<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
1 มิถุนายน 2552
 
 
ละคร ดิน น้ำ ลมไฟ ตอนที่ 13

ตอนที่ 13

กวนอูเป็นเดือดเป็นแค้นหลังรับรายงานจากอาสี่ว่าทางเราถูกลูกค้าจีไอปฏิเสธการซื้อยา แล้วหันไปซื้อจากแก๊งของปานศักดิ์ ซึ่งลูกค้าจีไอบอกว่ายาของเราราคาถูกจริง แต่ความบริสุทธิ์สู้ของปานศักดิ์ไม่ได้...ด้วยความแค้นที่แน่นอกนี่เอง พอเช้านี้รู้ข่าวว่า คณะของปานศักดิ์พาพลโทนาวินกับคุณหญิงมาไหว้เจ้า ที่เยาวราช กวนอูจึงส่งลูกน้องไปยิงถล่มปานศักดิ์กับสมุนขณะกำลังนั่งรถออกจากศาลเจ้า ไฟซึ่งทำหน้าที่ขับรถ ตัดสินใจเหยียบเต็มที่ฝ่ากระสุนไปได้โดยไม่มีใครได้รับอันตราย

แต่พอซิตี๋รู้ว่าเจ้านายโดนยิงถล่มก็คิดหาทางเอาคืนกวนอู และคราวนี้ต้องเอาให้แสบที่สุด ถึงขั้นปล่อยมันไว้ไม่ได้อีกแล้ว...

ขณะเดียวกัน ในห้องประชุมของหน่วยสืบราชการลับ หมวดทองกำลังชี้แจงข้อมูลที่ได้มาให้หัวหน้าและทีมงานรับทราบ

"เหตุยิงกันที่ศาลเจ้าครั้งนี้ สาเหตุน่าจะมาจากปานศักดิ์ประมาทเกินไปที่ข้ามถิ่นมาแถวเยาวราช"

"กวนอูมันคิดจะถล่มปานศักดิ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่วางระเบิดสนามมวยแล้ว" หมู่ไม้เสริม

"ถูกต้องเลยครับ ครั้งนี้มันเลยไม่ปล่อยโอกาสให้ หลุดมือ"

"แต่ก็หลุด" ผู้พันแสวงแทรกขึ้นมา หมวดทองคาดการณ์ ต่อไปว่า อีกไม่นานคงมีการเอาคืนแน่ ผู้พันแสวงทำทีหันไปถามอัคคีว่า สายในแก๊งของปานศักดิ์เราไม่มีแล้วใช่ไหม

"ครับ เราไม่รู้เรื่องภายในของแก๊งนี้แล้วครับ"

"พวกคุณจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกมันเอาไว้ก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบรายงาน"

หมวดทองวางรูปศพชายหนุ่มคนหนึ่งลงบนโต๊ะตรงหน้า ทุกคน พร้อมกับบอกว่า "คนนี้เป็นชายหนุ่มนิรนาม ถูกยิงตายที่ลานจอดรถแถวบาร์อเมริกัน"

นรากรชะงักไปนิดอย่างจำได้ เพราะเขาคือคนที่เชาว์ ยิงตายต่อหน้าเธอนั่นเอง แต่เธอรีบกลบเกลื่อนว่า "มีอะไรน่าสนใจเหรอ มันก็แค่คดีธรรมดาๆ"

"แต่ผมว่าไม่" หมวดทองสวนทันควัน

"ยังไง" ผู้พันแสวงข้องใจ

"พยานแถวนั้นบอกว่าผู้ชายคนนี้เพิ่งออกมาจากบาร์โรซี่บ๊อกซิ่ง หลังจากพูดคุยกับหญิงสาวคนหนึ่งในบาร์ แล้วจากนั้นก็มีคนเดินตามมายิงที่ลานจอดรถ"

อัคคีหยิบรูปนั้นมาดูแล้วจำได้ว่าเป็นผู้ชายที่โรซี่อ้างว่าเป็นแฟน "คดีชู้สาวเหรอครับ"

"ไม่มีคำตอบครับ ผมแค่เห็นว่ามันน่าสนใจ ก็เลยเอามานำเสนอให้รู้กัน"

"คงจะหึงหวง จีบผู้หญิงคนเดียวกัน ทำนองนั้นแหละ" หมู่ไม้คาดเดา

"หมดประเด็นแล้วใช่ไหมคะ" นรากรถามตัดบท พอหมวดทองบอกหมดแล้ว นรากรก็ขอตัวทันที อ้างว่ามีงานค้าง...

นรากรรู้สึกเศร้าลึกๆในจิตใจ ที่วันนี้โดนตอกย้ำด้วยภาพเหยื่อบริสุทธิ์ที่โดนพ่อฆ่าตาย การกระทำครั้งนี้ของเชาว์ เหมือนกับเป็นการบังคับจิตใจ บีบคั้นไม่ให้เธอมีอิสระในความรู้สึกของตัวเอง ทั้งที่เธอควรมีอิสระในความรักโดยไม่ต้องมาโดนบีบบังคับแบบนี้ แต่เชาว์เป็นพ่อ ทำให้เธอต้องยอมจำนน ปฏิเสธไม่ออก

