<<
พฤษภาคม 2552
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 พฤษภาคม 2552
 
 
ละคร ดิน น้ำ ลม ไฟ ตอนที่ 1

ตอนที่ 1

นับแต่สงครามเวียดนามเกิดขึ้น สหรัฐอเมริกาเข้ามาสร้างฐานทัพในประเทศไทย ยาเสพติดที่เรียกว่าเฮโรอีนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยประเทศไทยคือแหล่งผลิตและส่งออกรายใหญ่ แก๊งมิจฉาชีพเติบโตขึ้นกลายเป็นขบวนการค้ายาข้ามชาติ มีอิทธิพลเหนือความถูกต้องในบ้านเมือง...

กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2513

ไฟ...ร้อยเอกหนุ่มเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษ บิดาของเขาคือ พันตำรวจตรีปฐม อัครสกุล ฆ่าตัวตายเนื่องจากถูกใส่ร้ายจากเพื่อนร่วมงานว่าค้ายาเสพติด ทำให้ไฟต้องการจะพิสูจน์ความจริงเพื่อหาทางชำระอดีตให้กับบิดา...ไฟเข้ารับราชการในกรมตำรวจและเริ่มปฏิบัติงานสายสืบอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะเรื่องปราบปรามแก๊งยาเสพติด

วันหนึ่ง ไฟปลอมตัวเป็นคนขับรถของพยัคฆ์ พ่อค้ายาตัวเอ้ ซึ่งพยัคฆ์นั่งรถมากับลูกน้องอีกสองคน มุ่งหน้าไปยังบ้านไม้หลังหนึ่งแถบชานเมืองห่างไกลจากชุมชน ซึ่งเป็นแหล่งพักยาแหล่งใหญ่ของประทิน เอเย่นต์ยาเสพติด

เมื่อไฟแล่นรถมาจอดหน้าบ้านหลังนั้น พยัคฆ์กับลูกน้องสองคนลงจากรถเดินหายเข้าไปในบ้าน ส่วนไฟนั่งรออยู่ในรถ คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมัน...

ทันทีที่พยัคฆ์กับลูกน้องก้าวเข้ามา ประทิน หัวหน้าแก๊ง และอาสี่ ลูกน้องคนสนิทรีบเดินมาต้อนรับ สองฝ่ายพูดคุยกันเรื่องของและเงินที่ต่างฝ่ายต่างเตรียมไว้พร้อมแล้ว หลังจากตรวจเงินเรียบร้อย ประทินให้อาสี่นำของออกมาให้พยัคฆ์ อาสี่ หายไปด้านในครู่เดียวก็กลับมาพร้อมกระเป๋าใบหนึ่งที่ข้างในบรรจุผงขาว แล้วเปิดให้พยัคฆ์ดู ก่อนจะอาสาเอาไปใส่ท้ายรถให้

ขณะทั้งหมดเดินตามกันออกไปนอกบ้าน ไฟที่คอยจับจ้องรีบกะพริบไฟหน้ารถส่งสัญญาณให้ผู้ร่วมทีม ก่อนจะกุลีกุจอมาเปิดกระโปรงท้ายรถแล้วช่วยขนของใส่ แล้วทันใดนั้นเอง ทุกคนก็แตกตื่นเมื่อมีรถแล่นมาจอดหน้ารั้วบ้าน ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบลงมาจากรถกระชับปืนเตรียมลุย โดยการนำของสารวัตรวิชิตและหมวดพิษณุ

"เฮ้ย....นี่มันอะไรกันวะ" ประทินแผดเสียง

"ทุกคนหยุด ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว อย่าได้คิดต่อสู้ ขัดขืน"

สิ้นเสียงสั่งของสารวัตรวิชิต พยัคฆ์เผ่นหนีทันที โดยมีลูกน้องคุ้มกัน เสียงปืนจากฝ่ายประทินดังขึ้นก่อนปะทะกับพวกตำรวจ ไฟอาศัยจังหวะชุลมุนหลบมาแอบอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน ขณะที่ประทินหลบมาเจอกับอาสี่ซึ่งกำลังวิทยุเรียกกองกำลังมาสมทบ นั่นยิ่งทำให้ประทินย่ามใจโผล่ออกไปยิงถล่มใส่ตำรวจไม่ยั้ง

