ง ทิพย์แว้ดขึ้นทันใด
"นี่น้ำหนึ่ง ทำอะไรน่าเกลียด เราน่ะโตแล้วนะไม่ใช่ เด็กๆ"
"แหม ทิพย์ก็...ลูกเขาดีใจ จะห้ามแม้แต่ความรู้สึกของลูกเชียวเหรอ"
"เดี๋ยวก็ไปแสดงออกกับใครไปทั่ว"
"ไม่หรอกจ้ะแม่ หนึ่งจะหอมแก้มพ่อของหนึ่งคนเดียว แม่จ๋า...แม่ยอมให้หนึ่งไปอยู่ห้องเช่านะจ๊ะ"
ทิพย์หันหลังอย่างใช้ความคิด นิ่งไปครู่หนึ่ง ประสพและน้ำหนึ่งสบตากันลุ้นๆ ทิพย์หันกลับมาพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็นน่ากลัว
"แม่จะไปเลือกให้เอง และแม่จะไปอยู่ด้วย"
สองพ่อลูกชะงัก มองหน้ากันอย่างแปลกใจ
ooooooo
แล้ววันที่ทิพย์พาน้ำหนึ่งไปเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่ด้วยกันแม่ลูก ประสพเดินทางไปด้วยช่วยขนสัมภาระ น้ำหนึ่งท่าทางตื่นเต้นเหมือนได้บ้านใหม่ รีบช่วยกันสำรวจห้องและเปิดหน้าต่างเพื่อระบายกลิ่นอับ ขณะที่ทิพย์มองวิวข้างนอกอย่างพอใจ
"ที่นี่ใกล้ที่ทำงานยัยหนึ่งดีนะคะ เวลาลูกทำงานดึกฉันจะได้ไม่ต้องห่วงมาก"
"ผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงลูกมาก ถึงต้องมาอยู่กับลูก แต่ก็แปลกใจที่คุณยอมออกจากบ้านสวน ทั้งที่คุณปฏิเสธโลกภายนอกมาตั้งนาน"
ทิพย์หันกลับมาหาประสพด้วยแววตากร้าวขึ้น "คุณจะแปลกใจยิ่งกว่านี้อีก ถ้าคุณรู้ว่าฉันตั้งใจจะทำอะไรอีกตั้งหลายอย่างในสิ่งที่ฉันละเลยมานานกว่าสิบปี"
ประสพมองทิพย์อย่างห่วงใย เข้าไปโอบไหล่เธออย่างนุ่มนวล แต่เธอกลับปัดมือเขาออก
"ทิพย์รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงทิพย์มากนะ"
"อาการเจ็บป่วยของฉันใช่ไหม"
"คุณควรจะเข้าใจไว้ด้วยว่าไม่ควรจะเครียด อย่าเกร็ง อย่าให้หัวใจเต้นเร็วเต้นแรงมากนัก เพราะบางทีกลไกข้างในมันควบคุมไม่ได้"
"ฉันเข้าใจอาการของตัวเองดี ขอบคุณที่เป็นห่วง หวังว่าคุณจะอยู่บ้านอย่างมีความสุข"
"คุณก็รู้ว่าที่ไหนมีคุณกับลูกนั่นแหละถึงจะเป็นความสุขที่แท้จริงของผม"
"ลูกโตเป็นสาวแล้ว คุณไม่ควรแสดงความรักกับลูกมากเกินไป"
ประสพถอนใจและมองทิพย์อย่างน้อยใจ น้ำหนึ่งเข้า มาแทรก อยากให้พ่อค้างที่นี่สักคืน ทิพย์ขัดทันทีว่า ห้องคับแคบจะตาย แล้วพรุ่งนี้พ่อก็ต้องไปทำงานที่อนามัยแต่เช้า
"จริงด้วย เสียดายจังค่ะ แต่วันนี้พ่อต้องอยู่ทานข้าวเย็นกับพวกเรานะคะ"
ประสพอยากจะตอบรับน้ำหนึ่ง แต่เห็นทิพย์มองอยู่จึงตัดใจ "พ่อกลับไปกินบ้านโน้นดีกว่าลูก นี่ก็จะทุ่มแล้ว เดี๋ยวจะถึงบ้านดึก ดูแลแม่ให้ดีๆนะ มีอะไรโทร.ตามผมได้ตลอดเวลานะทิพย์"
ทิพย์พยักหน้ารับ น้ำหนึ่งกำชับพ่อให้ขับรถดีๆ และทำท่าจะเข้าไปกอดด้วย แต่ประสพรีบเดินออกไปเสียก่อน
"พ่อดูเศร้าๆไปนะคะ คงคิดถึงพวกเราที่มาอยู่ไกล เราไม่เคยแยกจากพ่อไปไหนมาก่อนเลย"
"เดี๋ยวพ่อเค้าก็ชินไปเองนั่นแหละ มาจัดของเถอะ"
ทิพย์เปิดกระเป๋าเสื้อผ้าออกมาจัดอย่างพยายามไม่สนใจเรื่องประสพ สีหน้าครุ่นคิดวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ

เครดิต หนังสือพิมพ์ไทยรํฐ



Create Date : 24 เมษายน 2552
Last Update : 24 เมษายน 2552 21:10:24 น. 0 comments
Counter : 330 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com