ขณะที่นรากรนั่งทำงานอย่างเหม่อลอย อัคคีเดินเข้ามาทักเธอว่า ท่าทางเหมือนคนอกหัก...เลยโดนเธอตวาดว่า "ยุ่ง" อัคคียังไม่สลด พูดลอยๆว่า รักคนที่เขารักเราดีกว่า...
"ไม่รักใครดีที่สุด" น้ำเสียงนรากรเริ่มหงุดหงิด แล้วเกิดตอบโต้กับอัคคีไปมา เมื่อเขายังไม่หยุดเซ้าซี้

"ห้ามใจไม่ให้รักได้ด้วยเหรอ"

นรากรสวนทันทีว่าได้ พออัคคีหาว่าเธอโกหก เธอก็ยืนยันว่าเธอทำได้

"ทำไงล่ะ บอกหน่อยจะได้ห้ามบ้าง"

"ถ้ารักใคร ก็ฆ่าคนนั้นทิ้งซะ แค่นี้เราก็เป็นอิสระจากความรักแล้ว"

"โหดจัง...พิ้ว ผมยิงคุณตายละนะ" อัคคีทำมือประกอบ พร้อมกับทำหน้าล้อๆ แต่นรากรไม่ขำด้วย สีหน้าเธอดูจริงจัง ซ่อนความรู้สึก...

ตกเย็น อัคคีตามตอแยนรากรไปที่ร้านขายแผ่นเสียง เธอทำท่ารำคาญเดินกลับออกมาดื้อๆ อัคคียังคงเดินตาม ระหว่างนี้เองเชาว์แอบมองนรากรอยู่ นรากรเหลือบไปเห็นถึงชะงัก แล้วทำเป็นไม่สนใจเดินต่อไป ขณะที่อัคคีก็เห็นเชาว์เช่นกัน จึงก้าวตามไปถามนรากรว่ารู้จักผู้ชายคนนั้นหรือเปล่า นรากรทำไก๋ว่าคนไหน อัคคีจึงชี้มือไป และบอกว่ารู้สึกเขาจะแอบมองเธอ

"ปกติก็มีคนมองฉันอยู่แล้ว ไม่เห็นแปลก"

"แล้วรู้หรือเปล่าว่าเขาเป็นใคร"

นรากรสีหน้าระแวง แกล้งถามอัคคีว่ารู้จักเขาหรือ?

"ท่าทางเขาเหมือนพวกมือปืน"

หญิงสาวชะงักที่อัคคีรู้ พลางหันไปมอง แต่เชาว์ไม่ได้ อยู่ตรงนั้นแล้ว

"คุณรู้ได้ไงว่าเขาเป็นมือปืน" เธอข้องใจ อัคคีฉีกยิ้ม บอกว่าเดาเอา นรากรเลยเดินหน้าตูมจากไป...

เมื่อเธอกลับมาถึงหน้าห้องพักก็พบว่าเชาว์มารออยู่ เชาว์บอกว่าไม่รู้จะไปไหน กรุงเทพฯมันกว้างเกินไป เลยแวะมาที่นี่...พ่อลูกเดินตามกันเข้ามาในห้อง นรากรนึกได้รีบจ้ำไปหยิบรูปถ่ายไฟที่เธอแปะไว้หน้ากระจก แล้วเอาซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่งอย่างรีบร้อน จากนั้นหันมากลบเกลื่อนด้วยการรินน้ำใส่แก้วส่งให้เชาว์

"พ่อตามหนูไปทำไม"

"กลัวข้าจะไปฆ่าไอ้เด๋อคนเมื่อกี้หรือไง"

"นั่นเป็นเพื่อนร่วมงาน"

"เออ ข้าก็แค่อยากจะไปดูว่าเอ็งอยู่สุขสบายดีหรือเปล่า"

"ทีหลังไม่ต้องไปนะ หนูไม่ชอบ" พูดแล้วนรากรเดินไปหยิบหนังสือที่ซ่อนรูปถ่ายไฟไว้ไปรวมกับเล่มอื่นๆ เพื่อจัดวางไม่ให้โดดเด่น ด้วยเกรงว่าเชาว์จะเปิดออกมาเห็น เชาว์มองตาม ถามว่าหนังสืออะไร นรากรตอบอึกๆอักๆว่าพวกนิยาย

"ไหนขอดูหน่อย"

นรากรอึ้งเล็กน้อย แต่ก็หยิบหนังสือทั้งกองเดินไปวางตรงหน้าพ่อ เชาว์หยิบเล่มหนึ่งมาเปิดผ่านๆ และขอเอากลับไปอ่านที่โรงแรม พอพ่อหันหลังออกไป นรากรถึงกับผ่อนลมหายใจโล่งอก แล้วรีบเก็บหนังสือเล่มที่ซ่อนรูปถ่ายไฟเอาไว้

ooooooo
พรุ่งนี้กวนอูจะจัดงานวันเกิดให้ตัวเอง...เช้าวันนี้สมุนจึงออกรีดไถทั้งเงินและสิ่งของจากลูกหนี้และตามร้านค้า เฮียเก้าเห็นแล้วเป็นเดือดเป็นแค้นแทนทุกคน จากนั้นรีบมาบอกเพื่อนสมาชิกในสมาคมลับ แล้วเตรียมวางแผนเพื่อปฏิบัติภารกิจในวันพรุ่งนี้