ด้านนอก ขณะที่ตำรวจกำลังยิงถล่มใส่พวกในบ้าน จู่ๆก็มีกองกำลังหนุนของพวกคนร้ายเข้ามาสมทบแล้วเริ่มเปิดศึกยิงถล่มใส่ ทำให้ตำรวจเริ่มสับสนว่าไอ้พวกนี้มาจากไหน

"พวกมันมีกองหนุนครับ" หมวดพิษณุพูดขาดคำ ก็มีเสียงวิทยุสื่อสารรายงานมาว่า ตอนนี้พวกเราโดนปิดล้อมหมดแล้ว สารวัตรวิชิตจึงสั่งลูกน้องรีบเรียกกำลังเสริมด่วน ส่วนไฟที่หลบเข้าไปในบ้านกำลังหาจังหวะเล่นงานคนร้าย ก็พอดีพยัคฆ์กับลูกน้องสองคนวิ่งหนีเข้ามาเจอไฟ พยัคฆ์สั่งให้ไฟช่วยยิงคุ้มกัน แต่ไฟกลับลั่นกระสุนใส่ทั้งสามคนจนร่างทรุดฮวบ เลือดนองพื้น

ทั้งเสียงปืนและเสียงระเบิดดังอย่างต่อเนื่อง ไฟบ้าระห่ำบุกเดี่ยวเข้าไปยิงแลกกับคนร้ายแบบไม่กลัวตาย ทำให้คนร้ายล้มตายลงหลายคน หนำซ้ำไฟยังทำให้สารวัตรวิชิตใจหายใจคว่ำ เมื่อสารวัตรวิชิตถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน แทนที่ไฟจะหยุดกลับลั่นกระสุนเปรี้ยงไม่ยั้ง โดนคนร้ายตายหมด ขณะที่สารวัตรวิชิตรอดปลอดภัย แต่ก็มองไฟด้วยสายตาตำหนิ
ไฟยังไม่หยุดแค่นั้น เขากระชับปืนวิ่งไปจู่โจมประทินกับลูกน้อง อาสี่ประเมินสถานการณ์แล้วเห็นท่าไม่ดีรีบหลบฉากหนีออกไป ปล่อยให้ประทินเผชิญหน้ากับไฟที่บ้าคลั่งเต็มพิกัด ประทินถูกไฟยิงขาจนล้มลง จังหวะนี้เอง สารวัตรวิชิตกับหมวดพิษณุนำกำลังเข้ามาพอดี สารวัตรวิชิตตะโกนสั่งไฟให้จับเป็น แต่ไฟเห็นประทินทำท่าจะยิงตำรวจกลุ่มนั้น จึงชิงลั่นกระสุนใส่ประทินจนแน่นิ่งจมกองเลือด ทำให้สารวัตรวิชิตโกรธไฟมาก หาว่าไฟขัดคำสั่งของตนในฐานะหัวหน้าทีม...

ooooooo

รุ่งขึ้น ไฟถูกเรียกตัวเข้ามาที่ห้องผู้บัญชาการ เขาเดินเข้ามายืนต่อหน้าคณะกรรมการระดับนายพลและนายพัน หนึ่งในนั้นมีผู้พันแสวงนั่งสังเกตการณ์ อยู่ด้วย สารวัตรวิชิตนั่งอยู่มุมหนึ่ง บรรยากาศเคร่ง-เครียดกดดัน

พลโทนาวินเปิดฉากตำหนิไฟด้วยท่าทีขึงขัง เรื่องที่ไฟวิสามัญคนร้าย ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไฟชอบขัดคำสั่ง ส่วนสารวัตรวิชิตก็เล่นงานไฟโดยไม่ฟังเหตุผลที่ว่า ถ้าเขาไม่ยิงประทิน สารวัตรอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้