ขณะเดียวกันนี้ ปานศักดิ์กำลังกำชับซิตี๋ให้จัดการกวนอูในงานฉลองวันเกิดของมัน โดยงานนี้ซิตี๋ดึงเชาว์เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน หมายถล่มให้พวกกวนอูตายยกรังไปเลย และหลังจากทำความเข้าใจในแผนการกันเรียบร้อยแล้ว ซิตี๋ให้ลูกน้องเข้ามาเลือกปืนในกล่องไปแจกจ่ายกันให้ครบ ไฟเองก็เลือกไว้หนึ่งกระบอก แล้วพอตกเย็นไปทำงานที่บาร์ ไฟหลบออกมาโทรศัพท์หาผู้พันแสวง แต่ไม่ทันได้พูดอะไรกัน ไฟก็ ชะงักเพราะเห็นซิตี๋กับอู๊ดเดินผ่านมา ไฟกลบเกลื่อนพิรุธด้วยการแกล้งพูดค่อนข้างดัง

"บอกแม่ด้วยว่าพี่จะกลับไปเยี่ยมตอนปีใหม่ แค่นี้นะ"

พอวางสายไฟก็ตอบคำถามซิตี๋ว่า เขาโทร.ไปหาน้องสาว อู๊ดทำกะลิ้มกะเหลี่ยทันที ถามไฟว่ามีน้องเขยหรือยัง จะได้สมัคร ไฟเลยทำหน้าดุใส่ ก่อนจะชักแถวกันเข้าไปในบาร์

ด้านผู้พันแสวงรู้สึกแปลกใจอย่างมากที่ไฟเป็นฝ่ายติดต่อมา แต่จู่ๆไฟก็พูดแปลกๆ แล้ววางสายหนี...ส่วนไฟพอกลับเข้าในบาร์ก็หาโอกาสเข้ามาคุยกับน้ำตามลำพัง ไฟให้ น้ำโทร.ไปบอกผู้พันแสวงว่าวันเกิดกวนอูพรุ่งนี้จะมีการนองเลือด พวกสมุนปานศักดิ์เตรียมการไปถล่ม น้ำตกใจเพราะสมาคมลับของพวกเธอก็มีแผนเหมือนกัน ไฟจึงให้รีบยกเลิก กลัวจะโดนลูกหลง แต่น้ำบอกไม่ทันแล้ว กระจายแผนไปหมดแล้ว

หลังจากพูดคุยหาทางร่วมกันแก้ปัญหา น้ำรีบร้อนจะออกจากบาร์ แต่พอดีกินรีมาถึง กินรีมัวแต่เดินลอยหน้าลอยตาจึงชนน้ำที่ก้าวออกมา ทำให้ทั้งคู่ล้มลงตรงหน้าประตู นั่นเอง กินรีแว้ดใส่น้ำเดินไม่ดูตาม้าตาเรือ ทั้งด่าเซ่อซ่า พ่อแม่ ไม่สั่งสอน น้ำเลยเดือด ตอบโต้อย่างไม่กลัว ก่อนจะชกหน้ากินรีที่วางก้ามด่าน้ำว่า นังผู้หญิงสารเลว

กินรีถึงร้องกรี๊ดเซถลา แล้วตะกายลุกขึ้นมาฮึดสู้ ท่ามกลางผู้คนที่เริ่มมามุง...เมื่อใช้มือเปล่าแล้วสู้น้ำไม่ได้ กินรีจึงเปลี่ยนเป็นหยิบปืนออกมา แต่ไม่ทันได้ยิงก็ถูกน้ำเตะซะหมุนคว้าง เซถลาไปชนกับปานศักดิ์ที่เพิ่งเข้ามา กินรี เต้นเร่าๆ พร้อมกับจีบปากฟ้องปานศักดิ์ว่าเธอโดนรังแก

"มีอะไรกัน"

"ก็นังนี่สิคะ มันอิจฉาที่กินรีสวยกว่า พอกินรีจะเดินเข้าไปข้างใน มันก็ผลักกินรีเซ แล้วก็ตบก็เตะ ผู้หญิงบอบบางอย่างกินรีจะสู้ใครไหว"

ปานศักดิ์มองหน้าน้ำแล้วรู้สึกถูกชะตา น้ำยกมือไหว้ เนื่องจากรู้ว่าปานศักดิ์เป็นใคร พอปานศักดิ์รู้จากซิตี๋ว่าน้ำเป็นนักมวยใหม่ของบาร์ ก็ยิ่งยิ้มพอใจ แล้วเดินเข้าไปประจำที่นั่งเพื่อรอชมลีลาการชกมวยของน้ำบนเวที แต่กินรียังกระเง้า กระงอดจะให้ปานศักดิ์ไล่น้ำออก ปานศักดิ์เลยถามว่า ถ้าไล่น้ำออกแล้วกินรีจะชกมวยแทนหรือเปล่า กินรีหน้างอทันที

"บ้าสิ กินรีเกิดมาเพื่อเป็นดารา ไม่ใช่นักมวย"

"ถ้างั้นก็อย่ายุ่งกับงานที่นี่"

กินรีงอนสะบัดพรืดลุกหนี แต่แล้วหันกลับมาเห็นปานศักดิ์นำมาลัยติดแบงก์คล้องคอให้น้ำ แถมยังมองน้ำตาเยิ้ม กินรีกำมือแน่นด้วยความโกรธ พอน้ำชกเสร็จจะไปเปลี่ยนชุด กินรีจึงตามมาขู่น้ำไม่ให้ยุ่งกับปานศักดิ์ ถ้ายังไม่อยากตาย...

ซิตี๋เห็นกินรีเดินปึงปังผละไปจากน้ำ จึงเข้ามาถามน้ำว่ามีอะไรกัน

"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"

"ถ้าเขามาทำอะไร ก็บอกเฮียนะ"

"น้ำขอบคุณเฮียมากนะคะ ที่ให้ความเป็นธรรม ถ้าไม่ได้เฮีย น้ำตกงานแน่เลย"

น้ำจงใจเข้าไปกราบที่อกซิตี๋ ทำเอาซิตี๋หวามไหวไปชั่วขณะ สุขลึกๆที่มีสาวสวยเห็นความสำคัญ...

ooooooo

เช้าขึ้น ปานศักดิ์ให้ดินร่วมขบวนไปกับตนด้วย แล้วให้ลูกน้องอีกคนมาขับรถให้นิอรแทน...ขณะเดียวกัน ลมกับน้ำกำลังติดต่อไปยังผู้พันแสวงที่หน่วยสืบราชการลับ แต่ในห้องไม่มีใครอยู่ นรากรจึงลุกไปรับ ลมกำลังรีบร้อนจึงพูดออกมาทันที

"ผู้พันครับ...คือวันนี้ที่เยาวราชมีเหตุ แก๊งของปานศักดิ์กำลังจะบุกมาถล่มแก๊งของไอ้กวนอูครับ พวกเราแทรกซึมอยู่ในงานด้วย จะส่งตำรวจมาจัดการกับพวกมันหรือเปล่าครับ... ฮัลโหลๆ"

นรากรนิ่งฟังแล้ววางหู แววตาครุ่นคิด เรื่องในแก๊งปานศักดิ์ทำไมยังมีคนรู้เรื่องอยู่อีก หรือว่าสายในแก๊งจะยังไม่ตาย ขณะที่ลมสีหน้างงๆ วางโทรศัพท์แล้วหันมาหาน้ำ

"ผู้พันว่าไง" น้ำถาม

"ก็ไม่ว่าอะไร จู่ๆก็เงียบไป"

"รีบไปเถอะ เราต้องเตือนพวกชาวบ้านให้รีบหนี เดี๋ยวจะโดนลูกหลง"

ทั้งคู่รีบออกจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ เดินจ้ำกันออกไป

ส่วนที่อพาร์ตเมนต์ของปานศักดิ์ บัดนี้บรรยากาศคึกคัก ทั้งหัวหน้าและลูกน้องรวมตัวกันกลุ่มใหญ่ ตระเตรียมอาวุธครบมือ ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงน้ำชาของกวนอู

ส่วนที่กองถ่ายหนังยอดพยัคฆ์นักมวย ซึ่งวันนี้เป็นวันปิดกล้อง สมชายจึงทำหน้าที่กาวใจพานรสิงห์มาขอโทษนิอร นิอรลำบากใจ แต่ก็รับช่อดอกไม้ของนรสิงห์ไว้ จากนั้นทั้งคู่ก็เข้าฉากสุดท้ายซึ่งเป็นพิธีแต่งงานแล้วส่งตัวเข้าหอ เป็นอันเสร็จสมบูรณ์...แล้วสมชายก็นำแชมเปญมาเปิดฉลอง ทุกคนดื่มกันอย่างชื่นมื่น นรสิงห์พยายามใกล้ชิดเอาใจนิอร แต่นิอรท่าทีอึดอัด ยิ้มรับแกนๆ

ooooooo

งานฉลองวันเกิดกวนอูกำลังดำเนินไปอย่างครึก-ครื้น ผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก พวกสมาคมลับเห็นแล้วหวั่นวิตกว่าคนเยอะขนาดนี้ จะยกเลิกแผนได้ ยังไง ชาวบ้านที่เราเตี๊ยมกันไว้ก็จะพลอยเดือดร้อน เพราะพวกแก๊งปานศักดิ์จะมาถล่ม

"ถ้างั้นเราก็รีบลงมือแล้วรีบสลายตัว"

ทุกคนเห็นด้วยกับลม แล้วแยกย้ายไปทำตามแผน แอบจัดการกับสมุนของกวนอูทีละคนสองคนจนหมอบกระแต จากนั้นไม่นาน สมุนของปานศักดิ์ก็ปรากฏตัว กวนอูกำลังสำเริงสำราญ ถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อสมุนคนหนึ่งวิ่งมาบอกว่า พวกไอ้ปานศักดิ์มันบุกเข้ามา

อาสี่รีบสั่งการ และแบ่งกำลังออกไปสกัด แต่ทุกคนก็ถูกสมุนของปานศักดิ์ที่นำโดยโทนี่เป่าตายเรียบ อีกด้านที่นำโดยเชาว์ก็ซัดไม่เลี้ยงเหมือนกัน ไฟกับดินก็อยู่ในทีมด้วย หลังจากนั้นสมุนทุกคนของปานศักดิ์แห่กันเข้ามาถึงตัวกวนอูกับอาสี่ ขณะที่พวกชาวบ้านแตกตื่นตกใจหนีตายกันออกไปหมด