"ลื้อกำลังสบประมาทอั๊ว" สารวัตรวิชิตชี้หน้าไฟ แล้วหันไปทางพลโทนาวิน "ท่านครับ คนอย่างนี้สมควรหรือครับที่จะเลี้ยงเอาไว้ ผมคนหนึ่งล่ะที่ขอไม่เอา...ขออนุญาตครับ" สารวัตรวิชิตเก็บเอกสารบนโต๊ะเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

"ขนาดหัวหน้าคุณเขายังไม่เอา แล้วจะมีใครเขาเอาคุณ คงรู้นะว่าต้องทำยังไง"

พลโทนาวินพูดจบก็เดินออกจากห้องทันที ไฟหยิบใบลาออกขึ้นมา โดยมีสายตาของผู้พันแสวงจับจ้องอย่างครุ่นคิด ไฟนำใบลาออกกลับไปที่โต๊ะทำงานของตน แล้วกรอกรายละเอียดด้วยอาการลังเล ก่อนตัดใจเซ็นชื่อในช่องสุดท้าย...

หลังจากนั้นไฟกลับมาที่บ้านพ่อซึ่งบัดนี้มีสภาพทรุดโทรม ไฟเดินมาหยุดนิ่งหน้าห้องเก็บของ มองเข้าไปเห็นอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เครื่องจักรเครื่องกลึง ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับประดิษฐ์อุปกรณ์นักสืบต่างๆ สักครู่ไฟก็ย้ายตัวเองไปที่ห้องรับแขก ยืนมองภาพถ่ายของพ่อในชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ใต้รูประบุวันเกิดและตาย อีกภาพข้างกันคือภาพถ่ายของแม่ดารณี ที่จากไฟไปทีหลังพ่อเจ็ดปี

ไฟยืนมองภาพถ่ายท่านทั้งสองเหมือนเป็นการไว้อาลัยสิ่งที่ผ่านมา และอดนึกถึงข้อความในจดหมายฉบับสุดท้ายของแม่ที่ส่งไปให้เขาถึงอังกฤษไม่ได้

"ไฟลูกรัก อีกไม่กี่เดือนลูกก็จะสำเร็จการศึกษาแล้ว ถ้าพ่อของลูกยังมีชีวิตอยู่ พ่อคงจะภาคภูมิใจในตัวลูกเช่นเดียวกับแม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกอาจจะโกรธและเกลียดพ่อของลูก ซึ่งเรื่องนี้แม่พยายามบอกลูกตลอดมาว่าลูกกำลังเข้าใจในตัวพ่อผิด สิ่งที่เราเห็นไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงเสมอไป ชีวิตในราชการของพ่อก็เช่นกัน ถ้าลูกเรียนจบกลับมาเมื่อไหร่ แม่อยากให้ลูกรับราชการ เป็นตำรวจที่ดี และพยายามพิสูจน์ว่าวงศ์ตระกูลของเรา ไม่มีวันที่จะทำความผิด หรือทุจริตเป็นอันขาด แม่อยากเห็นความเจริญในหน้าที่การงานของลูก ขอให้ลูกทำให้สำเร็จ... จากแม่"

ไฟหน้าเศร้าสลด เพราะเวลานี้เขาถูกบังคับให้ลาออกจากตำรวจแล้ว เขาทำตามสิ่งที่แม่ขอร้องไม่ได้ พึมพำออกมาด้วยความเสียใจ "แม่ครับ ผมขอโทษ"

เสียงกุกกักดังตรงหน้าประตู ไฟหันไปเห็นลุงหมึกเดินเข้ามา ลุงหมึกเรียกไฟว่า "คุณหนู" มาแต่ไหนแต่ไร จนไฟโตเป็นหนุ่ม ลุงหมึกก็ยังคงเรียกเขาเช่นเดิม พอไฟบอกลุงหมึกว่า ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว ลุงหมึกบอกว่า ผมทราบครับ...เพราะลุงหมึกติดตามข่าวของไฟมาตลอด อีกทั้งอดีตเคยเป็นตำรวจสายสืบ จึงรู้ความเคลื่อนไหวของทางราชการพอควร