เมื่อเหลือกวนอูกับอาสี่เพียงสองคน ปานศักดิ์ก็ปรากฏตัว แล้วสังหารทั้งคู่ด้วยมือของตัวเอง จากนั้นก็ประกาศศักดาว่า "ต่อไป เยาวราชทั้งเขต เป็นของอั๊ว"

ooooooo

เช้าวันต่อมา ผู้พันแสวงถูกท่านอธิบดีจิระเรียกมาตำหนิอย่างหัวเสีย

"หน่วยของคุณมีเอาไว้ทำไม เกิดเหตุใหญ่ขนาดนี้เบาะแสซักอย่างก็ไม่มีมารายงาน"

"ผมกำลังตรวจสอบอยู่เหมือนกันครับท่าน"

"ดี ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไร ก็ยุบมันซะ"

"อย่าให้ถึงขั้นนั้นเลยครับ ผมรับปากว่าจะตรวจสอบแล้วรายงานผลให้เร็วที่สุด"

"ภายใน 7 วัน"

"ครับท่าน" ผู้พันแสวงลุกขึ้นเดินออกไป...จากนั้นไม่นาน ทั้งไฟ น้ำ และลมก็ถูกผู้พันแสวงเรียกไปพบ...ไฟบอกว่าตนพยายามโทร.ติดต่อผู้พัน แต่ไม่มีโอกาสก็เลยให้น้ำช่วย

"เช้าวันนั้น ผมอาสาโทร.ไปหาผู้พันเอง มีคนรับสาย ผมเข้าใจว่าเป็นผู้พันก็เลยรายงานเรื่องไป" ลมชี้แจง พอผู้พันแสวงถามว่า คนรับสายเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ลมบอกไม่แน่ใจ แต่น่าจะเป็นผู้ชาย ไฟจึงเดาว่า
ถ้าไม่ใช่หมวดทองก็ต้องเป็นหมู่ไม้

"ทำไมเขาถึงไม่รายงานผม"

"หรือไม่ก็นรากร..." ไฟโพล่งขึ้นมาอีก พลางก็สบตาผู้พันแสวงอย่างวิตกกังวล

ooooooo

ตั้งแต่สิรีมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสุชล พฤติกรรมและความเป็นอยู่ของเธอเปลี่ยนไปมาก มากองถ่ายก็ต้องมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกส่วนตัว อีกทั้งมีคนคอยดูแลพัดวีราวกับเธอเป็นคุณนาย แถมเธอยังเรื่องมาก คิวงานที่เคยนัดเช้าก็ขอเป็นบ่าย และห้ามเลิกดึกด้วย

การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ของสิรีจึงเป็นที่ซุบซิบของคนในกองถ่าย บางคนถึงกับแอบนินทากับกนกวรรณว่า สิรีมี ผู้ใหญ่เลี้ยง กนกวรรณเลยปรามให้ระวังปาก พูดมากเดี๋ยวจะเดือดร้อน

ครู่ต่อมา กนกวรรณเข้ามาคุยกับสิรี จึงรู้เหตุผลที่สิรีขอเลื่อนคิวงานก็เพราะท่านสุชลนั่นเอง

"ก็ท่านบังคับให้พี่กลับไปทานข้าวด้วยกันทุกเย็น กว่าจะได้นอนก็หลังเที่ยงคืน พี่กลัวหน้าโทรมจะตาย"

"หนูเลยตกกระป๋อง ท่านไม่เรียกเหมือนเมื่อก่อน"

"อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ ท่านมาหลงพี่เอง พี่ไม่ได้บังคับใคร"

"วาสนานี่มันแข่งกันไม่ได้จริงจริ๊ง" กนกวรรณบ่นอย่างไม่จริงจัง

"ว่าแต่เธอเถอะ ไปกองอื่นมาเป็นไง"

"หมายถึง..."

"ก็กองที่นังนิอรมันถ่ายน่ะแหละ"

"อู๊ย จะมีอะไร นังนั่นมันก็อ้อแอ้ๆ ทำตัวปวกเปียกให้คนสงสาร เห็นแล้วอยากตบ"

"ก็ตบเลยซิ กลัวอะไร"

"แหม พี่สิรีก็พูดเป็นเล่น"

"จริงนะ ตอนนี้พี่ไม่กลัวมันอีกต่อไปแล้ว มีท่านอยู่ข้างเราแบบนี้ ยังจะต้องกลัวอะไรกันอีก"

"งั้นเอางี้สิคะ...ปั้นข่าวชู้สาวให้มันไปเลย"

สิรีตาพองด้วยความสนใจ จากนั้นก็ตั้งใจฟังกนกวรรณสาธยายรายละเอียด

แผนปั้นข่าวชู้สาวทำลายชื่อเสียงนิอรของกนกวรรณก็คือ จ้างนักข่าวสายบันเทิงชื่อเดชตามถ่ายรูปนิอรกับผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นดินซึ่งทำหน้าที่ขับรถ หรือนรสิงห์ที่ยังพยายามเกาะแกะนิอร...แล้วบ่ายวันนี้เอง นรสิงห์กับดินมีเรื่องชกต่อยกันต่อหน้านิอร สาเหตุมาจากดินทนไม่ไหวที่นรสิงห์จับมือถือแขนตามตื๊อนิอรอย่างน่าเกลียด เดชจึงแอบบันทึกภาพเหตุการณ์นี้ไว้อย่างมันมือ

หลังจากเหตุการณ์ยุติด้วยหลายฝ่ายเข้ามาห้าม นิอรเร่งดินไปขึ้นรถ ดินปากแตกเลือดซึม นิอรจึงให้เขาแวะหาหมอ แล้วจะจ่ายค่ารักษาให้ แต่ดินไม่รับเงินจากเธอ ครั้นออกเดินทางต่อ ดินนึกว่านิอรจะกลับบ้าน แต่เธอกลับบอกว่าอยากไปทำบุญ

ดินพานิอรไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่ตนเองเคยอยู่ จึงเจอหน่องเพื่อนรุ่นน้องของดิน หน่องทักทายดินด้วยความดีใจ พร้อมกันนี้หน่องก็มองนิอรจริงจัง รู้สึกว่าหน้าตาเธอคล้ายรูปเด็กผู้หญิงที่ดินเคยวาด

ขณะนำอาหารมาแจกจ่ายให้เด็กๆ นิอรเพิ่งรู้ว่าดินเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ดินเจ็บปวดกับอดีต จึงตอกย้ำว่าตนเป็นเด็กกำพร้า พอนิอรมีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อครัว เธอได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าดินอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก มีคนไปพบดินนอนสลบอยู่ ในป่า สงสัยพ่อแม่จะตายหมดแล้ว นิอรซักว่าพ่อแม่ของดินเป็นใคร คำตอบก็คือไม่มีใครรู้หรอก ตัวมันเองก็ไม่ยอมบอกใคร

หน่องเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา ทักพี่คนสวยว่า ผมจำ ได้แล้วว่าเคยเห็นพี่ที่ไหน พ่อครัวแทรกทันทีว่า พี่เขาเป็นดารา

"ไม่ใช่นะ พี่เหมือนรูปเด็กผู้หญิงที่พี่ดินเขาวาดมากเลย"

"เด็กผู้หญิงอะไร" นิอรสงสัย

"ก็พี่ดินเขาวาดรูปเด็กผู้หญิงคนนี้เก็บเอาไว้ บอกว่าเป็นเพื่อน..."

ก่อนที่หน่องจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ ดินเดินมาขัดจังหวะ เร่งหน่องไปช่วยจัดแถวน้องๆ หน่องลังเล แต่พอเห็นสายตาดุๆของดิน หน่องจึงเลี่ยงไปอย่างเกรงๆ นิอรยังอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่หน่องพูดถึงชื่ออะไร ดินกลับไม่มีคำตอบให้เธอ ซ้ำยังหาว่าหน่องเพ้อเจ้อ

ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นิอรให้ดินพาไปทะเล และขอให้เขาเล่นกีตาร์ให้ฟัง จากนั้นสองคนกินอาหารด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย...พอขึ้นรถเดินทางต่อ นิอรอดถามถึงครอบครัวของดินไม่ได้ ดินไม่ค่อยอยากพูดถึงนัก บอกเพียงสั้นๆว่า พวกเขาตายหมดแล้ว นิอรจึงแสดงความเสียใจ

"แล้วคุณล่ะครับ จำเรื่องราวสมัยเด็กได้หรือเปล่า"

เมื่อนิอรส่ายหน้า ดินจึงพาเธอไปแวะที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง นิอรรู้สึกคุ้นเคยแต่จำไม่ได้ว่าเคยมาเมื่อไหร่ ดินยิ้มน้อยๆพอใจ บอกกับเธอว่า เขาเคยเรียนที่นี่...นิอรเดินตามดินไปเรื่อย แล้วไปเจอต้นไม้ที่ลำต้นสลักชื่อดินและหนึ่ง แต่คำว่าหนึ่งเลือนรางจนอ่านไม่ได้ นิอรเกิดเอะใจ ทำไมถึงมีชื่อดิน แล้วอีกชื่อเป็นใคร ดินหน้าจ๋อยน้อยใจที่นิอรจำไม่ได้ เดินเลี่ยงกลับไปที่รถ

ooooooo

ชั่วข้ามคืน หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งก็ลงรูปนิอร กับดินไปเที่ยวทะเล พร้อมกับพาดหัวข่าว "นางเอกสาวเริงสวาทริมหาด" ด้วยฝีมือการสะกดรอยตามของเดชนั่นเอง

เมื่อจอมบงการอย่างสิรีกับกนกวรรรณเห็นข่าวนี้เข้า ก็สะใจเป็นที่สุด คาดหวังว่าคราวนี้ภาพพจน์ของนิอรต้องแหลกเหลวแน่ พอเดชมารับเงินค่าจ้าง สิรียังกำชับให้เดชเขียนข่าวนิอรไปเรื่อยๆ แฉไปเลยว่าคนในกองถ่ายรู้กันมานาน เอือมระอากับพฤติกรรมมั่วเซ็กซ์ของเจ้าหล่อน...

ในห้องรับแขกบ้านปานศักดิ์ เสียงร้องแตกตื่นตกใจของกินรีดังลั่นจนนิอรต้องเดินเข้ามาดู จึงรู้ว่าสาเหตุมาจากหนังสือพิมพ์ลงข่าวของตนกับดินในเชิงชู้สาว และกินรีก็เชื่อตามข่าวด้วย ถึงกับโวยวายต่อว่านิอรอย่างรุนแรงหยาบคาย นิอรตกใจหน้าซีดแล้วเป็นลมในที่สุด พอฟื้นขึ้นมาก็รู้จากกวางว่าดินถูกปานศักดิ์และลูกน้องซ้อมจนยับเยิน นิอรพยายามจะบอกความจริงเพื่อช่วยเหลือดิน กลับถูกปานศักดิ์ไล่ขึ้นห้อง ทั้งสั่งกินรีกับกวางมาช่วยกันลากตัวนิอรออกไป...