ooooooo

ที่ตลาดสดแห่งหนึ่ง เฮียโก๋ เจ้าของแผงกำลังดุด่าป้าดำซึ่งเป็นลูกจ้างให้รีบแบกเข่งผักไปจัดแผง แม้ ป้าดำเหนื่อยกำลังจะเป็นลม เฮียโก๋ก็ไม่สนใจ ทำราวกับป้าดำเป็นทาสก็ไม่ปาน ระหว่างนี้เอง ดินเดินแหวกกลุ่มไทยมุงเข้ามาสั่งเฮียโก๋หยุดทารุณคนแก่ ถึงป้าดำจะเป็นลูกจ้าง แต่นายจ้างก็ไม่จำเป็นต้องดุด่าเฆี่ยนตี

เฮียโก๋เห็นไอ้หนุ่มคนนี้เอาจริงก็ชักจ๋อย รีบพยุงป้าดำไปนั่งมุมหนึ่ง พอดินเดินเข้าไปหา เฮียโก๋ถึงสะดุ้ง ร้องลั่นว่า...อย่าทำอั๊ว

"จะให้แบกเข่งไปไว้ไหน"

คำถามของดินทำเอาเฮียโก๋งงเต้ก ก่อนชี้มือไปที่แผงขายผัก ไม่ช้าดินก็ทำงานแทนป้าดำจนเสร็จ และได้รับคำขอบใจจากป้าดำ หน่องที่มากับดินเพิ่งตามมาเจอ พอรู้ว่าดินยื่นมือเข้าช่วยคนอื่น หน่องถึงกับออกปากว่าพี่ดินกล้ามาก ไม่กลัวตัวเองเดือดร้อน...

หลังจากซื้อของเสร็จ ดินกับหน่องก็ขึ้นรถกระบะกลับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สองคนอาศัยอยู่ที่นี่หลายปี แต่ดินอายุมากกว่าหน่อง และเมื่อวันก่อนดินเพิ่งจะถูกผู้อำนวยการเรียกเข้าไปพบด้วยเรื่องที่ดินอายุเกินเกณฑ์ต้องออกไปอยู่ข้างนอก ลุงที่เป็นพ่อครัวรู้ข่าวนี้ก็อดเสียดายดินไม่ได้ เพราะดินขยันขันแข็ง ช่วยงานลุงมาตั้งแต่เด็กๆ

ตกกลางคืน ดินเตรียมเก็บสัมภาระของตัวเองที่มีอยู่ไม่มาก และไม่ลืมดึงรูปวาดของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแปะไว้มุมห้องออกมาพับเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง

"จะไปแล้วสิ พี่ดิน" หน่องถามเสียงเศร้าๆ

"อืม...หมดเวลาของเราแล้ว"

"อีกสองปี ผมก็เหมือนพี่นั่นแหละ อายุครบเกณฑ์ก็ต้องออกจากที่นี่เหมือนกัน"

"ยังไม่รู้เลยว่า ออกไปแล้วจะไปทำงานอะไรดี"

"ชีวิตพวกเรามันไงก็ไม่รู้นะพี่นะ เคว้งคว้าง ไม่มีใครจะให้พึ่งเลย"

"ก็พึ่งตัวเองนั่นแหละ"

พอเช้าขึ้น ดินก็ล่ำลาทุกคนออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปด้วยความรู้สึกอาลัยต่อทุกคนที่นี่...ดินยังไม่มีจุดหมายปลายทาง เดินมันไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งไปถึงตลาดแห่งหนึ่ง ดินเห็นคนร้ายวิ่งราวกระเป๋าหญิงสาว ดินเข้าช่วยเธอโดยไม่กลัวอันตราย ทั้งที่คนร้ายมีมีดเป็นอาวุธ ดินต่อสู้กับคนร้ายท่ามกลางสายตาของไทยมุงนับสิบ พอคนร้ายรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ก็ทิ้งของแล้ววิ่งหนีไป

ต่อ

เครดิต //www.thairath.co.th



Create Date : 07 พฤษภาคม 2552
Last Update : 7 พฤษภาคม 2552 19:51:39 น. 0 comments
Counter : 323 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com