กว่าปานศักดิ์จะรู้จากซิตี๋ว่าตนเองเข้าใจดินผิด ดินก็ถูกซ้อมจนสะบักสะบอม ซิตี๋รายงานมาว่าเรื่องนี้มีคนอยู่ เบื้องหลัง...จากนั้น ปานศักดิ์ขึ้นไปหานิอร เขาเสียใจที่ไม่เชื่อคำพูดของลูก แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องย้ายดินไปทำงานที่อื่น มีข่าวแบบนี้ลูกไม่ควรใกล้ชิดดินอีก ไม่เช่นนั้นเรื่องจะไปกันใหญ่

นิอรพยักหน้ารับ แต่ในใจรู้สึกว่ากำลังสูญเสีย

นับจากนี้ไปเธอคงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าดินทุกวันเหมือนที่ผ่านมา...

ooooooo

พิษณุพยายามค้นหาประวัติฉบับเก่าของไฟ ไม่ใช่ฉบับใหม่ที่มีการตัดทอนช่วงที่ไฟเป็นตำรวจหายไป แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ นิคมเองก็ไม่เข้าใจ เรื่องนี้ดูมีเงื่อนงำ ทำไมถึงมีการแต่งประวัติของไฟ ขึ้นมาใหม่

"หรือว่า...มันต้องการกลบเกลื่อนอะไรสักอย่าง" พิษณุ ตั้งข้อสังเกต แต่นิคมท้วงว่า ตอนนี้ไฟไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว เขาจะต้องกลบเกลื่อนเรื่องอะไรอีก พิษณุคิดไม่ออกเหมือนกัน นิคมเห็นว่ามีทางเดียวคือต้องสืบไปยังต้นตอที่ทำเอกสารชุดใหม่ มาแจก พิษณุซักต่อทันที "รู้มั้ยว่าหน่วยไหน"

"เป็นหน่วยลับระดับทอปซีเคร็ท แม้แต่ตำรวจด้วยกันเองก็ยังไม่รู้เลยว่าหน่วยนี้ตั้งอยู่ที่ไหน"

พิษณุขมวดคิ้วสีหน้าเคร่งเครียด นิคมนึกได้ว่ายังมีทางออก เขารู้จักสายสืบอยู่คนหนึ่ง ทำงานมานาน ค่อนข้างเก๋า... จากนั้นในตอนค่ำ นิคมจึงพาพิษณุไปพบกับสายสืบคนนั้น ซึ่งเขาก็คือหมู่ไม้นั่นเอง หลังจากพูดคุยกันแล้ว หมู่ไม้ก็รับปากกับพิษณุว่าจะหาประวัติเก่าของโจรคนนี้มาให้ได้...

หลังจากกำจัดกวนอูสิ้นซาก ปานศักดิ์ก็ยึดโรงน้ำชาของกวนอูมาเปิดบ่อนพนัน โดยชั้นล่างสร้างเป็นร้านอาหารบังหน้า แล้วมอบหมายให้ดินมาดูแลความเรียบร้อย ในวันแรกที่เปิดบ่อน พวกปานศักดิ์ยกโขยงกันมา โทนี่กับนิกกี้อยู่ในกลุ่มด้วย ท่าทางสนิทสนมกันไม่น้อย ซิตี๋จับตามองทั้งคู่ด้วยความหวาดระแวง กระทั่งแอบเห็นกับตาว่าทั้งคู่คลอเคลียหายออกไปด้วยกันทางหลังบ่อน

ซิตี๋ข่มความโกรธ กลับเข้ามารายงานปานศักดิ์เรื่องนักข่าวชื่อเดชที่เขียนข่าวทำลายชื่อเสียงนิอร โดยที่คนบงการเป็นดาราสองคนที่มีเรื่องขัดแย้งกับนิอร ชื่อสิรีกับกนกวรรณ ซึ่งสองคนนี้มีแบ็กดีอย่างสุชล

"มันอีกแล้วเหรอ" ปานศักดิ์คำราม

"ถ้าเราทำอะไรลงไป นายกับท่านสุชลคงมองหน้ากันไม่ติดแน่"

"แต่มันทำลูกฉัน"

"ถ้างั้น..." ซิตี๋ยังพูดไม่ทันจบ ปานศักดิ์แทรกขึ้นเสียก่อนว่า งานนี้ลองให้นิกกี้มันแก้ตัวอีกที ซิตี๋ชะงักเล็กน้อย รู้สึกกระอักกระอ่วนเรื่องนิกกี้ แต่จำเป็นต้องรับคำสั่งเจ้านาย...
ด้านเชาว์ที่เที่ยวนี้เข้ากรุงเทพฯมาหลายวัน เย็นวันนี้เองเขามาหานรากรที่ห้องพักอีกครั้ง เอาหนังสือที่ยืมไปมาคืน และบอกว่ากำลังจะกลับบ้าน

"แล้วพ่อไปเยี่ยมบ่อนใหม่ที่เยาวราชมาหรือยัง"

"หมดธุระที่เขาจ้าง ข้าก็ไม่อยากไปเสนอหน้า"

"ทำตัวแบบพ่อก็ดีเหมือนกัน"

"พวกเราเหมือนหมาล่าเนื้อ ตอนยังมีแรงเขาก็ใช้งาน พอหมดประโยชน์ก็ฆ่าทิ้ง"

"คงไม่มีใครกล้าฆ่าพ่อหรอก"

"ก็ไม่แน่ เอ็งก็เหมือนกันจำเอาไว้ สิ่งที่ข้าเคยสอน มันเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น" เชาว์ทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป นรากรเดินตามไปปิดประตู พอหันกลับมานึกเอะใจ หยิบหนังสือเล่มที่ซ่อนรูปถ่ายของไฟไว้มาเปิดดู ปรากฏว่า รูปนั้นหายไปแล้ว ลองค้นหาในเล่มอื่นๆก็ไม่มี เธอรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่า เชาว์เป็นคนหยิบรูปไป และอาจจะไปฆ่าไฟก็เป็นได้

นรากรรีบแปลงกายเป็นโรซี่อย่างเร่งด่วนแล้วมุ่งหน้าไปยังบาร์ของปานศักดิ์ เป็นเวลาที่ทุกคนกำลังเชียร์มวยระหว่างนิกกี้กับน้ำ โรซี่แทรกตัวเข้ามาดึงไฟออกไปที่ลานจอดรถ ไฟไม่เข้าใจว่าโรซี่กำลังจะให้เขาหนีอะไร กระทั่งเชาว์ปรากฏตัว เล็งปืนมาที่ร่างของเขา โรซี่ตกใจที่ลางสังหรณ์ของเธอเป็นจริง รีบยืนขวางไฟเอาไว้ และขอร้องพ่ออย่าทำเขา แม้เชาว์ตวาดให้หลีกไป โรซี่ก็ไม่ขยับ พ่อลูกจ้องหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง ในที่สุดเชาว์ก็เป็นฝ่ายยอมลดปืนลง

"ก็ได้...ข้าจะให้โอกาสเอ็งไอ้หนุ่ม" เชาว์หันหลังเดินหายไปในความมืด

"พ่อคุณจะฆ่าผมทำไม" ไฟตั้งคำถาม

"ไม่มีอะไร คุณไปได้แล้ว" ว่าแล้วโรซี่จะเดินหนี แต่ไฟกระชากเธอหันกลับมา เขาต้องการคำอธิบายจากเธอเดี๋ยวนี้... โรซี่มองหน้าเขาแล้วรู้สึกกดดัน ความรู้สึกที่เคยพยายามสกัดกั้นเอาไว้พังทลาย ที่สุดเธอโผเข้ากอดเขา จากนั้นไฟพาเธอไปที่ห้องพัก และเมื่อต่างฝ่ายต่างก็รักกัน จึงไม่จำเป็นต้องปิดกั้นความรู้สึกอีกต่อไป...

ไฟนอนมองโรซี่ที่กำลังแต่งตัวด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจและมีความสุข แต่โรซี่กลับบอกว่าเมื่อกี้เธออ่อนแอ แล้วบอกลาเขา ก่อนจะผลุนผลันออกไปทันที ทิ้งไฟยืนงงเป็นไก่ตาแตก...

ทางด้านนิกกี้ คืนเดียวกันนี้เธอถูกซิตี๋จับได้ว่าออกไปเที่ยวกับโทนี่อีกแล้ว แต่เธอก็ไม่แคร์ซิตี๋สักนิด

"รู้ก็ดีแล้วนี่ จะได้จบๆกันไปซะที เบื่อจะตายอยู่แล้ว ที่ฉันทนอยู่กับแกทุกวันนี้ก็เพราะเงิน เข้าใจมั้ย"

"แสดงว่าที่ผ่านมา เธอโกหกฉันมาตลอด"

"ใช่ ส่องกระจกดูซะบ้าง คนอย่างแกมันมีอะไรที่น่าหลงใหลบ้าง ตอนอยู่ใกล้กัน ฉันไม่อ้วกรดตัวแกมันก็บุญแล้ว ไอ้โง่!"

ซิตี๋โกรธจัดเงื้อมือจะตบ แต่นิกกี้ซึ่งมีความสามารถทางศิลปะป้องกันตัวที่เหนือกว่า จับมือซิตี๋บิดหักแล้วถีบล้มลงกับพื้น ซิตี๋พยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่ก็แพ้ราบคาบ

"เป็นผู้ชายซะเปล่า ไปเอากระโปรงมาใส่ได้แล้วไป... ไอ้ด้วน" นิกกี้เตะทิ้งทวน แล้วยิ้มเยาะก่อนเดินออกไป ซิตี๋น้ำตาไหลปวดร้าว ศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายถูกหยามอย่างถึงที่สุด จิตใจเร่าร้อนคั่งแค้น แต่อับอายที่จะระบายออกมา ทุกอย่างจึงต้องฝืนกลืน อดทนรอโอกาสที่จะได้ชำระบัญชี!

จบตอนที่ 13

เครดิตด //www.thairath.co.th


Create Date : 01 มิถุนายน 2552
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 8:56:18 น. 0 comments
Counter : 163 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

Heavenworth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ
[Add Heavenworth's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com